Tesla ได้เผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา โดยในช่วงเวลาดังกล่าวบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่มีรายได้ 1.77 หมื่นล้าน$ (ประมาณ5.9แสนล้านบาท) และจ่ายเงินปันผล 2.52$ (ประมาณ84.16บาท) ต่อหุ้น ซึ่งรายได้ในจำนวนดังกล่าวมาจากยานยนต์ถึง 1.59 หมื่นล้าน$ (ประมาณ5.3แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 71%
รายได้ของ Tesla ในส่วนที่มาจากการผลิตและจัดเก็บพลังงานอยู่ที่ 688 ล้าน$ (ประมาณ2.3หมื่นล้านบาท) ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 8% และในส่วนนี้ถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามกำไรทั้งหมดของ Tesla ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วอยู่ที่ 2.32 พันล้าน$ (ประมาณ7.7หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นถึง 760% และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 26.6% แต่ทางบริษัทก็ได้แจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบว่าโรงงานของทางบริษัทมีอัตราการผลิตค่อนข้างจำกัด เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และอาจยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกตลอดปี 2022
อีกทั้งปัญหาการขาดแคลนชิบประมวลผล ทำให้บริษัทจะไม่เปิดตัวยยานพาหนะรุ่นใหม่ในปีนี้ แต่จะทุ่มกำลังไปกับการพัฒนาทางวิศวกรรมและพัฒนาอุปกรณ์ในการผลิตยานยนต์รุ่นใหม่ในอนาคตแทน
อย่างไรก็ดีทาง Elon Musk ได้เผยว่าทางบริษัทยังคงติดปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานทำให้ยังไม่สามารถผลิตรถปิ๊กอัพอย่าง Cybertruck ได้ พร้อมระบุว่าเขาจะมาอัพเดทแผนการดำเนินการของบริษัทในช่วงเวลาที่ประกาศรายได้ในไตรมาสถัดไป
ทางบริษัทได้เผยต่อผู้ถือหุ้นว่าจะเพิ่มจำนวนการรับรองระบบขับขี่อัตโนมัติ (Full Self-Driving หรือ FSD) ให้ผู้ใช้งานเป็น 6 หมื่นรายในสหรัฐ ฯ พร้อมทั้งระบุว่าในอนาคตกำไรที่เกิดจากการซอร์ฟแวร์ควรจะเพิ่มอัตราการทำกำไรโดยรวมได้อีกด้วย