วันนี้ก็มาพบกับผม iTechHangOut อีกครั้งนะครับ หลังจากนานๆทีจะได้มีโอกาสรีวิวสมาร์ทโฟนกับเขาบ้าง. ครั้งนี้ผมได้เลือกหยิบสมาร์ทโฟนระดับกลางที่โดดเด่นในเรื่องของ การทำงานผ่าน AI แทบทุกอย่างของตัวเครื่องเลยก็ว่าได้ และยังไม่รวมเรื่องของกล้องหลังคู่ที่เลือกใช้เซนเซอร์ระดับเรือธงของปีนี้อย่าง Sony IMX 363 ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ
“Asus Zenfone 5”
Unbox
- Asus Zenfone 5
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
- สายชาร์จ Type C
- คู่มือการใช้งาน
Design
ด้านหน้าของ Asus Zenfone 5 นั้นมาพร้อมกับหน้าจอเต็มใบ ไร้ปุ่มโฮม ไร้สแกนลายนิ้วมือด้านหน้า จึงทำให้สามารถนำหน้าจอ 2.5D ขนาด 6.2″ ความละเอียด FullHD และอาจเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางเพียงไม่กี่เครื่องของปีนี้ที่มาพร้อมกับมาตรฐานขอบเขตสีหน้าจอในระดับ DCI-P3 เทียบกับเรือธงได้อย่างสบาย พร้อมทั้งความสว่างของหน้าจอมากถึง 500 Nit มาวางไว้ด้านหน้าได้แบบเต็มจอ แต่…. จะมีติ่งอยู่ด้านบนที่มีการเรียงเซนเซอร์วัตรแสงและเซนเซอร์ตรวจจับต่างๆอยู่ด้านซ้าย ตามมาด้วยลำโพงสำหรับสนทนา และกล้องหน้าความละเอียด 8MP เซนเซอร์ Sony IMX219PQ.
ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นมากับกระจก Gorilla Glass 2.5D ที่มีการเล่นลายวงกลมอันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Asus Zen Series มาตั้งแต่ไหนแต่ไร และยิ่งนำเซนเซอร์สแกนลายนิ่วมือมาวางได้ตรงกลางของเครื่องให้ลายวงกลมนั้นหมุนรอบสแกนลายนิ้วมือ เป็นอะไรที่พรีเมี่ยมมากเลยก็ว่าได้.
โดยด้านมุมบนซ้ายมือนั้นมีการออกแบบตำแหน่งกล้องให้วางเป็นแนวตั้งตามสมัยนิยม โดยกล้องด้านบนนั้นจะเป็นตำแหน่งของกล้องมุมกว้าง 120 องศา ที่มีค่า f/2.2 ความละเอียด 8MP เซนเซอร์ Sony IMX268 และรองลงมานั้นจะเป็นกล้องหลักที่เลือกใช้เซนเซอร์ระดับเรือธง Sony IMX 363 ความละเอียด 12MP f/1.8 มีขนาดของพิกเซลใหญ่มากถึง 1.4 ไมครอน ด้านล่างสุดนั้นจะเป็ฯการวางเซนเซอร์ Color Correction และ LED Flash ไว้ข้างกันอย่างสวยงาม.
ด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นมีการวาง ไมค์หนึ่งตัว รองลงมานั้นจะเป็นช่องถาดใส่ซิมที่เราสามารถใส่ เลือกใช้งาน Sim + Sim หรือ Sim + microSD Card ได้อีกด้วยเช่นกัน ส่วนขีดด้านล่างพลาสติดนั้นคือเสาสัญญญาณนั่นเองครับ.
ด้านขวานั้นจะมีปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียงอยู่ด้านบน รองมานั้นจะเป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ส่วนขีดด้านล่างพลาสติดนั้นคือเสาสัญญญาณนั่นเองครับ.
ด้านบนของตัวเครื่องนั้นจะมีการวางขีดเสาสัญญาณทั้งด้านซ้ายและขวา ส่วนทางด้านซ้ายนั้นมีการนำไมค์อีกตัวมาวางไว้ข้างกันๆ ถ้าไม่สังเกตุแทบจะมองไม่เห็นเลยก็ว่าได้.
