ASUS ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เป็นการร่วมมือกับ AMD Ryzen 5 3550H แน่นอนว่ามาพร้อมการ์ดจอแยก ADM Radeon RX560X และอะไรหลายๆอย่างที่จัดเต็มและจุดเด่นมากๆอีกอย่างคือ ความคุ้มค่าต่อราคาที่งบ 2 หมื่นบาทมีทอนได้ และยังได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด 12nm และ หน้าจอแบบ 120Hz อีกทั้งยังมี FreeSync มาให้ด้วย ซึ่งตอนเปิดตัวสร้างกระแสมากๆว่าทำไมมันถึงทำได้คุ้มค่าแบบนี้ครับและ เป็นการออกแบบที่อิงดีไซน์ของตระกูล TUF ได้อย่างดีรวมถึงจุดเด่นของตระกูลนี้คือความแข็งแรงก็ยังมาครบในที่ผ่านการทดสอบระดับ MIL STD810G เลยด้วยเราเลยจะมาดูกันไปเลยว่า ราคานี้สเปคนี้มันคุ้มแค่ไหนและมันมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างครับ

ASUS  รุ่นนี้เปิดตัวมาด้วยความฮือฮากันอย่างมาก กับการรวมทีม AMD ที่ทำได้ดีทั้งราคาและก็สเปคที่ให้ไม่ว่าจะเป็นในด้านของหน้าจอแบบ IPS-level FHD NanoEdge อัตรารีเฟรชภาพสูง 120 Hz ทำงานควบคู่กับเทคโนโลยี AMD FreeSync เพื่อการเล่นเกมที่ลื่นไหลมากขึ้นในเรทราคานี้หาได้ยากมากๆเลย รวมถึงเป็น แบรนด์แรกของโลกกับเกมมิ่งโปรเซสเซอร์ประสิทธิภาพสูงจาก AMD Ryzen 5 3550H และกราฟิกการ์ด Radeon RX 560X และการออกบบหน้าจอขอบบางต่างๆ และ ไฟคียบอร์ดรวมถึงการรองรับความทนทานระดับมาตรฐานทางการทหาร โดยได้รับการรับรองระดับ MIL-STD-810G อีกทั้งยังมีพวกพัดลมคู่ ระบบดักฝุ่น รวมถึงให้ SSD มาด้วย

สำหรับทางด้านราคาของทาง ASUS TUF FX505DY นั้นมีทั้งหมด 2 รุ่นย่อยที่ต่างกันแค่ HDD /SSD 

  • ASUS TUF  FX505DY Ryzen 5 355H / RX 560X / HDD 1 TB
  • ราคา 19,990 บาท
  • ASUS TUF  FX505DY Ryzen 5 355H / RX 560X / SSD m.2 512 GB
  • ราคา 21,990 บาท *รุ่นที่รีวิว*

UNBOX

แกะกล่องกันหน่อยสำหรับตัวนี้จะเป็นกล่องกระดาษปกติ พร้อมกับบอกชื่อรุ่น TUF บนตัวกล่อง มีขนาดไม่ใหญ่มากครับพกพาได้ง่ายและของที่ให้มานั้นค่อนข้างพอดี ไม่ได้มีอะไรเยอะ มีหลักๆเป็น คู่มือ น็อตยึด สายชาร์จ เท่านั้น

DESIGN

การออกแบบในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่คุ้นเคยกันดีในตระกูล TUF ครับวัสดุสีดำแดงเป็นหลัก มีน้ำหนักขนาดอะไรไม่ได้หนักหรือหนาเกินไป การเล่นลวดลายอะไรต่างๆยังมีมาให้เหมือนเดิมครับพร้อมกับไฟบนคีย์บอร์ดสีแดงก็จัดมาให้ ส่วนการออกแบบขอบหน้าจอทำได้บางและมีการตัดมุมปกติครับ จริงๆการออกแบบไม่ได้แย่เลยไปแนวสายเกมจริงจังดุดัน แน่นอนว่าถ้าใครชอบแบบเรียบๆนั้นอาจจะขัดตานิดหน่อยทั้งเส้นสายและลวดลายอะไรต่างๆครับ

