Asus ประเทศไทยได้ทำการเปิดตัว 2 รุ่นใหม่ล่าสุดในราคาที่น่าสนใจมาถึง 2 รุ่นด้วยกันครับและถ้าใครจำกันได้เราก็ได้รีวิวรุ่น Max Pro M2 กันไปแล้วและในวันนี้จะเป็นรุ่นเล็กลงมาหน่อยจากรุ่นนั้นคือรุ่น Max M2 นั้นเองแน่นอนว่าราคาจะอยู่ประมาณ 5 พันกว่าบาทครับ รวมถึงสเปคดีไซน์อะไรต่างๆก็มีความแตกต่างกันด้วยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ราคาถูกกว่าทางด้านสเปคอะไรก็แน่นอนว่าลดลงจากรุ่น Pro ครับรวมถึงการใช้วัสดุการออกแบบจะไปคล้ายกับตัวแรกมากกว่านั้นเอง แต่ด้านการใช้งานจะมีอะไรน่าสนใจหรือข้อดี อะไรยังไงบ้างต้องไปอ่านกันได้เลย และในรุ่นนี้ยังเป็นรุ่นแรกที่ใช้ Snapdragon 632 ตัวใหม่ล่าสุดเลยทีเดียวยังไม่มีค่ายไหนใช้งานกัน ซึ่ง Asus Max M2 ใช้งานเป็นรุ่นแรกเลย
zENFONE MAX M2 นั้นมีการออกแบบให้ทันสมัยด้วยหน้าจอ 6.3 นิ้ว HD ไร้ขอบพร้อมรอยบาก และมีการติดตั้งระบบกล้องคู่ มาให้รวมถึงการใช้บอดี้โลหะที่คล้ายกับ Max Pro M1 นั้นเองครับ 2 สี ได้แก่ สีเงิน และสีฟ้า และยังมาพร้อมกับ Qualcomm Snapdragon 636 เป็นตัวแรกของโลกด้วย รวมถึง แรม 4GB / 6GB, สตอเรจ 64GB, และยังคงจัดเต็มเรื่อง แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh มาให้ใช้งานกันทั้งวันสบายๆครับ
สำหรับทางด้านราคาของทาง MAX M2 นั้นจะมี 2 รุ่นย่อยซึ่งจะมีรุ่นที่ขาย ปกติ กับ ขายผ่านทาง Shoppee เท่านั้น ราคา ZenFone Max M2
- SD632/4G/64G/4000mAh: ฿5,990
- SD632/4G/32G/4000mAh: ฿5,490 เฉพาะที่ Shopee
UNBOX
- ตัวเครื่อง Max M2
- สายชาร์จ Micro-USB 2.0
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- หัวชาร์จไฟเข้า 5V 2A (10W)
- หูฟัง inear
- เคสใส TPU
ตัวเคสใสที่แถมมาในกล่องนะครับทั้ง 2 รุ่น MAX PRO M2 / MAX M2 จะได้เคสวัสดุแบบเดียวกันนะมีความหนาพอประมาณเคสแถมแบรนด์อื่นๆ หุ่มปกป้องตัวเครื่องได้ทุกมุมครับรวมถึงกล้องหลัง แต่จะเจาะรูเว้นบริเวณปุ่มกดทั้งหมดไว้ให้กดง่ายขึ้นครับในขอบด้านข้าง แต่อาจจะทำให้ฝุ่นนั้นเข้าไปได้ง่ายขึ้นนิดหน่อยครับ
DESIGN
ทางด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับวัสดุโลหะทั้งตัวเครื่องการออกแบบจะค่อนข้างคล้ายกับทางรุ่นแรกคือ MaxPro m1 นั้นเองครับจริงๆแอบชอบเรียบๆแบบ Max M1 มากกว่านิดหน่อย แต่ความรู้สึกสัมผัสก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนักอยู่ในระดับที่รับได้ครับส่วนขนาดความหนาบางค่อนข้างใกล้กับตัว Max Pro m2 เลยแค่วัสดุแตกต่างกันแค่นั้นครับ โดยรวมดีไซน์ การจับถือ แรกสัมผัสรู้สึกโอเคเลยครับไม่ได้แย่หรือบอบบางอะไรในจุดนี้ทั้งหน้าและหลัง
ด้านหน้ามาพร้อมหน้าจอ 2.5D คล้ายกับรุ่นพี่แต่ก็แตกต่างในรายละเอียดบางจุดในรุ่นนี้มาพร้อม หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ให้ภาพ 88% ของพื้นที่หน้าจอ สัดส่วน 19:9 HD+ ความละเอียด 1520 x 720 พิกเซล แต่ปิดติ่งไม่ได้นะ
ส่วนทางด้านขอบล่างนั้นก็มีพื้นที่พอสมควรครับในเรทราคาแบบนี้ พร้อมกับปุ่มทั้งหมดได้ย้ายไปอยู่บนจอเป็นปกติไปแล้วและในรุ่นนี้ไม่สามารถใช้งานสลับปุ่มหรือ ใช้แบบปัดไปมาได้นะครับเพราะเป็น Pure ANDROID นั้นเองครับ
ทางด้านขอบบนหน้าจอตัวนี้ทำได้บางพอสมควรแต่ก็แลกกับการที่มีติ่งหน้าจอที่ใหญ่มาแทนครับ ตัวติ่งหน้าจอนั้นจะเป็นที่อยู่ของลำโพง ไฟแจ้งเตือน ไฟแฟลช กล้องหน้า และ เซนเซอร์ทั้งหมดครับผมจัดมาให้ครบเลยรุ่นนี้
ทางด้านขอบล่างของตัวเครื่องนั้นเป็นช่องลำโพง รูสำหรับชาร์จเป็น Micro USB และก็รูไมค์ ในส่วนฐานครับ
ขอบด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นที่อยู่ของปุ่มทั้งหมดครับปุ่ม เพิ่มลดเสียง ปุ่ม Power มีการเล่นลวดลายเล็กน้อยด้วย
ขอบซ้ายของเครื่องอันนี้เรียบๆเลยครับ เป็นแค่ช่องใส่ซิมแบบ 3 Slot รองรับทั้ง Dualsims และ ใส่ Sd-card ได้
ขอบบนตัวเครื่องยังคงมี รู 3.5 มม. มาให้ครับในรุ่นนี้ และ เป็นรูไมค์อันที่ 2 สำหรับตัดเสียงต่างๆในการใช้งานครับ
ด้านหลังเป็นวัสดุสีน้ำเงินด้าน เป็นโลหะการออกแบบคล้ายตัว Pro M1 พร้อมกับโลโก้ ล่างสแกนนิ้ว รวมถึงมาพร้อมกล้องคู่ และ ไฟแฟลชด้านล่างครับผม
SPEC
- Pure Android 8.1 พร้อมอัพเดท 9.0
- CPU Snapdragon 632 – 1.8 GHz Qualcomm® Adreno™ 506
- หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว 88% ของพื้นที่หน้าจอ สัดส่วน 19:9 HD+ ความละเอียด 1520 x 720 พิกเซล
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 กล้องตัวที่ 2 สำหรับวัดระยะ 2 ล้านพิกเซล พร้อม EIS ในวีดีโอ
- AI Photography
- กล้องหน้า 8 ล้าน รูรับแสง f/2.0 แฟลช LED Softlight
- 4K UHD บันทึกวีดีโอสำหรับกล้องหลักด้านหลัง
- แบตเตอรี่ 4000 mAh 5V 2A 10W
- RAM 4 GB/ STORAGE 64 /32 GB emmc 5.1
- Google Drive 100 GB ฟรี 1 ปี
- เสียงลำโพง แม่เหล็ก 5 ชิ้น ดังขึ้น 40% จากรุ่นแรก
- วิทยุคลื่น FM / WLAN 802.11 b/g/n; รองรับ Wi-Fi direct Bluetooth 4.2
- น้ำหนัก 160 กรัม
- วางจำหน่าย 3 สี ได้แก่ Midnight Black (ดำ), Space Blue (น้ำเงิน), และ Meteor Silver (เงิน)
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพของตัว Zenfone Max M2 นั้นมาพร้อม Snap 632 + Ram 4GB มาพร้อมกับหน่วยความจำแบบ EMMC 5.1 คะแนนทำไปได้ 102726 ในระดับกลางๆถือว่าไม่เลวครับคะแนน Geekbench 1228/4767 ถือว่า CPU นี้ใช้ได้เลยแหละและขับจอ HD ด้วยสบายๆ และรองรับ Netflix HD ได้สูงสุดครับผม Widevine L1
SYSTEM UI
หน้าตาโดยรวมความเป็น PureAndroid มาเต็มครับมาพร้อม 8.1 แต่อัพเดท 9.0 แน่นอนและเร็วๆนี้ครับ หน้าตาไม่มีอะไรมาคนใช้ Nexus คงคุ้นเคยกันดี การแจ้งเตือนอะไรต่างๆไวดี เป็นจุดตามแอพนะครับไม่มีตัวเลข รวมถึงการใช้ PureAndroid ทำให้ใช้งานได้ไหลลื่น เสถียรและไม่หน่วงรวมถึงแอพไม่รกด้วยครับเบาเครื่องสบายมากๆเลย
สำหรับหน้าตาการแจ้งเตือน และ Quicksetting ต่างๆนั้นก็มาในโทนสีขาวเช่นเดิมครับปรับแต่งได้ ปรับความสว่างหน้าจอได้จากแถบด้านบน การแบ่งหน้าจอทำได้เหมือนเดิมครับกด สัญลักษณ์สี่เหลี่ยมค้างไว้ และแบ่งแอปได้เลย
คียบอร์ดไทย เป็นของ Google Gboard เช่นเดิม และตัว ความจุรุ่นนี้มาให้ 64GB และใช้งานได้จริงๆไม่รวมแอป นั้นอยู่ที่ 52 โดยประมาณ และในส่วนของ RAM รุ่นนี้ มาให้ 4GB เหลือใช้งานประมาณ 1.4 GB ครับ
มีสแกนใบหน้า อะไรมาให้ใช้งานครับ ทำได้ไวพอสมควร จดจำแบบ 2 มิติทั่วไปนะครับ ส่วนของ การใช้งาน Gesture มาให้ 2 อัน คือเคาะเปิดหน้าจอ และ เคาะ 2 ครั้ง ปิดหน้าจอ หน้าจอไม่สามารถปิดติ่งได้นะ แต่ปรับขนาด หน้าจอ SmartScren หรือ หน้าจอ Ambient Display ได้จะแจ้งเตือนข้อความอะไรเวลาจอดับครับผม
SCREEN
หน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับความละเอียดแค่ HD+ แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้คมชัดอะไรมากแต่ในการใช้งานทั่วไปก็ไม่ค่อนแตกต่างอะไรกันมากครับยกเว้นจะยกมาเทียบกันกับพวก 2K 4K นั้นเองครับ ตัวหน้าจอนั้นมีขนาด 6.3 นิ้ว HD+ (1520 x 720) IPS อัตรส่วนต่อพื้นที่ 88% กระจกหน้าจอแบบโค้งนิดๆ 2.5D เรื่องของคุณภาพการสู้แสงอันนี้ทำได้ดีครับ สู้แสงแดดได้ดีเลยในการใช้งานกลางแจ้งหรือภายนอกอาคาร จุดนี้ถือว่าผ่านสบายๆ มาในเรื่องของ คุณภาพ ความคมชัด สีสันต่างๆตัวนี้เอาจริงๆด้อยกว่าทาง Pro M2 ค่อนข้างรู้สึกได้ครับสีจะไม่ค่อยสดเข้มอะไรมากนักจะค่อนข้างไปทางจืดๆหน่อย และ ความคมชัดถ้าใครมาจากเรือธงอาจจะรู้สึกได้ว่ามันแค่ HD นั้นเองครับ และในเรื่องของการทัชใช้งานนั้นอันนี้ไม่เจออาการเพี้ยนอะไรครับดีกว่ารุ่นก่อนๆพอสมควรเลยแหละติดนิ้วได้ดีขึ้นเยอะเลย
SOUND
เรื่องของเสียงกันบ้างครับเสียงในรุ่นนี้นั้นสามารถใช้งานรู 3.5มม.ได้เหมือนเดิมนะครับ สำหรับทดสอบครับลองใช้งานกับตัวหูฟังตัวนี้ซึ่งแน่นอนว่า เสียงในเรทราคานี้ก็ต้องทำใจกันไว้ก่อนว่าคงไม่ได้เด่นอะไรมาก แต่จากที่ลองมันก็ไม่ได้แย่จนฟังไม่ได้เลยนะ ถือว่าดีกว่าในหลายๆรุ่นในเรทนี้ที่ออกมาครับ เสียงมิติ เวที กำลังขับต่างๆนั้นที่ถ่ายทอดออกมาทำได้ดีและขับได้อยู่เหมือนกันเสียงไม่ได้แบน เหมือนบางรุ่นที่ลองครับ ถือว่าเรื่องเสียงนั้นแอบดีกว่าที่คิดในเรทราคาประมาณนี้และดีกว่าตัวอื่นๆเลยแหละที่ลองเทียบๆกันครับ เป็นอีกอย่างที่ค่อนข้างดีสำหรับรุ่นนี้เลยครับเสียงนั้นไม่ค่อยต่างกับตัว Pro 2 มากนักครับ ใกล้เคียงกันมากๆเอาจริงๆถือว่าดีกว่าหลายตัวในงบ 5 พันเลยนะที่ลองมา
ตัวนี้ยังดีที่มีหูฟังมาให้เราได้ลองกันครับ หูฟังเป็นแบบ Inear สีขาว พร้อมจุกซิลิโคนมาให้ วัสดุพลาสติกเบาๆหวิวๆหน่อยครับ สายสีขาวเล็กๆและมีไมค์มาให้ในตัวครับใช้งานคุยอะไรได้ปกติเลย ส่วนเรื่องของเสียงนั้นต้องบอกว่าธรรมดาเลยแหละ เสียงไม่ค่อยมีมิติใสๆ ไม่มีเบสเท่าไรครับ ฟังแก้ขัดได้ครับ เอาไว้คุยน่าจะดีกว่า แต่ก็เป็นไม่กี่ค่ายในราคานี้ที่ให้หูฟังมาให้นะครับ เพราะหลายๆตัวนั้นจะตัดหูฟังกันไปแล้ว ก็เป็นอีกจุดที่ให้มาดีกว่าไม่มีมาให้นะครับ
SPEAKER
ลำโพงในรุ่นนี้ยังคงมีการพัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิมครับ โดยใช้เทคโนโลยีที่คุ้นเคยกันอยู่คือระบบ ลำโพงแม่เหล็ก 5 ตัวพร้อม NXP smart amplifier เพื่อเสียงที่ดัง ทุ้ม และชัดเจน ขึ้นกว่าเดิมและเคลมว่าดีกว่ารุ่นก่อนถึง 40% ครับแน่นอนว่าเราเลยเอามาเทียบรุ่น Pro M1 รุ่นที่แล้วกันก่อนเลยครับ เสียงที่ได้ต้องบอกว่าดังสะใจขึ้นเลยแหละ มิติมาดีกว่าเดิมเลยครับ สู้กับตัว Pro M1 ได้ดีเลยและอาจจะมีมิติดีกว่าด้วยในบางจังหวะครับ ถือว่าเป็นรุ่นที่เน้นลำโพงมาตลอดเลยยังคงพัฒนามาเรื่อยๆสำหรับทาง Asus ครับ และในตัว Max Pro M2 ก็ได้พัฒนาหนีขึ้นไปอีกครับ
GPS
จากการทดสอบ GPS ในการทำทางจริงๆนั้นต้องบอกว่าไม่เจออาการหน่วง เอ๋อ หรือ หลุดนอกเส้นทางแต่อย่างใดครับ ถ้าหากใครเน้นการนำทางก็ใชได้นะแต่เอาจริงๆเมื่อใช้งานจะพบว่า Pro M2 ทำได้ดีกว่าในการใช้งานจริงๆและรวมถึงการวัดด้วยแอพครับ แต่เหมือนจะดีกว่าตัว M1 นะครับที่ได้ทดลอง เมื่อวัดผ่านแอพนั้นจับได้ทั้งหมด 18 จาก 47 ดวงในที่กลางแจ้ง และ ในร่ม 18 ดวงจาก 36 ถือว่าทำได้ดีครับ ระยะเวลาในการจับถือว่าไวพอสมควรครับ
BATTERY
แบต 4,000 mAh จับคู่กับจอ HD+ และใช้ Snapdragon 632 ทำให้เวลาในการใช้งานทั้งหมดทั้งวันได้ 2 วันได้สบายมากกก ! แบตจากที่แอดมินใช้งานนั้นทั้งหมด 12 ชั่วโมงจัดเต็ม จอเปิด 5 ชั่วโมง ทำงาน เล่นเกม ถ่ายรูป ทดสอบ Antutu ใช้งานหนักหน่วงแบตกลับมาบ้านเหลือ 43 % ต้องบอกว่าใช้งานได้ทั้งวันสบายมากจริงๆ เรียกได้ว่า สมกับราคา และ ตัวเครื่องบางด้วยนะแม้จะแบตใหญ่ขนาดนี้ถือว่าจัดการได้ดีทั้งการออกแบบ และ อัตราการกินไฟของตัวเครื่องโดยรวมครับสุดยอดเลยครับ ทั้งหลายๆอย่างช่วยกันได้ดี หน้าจอ CPU และ ระบบไม่ดึงทรัพยากรครับ
GAMING
CAMERA
มาพร้อม กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.8 จับ ระบบโฟกัส PDAF ส่วนกล้องตัวที่ 2 นั้นเป็นกล้องสำหรับวัดระยะ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนทางด้านหน้าตาการใช้งานยังคงเหมือนกับทาง Max Pro M2 ทุกอย่างรวมถึงโหมดการถ่าย และ การที่รองรับการถ่ายแบบ โปรได้ด้วยครับสามารถปรับได้ และยังใช้งานถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วยถือว่ากล้องค่อนข้างดีและให้มาครบเลย ส่วนคุณภาพก็ต้องบอกว่าตามราคาครับ กลางวันใช้ได้เลย คมชัดสีสวย แต่กลางคืนนั้นจะเจอความไม่คมและ Noise มาค่อนข้างเยอะครับ เราไปดูตัวอย่างภาพถ่ายกันเลย
สำหรับหน้าตา ใช้ของ Asus เองนะครับแต่หน้าตาแอบดูเก่าไปหน่อยทั้งโหมดและการตั้งค่าต่างๆ สามารถตั้งค่า ถ่ายต่อเนื่อง สถานที่ ความละเอียดได้หมดแต่ไม่มีลายน้ำนะครับ โหมดโปรอะไรมีมาให้ HDR ต่างๆ แต่ไม่เจอ พาโนรามานะครับ **น่าจะเพราะ Asus แจ้งว่า จะมีอัพเดทในตัวขายจริงมาให้อีกรอบ ทั้งเรื่อง Ai ที่ดีขึ้น และ คุณภาพ โหมดต่างๆที่มาเต็มมากกว่าเดิมครับ เหมือนกับของ Max Pro M2 เลยแหละ
SELFIES
กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8 MP มาพร้อมไฟแฟลชกล้องหน้า แต่ไม่มีฟีเจอร์การถ่ายละลายหลัง และ ความละเอียดน้อยลงกว่าตัว Max Pro M2 ครับ กล้องหน้าทำได้กลางๆครับ ไม่มี Autofocus ในเรื่องคุณภาพนั้น ในสภาพแสงกลางวัน หรือแสงมากๆนั้นทำได้ใช้ได้แค่ไม่ค่อนคมเท่าไร รวมถึงถ้าแสงน้อยนั้นต้องบอกว่าไม่สวยเท่าไรนัก แต่ก็ดีกว่ารุ่นเดิมแน่นอนครับในจุดนี้ ปรับหน้าสวยได้ดีขึ้น แต่คุณภาพ อาจจะยังไม่สุดเท่าไรครับกล้องหน้า
VIDEO
การถ่ายวีดีโอในรุ่นนี้มาให้มากถึงระดับ 4K ครับแน่นอนว่าไม่มีการถ่าย 60fps ทั้ง FHD / 4K แต่ก็เป็นไม่มีค่ายที่ใส่การถ่าย 4K มาให้ในเรทราคาประมาณ 5 พันกว่าบาทครับถือว่าดีเลยแหละ ส่วนของคุณภาพของตัวไมค์ที่จัดว่าดีพอสมควรนะ แต่ถ้าเจอเสียงรบกวนมากๆก็อาจจะมีแปลกๆบ้าง ส่วนตัวคุณภาพ ของภาพ นั้นต้องบอกว่าอยู่ในระดับที่รับได้และกันสั่นทำงานได้ดีครับแม้จะไม่ได้นิ่งอะไรมากเพราะมีแค่ EIS ช่วยในการทำงานแต่ในเรทนี้ก็ถือว่าไม่แย่เลย
ASUS ZENFONE MAX PRO M2
” น้องเล็กความคุ้มค่าในงบราคาไม่เกิน 6 พัน ใช้งานทั่วไปสบาย “
เป็นอีกรุ่นที่ทำออกมาราคาน่าโดนอย่างมากครับเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ของมันทั้งสเปค ฟีเจอร์ และคุณภาพโดยรวมเด่นๆของมันก็หนีไม่พ้นระบบที่ค่อนข้างลื่น และ เสถียร อีกทั้งยังมาพร้อมกล้องหลังคู่ ลำโพงที่คุณภาพความดังใช้ได้ หน้าจอที่มีขนาดใหญ่ และ สู้แสงได้ดีเลยแหละ บอดี้งานประกอบจัดว่าดี เป็นมือถือที่หลายๆคนนั้นใช้งานได้สบาย และ แบตที่ใช้งานมานั้นมันโคตรอึด แบบอึดมากๆเลยแหละ CPU ใช้งานได้เหลือๆ เป็นเครื่องสำรองก็ได้เน้นระบบนิ่งๆครับ แต่ถ้าใครเน้นกล้องหน้าหลัง หรือ ระบบที่ปรับแต่งได้เยอะตัวนี้ไม่ตอบโจทย์แน่นอนครับ ทางด้านกล้องอาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก และ น่าเสียดายที่ยังไม่รองรับ Wifi 5Ghz สำหรับรุ่นนี้ หลายๆคนชอบถามกันมาเสียดายมากๆ
ข้อดี
- เป็นรุ่นแรกที่ใช้ CPU Snapdragon 632 ใหม่ล่าสุดแรงกว่าเดิม
- ตัวเครื่องงานประกอบใช้ได้เลย
- ตัวแบต 4,000 mAh อึดมากๆ ใช้งาน 2 วันได้
- ลำโพง 1 ตัว ความดัง และ มิติเสียง มาดีขึ้น
- รองรับ 2 ซิม + Microsd Triple Slot
- Pure Android ใช้งานได้ลื่น สเถียร
- หน้าจอสู้แสงได้ดีและมองเห็นชัด
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับ Wifi 5Ghz
- ตัวระบบ Pureandroid ปรับแต่งได้น้อยอาจจะเบื่อง่าย
- ไม่สามารถปิดติ่งได้
- ไม่สามารถใช้งาน Sim แบบ DualActive พร้อมกันได้
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Preview By Nineztr