ด้านล่างของตัวเครื่องนั้นถือเป็นจุดรวมการเชื่อมต่อเลยก็ว่าได้ เริ่มจากช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5mm ที่ครั้งนี้สามารถรองรับการอ่านไฟล์ได้ถึง 24bit/192 Hz ที่ยังเสริมความแกร่งด้วย DTS Headphone X อีกหนึ่งชั้น และตามมาด้วยช่อง USB-C สำหรับการชาร์จไฟและเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ และไมค์อีกหนึ่งตัว ส่วนจุดกลมๆทั้ง 7 จุดนั้นก็คือลำโพงนั่นเอง.
ถึงแม้ Asus Zenfone 5 นั้นจะมีหน้าจอใหญ่มากถึง 6.2″ ก็จริง+++ แต่ว่าในหน้าจอขนาดใหญ่นี้ ถูกออกแบบให้อยู่บนตัวเครื่องเทียบเท่าสมาร์ทโฟนจอ 5.5″ จึงทำให้การจับถือในการใช้งานนั้นง่ายดายและอาการล้าของมือนั้นแทบจะไม่มีในการใช้งานนานๆ.
Specification
NETWORK | Technology | GSM / HSPA / LTE |
---|
LAUNCH | Announced | 2018, February |
---|---|---|
Status | Available. Released 2018, May |
BODY | Dimensions | 153 x 75.7 x 7.9 mm (6.02 x 2.98 x 0.31 in) |
---|---|---|
Weight | 155 g (5.47 oz) | |
Build | Front glass, aluminum body | |
SIM | Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by) |
DISPLAY | Type | IPS LCD capacitive touchscreen, 16M colors |
---|---|---|
Size | 6.2 inches, 96.9 cm2 (~83.6% screen-to-body ratio) | |
Resolution | 1080 x 2246 pixels, 18.7:9 ratio (~402 ppi density) | |
Multitouch | Yes, up to 10 fingers | |
Protection | Corning Gorilla Glass (unspecified version) | |
– 95% DCI-P3 coverage – ASUS ZenUI 5.0 |
PLATFORM | OS | Android 8.0 (Oreo) |
---|---|---|
Chipset | Qualcomm SDM636 Snapdragon 636 | |
CPU | Octa-core Kryo 260 | |
GPU | Adreno 509 |
MEMORY | Card slot | microSD, up to 400 GB (uses SIM 2 slot) |
---|---|---|
Internal | 64 GB, 4/6 GB RAM |
CAMERA | Primary | Dual: 12 MP (f/1.8, 24mm, 1/2.55″, 1.4µm, PDAF) + 8 MP (f/2.0, 12mm, 1/4″, 1.12µm), phase detection autofocus, gyro EIS, dual-LED (dual tone) flash |
---|---|---|
Features | Geo-tagging, touch focus, face detection, HDR, panorama | |
Video | 2160p@30fps, 1080p@30/60fps | |
Secondary | 8 MP (f/2.0, 24mm, 1/4″, 1.12µm), gyro EIS, 1080p |
SOUND | Alert types | Vibration; MP3, WAV ringtones |
---|---|---|
Loudspeaker | Yes, with dual speakers | |
3.5mm jack | Yes | |
– 24-bit/192kHz audio – Active noise cancellation with dedicated mic – DTS Headphone X |
COMMS | WLAN | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, WiFi Direct, hotspot |
---|---|---|
Bluetooth | v5.0, A2DP, LE | |
GPS | Yes, with A-GPS, GLONASS, BDS | |
NFC | Yes | |
Radio | FM radio | |
USB | 2.0, Type-C 1.0 reversible connector |
FEATURES | Sensors | Fingerprint (rear-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass |
---|---|---|
Messaging | SMS(threaded view), MMS, Email, Push Email, IM | |
Browser | HTML | |
– Fast battery charging 5V/2A 10W – MP3/WAV/eAAC+ player – MP4/H.264 player – Document viewer – Photo editor |
BATTERY | Non-removable Li-Ion 3300 mAh battery |
---|
Source GSMARENA |
---|
Display
Asus Zenfone 5 นั้นเลือกใช้หน้าจอ sLCD (Super LCD) ที่มีความสว่างมากถึง 550 Nit ที่เกือบใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงอย่าง Google Pixel 2, hTc U11 Plus, และ iPhone 8Plus ซึ่งอุ่นใจได้เลยว่าสมาร์ทโฟนระดับกลางเครื่องนี้สามารถออกสู้แดดได้อย่างสบายใจ รวมไปถึงในการใช้งาน Asus Zenfone 5 นั้นมาพร้อมมาตรฐานสี DCI-P3 ยิ่งมีความเที่ยงตรงที่สุดในตลาดระดับกลางในตอนนี้เลยก็ว่าได้.
Splendid – ถ้าเพื่อนๆที่เคยได้สัมผัสกับ Asus Laptop มาแล้วนั้นจะรับรู้ถึงตัวช่วยในการจัดการโทนสีของจอให้เหมาะกับการใช้งานได้ตามความต้องการของตัวเองนั้น จะยิ่งรัก Zenfone 5 นี้เข้าไปอีกด้วย Splendid ที่ถูกออกแบบมาห้มีความฉลาดมากยิ่งกว่าที่เคยมีด้วย Color Tempurature จะมาคอยช่วยปรับโทนสีของหน้าจอแบบออโต้ ให้สามารถใช้งานได้ทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นกลางแจ้งหรือแม้กระทั่งในที่ร่มก็จะถูกปรับแสงให้เหมาะกับพื้นที่นั้นๆ.
User Experience
อันนี้ต้องขอบอกก่อนว่า ผมเป็นคนที่ใช้สมาร์ทโฟนไร้ขอบเป็นหลักในชีวิตประจำวันอย่าง Essential-PH1 จึงทำให้การใช้งาน Asus Zenfone 5 นั้นเกิดปัญหากับผมอย่างชัดเจน เนื่องด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดใหญ่กว่าและไม่มีที่วางพักมือเหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆที่มีขนาดใหญ่ จึงทำให้เวลาที่ผมใช้นั้นมือต้องลั่นไปโดนตลอด ทั้งการใช้งานแนวตั้งและแนวนอน ผมจึงต้องวาง Essential เครื่องหลักผมลงและนำ Zenfone 5 มาใช้เป็นเครื่องหลักประมาณ 3 วันเท่านั้นละครับ ใช้งานได้แบบไม่มีปัญหามาคอยกวนใจเลย. (ก็มันถนัดมือแล้วอะ…)
Asus Zenfone 5 เป็นสมาร์ทโฟนที่ผมยอมรับเลยว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง ที่บางและสวยงาม หรูหราสุดจริงครับ. แต่ต้องแลกมาด้วยกับการที่เราต้องรักษาความพรีเมี่ยมให้น้อง Zenfone 5 อยู่ตลอดเวลาด้วยผ้าเช็ดเล็กๆสักผืน ไม่งั้นกระจกด้านหลังนั้นจะเต็มไปด้วยรอยนิ้วมืออย่างมาก แถมดูชัดกว่าสมาร์ทโฟนกระจกรุ่นอื่นๆอีกเช่นกัน.
ความปลอดภัยของ Zenfone 5 แบบ Biometric นั้นมีให้เราใช้งานได้ 2 แบบคือ การสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้า. โดยการสแกนลายนิ้วมือถูกออกแบบมาดีเลยทีเดียวนะ คือ สามารถใส่ได้เกิน 1 นิ้ว. แต่เมื่อเรามาดูที่ Face Unlock นั้นกลับมาสามารถจดจำใบหน้าได้แค่เพียงใบหน้าเดียว ซึ่งเป็นการำทงานแบบ 2D ไม่ใช่ 3D เหมือนกับค่ายผลไม้ชื่อดัง. ซึ่งหลักการนี้ผมไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่เพราะ ผู้ใช้ AndroidOS ระดับโปรนั้นได้ใช้ระบบนี้มาตั้งแต่สมัย Android 4.0 แล้ว ซึ่งถ้าได้ลองใช้แล้วแทบจะไม่ต่างจากสมัยก่อนเลย และมันเป็นอะไรที่สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เกือบทุกรุ่นของปลายปีที่แล้วและปีนี้เลือกมาเป็นจุดเด่น ซึ่ง….. ไม่น่าจะทำให้คนว้าวได้ แต่… เออ คนใช้ Android มือใหม่ต่างว้าวกันเฉยเลย.
ถ้าใครต้องเดินทางบ่อยและหาสมาร์ทโฟนที่ GPS แม่นยำในราคาไม่แรง ผมขอแนะนำ Asus Zenfone 5 คือ อีกหนึ่งทางเลือกที่ยอดเยี่ยมเลยก็ว่าได้ ผมได้ลองนำ Zenfone 5 ไปลุยทั้ง BTS, MRT และเดินทางไปต่างจังหวัดนั้นสามารถจับตำแหน่งได้อย่างชัดเจน ได้อารมณ์ที่เทียบเท่าหรือบางทีจับได้ดีกว่าเรือธงค่ายอื่นๆอีกด้วยนะ.
แบตเตอรี่กับการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นถือว่าทำออกมาได้ดี โดยวันๆนึงผมใช้เปิดสังคมออนไลน์ และอ่านข่าวนิดๆ แต่จะไปเน้นการฟังเพลงเป็นหลักซึ่ง Zenfone 5 นั้นสามารถตอบโจทย์ผมได้ทั้งการฟังผ่าน 3.5mm และ Bluetooth ซึ่งได้เสียงออกมาได้น่าพอใจอยู่พอตัวเลยทีเดียว ซึ่งผมเปิดใช้งานหน้าจอติดกันได้นานถึง 4 ชม. กว่าๆ แบบหน้าแสงไฟเกือบสุดหลายๆรอบเลย.
User Interface
User Interface ของ Asus Zenfone 5 นั้นมาพร้อมกับ ZenUI เวอร์ชั่นล่าสุด!!! ที่ให้ความรู้สึกของ Launcher เข้าใกล้ Pure มากขึ้นถ้าไม่นับ icon อ่ะนะ. โดยเราสามารถปัดหน้าจอเพื่อใช้งาน Google ได้เหมือนกับใช้ Pure Andoid รวมถึงการปัดหน้าจอขึ้นเพื่อดูหน้าต่าง App Drawer ได้แบบง่ายดาย. แถมยังมีธีมให้เราสามารถปรับแต่ง UI ของเครื่องได้อีกมากมาย ซึ่งมีให้เราเลือกทั้งแบบฟรีและแบบเสียค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน, รวมไปถึง Quick Settings ที่เรียกได้ว่าจัดเต็มแบบเต็มสุดๆไปเลยก็ว่าได้ครับ คือ….แบบว่า มันเยอะมาก โดยเราสามารถตั้งค่าลัดได้มากมาย.
อัลบั้มภาพของ Asus Zenfone 5 นั้นเราสามารถปรับทีมได้ 2 ทีมคือ สีขาว และสีดำ. ฟังดูแล้วอาจจะดูธรรมดาสินะ แต่ว่า… Gallery App นี้มาพร้อมกับความน่าทึ่งด้วย AI Photo Learning ที่สามารถจำแนกภาพต่างๆออกมาเป็น คน สัตว์ สิ่งของ และวิวต่างๆได้อีกด้วย รวมไปถึง AI Photo Learning นั้นจะมาเรียนรู้ถึงสิ่งที่เราชอบทั้งโทนสีภาพ แนวทางของภาพที่เราถ่าย คือ…. ยิ่งอยู่กับเรานาน มันก็ยิ่งฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆไปด้วยนั่นเอง.
แอพพื้นฐานของ ZenUI นั้นจะออกเป็นโทนขาวกับเส้นสีตัดของแต่ละแอพที่คนละโทนสีกัน ซึ่งมันดูสะอาดและดูน่าใช้มากเลย แต่ถ้าใช้ในยามแสงน้อยหรือที่มึด โอกาสปวดตานั้นก็จะสูงกว่ายี่ห้ออื่นหน่อยๆ.
Mobile manager แอพที่คอยมาช่วยเหลือเราเรื่องการจัดการภายในเครื่องแทบทุกอย่างเลยก็ว่าได้ โดยความสามารถเด็ดๆที่ประทับใจผมเลยก็คือ Battery Modes ที่มีให้เราปรับการใช้งานของแบตเตอรี่ได้หลายแบบไม่ว่าจะเป็น Performance, Normal, Power Saving, Super saving รวมถึงปรับเองได้อีก ซึ่งไม่แปลกเลยที่ Zenfone 5 จะสามารถใช้งานได้เต็มวัน. และ Cleanup ที่ทำช่วยให้เราดูง่ายขึ้นว่า เครื่องเราหนักที่อะไรและสามารถล้างออกได้อย่างง่ายดาย.
Gaming
ต้องยกความดีความชอบนี้ให้กับ Game Boost ของทาง Asus เขาจริงๆครับ. คือทำให้การเล่นเกมนั้นสะดวกมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการปิดแจ้งเตือนทุกอย่างเวลาเราเล่นและเคลียร์แรมให้เราก่อนเล่นได่อีกด้วย รวมไปถึงการ Steam สดลง Youtube และ Twitch ก็ยังได้.
Qualcomm Snapdragon 636 นั้นถือเป็นตัวที่บ่งบอกถึงสมรรถนะที่ดีของ Zenfone 5 ได้อยู่แล้วเมื่อรวมเข้าด้วยกับ AI Boost ยิ่งจะทำให้การเล่นเกมนั้นเข้าขั้นดีเลยสำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลาง โดยทางผมจะทำเป็นกราฟการวัตร fps ช่วงจุดพีคจากเกมต่างๆ (บางเกมนั้นจะถูกล็อคเฟรมเรต ไม่ให้เกิน 30 fps เพื่อความปลอดภับของชิพเซ็ตนะครับ.)
Camera
กล้องของ Zenfone 5 นั้นจัดอยูในหมวดตัวท็อปของสมาร์ทโฟนระดับกลางในตอนนี้เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เซนเซอร์กล้องหลัง Sony IMX 363 และเลนส์ไวด์อีกหนึ่งเลนส์สำหรับถ่ายมุมกว้างมากถึง 120 องศา. แล้วก็กล้องหน้าความละเอียด 8MP ที่สามารถถ่ายได้สวยแม้ที่แสงน้อยหรือแสงดี. โดยแอพกล้องหลักของทาง Zenfone 5 นั้นมีลูกเล่นถือว่าเยอะกว่าหลายค่ายเนื่องจาก Zenfone 5 สามารถถ่ายภาพได้ทั้ง Normal Mode, Super Wide Mode, และ Portrait Mode ซึ่งจะมีมากกว่าค่ายอื่นอยู่คือการถ่ายมุมกว้างนี่แหละ. รวมไปถึงความสามารถในการถ่าย ProMode ที่ทำให้สามารถถ่ายภาพในระดับมือโปร พร้อมทั้งสามารถเลือกบันทึกภาพเป็น Raw File ได้อีกด้วย.
Rear Camera Example
Normal Mode
Portrait Mode
SuperWide
Panorama
Front Camera Example
Zenmoji
อีกหนึ่งในลูกเล่นใหม่ของ Asus ที่มีการนำเทคโนโลยี AR มาใช้กับกล้องหน้าที่ทำให้การส่งคลิปข้อความนั้นสนุกมากยิ่งขึ้น โดยในตอนนี้จะมีให้เราได้ลองใช้ด้วยกันอยู่ 3 แบบก็คือ น้องนก, น้องหมา, และก็พี่หมีครับ. เดวมาลองชมวิดีโอกันดูดีกว่าว่ามันจะลื่นไหลน่าใช้งานมากน้อยขนาดไหน….
Good
- เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีหน้าจอแสดงผลได้สีที่ดีที่สุด
- แบตเตอรี่น่าประทับใจ ใช้ตลอดหนึ่งวัน ไม่ต้องชาร์จก็สามารถอยู่ได้
- กล้องหลังใช้งานได้ง่าย ลูกเล่นเยอะทั้ง SuperWide, Portrait, และธรรมดา
- ช่อง 3.5 mm ไม่ได้อยู่ในโซนของการให้เสียงดี แต่อยู่ในช่วงที่รับได้คุ้มราคา แถมยังไม่ต้องพกพอร์ต Type C to 3.5 mm อีกด้วย.
- ขอบพระคุณ QC 3.0 ที่ทำให้ชาร์จเร็ว และเครื่องไม่ร้อนด้วยนะ
- น้ำหนักของตัวเครื่องอยู่ในเกณฑ์เบา ไปจนถึงเบามาก (เนื่องจากผมใช้สมาร์ทโฟนไทเทเนียม มาจับอันนี้เลยเบาหวิวเลย.)
Bad
- กระจกหลังเป็นรอยขนแมวง่าย ซึ่งทางเราก็ยังไม่ทราบว่าเป็น Gorilla Glass เวอร์ชั่นไหน
- AI บางทีเหมือนเป็นแค่ Gimmick ของซอฟต์แวร์เหมือนค่ายอื่นๆ
- ในเวลาเล่นเกม จะมีอาการหน่วงไปจนถึงค้าง เมื่อทำการเลื่อนการแจ้งเตือนลงมา อาจเป็นเพราะการเปิดโหมดเกมที่ไปปิด Service อื่นเกือบหมด.
- ในช่วงที่เปิดแอพพร้อมกันหลายแอพ เมื่อเราทำการสลับแอพไปมา ตัวแอพจะทำงานใหม่ทันที ไม่มีการเก็บค่าเก่าที่เปิดค้างไว้อยู่ แต่ถือว่าใช้เวลารอไม่นานจนเกินไป
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยครับ