หลังจากที่รอคอยกันมานาน ในตอนนี้ Apple ได้เปิดตัว iPad รุ่นใหม่ไปในงานอีเวนท์ที่จัดขึ้นเมื่อคืนนี้ตามที่ได้เคยสัญญาเอาไว้ โดยในครั้งนี้ Apple ได้เปิดตัว iPad รุ่นใหม่ออกมาถึง 2 รุ่นได้แก่ iPad (gen 8) และ iPad Air โดยในบทความนี้จะกล่าวถึงแค่ iPad Air นะครับ
เจ้า iPad Air 4 นั้นได้รับการอัพเกรดจากรุ่นก่อนค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าเป็นน้อง iPad Pro เลยก็ว่าได้ โดยมันมาพร้อมหน้าจอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว อีกทั้งยังเปลี่ยนดีไซน์หน้าจอให้มีขอบบางลงอีกด้วย
ปุ่มโฮมที่หายไปจากหน้าจอนั้นจะถูกย้ายขึ้นมาไว้ที่ขอบด้านบนขวาของตัวเครื่อง ซึ่งมันสามารถสแกนลายนิ้วมือและตอบสนองต่อการสัมผัสได้ด้วย
ส่วนภายในตัวเครื่องนั้นมาพร้อมชิปประมวลผล Bionic A14 ที่มีขนาดเพียง 5nm เท่านั้น เร็วกว่า iPad Air รุ่นที่ผ่านมา 40% และประมวลผลกราฟฟิคเร็วกว่าเดิม 30% ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างทะลุขีดจำกัดเดิม ไม่ว่าจะเป็นตัดต่อวิดิโอได้รวดเร็วและสะดวกขึ้น เล่นเกมกราฟฟิกระดับคอนโซลได้ที่ 60Hz ฯลฯ
Neural Engine ที่มีความสามารถหลายอย่าง เช่น ทำให้ภาพ crop มีความละเอียดมากขึ้น สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เขียนให้กลายเป็นตัวอักษรพิมพ์ได้ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมาพร้อม Machine Learning accelerator ครั้งแรกใน iPad ที่เร็วกว่าเดิมถึง 10x ด้วย
กล้องหลังนั้นจะใช้ตัวเดียวกับใน iPad Pro คือมีความละเอียด 12MP (f/1.8) ที่รองรับการถ่ายวิดิโอ 4K ที่ 60fps และถ่าย slo-mo ได้ 240fps นอกจากนี้ยังปรับปรุงระบบกันสั่นขณะถ่ายวิดิโอให้มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย
กล้องหน้ามีความละเอียด 7MP (f/2.2) รองรับ FaceTime HD และ Smart HDR ทำให้ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับการถ่ายวิดิโอความละเอียด 1080p ที่ 60fps
อย่างไรก็ดีฟีเจอร์อื่น ๆ ของ iPad Air คือมันมาพร้อมพอร์ต USB-C ถ่ายข้อมูลเร็วขึ้น 10x, ลำโพง Stereo ในแนวนอน, มาพร้อมหัวชาร์จ USB-C ความเร็ว 20W, ได้รับการอัพเกรด iPadOS เวอร์ชั่นใหม่ ฯลฯ
อีกทั้งรองรับ Magic Keyboard ที่มาพร้อมแท่นวางที่ปรับองศาได้ และรองรับ Smart Pencil แบบมีแม่เหล็กติดข้างตัวเครื่องสำหรับชาร์จตัวปากกาเหมือนใน iPad Pro ด้วย
เจ้า iPad Air มีตัวเครื่องให้เลือก 5 สีคือ สีเทาสเปซเกรย์, สีเงิน, สีโรสโกลด์, สีเขียว และสีสกายบลู และราคาที่วางขายในประเทศไทยเริ่มต้นที่ 19,900 บาท ในรุ่นความจุ 64GB