ASUS VIVOBOOK เป็นตระกูลคอมพิวเตอร์พกพาที่ต้องบอกว่าทำราคาออกมาได้ดีเสมอ พร้อมกับสเปกและฟีเจอร์การใช้งานที่ครอบคลุมสำหรับหลายๆผู้ใช้งานทั้งระดับเริ่มต้นต่างๆ อีกทั้งประสิทธิภาพของมันนั้นทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆในหารใช้งานเล่นเกมหรือว่าจะเป็นการทำงาน และในครั้งนี้มาพร้อมกับ AMD Ryzen5 รุ่นล่าสุด 4500U ที่แรงและประหยัดไฟในเทคโนโลยี 7nm ถือว่าน่าสนใจมากขึ้นอีกทั้งในรุ่นที่เรารีวิวจะเป็นตระกูล Flip หรือว่ารุ่นที่สามารถพับหน้าจอได้ 360 องศาพร้อมกับรองรับการสัมผัสวาดเขียนได้เต็มที่ ตอบโจทย์สายทำงาน สายวาด หรือจะเป็นการไว้จดเลคเชอร์ต่างๆก็ทำได้ดีเพราะว่ามีปากกาแถมมาให้ด้วย อีกทั้งงานออกแบบดีไซน์เปลี่ยนใหม่ทันสมัยขึ้นพอสมควรเลย สำหรับ ASUS VIVOBOOK FLIP14 และมาพร้อมกับน้ำหนัก 1.5kg เท่านั้นถือว่าพกพาสบาย

ASUS VIVOBOOK FLIP14 มาพร้อมกับ CPU เทคโนโลยี 7nm ตัวล่าสุดจากค่าย AMD ใช้งาน RYZEN 5 4500U  (2.30 GHz up to 4.00 GHz, 8 MB L3 Cache)  และมาพร้อมกับ AMD Radeon RX Vega 6 ในตัวครับแน่นอนว่าประสิทธิภาพไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ทางด้านหน้าจอนั้นมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส  ในขนาด 14” นิ้ว ใช้งานหน้าจอแบบ LED-backlit Full HD (1920 x 1080) อัตราส่วน 16:9 พร้อมกับหน้าจอขอบบาง Frameless NanoEdge สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ 82% และรองรับมุมมองกว้าง 178°  องศา (IPS-level) รองรับการใช้งานปากกาและระบบสัมผัส ส่วนทางด้าน RAM มาพร้อมกับ 8GB DDR4 3200 แต่จะเป็น Onboard 4GB และ เสริม 4GB นะครับ และทางด้านความจุมาพร้อมกับ 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD และพอร์ตเชื่อมต่ออะไรให้มาเพียงพอพอสมควรอีกทั้ง ยังมาพร้อมกับปากกาในกล่องพร้อมใช้งานและลำโพงจากทาง Harman/Kardon รวมถึง Windows 10 ในตัวพร้อมกับ Microsoft Office Home and Student 2019 ด้วยให้มาครบๆเลยครับอีกทั้งในงานออกแบบเปลี่ยนแปลงใหม่พอสมควรดีไซน์สวยบางเบา 1.5กิโลเท่านั้นด้วยในหน้าจอพับแบบนี้ถือว่าทำได้ดีครับ กางได้ 360 องศาเลยทีเดียว และการเชื่อมต่อรองรับ Intel WiFi 6 with Gig+ performance (802.11ax) พร้อมกับ Bluetooth 5.0 ครับสำหรับ VIVOBOOK FLIP 14 รุ่นนี้ถือว่าจัดเต็ม

  • ASUS VIVOBOOK FLIP 14 TM420IA-EC161TS : BESPOKE BLACK ตัวที่รีวิว **
    R5-4500U/DDR4 4GB+4GB[ON BD.]/512GB PCle SSD/Backlit KB/14″ FHD/Windows 10 Home/Microsoft Office Home and Student 2019  ราคา 22,990 บาท
  • ASUS VIVOBOOK FLIP 14 TM420IA-EC202TS : BESPOKE BLACK
    R7-4700U/DDR4 8GB+8GB[ON BD.]/512GB PCle SSD/Backlit KB/14″ FHD/Windows 10 Home/Microsoft Office Home and Student 2019  ราคา 26,990 บาท

UNBOX

  • ตัวเครื่อง VIVOBOOK FLIP 14
  • สายชาร์จ และ ADAPTOR
  • คู่มือ ใบรับประกัน
  • กระเป๋าผ้าสำหรับพกพา
  • ปากกา ASUS Stylus
  • ที่เก็บปากกาแบบแม่เหล็ก Stylus Holder

DESIGN

งานออกแบบในรุ่นนี้ถือว่ายังคงสานต่อจาก VIVOBOOK รุ่นปกติแค่ครั้งนี้สามารถกางพับได้ 360 องศาสามารถรองรับการทำงานได้อิสระเต็มที่ตามแบบฉบับของ FLIP เลยทีเดียวรองรับการวาดเขียนต่างได้ในหลากหลายองศาและดีไซน์มีความสวยงามมากขึ้นเส้นสายคอมมากขึ้นทำให้ใช้งานได้ดี และแน่นอนว่าเรื่องของขนาดและน้ำหนักด้วยเช่นกันถือว่าเป็นรุ่นที่ค่อนข้างใช้งานได้อิสระหลากหลาย ทั้งทำงาน ดูหนัง หรือจะเป็นการใช้คล้ายๆ Tablet ก็รองรับได้สบาย ตัวปากกามีมาให้พร้อมใช้งานและวัสดุงานประกอบอะไรถือว่าแข็งแรงพอสมควรกับน้ำหนัก 1.5 กก.

งานออกแบบเมื่อมองจากภาพรวมในด้านหน้าจะเห็นว่าหน้าจอยังคงมีความขอบบางมากๆอยู่เช่นกัน และกล้องหน้าก็ไม่ได้ตัดออกไปไหน ถือว่าออกแบบได้ดีและโทนสีนั้นจะเป็นโทนสีเข้มทั้งหมดทั้งเครื่องเลยรวมถึงตัวปุ่ม Enter นั้นยังคงมีมาให้เป็นสีเขียวเด่นเช่นเดิมแบบที่เราเห็นในหลายรุ่นก่อนหน้า และปุ่มมีไฟ Backlit ให้เช่นเดิมพร้อมใช้งาน ส่วนฝาหลังนั้นเรียบๆไม่มีอะไรมากจะเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องในภาพรวมทั้งหมด และเล่นขีดๆขอบบนเท่านั้น

งานออกแบบนั้นยังคงมีความคุ้นเคยคล้ายกับรุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้ในซีรีย์ New Vivobook ทั้งการออกแบบปุ่มโทนสีเขียวโดดเด่นอีกทั้งในแง่ของ เส้นสายงานออกแบบต่างๆด้วยเช่นกัน และการออกแบบตรงข้อพับนั้นยังคงใช้งานลักษณะเดิมสามารถรองรับการพับได้ถึงด้านหลัง 360 องศานั้นเอง มีความแข็งแรงพอสมควรในการใช้งานทั่วไปรองรับการเอียงหรือกางได้ดี สามารถรับน้ำหนักได้ดีพอสมควรเลยแหละ ถือว่าจุดนี้ไม่มีปัญหาอะไร

ที่เก็บปากการุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ใส่เข้ามาต้องบอกว่าได้ใช้งานจริง และมีประโยชน์ครับเพราะในรุ่นปกตินั้นหรือว่ารุ่นก่อนหน้านั้นอาจจะทำให้เรื่องของการเก็บปากกานั้นไม่สะดวกเท่าไรในการพกพาใช้งาน ซึ่งตัวนี้จะเป็นคล้ายๆปลอกสำหรับสอดปากกาเข้าไป ทำให้เราแนบกับตัวเครื่องไปได้เลย และตัวปลอกเป็นแม่เหล็กใช้งานได้แปะตรงไหนก็ได้แล้วแต่ผู้ใช้งานสะดวกเลยนั้นเอง ถือว่าเป็นจุดที่สะดวกในการใช้งานพอสมควรเลยที่ใส่เข้ามาให้ในรุ่นนี้

ช่องระบายอากาศในด้านหลังหรือว่าตัวฐานของรุ่นนี้จะไม่ได้มีอะไรเยอะแน่นอนว่าด้วยความที่เป็นตระกูล FLIP นั้นทำให้การระบายออกส่วนฐานนั้นอาจจะไม่ได้เป็นความคิดที่ดีนักเวลาพับหน้าจอทำงานต่างๆเลยทำให้ช่องจะเน้นที่ด้านหลังตัวเครื่องยิงออกไปเท่านั้น และยิงออกด้านข้าง จึงไม่เห็นช่องดูดลมหรือระบายอากาศอะไรในส่วนนี้ครับส่วนยางรองก็มีมาให้นิดหน่อย แต่ตัวเครื่องจะมีระบบ Ergo Lift ยกตัวเครื่องขึ้นมาช่วยเวลาใช้งานโหมดปกติ

ทางด้านปากกา ASUS STYLUS ตัวนี้ยังคงเป็นทรงที่คุ้นเคยจากในรุ่นก่อนๆ ตัวปากกาเป็นตัวเดียวกันมีขนาดกำลังดีทั้งเรื่องของขนาดและน้ำหนักพอใช้งานได้พร้อมกับปุ่มควบคุมในแต่ละแอป 2 ปุ่มตรงปากกา และในรุ่นนี้เราจะเห็นว่ามีตัวเก็บปากกามาให้ด้วยเพราะในรุ่นก่อนๆนั้นเวลาพกพาไปข้างนอกอาจจะลำบากเพราะไม่มีที่เก็บแต่ในรุ่นนี้ใส่เข้ามาให้แล้วเป็นคล้ายๆกับปลอกสำหรับเสียบเก็บใช้งานอีกทั้งยังเป็นแม่เหล็กแปะทำให้ติดตรงไหนก็ได้

ภาพข้างบนนั้นจะแสดงให้เห็นถึงการใช้งานหลักๆ 4 รูปแบบ คือการใช้งาน เป็นเหมือน Tablet ที่สามารถพับได้พกพาได้ง่าย วาดรูปเขียนแบบได้ง่ายๆ หรือจะเป็นแบบทั่วไป Laptop โหมด แบบปกติที่ใช้ๆงานกัน หรือจะเป็นคล้ายๆ Tent Mode สำหรับวางเพื่อที่จะนำเสนองานหรือ วางโชว์รูปภาพ พรีเซนต์ต่างๆครับ และ อีกแบบก็จะเป็นการเอาวางฐานหน้าจอ ใช้งานสำหรับดูหนัง หรือจะเป็นตั้งวางแต่มีความมั่นคงที่ดีขึ้นครับ และแน่นอนว่าใช้งานปากกาได้ทำให้มันใช้งานได้หลากหลายกว่าที่คิดไว้เยอะเลยแหละครับ และสามารถทำน้ำหนักได้ดีในการพกพาด้วย

SPEC

  • AMD Ryzen 5 4500U Mobile Processor (6C/6T, 11MB Cache, 4.0 GHz Max Boost)
  • Integrated AMD Radeon Graphics VEGA 6
  •  14” LED-backlit Full HD (1920 x 1080) 16:9 display Frameless NanoEdge display with 82% screen-to-body ratio หน้าจอมุมมองกว้าง 178° wide-view technology IPS-level
  • RAM 8GB 3200MHz DDR4 (4GB DDR4 on board + 4GB DDR4 SO-DIMM)
  • SSD 512GB PCIe SSD
  • พอร์ตเชื่อมต่อ
    1 x USB 3.2 Gen 2 Type-C®
    1 x USB 3.2 Gen 2 Type-A
    1 x USB 2.0
    1 x HDMI
    1 x Audio combo jack
    1 x MicroSD card reader
    1 x K-lock
    1 x DC-in
  • คีย์บอร์ด Full-size backlit, with 1.4mm key travel
  • ทัชแพด  Intelligent palm-rejection Precision touchpad (PTP) technology supports up to four-finger smart gestures
  • ระบบเสียง   Array microphone with Cortana voice-recognition support พร้อมกับรู 3.5mm headphone jack ลำโพงพร้อมการรองรับจาก Certified by Harman Kardon
  • Intel WiFi 6 with Gig+ performance (802.11ax) พร้อม Bluetooth V5.0
  •  Fast charging: 60% in 49 minutes ใช้แบต 42Wh 3-cells lithium-polymer battery รองรับ 42W power adapter Plug Type: ø4 (mm)
  • ขนาดตัวเครื่อง  สูง 1.82cm กว้าง 32.40cm ยาว 22.00cm (8.66 inches) น้ำหนัก  1.5kg
  • สีเครื่อง Bespoke Black
  • มาพร้อม Windows10 พร้อม Microsoft Office Home and Student 2019

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพ รุ่นนี้อัพเกรดมาใช้งาน ตัว CPU AMD RYZEN 5 4500U เทคโนโลยี 7nm ตัวล่าสุดครับ ความเร็ว 2.3GHz Boost ถึง 4.00 GHz แบบ 6 คอร์ 6 เทรด  ที่ 7nm ส่วนทางด้านการ์ดจอ นั้นมาพร้อมกับการ์ดจอในตัวคือ AMD RADEON VEGA 6 ที่ก็ใช้งานได้ระดับนึงเลยและแรงไม่แพ้ MX250 เลย และ ให้ RAM 8GB ไม่สามารถอัพเกรดได้ และในเรื่องของความจุนั้นมาพร้อมกับ SSD  512GB ครบๆเลยแหละ ครับสำหรับรุ่นนี้แน่นอนว่าในส่วนของคะแนนก็พอใช้งานได้พอสมควร และมาพร้อม Pre-installed Microsoft office Home & Student พร้อมใช้งานเลยครับไม่ได้ต้องซื้ออะไรต่างหากถือว่าครบเครื่องเช่นเดิมพร้อมใช้งาน

PCMARK คะแนนทำได้  4761  ถือว่าตามระดับของ CPU เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าไม่แย่เลยนะถ้าเรามองในราคาแค่นี้ และทำคะแนนออกมาได้ประมาณนี้แน่นอนว่าดีกว่า CPU รุ่นก่อนเยอะครับ ทำให้ตัวนี้ถือว่าน่าพอใจครับทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้นถือว่ารองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลายและเต็มประสิทธิภาพกว่าแบบชัดเจนครับ ทางด้านความร้อนนั้น CPU 70 และ GPU 65 ครับสำหรับการทดสอบนี้ให้สภาพอากาศปกติ

3D MARK เราทดสอบแบบพื้นฐานกันในส่วนของ Sky driver / Night Raid ถือว่าทำคะแนนได้ดีเอาเรื่องเลยคะแนนในส่วนของ Night Raid ตัวนี้ทำได้ 10063 คะแนนดีกว่ารุ่นเดิมอีกนะ การประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ทำได้ดีมากๆแม้จะไม่มีการ์ดจอแยกเข้ามาช่วยด้วยแต่ทำคะแนนได้เท่ากับพวก MX เลย และ ใช้งานได้ในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลาย ถือว่าสบายๆไม่ต้องกังวลทำให้การทำงานต่างเรนเดอร์เริ่มต้นอะไรสบาย ส่วนเรื่องคะแนน Sky Driver นั้นแตะ 8865 ได้เลย  ความร้อนที่ทดสอบนั้น CPU  68 และ GPU 63 ครับสำหรับตัวนี้ สภาพอากาศปกติ ถือว่าเป็นการ์ดจอติด CPU ที่ทำได้ดีมากๆ และคะแนนก็แสดงให้เห็นว่าดีมาก

CINEBENCH R20 -15 ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 898 ทำได้ดีมาก อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือมาแรงมากและพัฒนาขึ้นเยอะ ในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 2276 cb ถือว่าคะแนนดีเลยแหละในแง่การประมวลผลของ CPU  ส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD ทำคะแนนการอ่านไปได้  2212 ส่วนเขียนที่ 1179  ครับจากทดลองหลายๆรอบ และอ่านเขียนนั้นถือว่าธรรมดากลางๆ และครั้งนี้ให้มา 512GB  ถือว่าเพียงพอและความเร็วความจุนั้นสบายๆในการใช้งานทั่วไป รวมถึงทำงาน

SCREEN

รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาด14 นิ้ว LED-backlit Full HD (1920 x 1080) อัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9  การออกแบบขอบบางแบบ NanoEdge display รองรับมุมมองกว้าง  178° ทำให้มุมมองของภาพนั้นไม่แพ้กับพวกหน้าจอ IPS เลยและตัวคุณภาพหน้าจอตัวนี้ถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ หน้าจอสามารถสู้แสงได้ดีกว่าเดิม คุณภาพหน้าจอที่ดีขึ้นรวมถึงพวกสีสันและมิติของตัวภาพ และใช้งานหน้าจอเงาสีสันสวยแต่อาจจะสะท้อนได้ง่าย หน้าจอเมื่อมองจากด้านข้างเนื่องจากมันเป็นจอที่รองรับมุมมองภาพได้กว้างมากๆจึงให้ความรู้สึกเหมือนจอ IPS เลยแหละเพราะไม่เจออาการดรอปของสีหน้าจอ แต่จะเป็นแค่เรื่องความสว่างนิดหน่อย เป็นหน้าจอของ Vivobook ที่เรียกได้ว่าดีอันดับต้นๆของตระกูลทั้งในแง่ของคุณภาพ ตัวมุมมอง สีสันต่างๆนั้นทำได้ค่อนข้างแม่นยำในการทำงานมากขึ้นด้วย รุ่นนี้เนื่องจากเป็น FLIP เลยทำให้รองรับการใช้งานระบบสัมผัสและใช้งานปากกาได้สบายๆ

เมื่อใช้งานกลางแจ้ง นั้นถือว่าทำได้ดีครับดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ในเรื่องของมุมมอง การสู้แสงที่รู้สึกว่าดีขึ้นหน้าจอทำขอบหน้าจอต่างได้ค่อนข้างบางเหมือนกับรุ่นอื่นๆก่อนหน้านี้และยังไม่ตัดกล้องหน้าทิ้งไปไหนด้วย หน้าจอในรุ่นนี้ทำได้ดีกว่าที่คิดในเรื่องของสีสันต่างๆซึ่งถือว่าเอามาทำงานได้สบาย แม่นยำระดับนึงและดีกว่าพวกสายเกม และ รุ่นที่ต่ำกว่านี้แบบชัดเจน ซึ่งในงบประมาณนี้จอตัวนี้ถือว่าทำได้ดี ทั่วไปโอเคเลยแหละ แม้ความแม่นยำอาจจะไม่ได้สูงมากแต่ก็ใช้งานได้และมุมมองดีกว่าเดิมด้วย ส่วนหน้าจอแบบเงาอาจจะเจอแสงสะท้อนได้ง่าย แต่ด้วยการที่สามารถใช้งานปากกาได้เลยทำให้ต้องหันมาใช้งานหน้าจอแบบเงานั้นเองถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนกันไปครับจุดนี้

ASUS STYLUS

ปากกานั้นให้มาในกล่องไม่ต้องไปหาซื้ออะไรเพิ่มเติมครับสำหรับรุ่นนี้ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นหรือข้อดีก็ว่าได้เพราะสามารถใช้งานได้ทันทีและเป็นปากกาที่รองรับได้ดีที่สุดกับจอของรุ่นนี้ทำให้การใช้งานฟีเจอร์ น้ำหนักการกดอะไรถือว่าทำออกมาได้ดี ทดสอบกับหลากหลายโปรแกรมก็รองรับได้รวมถึงการใช้งานปุ่มสั่งงานต่างๆครับ ปากกาสามารถใช้ทั้งเซ็นเอกสาร หรือจะเป็นการเขียนงาน จดเลคเชอร์ต่างๆรวมไปถึงงานออกแบบวาดรูป เขียนแบบแก้ไขคร่าวได้ทั้งหมดครับตัวปากกามีน้ำหนักกำลังดีและสามารถเอียงอะไรได้พอสมควร ในการใช้งานจริงก็อาจจะต้องปรับตัวกันนิดหน่อยถ้าหากใครไม่เคยใช้งานเพราะมันจะมีความลื่นไหลเพราะหน้าจอเงาแบบนี้อยู่บ้างแต่ก็ปรับตัวไม่ยากนักครับ

การสัมผัสใช้มือนั้นไม่มีปัญหาครับตอบสนองได้ไวพอสมควรในการใช้งานทั่วไปแต่ด้วยการใช้งานแบบทั่วไปก็ถือว่าตอบสนองได้ไวครับไม่เอ๋อหรือหนืดอะไรเลยแต่ด้วยความที่จอมันแบบเงาแน่นอนว่ามันหนืดด้วยตัวจอของมันเองถ้าเจอกับนิ้วเราในบางจังหวะครับไม่ได้ลื่นแบบพวกสมาร์ทโฟนแบบนั้นเท่าไรนักแต่ไม่ได้มีปัญหาหรือหงุดหงิดอะไรเลยในการใช้งานจริงๆ ส่วนปากกานั้นไล่น้ำหนักอะไรได้ดีครับ ตอบสนองได้ลื่นไหลเลยแหละ ในการจดทั่วไป และ สามารถวาดภาพ เขียนงานอะไรได้หลากหลายครับสามารถวางมือบนจอได้ในบางแอปและเขียนอะไรสะดวก แต่ถ้ามองในสายงานวาดภาพแบบจริงจังมันจะยังมีความหน่วงเวลาลากอะไรที่ใช้ความเร็วสูงพอสมควรมันจะไม่ได้แทรคที่ติดปากกาเราได้ขนาดนั้นต้องใช้ระยะเวลาปรับตัวกันพอสมควรและถ้าวาดอะไรเร็วๆอาจจะไม่ได้ตามทันได้ไวมากนัก

KEYBOARD

แป้นพิมพ์นั้นมาพร้อมกับขนาดที่เราคุ้นเคยแน่นอนว่าพวกหน้าจอ 14 นิ้วก็จะไม่มี Numpad ครับแต่รุ่นนี้ก็มีปุ่มลัดมาให้พวก PGUP DN ที่ให้มาด้านขวาสุดครับรวมถึง มีเอกลักษณ์งานออกแบบตรงปุ่ม Enter ที่มีการเล่นสีเหลืองเด่นๆล้อมรอบทำให้ดูมีอะไรมากขึ้น การวางปุ่มอะไรนั้นเป็นมาตรฐานของค่ายนี้ เหมาะกับการใช้งานอย่างมาก พร้อมกับไฟปรับได้ 3 ระดับปกติ และระยะปุ่มอะไรที่ดีขึ้นรวมถึงตัวอักษร และการเว้นของแต่ละโซนอะไรนั้นคุ้นเคยกันแน่นอน ระยะปุ่มกดนั้นมีระยะ 1.4 มม. เท่าเดิมกำลังดีกับการใช้งานการพิมพ์เขียนทั่วไปได้ด้วย ออกแบบมาแม้จะเป็นรุ่นที่พับหน้าจอได้ 360 องศาก็ตามแต่ระยะการกดหรือการออกแบบการวางปุ่มนั้นเหมือนรุ่นปกติทั้งหมด

ตัวปุ่มนั้นกดได้ง่ายและความรู้สึกดีกว่ารุ่นเดิมแม้จะเป็นFLIPเพราะการออกแบบมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น แต่ระยะอะไรนั้นไม่ได้แตกต่างกับของเดิมเท่าไรครับแต่ทรงปุ่ม ระยะเว้นต่างๆนั้นทำได้ดีขึ้น ส่วนเรื่องการยกตัวเครื่องรุ่นนี้เหมือนจะไม่ได้มีระบบนี้มาให้แล้ว แต่ก็มีตัวยางรองที่ยกสูงขึ้นมาแทนทำให้มันเอียงขึ้นอยู่บ้างก็มาทดแทนกันไป ส่วนเรื่องของสีนั้นยังคงต้องบ่นเหมือนเดิมเพราะเวลาใช้นอกสถานที่มันเป็นปัญหาเหมือนกันในรุ่นสีสว่าง แต่ถ้าในตัวที่เรารีวิวนั้นเป็นสีดำเลยทำให้มันค่อนข้างเห็นได้ชัดพอสมควรเลย และใช้งานได้ดีทั้งกลางวันกลางคืนถือว่าออกแบบดี

TOUCHPAD

ตัวทัชมีขนาดใหญ่ขึ้นและใช้งานได้ดีเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง 14 นิ้ว ขอบตัดสี่เหลี่ยมและเต็มอัตราส่วนกับตัวเครื่องได้ดีกว่าเดิมนิดหน่อย ตัวทัชเป็นวัสดุแบบเดียวกับตัวเครื่อง วัสดุมีการทำให้ลื่นและติดนิ้วมากกว่าในการสัมผัสต่างๆ ตัวทัชสามารถกดลงไปได้เลยขอบซ้ายขวาล่าง ซึ่งจากที่ใช้งานไม่ได้ติดปัญหาอะไรครับในส่วนนี้ ตัวระบบทัชนั้นใช้ Software ของ Precision นะรองรับการใช้งานหลายๆนิ้วได้สบาย โทนสีอะไรแบบเดียวกับตัวเครื่องเลยมีการตัดขอบคล้ายๆสีเงินล้อมรอยตัวทัชแพดนิดหน่อย และรองรับการใช้งาน 4 นิ้ววางได้กำลังดีไม่ได้เล็กเกินไป

SPEAKER 

ลำโพงคู่ ใช้งานของ Harman/Kardon เช่นเดิมเลยนั้นเองเสียงที่ได้ต้องผ่านมาตรฐานของแบรนด์ว่าสมควรที่จะแปะชื่อลงไปด้วยนั้นเอง เสียงตัวนี้มาพร้อมกับลำโพงหลักๆ 2 ตัวซ้ายขวายิงลงพื้นที่มุมเครื่องทั้ง 2 เสียงที่ได้นั้นดังพอประมาณ อาจจะไม่ได้ดังสะใจมากครับ แต่เสียงที่รู้สึกแตกต่างกันเลยก็คือมิติเสียง เบสพวกนี้นุ่มและมาดีกว่าเดิมเนื่องจากรุ่นก่อนๆนั้นเสียงจะค่อนข้างแห้งๆแบนๆครับ แต่รุ่นนี้คุณภาพเสียงมาดีขึ้นเยอะ แต่ความดังไม่ได้หนีจากเดิมมากเท่าไร เสียงแยกซ้ายขวาได้ดี เสียงเพลงฟังสบายครับ รวมถึงการดูหนังต่างๆนั้นเสียง Effect  ก็รู้สึกถึงความแน่นขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอื่นๆแบบรู้สึกได้เลยแหละก็ถือว่าเข้าถึงทุกระดับแล้วสำหรับแบรนด์เครื่องเสียงนี้สบายๆครับ

CONNECTOR

ในด้านขวาของตัวเครื่องเราจะเห็นจุดที่แตกต่างกับรุ่นอื่นคือปุ่มเปิดปิดเครื่องนั้นจะอยู่ขอบเครื่องทำให้เวลาพับหน้าจอก็สามารถเปิดปิดได้ครับ ถัดมาเป็นปุุ่มไฟสถานะตัวเครื่องและยังให้ที่อ่าน Micro-SD Card มาให้สำหรับการอ่านไฟล์ถือว่าดีมากๆครับรวมถึงมีรู 3.5มม. Combo สำหรับหูฟังและไมค์ และให้ USB-C  3.2 Gen 2 ตัวแรงมาให้เลยอีกทั้งยังใส่ USB-A 3.2 Gen 2 ด้วยเช่นกันแม้จะเป็นรุ่น 2IN1 แต่ก็จัดเต็ม พร้อมกับ HDMI และ DC-IN

ส่วนทางด้านซ้ายนั้นต้องบอกว่ามีแค่ Kensington Lock มาให้และ USB-A 2.0 แอบเสียดายนิดหน่อยครับเพราะว่าในยุคนี้นั้นน่าจะให้อย่างต่ำคือ USB 3.1 ขึ้นไปมาให้แล้วครับแอบเสียดายนิดๆ ส่วนช่องระบายความร้อนให้มาในด้านซ้ายตัวเครื่องครับใหญ่พอสมควรและระบายได้ดีเพราะว่าด้านหลังจะไม่มีช่องอะไรเพราะจะใช้งานแบบพับ 360 องศาเลยทำให้การระบายหลักๆคือด้านข้างและด้านหลังยิงตรงออกไป จะไม่มีส่วนช่องอะไรตรงฐานของเครื่อง

WORKING

Ryzen 5 4500U นั้นแน่นอนว่ารองรับการทำงานทั่วไปเช่น Microsoft ทั้งหมด อันนี้รองรับได้สบาย Excel Word สบายพวกนี้ไม่มีปัญหา และ RAM 8 GB ก็เพียงพอ ส่วนของ ADOBE รองรับได้สบายอยู่ในส่วนของ Photoshop แบบเบาๆ ไม่ได้หลายเลเยอร์เยอะหรือไฟล์ไม่หนัก จริงๆ CPU มันไหวสบายๆ ทำงานหลายๆอย่างพร้อมกันอาจะต้องไม่เยอะมากเพราะ RAM 8GB เท่านั้น ไม่สามารถเพิ่มได้ แต่ถ้ามองในมุมทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละเพราะ ทำงาน รวมๆทำได้ดีกว่าตัวเดิมนะ รองรับการทำงาน 3 มิติระดับเริ่มต้น การตัดต่อไฟล์วิดีโอ หรือ เรนเดอร์ได้แบบไฟล์ไม่หนักมาก ส่วนการดูหนังฟังเพลงทั่วไปสบาย โปรแกรมดูหนัง อื่นๆที่รองรับได้สบายไม่มีปัญหา หลักๆจะเน้นทำงานเบาๆจะดีกว่าในรุ่นนี้ หรือต่อภาพออกพรีเซนต์งานอะไรก็ทำได้สบาย มีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ และ USB มาให้ค่อนข้างครบเลยแหละ แต่งานหนักๆแนะนำว่าเน้นทำงานแบบด่วน หรือ ฉุกเฉินจะเหมาะกว่า

จากที่ได้ทดสอบจริงๆครับในการทำงานพวก ADOBE ทั้งแต่งภาพ ตัดต่อ หรือ เรนเดอร์ เท่าที่ทดลองการทำงานถ้าใช้งานแค่โปรแกรมเดียวมันสามารถตัดต่อวิดีโอ 4K ได้ด้วยในความยาวไม่เยอะมากนักอันนี้ถือว่าดี แต่เวลาเรนเดอร์จะนานพอสมควรถ้าเทียบกับรุ่นสูงกว่านี้ครับ ตัวนี้เลยกินเวลาไป 1 ชั่วโมงเลย แต่ช่วงการตัดต่อพวกนี้คือรับไหวสบายๆ ส่วนตัว Photoshop – Illustrator  พวกนี้รองรับได้สบายๆเท่าที่ลองไม่เจอหน่วงเลยครับ ถือว่าตัว CPU ประสิทธิภาพมันรองรับพวกนี้ได้ แต่ RAM แอบน้อยไปหน่อย แต่ก็อย่างว่ามันไม่ได้เน้นทำงานหนักมาก

GAMING 

RYZEN 7 4500U + VEGA 6 เดิมๆ Onboard ครับใน การทดสอบเล่นเกม Overwatch ได้ค่อนข้างลื่นและ FPS  60+ สบายๆ ความร้อนนั้นประมาณ  61 องศา และ CPU แตะไป  65 องศา ครับถือว่าปกติของพวก Ultrabook เล่นในสภาพอากาศไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม  ถือว่าน่าสนใจเลยในตัว การ์ดจอในตัวแบบนี้ ความร้อนระบายได้กลางๆเพราะมันเป็น Ultrabook ไม่ได้สายเกม รับได้ในการเล่นเกมทั่วไปพื้นฐานปรับลื่นได้สบาย  คุณภาพนั้นปรับภาพระดับต่ำนะครับทุกเกม และ ที่แอดมินทดสอบคือเล่นในสภาพอากาศปกติ ไม่ได้เปิดแอร์ และ ไม่ได้มีพัดลมช่วย ก็ถือว่าเล่นเกมได้ลื่นและไม่ได้แย่ครับ เล่นได้ปรับภาพกลางได้ไม่ติดขัด และทำได้ไม่แพ้พวก การ์ดจอแยกที่มี MX250 เลยครับ ประสิทธิภาพโดยรวมนั้นสูสีและสู้ได้สบาย แต่ที่ชอบคือความร้อนและการกินพลังงานนั้นน้อยกว่า แต่ได้แรงเท่ากันถือว่าครั้งนี้มาโหดมากๆ

ASUS VIVOBOOK FLIP 14 

ตระกูล FLIP ยังคงโดดเด่นในการใช้งาน จัดเต็มกับ RYZEN 5 พร้อมกับปากกา  “

การใช้งานคอมพิวเตอร์ที่รองรับการใช้งานหน้าจอ 2IN1 หรืออาจจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่สามารถพับหน้าจอได้อิสระรองรับ 360 องศาแบบนี้ก็เริ่มตอบโจทย์ได้มากขึ้นหลักๆคือการวาดเขียนที่อิสระกว่าหน้าจอปกติการพับใช้งานเป็น Tablet ได้หรือจะกางหน้าจอสำหรับพรีเซนต์งานต่างๆได้สบาย อีกทั้งในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับงานออกแบบใหม่และใช้งาน Ryzen 5 4500U ตัวใหม่แน่นอนว่าเรื่องประสิทธิภาพนั้นจัดเต็มมากกว่าเดิมพร้อมกับการประหยัดพลังงานที่มากกว่าเดิมพอสมควรจริงๆก็ส่งผลให้การทำงานแบบพกพานั้นสะดวกมากขึ้น และยังได้ปากกามาในกล่องสะดวกพอสมควรรองรับใช้งานได้ดี รวมถึงคุณภาพทั้งหน้าจอ ลำโพง วัสดุยังคงไว้ใจได้เช่นเดิมรุ่นนี้ถือว่าคุ้มค่า

ข้อดี

  • RAM ปรับมาใช้งาน 3200mHZ
  • หน้าจอใช้งานได้ดี รองรับการสัมผัสและปากกา
  • ปากกาพร้อมที่เก็บแถมมาให้ในกล่อง
  • RYZEN 4000 Series ไว้ใจได้ทำงานเล่นเกมสบาย และ ประหยัดไฟ
  • งานออกแบบสวย แข็งแรง พร้อมกับน้ำหนักกำลังดี
  • มาพร้อม Pre-installed Microsoft office Home & Student เป็นโน้ตบุ๊กรุ่นแรกของ Asus ที่ลงโปรแกรม office home & student พร้อมใช้งาน
  • คีย์บอร์ด แป้นพิมพ์ ระยะกำลังดี
  • ควบคุมความร้อนในการใช้งานได้ดี

ข้อสังเกต

  • ยังคงมี USB-A 2.0 มาให้
  • ปากกาอาจจะไม่ได้ตอบสนองเทพมากนักกับสายวาดจริงจัง
  • ตัวเครื่องมีแค่สีเดียวให้เลือก

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr