ศาลในกรุงโบโกตา ประเทศโคลัมเบีย สั่งแบน Apple และแบรนด์ในเครือ และพาร์ทเนอร์ไม่ให้นำเข้า จำหน่าย และโฆษณา iPhone และ iPad รุ่นที่รองรับเครือข่าย 5G ภายในประเทศโคลัมเบีย

คำสั่งศาลดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ คดีความที่ Apple ถูก Ericsson ฟ้องเนื่องจากละเมิดสิทธิบัตรการใช้เครือข่าย 5G ภายในอุปกรณ์ที่วางขายในโคลัมเบีย เพราะ Apple ไม่ยอมต่อสัญญาในการจ่ายค่าสิทธิบัตรการใช้เครือข่าย 5G ในอุปกรณ์ของตนเอง

ซึ่งศาลตัดสินให้ Ericsson เป็นฝ่ายชนะ โดยนอกจากที่จะสั่งห้ามนำเข้า และจำหน่าย iPhone และ iPad ในรุ่นที่กำหนดแล้ว ยังสั่งให้พาร์ทเนอร์ของ Apple รวมทั้งร้านค้าภายในโคลัมเบียต้องยุติการโฆษณาและการขายอุปกรณ์เหล่านั้นที่ยังค้างสต็อคอยู่ด้วย

Apple ได้ต่อสู้กับ Ericsson ในศาลโดยการอ้างว่า Ericsson เก็บค่าสิทธิบัตร 5G สูงเกินไป เพราะสิทธิบัตร 5G นั้นเป็นสิทธิ Standard-Essential Patents (SEP) ที่เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการผลิตอุปกรณ์หนึ่ง ๆ (หากไม่มีจะทำให้อุปกรณ์ใช้งานไม่ได้) โดย Apple หวังว่าจะสามารถเจรจาต่อรองกับ Ericsson เพื่อให้จ่ายค่าสิทธิบัตรดังกล่าวในราคาถูกลง

โดย Apple อ้างว่าในปัจจุบันประเทศโคลัมเบียยังไม่มีเครือข่าย 5G ให้บริการสำหรับลูกค้าภายในประเทศ ทำให้สิทธิบัตร 5G นั้นไม่สามารถถูกบังคับใช้ได้จนกว่าจะมีเครือข่าย 5G ให้บริการลูกค้าภายในโคลัมเบีย แต่ศาลไม่โน้มเอียงตามข้ออ้างดังกล่าวของ Apple เพราะ Apple อาจละเมิดสิทธิบัตรดังกล่าวในช่วงที่มีการทดลองใช้เครือข่าย 5G ภายในโคลัมเบียได้ ซึ่งเครือข่าย 5G จะสามารถใช้งานในโคลัมเบียได้ในปลายปีนี้

นอกจากนั้นศาลโคลัมเบียก็รู้ทันกลยุทธ์ที่ Apple จะใช้เพื่อยกเลิกคำสั่งข้างต้น โดยอาจมีการขอคำสั่ง antisuit injunction หรือการขอคำตัดสินศาลในประเทศอื่นให้มีความขัดแย้งกับคำตัดสินเดิมจนอาจล้มล้างคำสั่งนั้นได้ ทางศาลโคลัมเบียจึงมีคำสั่ง anti-antisuit injunction เพิ่มเติม หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ การห้ามไม่ให้ Apple ขอคำตัดสิน antisuit injunction ในประเทศอื่นนั่นแหละ

อย่างไรก็ตาม Apple ยังมีกระบวนท่าอีกอย่างที่สามารถใช้ได้คือ antisuit damages ซึ่งเป็นการอ้างว่าคำตัดสินของศาลในโคลัมเบียทำให้ Apple สูญเสียรายได้จากการทำธุรกิจในประเทศโคลัมเบีย และพยายามเรียกร้องให้ศาลในเขตเท็กซัสตัดสินให้ Apple ได้รับปกป้องการสูญเสียผลกำไรจากการตัดสินของศาลโคลัมเบีย ซึ่งในกรณีนี้ต้องรอติดตามกันต่อไป

ทั้งนี้แม้ว่าโคลัมเบียจะเป็นตลาดขนาดเล็กสำหรับ Apple แต่การพ่ายแพ้ของ Apple ในครั้งนี้อาจเป็นโดมิโน่ตัวแรกที่ล้มลงของบริษัทก็เป็นได้ อย่างไรก็ดีในปัจจุบัน Apple จ่ายค่าธรรมเนียมสิทธิบัตร SEP (royalties fees) เป็นมูลค่า 15$ (ประมาณบาท) ต่อ iPhone 1 เครื่อง ทำให้คิดเป็นเพียง 2% ของราคาขาย iPhone เท่านั้น

สุดท้ายนี้ความขัดแย้งระหว่าง Apple กับ Ericsson เหนือสิทธิบัตรไม่ได้อยู่ที่ประเด็นความถูกต้อง (validity) ของสิทธิบัตร เพราะทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าสิทธิบัตรดังกล่าวถูกต้อง แต่ประเด็นที่ Apple ต้องการเรียกร้องคือ ราคาค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กับ Ericsson นั้นแพงเกินไปสำหรับ Apple นั่นเอง

SOURCE1, SOURCE2