การออกแบบนั้นไม่ได้มีอะไรแตกต่างกับรุ่นอื่นๆมากนัก โทนสีดำแดง การเล่นลวดลายฝาหลัง ข้างในต่างๆการจัดมุมเครื่องรวมถึงการเจาะช้องระบายอากาศตรงขอบฐานล่างของจอคล้ายๆกับรุ่น ROG SCAR ถือว่าทำให้ระบายอากาศได้ดีขึ้นลมถ่ายเทได้สะดวกครับ และ ช่องระบายยิงออกไปข้างหลังทำให้ระบายได้ดีและไม่สะสมเท่าไรเลย

ฝาหลังเล่นลวดลายเต็มๆชัดการปัดสวยงามครับและตัวโลโก้สีแดงสด ไม่มีไฟนะครับ เป็นตัวอักษรสีแดงเงาสะท้อนแสงได้ดีและเป็นวัสดุคนละแบบกันฝาหลัง ไม่ใช่การพิมพ์ลงไปนะครับถือว่าสวยเลยแหละ เพราะราคานี้จริงๆเป็นการพิมพ์พ่นสีลงไปก็ทำได้เช่นกัน ส่วนฝาหลังก็มีการเล่นขอบแดงรอบๆและ ช่องระบายอากาศด้านหลังพัดลมคู่พร้อมครีบภายในสีแดง และ ช่องระบายอากาศมีการเล่นสีแดงในหลายๆจุดครับ ยังคงเอกลักษณ์สีดำแดงไว้ได้ดี

 

สำหรับช่องระบายนั้นก็ยังมีช่องสำหรับด้านบนด้วยครับตรงบริเวณขอบบนๆทำให้ระบายอากาศได้ดีขึ้นไปอีกเพราะตรงนั้นเป็นที่เว้าช่องสำหรับระบายอากาศจากด้านหน้าไปด้านหลังได้ด้วยถือว่าทำได้ดีนะ และ การปัดลายอะไรต่างๆบนตัวที่วางมือข้างในก็ตัดกันสวยงาม แต่บางคนอาจจะมองว่ามันเยอะไปหน่อย และ มีโลโก้ TUF ไว้มุมขวาล่างด้วย

ปุ่มเปิดปิดไว้มุมขวาแยกกันชัดเจนกับตัวแป้นพิมพ์ครับ ข้อต่ออะไรต่างๆทำออกมาได้แข็งแรงและไม่โยกเยกเท่าไร การเล่นปัดลาย 2 แนวทแยงกันมีให้เห็นในหลายๆส่วนของเครื่อง และ ไฟสแดงสถานะไว้มุมขวาบน ทำให้เวลาพับจอก็ยังสามารถเห็นได้ผ่านส่วนที่เว้าตัดลงไปตรงขอบล่างของหน้าจอครับ ส่วนกล้องหน้ายังมีมาให้ขอบด้านบนและมีการเล่น Texture ทั้งตัวเครื่องเลยจะไม่เห็นเลยว่าสวนไหนเป็นพลาสติกเรียบๆมีการพิมพ์ลายให้ทุกจุดถือว่าใส่ใจดี

ขอบด้านข้างก็ยังเล่นสีแดงและพื้วผิวที่แตกต่างกันมาให้ครับถือว่าเป็นการออกแบบที่ใส่ใจในหลายๆจุดคือไม่ใช่แค่พลาสติกด้านๆปกติแต่มีการเล่นลวดลายที่แตกต่างกันในหลายๆจุดเลยแหละ ส่วนฐานเครื่องนั้นก็ยังมีพิมพ์ลายนูนต่างๆมาให้เล่นลวดลายพื้นผิวที่แตกต่างกันข้างบน ช่องระบายอากาศมีให้ซ้ายขวา และ ตรงกลางนิดหน่อยไม่ได้เต็มทั้งแผ่นนะครับ ส่วนยางรองก็มีมาให้ 4 จุด พร้อมที่ค้ำ 2 ส่วนตรงกลาง สามารถแกะเปลี่ยนได้เองง่ายๆถ้าเปิดฝา

ฝาหลังเมื่อเปิดออกมาแล้วจะเจอช่องสำหรับใส่ HDD ได้สบายครับถ้ารุ่นที่มาเป็น SSD สามารถเพิ่ม HDD ได้สบายๆส่วนพัดลมมาพร้อมพัดลมคู่ และ ระยยดักฝุ่นแบบรุ่นพี่ รวมถึงสามารถเพิ่ม RAM ได้อีก 1แถว และสูงสุด 32GB เลยทีเดียว การอัพเกรดอะไรทำได้ไม่ยากเลยแหละและรองรับทั้งการเปลี่ยน HDD /SSD /RAM ได้สบาย

SPEC

  • Processor AMD® Ryzen™ 5 3550H
  • Operating system  Windows 10
  • Display  15.6″ FHD NanoEdge wide-view display 120Hz with FreeSync
  • Graphics  AMD® Radeon™ RX 560X
  • Memory  8GB DDR4 2666MHz
  • Storage  512GB PCIe® SSD/1TB HDD * 1 จุดแตกต่าง ใน 2รุ่นย่อย
  • Wireless Wi-Fi 5 (802.11a/b/g/n/ac)
  • Bluetooth® 4.2
  • Connectivity
  • 2 x USB 3.1 Gen 1  1 x USB 2.0 1 x HDMI 2.0  1 x RJ-45 jack  1 x 3.5mm headphone and mic combo jack  1 x Kensington lock
  • Keyboard and touchpad   1.8mm key travel
  • Audio   DTS Headphone:X®
  • Battery  48Wh Lithium-polymer battery
  • AC adapter  120W power adaptor
  • Size  (IMR) 36 x 26.2 x 2.6cm
  • Weight 2.2kg
  • ประกัน 2 ปี / ประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS เมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพในเรทราคาไม่ถึง 2 หมื่นมันจะเป็นยังไงแน่นอนว่าทาง ASUS+AMD  จัดเต็มมาเหมือนกันจากที่ได้ลองใช้ตัว Ryzen 5 3550H ที่เป็น 12 nm   4 Core/8 Thread ตัวล่าสุดสดๆร้อนๆ แต่ความร้อนไม่ได้ร้อนนะ ที่สามารถ OC ไปได้สูงสุด 3.7 GHz ครับ รองรับการทำงานเล่นเกมสบายเลยแหละ และมาพร้อมการ์ดจอจากทางค่าย AMD เช่นกัน AMD Radeon RX560X (4GB GDDR5) บอกเลยว่าโหดอยู่นะ และ มี RAM 8GB DDR4 2666 1 แถม เพิ่มได้สูงสุด 32 ใส่ 2 แถวนะครับ พร้อมกับ SSD 512GB ตัวที่รีวิว หรือ HDD 1TB ในรุ่นราคา 19,990 บาท

ทางด้าน CPU มาพร้อมกับตัวล่าสุด 12nm แต่ข้อมูลยังไม่อัพเดทนะครับในแอพที่โชว์ จริงๆมันถือว่าแรงเลยนะในเรทราคานี้และจากการทดสอบทั้งใช้งานจริง หรือผ่านแอพก็พบว่าทำงานได้สมราคาและอาจจะบอกว่าเกินราคาไปเลยจริงๆก็ได้ครับในด้านนี้ ส่วนการ์ดจอมาพร้อมการ์ดจอแยกAMD Radeon RX560X (4GB GDDR5) ที่รองรับการทำงาน 3 มิติได้ดี และรวมถึงเล่นเกมได้สบาย และมีการ์ดจอติดมาเป็น  VEGA 8  ครับที่เป็น Onboard ถือว่าทำได้ดีเลยแหละในแง่ของสเปคที่ได้ใยราคานี้

PC MARK  เป็นการทดสอบที่เน้นไปทางด้านการใช้งานทั่วไป ทำงานหลักๆเน้นไปที่ CPU ทำงานหลักๆครับซึ่งจากการทดสอบจริงๆหลายๆคนคงอยากรู้ว่า RYZEN AMD นั้นจะทำได้ดีแค่ไหนและที่ทดสอบบอกเลยว่าอย่าดูถูกมันเลยแหละ คะแนนแตะ 4000 และในงบ 20000 บาททำได้คะแนนแบบนี้ หาจากรุ่นอื่นแทบไม่ได้เลยแหละและความร้อนที่ทดสอบสูงสุดที่ 76 สำหรับ CPU และ  GPU 68  ในห้องปกติไม่มีแอร์

3DMARK นั้นเป็นการทดสอบในด้านคะแนน 3 มิติทั้งหลาย เน้นการประมวลผลการเล่นเกม เรนเดอร์เป็นหลักในพวกการ์ดจอคะแนนในหลายๆส่วนนั้นทำได้ดีสมกับการ์ดจอแยกของ AMD Radeon RX560X (4GB GDDR5) ที่ขับออกมาในคะแนนหลายๆส่วนได้ดีกว่าที่คิดไว้ ทั้ง 3 การทดสอบครับถือว่าไม่เลวเลย และความร้อนที่ทดสอบสูงสุดต่อเนื่อง 3 ทดสอบที่ 89 สำหรับ CPU และ  GPU 75  ในห้องปกติไม่มีแอร์

CINEBENCH R20 / R15 นั้นเป็นการทดสอบการเรนเดอร์  CPU ล้วนๆแล้วและตัวใหม่ 20 นั้นทำงานหนักกว่าเดิมหลายเท่ามากๆ คือเป็นรุ่นใหม่ที่ทดสอบโหดกว่าเดิม  Workload จัดหนักกว่าเดิมเยอะครับทำคะแนนไปได้สมราคาคุย คือ 1370 CB ครับในตัว Cinbench R20 ส่วนตัว R15 ตัวเก่านั้นทดสอบแล้วได้ที่ 78 Fps / 765 CB และตัวความร้อนหลังทดสอบตัวนี้ได้ที่ 88 CPU GPU 78 ส่วนทางด้าน  SSD 512 GB PCLE นั้นทำการอ่านไปได้ที่ 1601.8 MB/s และเขียนที่ 1032.9 MB/s ซึ่งถือว่าเร็วในระดับกลางๆตามราคา ครับดีกว่า HDD แน่นอนแต่ก็อาจจะไม่ได้สุดเท่าพวกรุ่นแพงๆนั้นเอง เปิดปิด ลงโปรแกรมอะไรไวพอสมควรครับ ย้ายข้อมูลพวกนี้

SCREEN

หน้าจอในตัวนี้เห็นราคาไม่ถึง 2 หมื่นแต่ราคานี้ได้ 120Hz และรองรับ FreeSync เห้ยถูกไป แน่นอนว่าหลายๆคนมองว่า การ์ดจอมันขับไม่ไหวหรอกจะใส่มาทำไมกันแน่นอนว่าแม้จะขับยากในการเล่นเกมสมัยนี้แต่จอแบบนี้มีดีกว่าไม่มีครับบอกเลยเพราะว่าการใช้งานแต่ละคนไม่เหมือนกัน เล่นเกมคนละแบบกัน หรือแม้กระทั่งใช้งานถ้าใช้จอ 120Hz เลื่อนไปๆมาๆก็สมูทกว่าปกติแล้วครับ มาพร้อมหน้าจอขอบบางแค่ 6.5 มม. และมีขนาด 15.6 นิ้ว    Full HD (1920×1080 พิกเซล) IPS Refresh Rate 120 Hz  FreeSync จอแบบด้าน Anti-Glare แน่นอนว่าสายเกมจอแบบนี้ใช้งานสบายตา ไม่สะท้อน และใช้งานข้างนอกสบาย จอเอาตรงๆเลยคือมุมมองตรงๆมันก็ใช้งานได้นะ ซึ่งทางผมก็สายงานกราฟฟิคก็พอมองออกว่าจอมันไม่ได้สีตรงเป๊ะอะไรมากครับ สีพอใช้ได้ไม่ได้แม่นยำมากนัก ความสว่างใช้ได้ไม่ได้สู้แสงดีมากนักตามเรทราคา แต่ได้ 120Hz มาชดเชยแทนกันไป

ด้วยมันเป็นสายเกม ในเรทไม่ถึง 2 หมื่นเรื่องจอขอพูดกันตรงๆว่าใช้ได้แต่ไม่แนะนำให้เอาไปทำงานสานกราฟฟิค แต่งรูป หรือทำ Artwork เท่าไรต่อจอนอกทำงานดีกว่าครับ จอมีมุมมองที่ดีแต่ก็มีจำกัดอยู่นิดหน่อยในเรื่องของความสว่างหน้าจอที่เร่งได้สูงสุดก็ยังไมไ่ด้สว่างจัดมากนัก และ ความเนียนของแสงทั่วจออาจจะไม่ได้ดีเท่าไร เป็นจอที่ใช้ทำงานทั่วไป เล่นเกม ไม่ได้คิดอะไรมากหรือ ต้องการงานสีตรงมากอันนี้ใช้ได้ แต่ถ้าเอามาทำงาน กราฟฟิค แนะนำต่อจ่อนอกทำงานดีกว่าครับผม

KEYBOARD

คียบอร์ดตัวนี้มาในหน้าตาที่คุ้นเคยดันดีนะสำหรับค่ายนี้แน่นอนหลายๆคนไม่ต้องปรับตัวอะไรมากครับ ดีไซน์คล้ายๆตัวอื่นๆของซีรีย์นี้มาพร้อมโทนสีแดง ไฟสีแดงสีเดียวที่ความสดความคมของแสงมันทำได้ดีสวยมากๆ ดีไซน์มาแบบเต็ม พร้อม NumPad ด้านขวา รวมถึงการเล่นกับปุ่ม WASD ที่เน้นขอบสีแดงเข้มไปอีกขั้น ตัวปุ่มมีระยะการกดที่ 1.8 มม.ที่คุ้นเคยกันดี และ มีความโค้งเล็กน้อยครับ โดยรวมการวางตำแหน่งไม่ได้มีอะไรติดขัดทำได้ปกติของรุ่นนี้ แต่ด้วยราคาที่ไม่แพง วัสดุความแน่นเวลาวางมือนั้นอาจจจะไม่ได้ดูแน่นหนามากนักตรงส่วนที่วางมือหรือวัสดุปุ่มอะไรพวกนี้ครับ

ตัวปุ่ม W นั้นเหมือนจะเน้นหนากว่าตัวอื่นนิดหน่อยเวลาใช้งาน ระยะห่างแต่ละปุ่ม รวมถึงความลึกในการกดนั้นทำได้ดีในการเล่นเกม หรือ พิมพ์งาน เสียงไม่ได้ดังมากนัก แต่ปุ่มบางทีอาจจะไม่ได้แน่นมาก รวมถึงไฟสีแดงนั้นมองเห็นชัด และ คมเข้มตัวอักษรมองเห็นชัดดีครับ เวลาเปิดไฟก็ทำได้ดี เพราะตัวแป้นสีดำตัดกับสีแดง ได้ดี แต่ถ้าปิดไฟคียบอร์ดและใช้งานบางจังหวะสีแดงมันกลมกลืนกับสีดำ มองยากพอสมควรเลยนะ

TOUCHPAD

ตัวทัชแพดรุ่นนี้ก็มีขนาดการออกแบบอะไรคล้ายๆกับ TUF รุ่นอื่นๆครับขนาดนั้นพอดีกับตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่สะใจ และ ไม่ได้เล็กเกินไปครับมีการดตัดมุมขอบทั้ง 4เข้าเล็กน้อยตาม Design โดยรวมของตัวเครื่องตระกูลนี้ และมีขีดเส้นสีแดงอะไรเล่นลวดลายกัน พร้อมกับปุ่มกดซ้ายขวาแบบชิ้นเดียวกันทั้งหมดครับ ผิวด้านแบบลื่นๆใช้งานได้ลื่นแต่ติดคราบมันได้ง่ายมากๆครับ และ ความรู้สึกในการกดลงไปมันดูไม่ค่อยแน่นหนาเท่าไรทั้งความรู้สึกและเสียงของมันดูไม่ค่อนแข็งแรงแต่ก็เป็นเรื่องที่เจอในเรทราคานี้หลายๆตัวครับผม แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาเพราะใช้งานได้ปกติ ไม่รวม ไม่เอ๋ออะไรครับ

การวางนิ้วหลายๆนิ้วรองรับการทำงานได้ดี ตัวนี้รองรับหลายๆนิ้วใช้งานได้ดีวางนิ้วได้3-4 นิ้วใช้งานได้พร้อมกันกับพื้นที่ที่รองรับนิ้วได้ดีครับขนาดความยาวของตัวทัชทำได้โอเคเลยแหละ เพราะสายเกมคงไม่ได้ใช้อะไรบ่อยครับตัวทัชแพด อ้อ และใช้ Presicion Touchpad แล้วนะครับไม่ใช่ Synaptics แล้วอันนี้ราคานี้ถือว่าว้าวเลย

SPEAKER

ลำโพงตัวนี้รอบรับระบบเสียง STRERO ด้วยรองรับเสียงระบบ DTS X 7.1 ด้วยนะ แต่เป็นการฟังผ่านหูฟังครับทำให้เสียงรอบทิศทางได้ดีและตอนสนองในการเล่นเกมได้ดีมากๆในเรื่องของมิติเสียง แต่มาดูลำโพงกันคือลำโพงมาซ้ายขวา ยิงลงพื้น เสียงที่ได้บอกตรงๆว่าดังดี แต่เสียงเบสหายไปครับ เสียงออกมาในโทนแหลมๆ ดังๆมากกว่าเลยอาจจะไม่ได้สะใจมากครับ ส่วนเรื่องความดังใช้ได้เลยแหละ แต่คุณภาพก็ตามราคานะ ขาดแค่เบสนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้แย่อะไรอันนี้รับได้ครับผม

CONNECTOR

ช่องเชื่อมต่อในจุดต่างๆนั้นรุ่นนี้ในด้านขวาจะเป็นแค่ตัวล็อค Kensington เท่านั้นไม่มีพอร์ตเชื่อมต่ออะไรเลยครับจริงๆด้านนี้อยากให้ใส่ USB-A สำหรับใช้งานมาบ้าง เพราะเสียบพวกเมาส์อะไรพวกนี้ในด้านนี้จะใช้งานได้บ่อยมากๆครับเสียดายนิดๆในเรื่องของช่องเชื่อมต่อ รวมถึงไม่มีช่องใส่ SD Card มาให้เลยด้วยครับแอบเสียดายเลยแหละ

ส่วนในด้านซ้ายนั้นจัดเต็มครบเลยแหละมาอยู่ฝั่งนี้กันหมดทั้ง ช่องไฟเข้า-LAN-HDMI 2.0 – USB-A – USB 3.0 X2 ช่อง และ รูหูฟัง 3.5มม.ที่เป็นไมค์ในตัวครับ และที่เห็นแดงๆทั้ง2ฝั่งนั้นเป็นช่องลำโพงหลักของตัวเครื่องนั้นเอง ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็ รองรับ Wireless Wi-Fi 5 (802.11a/b/g/n/ac) และ Bluetooth® 4.2 ปกติครับ

ARMOURY CREATE

Armoury Crate  เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับ พัดลม ดูข้อมูลการใช้งานตั้งพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอพเกม ที่จะปรับตามแอพที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกันครับซึ่งหน้าตาจะแตกต่างกับ ROG เล็กน้อยในเรื่องของสีสันและการปรับแต่งบางอย่าง อันนี้จะเป็นธีม ดำทองนั้นเองครับ

ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลายครับทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU -GPU  รวมถึงสามารถโหลดแอพอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมากครับและมีโปรแกรมของ AMD / DTS X ต่างๆที่รองรับและแอพอื่นๆเราสามารถโหลดได้ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับแต่งไฟ Effect ทั้งหมด ปรับตั้งค่าตามเกมที่เราเลือกได้ว่าจะตั้งค่าอะไรบ้างเป็นต้นครับ  ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์

GAMING

ไหนๆก็ขอลองกันหน่อยเพราะตัวนี้มาพร้อมทีม AMD แบบเต็มตัวครับที่ใช้ค่ายแดงทั้งคู่จัดเต็มเทคโนโลยีใหม่ๆและแน่นอนว่ามี   เทคโนโลยี AMD Switchable Graphics จะทำการสลับเอากราฟิกการ์ดแยก Radeon RX 560X ขึ้นมาทำงานโดยอัตโนมัติ ให้เฟรมเรทที่ลื่นไหลสำหรับเกมยอดนิยมทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Fortnite และ Overwatch และมี FreeSync ทำให้ตัวภาพนั้น จะช่วยกำจัดอาการภาพฉีกขาด อาการคอขวดและภาพซ้อนเพื่อให้ได้ประสบการณ์ในการเล่นเกมที่ดียิ่งขึ้นเราเลยมาลองกันหน่อยว่า เล่นเกมทั้งหลายไหวไหม รวมถึง APEX ด้วยครับ

จากหลายๆเกมที่แอดมินได้ลองนั้น FPS ทำได้ดีรองรับกับจอ 120Hz ได้บางเกมรันได้สบายแต่ภาพอาจจะไม่ได้ปรับสุดครับ ส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นทำได้ที่ GPU 78 CPU 86 โดยประมาณครับ ถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้ครับ เพราะเมื่อใช้งานก็ไม่เจอแตะ 90 เท่าไรครับผม  ส่วนในเกมอื่นๆเช่นพวก Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 70 อุณหภูมินั้น GPU 73 CPU 80 ครับผม  CSGO FPS ประมาณ 60+ อุณหภูมิ CPU 76 GPU 68 และรวมไปถึงเกม APEX นั้นจะประมาณ FPS 20-40 ครับจากที่ทดสอบ PUBG FPS 40+ สูงสุด 115 ก็พอไหวอยู่นะครับ โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิดีมากนะจากที่ทดสอบ สภาพอากาศทั่วไป เสียงพัดลมก็ดังตามปกติครับผม ระบายความร้อนได้ดีก่าที่คิด การทดสอบทั้งหมดไม่ได้เปิดแอร์เลยนะ

WORKING

ราคานี้หลายๆคนที่ซื้ออาจจะเอามาใช้งานทั้งเล่นเกม ทำงานในงบน้อยๆก็อยากหวังว่ามันจำคอยโจทย์คนงบน้อยกันได้บ้างครับแน่นอนทางเราเลยขอทดสอบกันนิดนึงในการทำงานตระกูล ADOBE / MICROSOFT / SKETCHUP พวกนี้รองรับได้สบายครับทั้งการทำงานหลายๆอย่างพร้อมกันรวมถึงการตัดต่อที่ไฟล์หนักๆและเปิดหลายๆงานพร้อมกันอย่างในภาพครับแต่งรูปหลายๆรูปพร้อมกัน ก็รองรับได้ดีนะ ไม่เจออาการหน่วงอะไร น่าจะด้วย SSD+CPU นั้นก็ตอบสนองการทำงานทั้งเซฟไฟล์ เปิดงาน เรนเดอร์ได้ดีครับ ส่วนความร้อนไม่มีปัญหาอะไรประมาณ 60-70 ในห้องไม่มีแอร์ แต่ถ้าเรนเดอร์ไฟล์ 3 มิติ ก็จะแตะ80 ได้ครับสำหรับ CPU สรุปง่ายๆทำงานสบายๆครับ แต่ถ้าเรนเดอร์โหดๆหนักๆนั้นอาจจะไม่ได้เทพมากนักแต่ก็ไม่ใช่จะไม่ไหวครับผม

BATTERY

CPU 12nm ทำให้มันประหยัดไปมากขึ้นแน่นอนว่ากินไฟน้อยลง ไม่ร้อนทำให้อะไรหลายๆอย่างมันดีมากๆครับการใช้งานทั่วไป หรือ เล่นเกมก็รองรับอายุการใช้งานได้ดี ถ้าพกพาไปข้างนอก แบตนั้นสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 6-7 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับการเปิดหน้าจอ ไวไฟอะไรต่างๆที่ใช้งานกันนั้นเอง แน่นอนว่าถ้าทำงานพิมพ์งานทั่วไปสบายๆครับ 6 ชั่วโมง แต่ถ้าเปิดอะไรสุดก็ลดลงกันไป 4-5 ชั่วโมง แต่ถ้าเล่นเกมบอกเลยว่าหมดไวแน่นอนปกติครับ เราคงไม่เล่นเกมแบบไม่เสียบปลักกันนะ

ASUS TUF FX505DY

” ความคุ้มค่าที่ทำออกมาได้ดีมาก จนมองข้ามข้อเสียไปได้ทั้งหมด “

มันทำออกมาได้ไงเป็นคำถามที่หลายๆคนถามกันตอนมันเปิดตัวจนกระแสอะไรมันดีมากๆ ผมเองก็งงมากคือเห้ยเปิดราคามาบ้าบอมาก ประกัน 2 ปี มาพร้อม Windows 10 และอีกมากมายเลย ทั้ง MIL STD 810G และอีกมากมาย สเปคไม่ได้ไก่กาเลย คือยอมครับ ทีม AMD+ASUS ร่วมมือกันครั้งแรกที่ใช้ 12nm เจ้าแรก ทำออกมาได้ดีมากอันนี้ขอชม และเมื่อมาลองมันก็เห้ยยไม่ได้แย่เลยนะ เมื่อมองราคาแม้จะมีบางจุดพวกจอภาพที่อาจจะไม่ได้สีแม่นเป๊ะอะไร หรือจะเป็นพอร์ทที่ยังขาดหายพวกนี้ก็พอรับได้เมื่อหันมามองราคาของมันก็ทำให้ผมมองข้ามมันไปได้สบายๆในงบแค่ 2 หมื่น ในยุคก่อนๆบอกเลยว่าหาไม่ได้แน่ๆครับสเปคกับราคานี้ บอกเลยว่าคุ้ม และ หายากแน่ๆ

ข้อดี

  • ราคา และ สเปคที่ได้ คือที่สุดแล้วจริงๆ
  • AMD Ryzen 5 3550H  12 nm ทำได้ดีมาก
  • หน้าจอ 120 Hz FreeSync ขอบบางสวยงาม
  • Military Grade STD 810G ไว้ใจได้
  • ระบบระบายความร้อน พัดลมคู่ทำได้ดีไม่ร้อนจัด
  • CPU 12nm ประหยัดไฟ และ ไม่ร้อนมาก
  • ในรุ่น 21990 มาพร้อม SSD 512GB
  • มาพร้อม Windows 10
  • รับประกันมากถึง 2 ปี
  • การออกแบบโดยรวมทำได้ดี พร้อมมีไฟคียบอร์ด
  • เล่นเกมอะไรได้ดี รวมถึงการทำงานทั้งหมด

ข้อสังเกต

  • วัสดุความรู้สึกเวลาใช้บางบางจุดอาจจะดูไม่แน่นอะไรมาก
  • หน้าจอ ถ้าทำงานที่ค้องเน้นความแม่นยำอาจจะไม่แนะนำ
  • ไม่มี Type-C
  • ไม่มีช่อง SD Card มาให้
  • แต่ด้วยราคาอาจจะทำให้ข้อเสียมันมองข้ามไปได้สบายๆ **

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr