ฮัลโหลสวัสดีครับเพื่อนๆที่ติดตามเว็ปไซต์ TechHangOut ทุกๆคนสำหรับกระทู้นี้ผมก็มีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่จะมาทำการรีวิวและทำการแกะกล่องให้ชมกันอีกเช่นเคยเพื่อเป็นอีกหนึ่งการตัดสินใจที่เอาไว้สำหรับการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ให้กับเพื่อนๆนั้นเอง !
พูดถึงการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่นั้นก่อนอื่นเลยเป็นอีกหนึ่งข้อของการตัดสินใจในการเลือกซื้อคือมันต้องหาความต้องการของตัวเองให้ได้เสียก่อนเอาไว้สำหรับในการใช้สมาร์ทโฟนในซีวิตประจำวันให้เจอซะก่อนและก็อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันในอันดับต่อมาก็คือเรื่องของราคาสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆนั้นก็มีออกมาให้เพื่อนๆได้เลือกซื้อกันเยอะแยะมากมายแต่สิ่งสำคัญของการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่
นั้นสำหรับเพื่อนๆหลายคนสำหรับคนที่ยังไม่รู้มันได้อยู่ในบทความที่ผมทำการเขียนไว้ก่อนหน้านี้อย่างเรื่องของโจทย์ในการใช้งานและก็เรื่องราคาที่โอเคให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา เอาเป็นว่าพักเรื่องราคากับเรื่องโจทย์การใช้งานกันก่อนเเล้วมาลองดูสมาร์ทโฟนที่ผมจะมาทำการรีวิวต่อจากนี้กันดีกว่าสำหรับรุ่นนี้ผมจะนำมารีวิวให้เพื่อนๆได้อ่านนั้นมันมีดีเรื่องราคาที่พอสมน้ำสมเนื้อและยังมีดีทั้งในเรื่องการตอบโจทย์ของทุกการใช้งานอย่างแน่นอนสำหรับสมาร์ทโฟนที่ผมกำลังพูดถึงนั้นก็คือรุ่น Asus Zenfone 3 Limited Edition นั้นเองครับบบบ !!
Asus Zenfone 3 Limited Edition
สำหรับรุ่นนี้จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดมาจากสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมในบ้านเราในปีที่เเล้วอย่างเจ้า Asus Zenfone 2 สำหรับรุ่นเซ็นโฟนสามนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีไซน์ที่เป็นแบบ Metal-Glass ตัวช่วยในเรื่องการเพิ่มความสวยหรูและดูงดงามเเละเเตกต่างไปจากเดิมอีกทั้งในเรื่องการเปลี่ยนแปลงในการเลือกใช้หน่วยประมวลผลอย่าง Qualcomm Snapdragon ที่ถือได้ว่ามีความสเถียนส่วนในเรื่องของการถ่ายภาพทาง Asus ก็ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้เชนเซอร์กล้องอย่าง Sony IMX พร้อมเพิ่มระบบป้องกันการสั่นไหวอย่าง OIS และ EIS ที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบในการถ่ายภาพและวีดีโออีกทั้งเรื่องของการใช้งานของระบบเคลือค่ายแบบใหม่ที่ยังเลือกใช้งานอย่างระบบ Full Netcomm 3.0 4G/3G ที่เหมาะกับการใช้งานในเครือข่ายมือถือในบ้านเราและมีการเปลี่ยนพอตการชาร์แบตในอนาคตที่เลือกมาใช้พอตแบบ USB Type C ที่สามารถรองรับการใช้งานในการชาร์แบตเตอร์รี่ในอนาคตอีกทั้งสำหรับ Asus ก็ยังให้ความสำคัญในเรื่องของมัลติมีเดียที่ใส่ตัวช่วยในการขับเสียงอย่างชิพเสียง Hi – Res Audio มาให้อีกด้วยย
ก่อนทำการแกะกล่อง : Asus Zenfone 3 Limited Edition
สำหรับดีไซน์บนกล่องของ Zenfone3 Limited Edition นี้นั้นจะเเตกต่างจากรุ่นอื่นๆเพราะจะมีขนาดกล่องที่ใหญ่เป็นพิเศษ และ ทางบริษัท Asus ได้สั่งทำกล่องกระดาษแบบพิเศษจากบริษัท บลูร่าโนอินเตอร์ ซึงมีความพิเศษและดูสวยงามไม่ว่าจะเป็นเรื่องเฉดสีที่เลือกใช้สีน้ำเงินออกกรมท่าและยังมี Logo สัญญาลักษณ์ของ Asus และ Zenfone 3 ที่พิมออกมาเป็นสีทองทำให้ตัดกับสีกรมท่าได้อย่างดีและยังทำให้ตัวกล่องดูสวยงามและดูคลาสสิคมากยิ่งขึ้นอีกด้วยทั้งยิ่งทำให้มันดูหน้าเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีอีกด้วย
พอเราได้ทำการเปิดฝากล่องขึ้นมานั้นสิ่งที่เราได้เห็นเป็นสิ่งแรกที่สังเกตุเห็นก็คือตัวอักษรสีทองที่มีแปะติดไว้บนฝากล่องที่เรายังสามารถดึงถอดเพื่อเห็นตัวกล่องด้านในออกมาได้และทาง Asus ได้ทำการพิมไว้ว่า Incredible is now ซึงมันแปลได้ว่า ‘ สิ่งที่น่าเหลือเชื่อ หรือสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ ‘ มันได้เกิดขึ้นเเล้วนั้นเอง
หลังจากเราได้ทำการเปิดฝาอันที่สองออกข้างในนั้นเราจะเห็นกล่องจำนวนสองกล่องเป็นกล่องของสมาร์ทโฟน Zenfone 3 สีน้ำเงินกรมท่า และกล่องของหูฟัง Marshall – Major II ที่มีแถมมาให้สำหรับรุ่นนี้นั้นเองเเต่ที่หน้าสนใจนั้นก็คือมันมีราคาจำหน่ายถึง 4,390 บาทเลยทีเดียว
และอีกอย่างที่เราจะสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือตัวริบบิ้นผ้าสีน้ำเงินหลายคนที่เคยอ่านรีวิวจากที่อื่นคงจะสงสัยว่ามันมีเอาไว้ทำอะไรเจ้าริบบิ้นผ้านั้นจริงๆแล้วมันมีเอาไว้สำหรับดึงกล่องของหูฟังขึ้นมาเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องทำการยกกล่องเพื่อคร่ำกล่องเพื่อที่จะเอาหูฟังหรือกล่องของโทรศัพท์ออกมานั้นเอง (มันทำให้สะดวกมากขึ้น)
เปิดกล่อง : Marshall รุ่น Major II
ดีไซนน์บนหน้ากล่องของหูฟัง Marshall – Major II นั้นจะมี Logo บอกถึงยี่ห้อที่เป็นสีขาวและชื่อรุ่นในวงกลมสีดำและก็มีตัวหูฟังที่อยู่ภายในกล่องแปะไว้บนกล่องด้วยส่วนตัวกล่องนั้นจะมีสีขาวออกเทาๆดูส่วนตัวผมว่ามันดูสวยงามเลยทีเดียวทั้งยังมีตัวหนังสือที่เขียนว่าห้ามจำหน่ายอีกด้วย
และพอเราได้ทำการเเกะด้วยการดึงกล่องออกมานั้นก็จะเห็นกล่องที่มีสีดำภายในกล่องจะมีตัวของหูฟังและสายเชื่อมต่อหูฟังเข้ากับโทรศัพท์แบบ 3.5 มม ที่มีตัวสายสีดำและมีตัวเเจ็คเสียบสีทองทั้งสองข้างทำให้มันดูสวยไปอีกเเบบมันเหมาะสมกับราคา 4,000 กว่าบาทมากๆเลย
แกะกล่อง : Asus Zenfone 3 Limited Edition
อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่อง
- หัวชาร์จแบบ 2 A
- หูฟังแบบ InEar แบบขนาด M
- จุกอย่างแบบ 2 ขนาด S และ L
- ตัวเครื่อง
- สายชาร์จ แบบ Usb Type -c
- คู่มืออยู่ในเล่มสีดำ
- เข็มจิ้มซิม
ดีไซน์ : Asus Zenfone 3 Limited Edition
สำหรับรุ่นนี้นั้นจะถูกปรับเปลี่ยนดีไซน์ไปจากรุ่นเดิมอย่าง Zenfone2 แบบยกแผงเลยก็ว่าได้และสำหรับรุ่นนี้นั้นจะมาพร้อมดีไซน์แบบ Metal -Glass แบบกระจกรอบตัวเครื่องอีกทั้งมันยังทนต่อรอยขีดข่วนและตัวเครื่องยังมีขอบแบบพิเศษที่ผลิตมาจากอะลูมิเนียมซึงทำให้มีความสวยงามและมีความทนทานมากขึ้นสำหรับเรื่องหน้าจอรุ่นนี้นั้นสำหรับด้านหน้ายังเลือกใช้กระจกกันรอยแบบขอบโค้ง 2.5 D อย่าง Corning Gorilla Glass 3 ที่ทำให้สามารถให้เราใช้งานสัมผัสได้ตั้งเเต่ขอบจอและสำหรับตัวเครื่องด้านหลังก็ใช้ยังเป็นกระจกอย่าง Corning Gorilla Glass 3 เอาเป็นว่ามันใช้ทั้งด้านหน้า และด้านหลังทำให้มันทนทานต่อการขีดข่วนต่างๆและมันยังทำให้ดูสวยงามหรูหราเลยทีเดียว
สำหรับรุ่นนี้นั้นจะมาพร้อมกับ หน้าจอแสดงผลแบบ Super IPS+ มีความละเอียดอยู่ที่ Full HD 1080p และยังเป็นแบบ 500 ints ที่ทำให้จอดูสว่างและทำให้สีนั้นดูสดมากขึ้นจากรุ่นก่อนๆ มาพร้อมหน้าจอการใช้งานขนาด 5.5 นิ้ว มีความละเอียด 1920×1080 พิกเซล ความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 401 ppi และทำให้ภาพดูคมอีกทั้งจอยังสามารถสู้แสงแดดได้ดีอีกด้วย
สำหรับตัวเครื่องด้านหน้าด้านบน : ของรุ่นนี้นั้นจะมาพร้อมลำโพงสนทนา ไฟเเจ้งเตือนต่างๆ LED และยังมีเซนเซอร์ทำหน้าจอดับเวลาที่เราเอามือถือไปแนบกับหูในระหว่างการสนทนา มีกล้องหน้าความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลและมีรูรับแสงกว้างอยู่ที่ F/2.0 ซึงมันยังทำให้ถ่ายภาพในตอนกลางคืนนั้นสว่างมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับตัวเครื่องด้านหน้าด้านล่าง : จะมาพร้อมปุ่ม ซอฟต์คีย์ หรือแถบการใช้งาน 3 ปุ่มหลัก ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ , โฮม , Recent Apps หรือปุ่มไว้สำหรับเครียแอพหรือปิดแอพนั้นเองสำหรับปุ่มทั้งสามปุ่มนี้จะไม่มีไฟนะครับ
สำหรับตัวเครื่องด้านขวา : จะมีปุ่มปลดล็อกตัวเครื่อง ปุ่มเพิ่มเสียงและลดเสียงที่จะเห็นเป็นสีเงิน
สำหรับตัวเครื่องด้านซ้าย : ก็จะมีรูเอาไว้ให้เข็มจิ้มเพื่อให้เราดึงเอาถาดซิมออกมา
ซึงถ้าเราดึงออกมาก็จะเห็นถาดซิมแบบ Dual-Sim ซึงสำหรับรุ่นนี้จะรองรับการใช้งานแบบ Dual-Sim แต่ถ้าเราจะใช้งานแบบสองซิมเราก็จะไม่สามารถเพิ่มเม้มหรือ MicroSD ได้และเรายังสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 2,000 GB เลยทีเดียวอีกทั้งรุ่นนี้ยังรับรองระบบการใช้งานแบบสองซิมการ์ด Full Netcomm 3 ที่สามารถใช้งานได้แบบสองซิมในสัญญาณ 4G/3G อีกด้วย
สำหรับตัวเครื่องด้านบน : จะมาพร้อมช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม เเต่สำหรับรุ่นนี้นั้นจะมีความพิเศษก็คือจะมีชิพเสียงพลังขับแบบ Hi-Res 24 Bit / 192Khz เอาใจคนรักในการฟังเพลงและอีกทั้งยังมีรูไมโครโฟนตัวที่สองที่เป็นตัวช่วยเอาไว้ในการตัดเสียงรบกวนรอบข้างระหว่างเราสนทนา
สำหรับตัวเครื่องด้านล่าง : นั้นก็จะมาพร้อมรูไมโครโฟนสำหรับเอาไว้พูดคุยสนทนา และ ช่องเสียบต่อสาย USB แบบ Type C ที่สามารถเสียบชาร์ได้ทั้งสองฝั่งทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้นในการชาร์อีกทั้งยังมาพร้อมลำโพงแบบที่เขาบอกว่ามาพร้อมเเม่เหล็กถึง 5 ตัวที่ช่วยในการขับเสียงให้ออกมาดีเเละดูมีเสียงที่มีมิติมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ
สำหรับตัวเครื่องด้านหลังของเครื่อง : จะมาพร้อมกลัองหลังความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซลมาพร้อมไฟแฟลชคู่ LED เเละตัวกล้องจะมีความกว้างของรูรับแสงอยู่ที่ F/2.0 สำหรับตัวกล้องนั้นจะใช้ตัวกล้องแบบ 6 ชิ้นเลนส์ อีกทั้งยังมีเชนเซอร์อย่าง Laser focus ที่ใช้เวลาการจับภาพของวัสถุเพียง 0.03 วินาทีด้วยระบบที่เรียกว่า Tri-Tech Autofocus ทั้งยังมาพร้อมระบบป้องกันการสั่นไหวอย่าง Ois แบบ 4 แกน และมาพร้อมโหมดการถ่ายภาพแบบ Super Resolution ที่สามารถปรับภาพที่ถ่ายให้มีความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล
อีกทั้งยังมาพร้อมเชนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องค์ศา และยังสามารถเพิ่มการใช้งานโดยการปลดล็อกลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 นิ้วโดยเเค่เราทำการสัมผัสแบบเบาๆตัวเครื่องก็จะทำการปลดล็อกให้เองทันที
การใช้งานในโหมดดูหนังฟังเพลง : Asus Zenfone 3 Limited Edition
แน่นอนครับว่าหลายๆคนอาจจะรู้ว่าเจ้า Asus Zenfone 3 5.5 นิ้วนี้นั้นจะแถมมาพร้อมกับหูฟังที่มีความพิเศษในเรื่องของการฟังเพลงและมีดีไซน์ที่ดูคลาสสิคพร้อมพลังขับของเสียงถึงระดับ Hi-Res 24 Bit ที่ทำให้มีเสียงที่ใสเเละเพราะและยังช่วยในการแยกรายละเอียดของเสียง
เหมาะสำหรับการนั่งฟังเพลงชิวๆหรือดูหนังดูคลิปวีดีโอต่างๆไม่ว่าจะในการเล่นเกมส์ก็จะทำให้เราเพลินเเละเรามีความสุขมากยิ่งขึ้น
ด้วยขนาดหน้าจอของเจ้า Asus zenfone 3 Limited Edition ที่มีขนาดหน้าจอความกว้างถึง 5.5 นิ้วอีกทั้งหน้าจอความละเอียดสีแบบ IPS + ที่ทำให้สีดูสดและดูเป็นธรรมชาติยิ่งทำให้เวลาที่เราดูหนังนานๆทำให้เราไม่รู้สึกปวดตาหรือเวลาที่เราดูหนังหรือเล่นโทรศัพท์ในที่ที่มีแสงแดดเยอะๆหน้าจอของรุ่นนี้ก็ยังสามารถทำสู้แสงแดดได้ดีอีกด้วยอีกทั้งยังมีตัวเครื่องที่มีความเบาเป็นพิเศษเพราะมีน้ำหนักเพียง 155 กรัมเท่านั้น จึงทำให้สำหรับรุ่นนี้ในการใช้งานจริงๆมันดูไม่ใหญ่และก็หนักมากเกินไป
สำหรับในเรื่องของหูฟังที่แถมมาอย่างหูฟัง Marshall – Major II ให้ความรู้สึกถึงความลงตัวเป็นอย่างดีไม่ว่าเราจะการพกพาไปในสถานที่ต่างๆ ในวันหยุดพักผ่อนหรือพกไปในช่วงเวลาทำงานมันก็ดูลงตัวจริงๆและใช้ได้ทุกที่จริงๆ
ดีไซน์ที่ลงตัว
มีน้ำหนักที่เบา
เพราะว่าเราคู่กัน
เปิดเครื่อง หน้าตา Ui และ ฟังก์ชัน : Asus Zenfone 3 Limited Edition
หน้าโฮมล็อก : สิ่งที่เราจะเห็นเป็นอันดับแรกก็คือหน้าเมนูจอหน้าจอเพื่อทำการ Swipe up to unlock หรือทำการกวาดนิ้วขึ้นก่อนที่จะเข้าสู่เมนูหน้าจอหลักนั้นเอง
หน้าตา Ui : สำหรับรุ่นนี้จะมาพร้อม Ui อย่าง Zenui 3.0 และ Android 6.0 รูปแบบ Ui ก็ยังคงความเรียบง่ายในแบบฉบับของ Zenfone
แถบการใช้งานลัด ,Notifications : ถ้าหากเราทำการรูดหน้าจอลงมาหนึ่งครั้งก็จะเห็นแท็บของการเเจ้งเตือนบน ( Notifications ) ในการเเจ้งเตือนของแอพต่างๆและถ้าเราทำการรูดลงมาอีกทีก็จะเห็นแถบเมนูการใช้งานในการเปิดปิดปุ่มทางลัดของฟังก์ชันต่างๆตามรูปด้านบนเลยนะครับ
จัดการหน้าจอโฮม : แต่เมื่อเราทำการกดหน้าจอค้างเอาไว้ก็จะแสดงตัวเลือกจัดการหน้าโฮม ที่มีเมนูให้เราเลือกแก้ไขหรือเลือกเปลี่ยนแปลงแก้ไข ธีม,ไอคอน,วอลเปเปอร์ หรือเมนูต่างๆตามภาพ
หน้า All Apps , วิดเจ็ต : แต่ถ้าเราทำการกดเข้าไปในปุ่มของหน้า All Apps เราก็จะเห็นแอพต่างๆที่เราทำการโหลดเอาไว้บนตัวเครื่องและก็ยังมีหน้าวิดเจ็ตทั้งหมดที่เราสามารถเลือกใช้เป็นทางลัดได้อีกด้วย
คลังธีม : แต่สำหรับคนที่ชอบในการตกเเต่ง ธีมหรือไอคอนบนสมาร์ทโฟน Asus เขาก็มีคลังธีมสำหรับโหลดธีมสวยๆหรือไอคอนสวยๆทั้งในแบบฟรีและก็ทั้งในแบบเสียเงินมาให้เราได้โหลดกันอีกด้วยและเราก็ยังสามารถเปลี่ยนรูปแบบของฟ้อนตัวหนังสือเพิ่มเติมได้ใน playstore
ลูกเล่นฝาปิด Asus : สำหรับรุ่นนี้ก็ยังคงมาพร้อมลูกเล่นของเคสฝาปิดเหมือนเคยลูกเล่นในการบอกนาฬิกาการเเจ้งเตือนแอพต่างๆที่คุณสามารถบ่งบอกสไตล์ของคุณได้เลยและยังสามารถทำการเปิดกล้องถ่ายรูปบนเคสได้ด้วย
ไฟฉาย,เครื่องคิดเลข : แอพไฟฉายเราก็ยังสามารถเลือกใช้ได้อย่างสบายพร้อมกับปุ่ม SoS สำหรับการเปิดไฟขอความช่วยเหลือและสำหรับหน้าตาของเครื่องคิดเลขก็จะเหมือนในรุ่นก่อนๆแต่ความพิเศษของเครื่องคิดเลขใน Zenfone สามารถกด .12345+= เพื่อกดทดสอบหรือเช็คตัวเครื่องตอนที่เราซื้อได้ด้วย
โหมดง่าย : เป็นอีกฟังก์ชันที่ไม่พูดถึงไม่ได้ด้วยในการใช้งานที่มีไอคอนและตัวหนังสือขนาดใหญ่จึงจำเป็นมากๆสำหรับคนที่มีปัญหาทางด้านสายตาอีกทั้งยังใช้ง่าย
ฟังก์ชันลายนิ้วมือ : สำหรับรุ่นนี้นั้นได้เพิ่มความสามารถในการใช้งานลายนิ้วมือในการปลดล็อกอุปกรณ์โทรศัพท์และ Asus ก็ยังใส่ความสามารถอื่นๆมาให้อีกอย่างเช่น แตะสองครั้งบนเชนเซอร์สแกนนิ้วเพื่อเปิดกล้อง , แตะค้างไว้เพื่อรับสาย ,แตะเพื่อถ่ายภาพ , แตะเพื่อใช้ลายนิ้วปลดล็อกหน้าจอ อีกทั้งเรายังสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือเลยทีเดียว
ฟังก์ชัน ZenMotion (เจสเจอร์สัมผัส) : สำหรับฟังก์ชันนี้เป็นอีกฟังก์ชันที่ทำให้เราสามารถใช้งานบนตัวเครื่องได้สะดวกมากยิ่งขึ้นโดยที่เราไม่จำเป็นต้องพึงปุ่ม Power ของตัวเครื่องอีกต่อไปมันยังช่วยเซิฟปุ่ม Power ของเราแค่เรา เคาะสองครั้งที่หน้าจอเพื่อทำการเปิด,ปิด เเละเราก็ยังสามารถวาดตัวอักษรในตอนที่มือถือทำการปิดหน้าจอเพื่อเขาแอพต่างๆที่เราได้ทำการบันทึกไว้ได้เลยโดยมีตัวอักษรหกตัวได้แก่ W,S,E,C,Z,V โดยไม่ต้องทำการเปิดตัวเครื่องๆ ดูตัวอย่างตามรูปด้านล่างครับ
ดูสิมันสะดวกมากๆเลยใช่ไหมหละ
ฟังก์ชัน ZenMotion (เจสเจอร์เคลื่อนที่) : ก็เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันการใช้งานที่สำคัญและทำให้เราใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้นไม่ต่างจากการเคาะหน้าจอเพื่อเปิดสำหรับโหมดนี้จะเน้นการใช้งานแบบพลิกมือถือเพื่อปิดเสียงเงียบในช่วงที่เราประชุมหรือยกมือถือแนบหูเพื่อทำการรับสายได้เลยโดยไม่ต้องรูดรับ ดูตัวอย่างตามรูปด้านล่างเลยครับ
ยกมือถือแนบหูเพื่อรับสาย
สำหรับมีสายเรียกเข้าถ้าเราพลิกอุปกรณ์ก็จะทำให้มือถือของเราเงียบทันที
ในเวลาที่เราฟังเพลงถ้าเราทำการพลิกมือถือตัวเครื่องมันก็จะทำการพักเพลงที่เล่นให้เราทันทีสะดวกมากเลยใช่ไหมหละ
ฟังก์ชัน ZenMotion (โหมดมือเดียว ) : สำหรับฟังก์ชันนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ขับรถถือของเยอะๆไม่สะดวกในการใช้งานมือเดียวหรือในรุ่นที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ไปมันก็จะสามารถทำการย่อส่วนของหน้าจอการใช้งานให้เราสามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้ ตัวอย่างตามรูปด้านล่าง
อีกทั้งเรายังสามารถปรับขนาดในการใช้งานมือเดียวได้อีกด้วยเเต่ถ้าเรากดติกที่ทริกเกอร์ด่วนเเล้วถ้าเรากดปุ่มโฮมสองครั้งมันก็จะย่อหน้าให้เราทันที
พื้นที่จัดเก็บภายใน : สำหรับรุ่นนี้จะมาพร้อมความจำเครื่อง สูงถึง 64 GB และสามารถเพิ่มความจำภายนอกอย่าง MicroSD ได้สูงสุดถึง 2 TB และมันเหลือใช้ทั้งหมดประมาณ 56 GB
Asus ตัวจัดการมือถือ : เป็นแอพที่สำคัญมากๆเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการ การใช้งานบนมือถือของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ แบตเตอร์รี่ , ความเร็วตัวเครื่อง , ตัวช่วยในการล้างค่าแคลชต่างๆ คือเราไม่ต้องไปโหลดโปรแกรมมาเพิ่มใน Playstore ให้นักเครื่องอีกเลย
Asus AudioWizard : สำหรับแอพนี้เป็นแอพที่เอาไว้สำหรับปรับเเต่งค่าเสียงต่างๆเหมาะสำหรับคนที่ชอบปรับเสียงอย่างเสียง เบส ไม่ว่าจะเป็นเสียงในการเล่นเกมส์หรือเสียงในตอนที่เราดูหนังเราก็สามารถเข้ามาปรับได้ในแอพนี้เลย
ประสิทธิภาพในการทำงาน : Asus Zenfone 3 Limited Edition
สำหรับคุณสมบัติตัวเครื่องของ Asus Zenfone 3 5.5 นี้นั้น จะมาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core 64 Bit Qualcomm MSM8953 Snapdragon 625 และยังเป็นชิพที่เล็กขนาด 14 nm และมีความเร็วประมวลผล 2.0 GHz ,ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 506 , หน่วยความจำแรม (RAM) 4GB ,หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) 64 GB และยังรองรับหน่วยความจำเพิ่มเติม MicroSD ได้สูงสุด 2 TB และยังทำงานในระบบ Android 6.0 และ Zenui 3.0
แต่ความพิเศษของ Cpu Qualcomm Snapdragon 625 นี้ก็คือมันจะวิ่งความเร็วพร้อมกันทั้ง 8 หัวยิ่งทำให้ใช้งานได้ไหลลื่นมากขึ้นสำหรับในเรื่องเล่นเกมส์หายห่วง
ทดสอบการทำงานของ CPZ
ผลทดสอบการทำงานของ Antutu ผลคะแนนได้ 61,789 คะแนนก็ถือว่าไม่ธรรมดาเลย
ประสิทธิภาพในการจับ GPS : Asus Zenfone 3 Limited Edition
หลังจากผมได้ทดสอบการจับสัญญาณ GPS สำหรับรุ่นนี้ Asus ทำการแก้ไขออกมาได้ดีจริงๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใส่ เชนเซอร์วงแหวน,เหลือเข็มทิศ ที่หมุนไปตามเราเวลาที่เราทำการหมุนสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ทำให้แม่นและใช้งานได้ง่ายขึ้นจริงๆ
ประสิทธิภาพในการใช้งาน Wifi และ LTE : Asus Zenfone 3 Limited Edition
สำหรับรุ่นนี้เรื่องการจับสัญญาณ wifi หรือ ใช้งาน อินเตอร์เน็ต 4G LTE ก็ถือว่าทำได้ดีมากๆในการจับสัญญาณ ไม่มีอาการหลุดในช่วงที่ใช้งาน Wifi สำหรับเรื่องนี้ผ่านครับสบายใจได้เลยอีกทั้งยังเป็น Full Netcomm 3.0 อีกด้วยนะ 4G/3G นั้นเอง
ประสิทธิภาพในเรื่องของการถ่ายภาพด้วยกล้องหลัง : Asus Zenfone 3 Limited Edition
สำหรับในเรื่องของการถ่ายภาพทาง Asus ได้มีการปรับเปลี่ยนเชนเซอร์ของกล้องจากรุ่นก่อนๆ และย้ายมาใช้เชนเซอร์ ของ Sony IMX แทนสำหรับรุ่นนี้กล้องหลังจะมีความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซลและใช้เชนเซอร์กล้องอย่าง Sony IMX 298 พร้อมระบบจับภาพอย่าง Laser Focus ที่ช่วยให้โฟกัสภาพและวัตถุได้เร็วถึง 0.03 วิ อีกทั้งยังมีระบบป้องการกันสั่นไหวอย่างระบบ OIS + EIS ที่เป็นกันสั่นแบบ 4 แกนที่สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆยังไม่ค่อยมีออกมาและยังสามารถถ่ายวีดีโอความละเอียดในระดับ 4K ได้ด้วยและยังมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาของ UI เพื่อให้ดูใช้งานได้ง่ายขึ้นและยังเพิ่มโหมดต่างๆ อย่างเช่น โหมดถ่ายวีดีโอ TimeLapse , Slowmotion และโหมดปรับความคมชัดของภาพถ่ายอย่าง Super Resolution ที่สามารถเพิ่มความคมชัดจากเดิม 16 ล้านพิเซล เป็นภาพที่มีละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซลอีกด้วย
หน้าตา UI และการตั้งค่าต่างๆ
สำหรับรุ่นนี้นั้นเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีทีเด็ดเรื่องกล้องสำหรับเอาใจคนที่ชอบในการถ่ายรูปโดยเฉพราะมีโหมดการปรับเเต่งต่างๆเช่น,การชดเชยแสงเพียงเเค่กดค้างไว้ก็สามารถปรับเพิ่มเเสงลดเเสงได้,การปรับ WB , ซึงมันจำเป็นมากๆสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปอีกทั้งยังมีเชนเซอร์ Laser focus ตัวช่วยในการจับภาพวัตถุอีกด้วยและยังมีโหมดมาให้เราได้เลือกปรับถึง 20 โหมดเลยทีเดียว
โหมด Manual
สำหรับโหมดนี้เรียกได้ว่าเอาใจได้คนที่ชอบถ่ายรูปโดยเฉพาะก็สำหรับโหมดนี้ก็จะมีลูกเล่นทั้งหมดมาให้เราปรับถึง 5 ลูกเล่นได้แก่การปรับค่า MF,S,ISO,EV,WB
MF ( ช่วยในการโฟกัสเอาหน้าชัดหลังเบลอ )
สำหรับ MF จะเป็นตัวช่วยในการกำหนดภาพเวลาที่เราต้องการโฟกัสหน้าเบลอหลังชัดหรือหน้าชัดหลังเบลอนั้นเอง
โหมด S [สปีดชัตเตอร์ สโลซัตเตอร์]
สำหรับโหมดนี้มันเป็นอีกโหมดที่สำคัญมากๆสำหรับคนที่ชอบถ่าบรูปสำหรับรุ่นนี้นั้นเราก็ยังสามารถเปิดสปีดชัตเตอร์ได้สูงถึง 32 วิ และ สโลชัตเตอร์ได้ 1/1000 เลยทีเดียวสำหรับโหมดนี้มีเอาไว้สำหรับเอาไว้ลากท้ายไฟรถวิ่งที่วิ่งในช่วงกลางคืนหรือหยุดหยดน้ำนั้นเอง
โหมด ISO
สำหรับโหมด ISO ก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักในการถ่ายรูปเช่นกันสำหรับโหมดนี้เราสามารถปรับ ISO ต่ำสุดได้ถึง 50 และสูงสุด 3200 เลยทีเดียวครับ
โหมด EV [ชดเชยเเสง]
สำหรับโหมดนี้ก็มีเอาไว้ช่วยในการปรับแสงให้ดูสว่างขึ้นหรือช่วยในการลดเเสงในดูมืดลงให้เหมาะสมกับสภาพเเสงที่เรากำลังจะถ่ายสามารถปรับได้ตั้งเเต่ -2 ถึง +2
โหมด WB [ไวท์บาลานซ์สี]
สำหรับโหมดนี้จะเป็นการปรับสีที่เราสามารถเลือกปรับได้ตามที่เราต้องการนั้นเอง (โหมดนี้ส่วนตัวผมไม่ค่อยได้ใช้ 555 )
ตัวอย่างรูปพร้อมรายละเอียดการปรับค่า
สำหรับรูปนี้ผมเปิด ISO 50 เปิด S 2 วิ และก็ไม่เปิดแฟลช รูปจะออกมาเหมือนข้างล่างประมาณนี้ครับ
ตัวอย่างการหยุดหยดน้ำ
โหมด HDR
สำหรับโหมดนี้หลายก็เป็นอีกโหมดที่มีความสำคัญสำหรับถ่ายภาพที่คนที่ชอบถ่ายธรรมชาติพลาดไม่ได้ก็มันคือโหมดที่ช่วยในการเก็บแสงหรือถ่ายย้อนแสง
ตัวอย่างกล้องหลัง โหมด HDR และ ออโต้
โหมด Super Resolution 64 MP
สำหรับโหมดนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งโหมดที่มีความหน้าสนใจเเค่เราถ่ายมันก็สามารถปรับภาพจากการถ่ายความละเอียด 16 ล้านพิกเซลของเราให้มีความละเอียดเป็น 64 ล้านพิกเซลได้ทันทีเลย เเต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า ขนาดของภาพมันใหญ่มากๆ
ตัวอย่างโหมด Super Resolution
อันนี้ภาพตัวอย่างนะครับ ถ้าแบบเต็มๆ นั้น ตามลิงค์ไปเลยครับ SuperResolution
Crop 200 % ครับผม
โหมดเอฟเฟ็กต์
สำหรับโหมดนี้ก็จะเป็นโหมดสำหรับคล้ายๆการปรับโทนสีต่างๆไม่ว่าจะเป็นขาวดำหรือเล่นสีแบบปวดตา 55
โหมดวัตถุขนาดจิ๋ว
สำหรับโหมดนี้คือไว้ถ่าย จำลองภาพ เหมือนเป็นเมืองของเล่นนั้นเองครับ โดยหลักการถ่ายนั้นจะต้องอยู่มุมสูงหน่อย และส่องลงมาครับ จะเหมือนรถเป็นของเล่นซึงมันน่าสนใจเป็นอย่างมากครับ
ตัวอย่าง โหมดวัตถุขนาดจิ๋ว
โหมดโฟกัสรูปภาพ
สำหรับโหมดนี้ผมเอาไว้เป็นตัวช่วยในการถ่ายชัดตื้นชัดลึกโหมดนี้ผมว่าเหมาะกับคนที่ถ่าย MF ไม่ค่อยเก่งก็ลองเอาไปใช้กันนะครับ หรือเรียกอีกย่างว่าโหมด หน้าชัดหลังเบลอ นั้นเองครับ
ตัวอย่าง โหมดโฟกัสรูปภาพ
โหมด พาโนราม่า
สำหรับโหมดนี้ก็มีเอาไว้สำหรับคนที่เอาไว้เก็บภาพในมุมกว้างๆเเละมันก็ถ่ายได้ง่ายมากๆแค่เราก็ถ่ายเเละก็หมุนไปตรงที่เราต้องการมันก็จะเก็บภาพสวยๆของเราให้เลยทันที
ตัวอย่างภาพ โหมดพาโนราม่า
การถ่ายภาพในที่แสงน้อย
สำหรับรุ่นนี้สำหรับการถ่ายภาพในที่เเสงน้อยก็ถือว่าทำได้ดี Asus มีการพัฒนาในเรื่องนี้ที่ดีขึ้นภาพถ่ายที่ออกมาเก็บเเสงได้ดีอาจจะไม่สว่างมากเพราะมีค่า F มาให้ที่ F/2.0 แต่โดยรวมก็ถือว่า OK ครับ
ตัวอย่างภาพในที่แสงน้อย
ตัวอย่างภาพทั้งหมด
ก็จบไปเเล้วนะครับในส่วนของเรื่องกล้องของเจ้ารุ่นนี้ที่จริงมันมีโหมดให้เราได้เล่นมากมายแต่ผมขอยกตัวอย่างโหมดที่ผมใช้บ่อยๆมาให้ทุกคนที่อ่านได้อ่านกันถ้าจะมาเขียนทุกโหมดคงไม่ไหวเพราะโหมดกล้องของ Asus ตัวนี้มันเยอะมากๆครับตั้ง 20 โหมด
ประสิทธิภาพในเรื่องของการถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหลัง : Asus Zenfone 3 Limited Edition
สิ่งสำคัญของกล้องมือถือที่ดีมันจะต้องมาควบคู่กับการถ่ายวีดีโอทีดีด้วยสำหรับรุ่นนี้ในเรื่องของการถ่ายวีดีโอก็มีความน่าสนใจเลยไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นการถ่ายวีดีโอในความละเอียด 4K ตัวช่วยในการถ่ายวีดีโออย่างเชนเซอร์ OIS + EIS ที่ช่วยในการถ่ายวีดีโอไม่ให้ภาพสั่นไหวมากเกินไปนักนั้นเองเเละที่สำคัญมือถือ Asus สามารถถ่ายวีดีโอแบบ TimeLapse , Slowmotion ได้เเล้วนะ 555 แต่น่าเสียดายสำหรับในเรื่องของการถ่ายวีดีโอแบบ Slowmotion ของรุ่นนี้ยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไรเพราะค่า Fps ค่อนข้างน้อย และในตอนที่เราทำการอัดวีดีโอเราก็ยังสามารถปรับค่าต่างๆได้ด้วยอย่าง ISO, S , หรือ MF ซึงมันดีมากๆ เลย
ตัวอย่างการถ่ายวีดีโอ : ในขณะเดิน
ตัวอย่างการถ่ายวีดีโอ : โหมดปกติแสงน้อย
ตัวอย่างการถ่ายวีดีโอ : TimeLapse
ประสิทธิภาพในเรื่องของการถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหน้า : Asus Zenfone 3 Limited Edition
สำหรับกล้องหน้าสำหรับเจ้ารุ่นนี้ก็จัดโหมดในการถ่ายรูปมาถือว่าไม่น้อยเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเซลฟีอีกทั้งเราก็ยังสามารถวีดีโอในโหมด TimeLapse และ Slowmotion ด้วยกล้องหน้าได้อีกด้วยนี้มันสุดยอดมากๆเลยอีกทั้งยังมีโหมดการถ่ายรูปแบบ HDR ที่ช่วยในการถ่ายย้อนแสงอีกด้วย
ว่าด้วยเรื่องของโหมดเเต่งสวยมันเป็นโหมดที่เราสามารถกำหนดความเรียวของใบหน้าได้คือสำหรับคนที่รักสวยรักงาม
การเพิ่มค่าลูกตาที่มีให้เลือกความใหญ่ตั้งเเต่ 0 – 9 เอาเป็นว่ามันเหมาะสำหรับผู้หญิงมากๆไม่ต้องพึงคอนแทคเลนส์เลย
ทั้งยังมีโหมดในการปรับเเต่งความใสของใบหน้าให้เนียนถึง 9 ระดับเลยทีเดียวเอาใจคนชอบถ่ายรูปด้วยกล้องหน้าโดย เฉพราะคือเราถ่ายและปรับอัพลง Facebook โชว์ความสวยได้เลย 555
โหมดเซลฟีพาโนราม่า
เป็นโหมดที่มีความหน้าสนใจมากเปลี่ยนจากเลนส์ที่แคบให้มาปรับให้มีความสามารถให้ถ่ายรูปให้ออกมาเป็นมุมกว้างให้มากขึ้นกว่าเดิมมันเหมาะสำหรับการถ่ายเชลฟีแบบรูปหมู่หรือเดียวก็ได้ทั้งนั้นเลย
โหมดเซลฟีเอฟเฟ็กต์
สำหรับกล้องหน้าของรุ่นนี้เราก็ยังสามารถปรับเอฟเฟ็กต์ต่างๆได้เหมือนกล้องหลังไม่ว่าจะปรับหน้าให้เป็นแบบขาวดำหรือในแบบต่างๆที่มีกำหนดเอาไว้ให้มันมีความน่าสนใจมากๆเลย
ตัวอย่างการเซลฟีจากกล้องหน้า
ก็สำหรับกล้องหน้าของรุ่นนี้ที่มีค่า F กว้าง 2.0 ถือว่าทำได้ดีเลยครับไม่ว่าจะเป็นในที่เเสงน้อยการหายห่วงเอาเป็นว่าขอยกตัวอย่างโหมดในการถ่ายภาพเซลฟีแบบหลักๆมาให้ทุกคนได้อ่านกันนะครับถ้าจะทำหมดก็คงจะยาวครับงานนี้ 555
ประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ : Asus Zenfone 3 Limited Edition
ในเรื่องของการเล่นเกมส์ถือว่ารุ่นนี้ทำได้ดีเลยครับมีภาพที่สวยงามระบบเสียงมีความลื่นไหลสบายหายห่วงอีกทั้งยังมีแอพสำหรับอัดคลิปเวลาเราเล่นเกมส์ได้ด้วยมันดีมากๆเลยแต่น่าเสียดายหลังที่เราอัดคลิปภาพมันไม่ค่อยออกมาชัดเท่าไร
อีกทั้งรุ่นนี้ยังใส่เชนเซอร์ที่มีความสำคัญอย่าง Gyroscope สำหรับในการเล่นเกมส์ฮิตอย่าง Pokemon Go ที่เราสามารถเปิดโหมด AR ในการหมุนปา Pokemon ได้อีกด้วย และมันยังมีเอาไว้สำหรับดูวีดีโอแบบ 360 องศาใน Youtube อีกทั้งยังสามารถใช้ร่วมกับ VR BOX ได้ด้วยนะครับผมลองแล้วบอกเลยฟิน
ตัวอย่างการเล่นเกมส์
** ภาพอาจจะออกมาไม่ชัดเท่าไรนะครับขออภัยด้วย **
Game : Seven Knights
Game : HIT
Game : Gangstar Vegas
Game : Brothers In Arms 3
Game : MoDern Combat 5
Game : Asphalt 8
Game : Need For Speed No Limits
Game : Royal Revolt 2
Game : Leagus of Defender
Game : Pokemon Go
สรุปสเปคของ : Asus Zenfone 3 Limited Edition
- หน้าจอ 5.5 นิ้ว กระจกกันรอยแบบ Corning Gorilla Glass 3 2.5 D Super IPS+ ความละเอียด FHD 1080×1920 พิกเซล ( 401 PPI )
- บอดี้ด้านหลัง Corning Gorilla Glass 3
- ขนาดตัวเครื่อง 152.6 x 77.4 x 7.7 mm
- น้ำหนัก 155 g
- ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8953 Snapdragon 625 14 nm
- ความเร็วแบบ Octa-core 2.0 GHz Cortex-A53
- ชิปกราฟิก GPU Adreno 506
- แรม 4 GB
- รอม 64 GB
- รองรับ Micro-SD สูงสุด 2000 GB
- แบตเตอรี่ 3,000 mAh
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล F/2.0 laser/phase detection autofocus, OIS (4-axis), dual-LED (dual tone) flash
- มีเชนเซอร์และถ่ายได้แบบ Geo-tagging, touch focus, face detection, panorama, HDR
- รองรับการถ่ายวีดีโอ 4K ,1080p @30fps
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล F/2.0
- ถ่ายวีดีโอ 1080P
- รองรับ 2 ซิม Dual SIM (Nano-SIM2 / Micro-SIM1, dual stand-by) รองรับ FullNetcom 3 4G/3G
- รองรับ OTG
- บลูทูธ v4.2, A2DP, EDR, LE
- wifi Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Wi-Fi Direct, hotspot
- รองรับชิปเสียง Hi-res 24Bit 192kHz
- มีเซนเซอร์ Fingerprint, accelerometer, gyro, proximity, compass
- รองรับชาร์ไว v 2.0
- พอตชาร์ USB Type-C
สรุปข้อดีและข้อเสียของ : Asus Zenfone 3 Limited Edition
สำหรับข้อดีนั้นได้แก่
- ดีไซน์สวยงามจับถือง่ายกระชับมือมีความหรูเเข็งแรง
- กันรอยขีดข่วนได้ดี
- มีหน้าจอความละเอียดที่ให้สีที่ไม่สดหรือโอเวอร์ไปมากนักเวลามองหรือเล่นนานๆทำให้ไม่ปวดตาและยังสามารถสู้แสงแดดได้ด้วย
- มีลำโพงและหูฟังที่สามารถขับเสียงออกมาได้ดีเวลาดูหนังทำให้เข้าถึงความมันส์ยิ่งขึ้น
- ตัวเครื่องไม่ร้อนมากนักเวลาใช้งานปกติ
- แบตเตอร์รี่ถือว่าอึดดีเลยทีเดียวชาร์แบตเร็วมาก
- กล้องสวยมีระบบกันสั่นเหมาะสำหรับคนมือไม่นิ่ง และถ่ายวีดีโอ ถ่ายภาพชัดเตอร์ช้าๆได้นิ่งมาก คนชอบถ่ายภาพน่าจะชอบเลย
- กล้องหน้าสวยครับมีลูกเล่นเยอะ
- รองรับการใช้งานได้ 2 Sim และเเบบ Netcomm 3.0 เหมาะสำหรับคนที่ใช้ค่าย ToT mycat เป็นต้น
- มีเซนเชอร์ gryo เหมาะสำหรับเล่นเกมส์ pokemongo
- สามารถดูวีดีโอ 360 องศาใน ยูทูบ
- สามารถใช้ VR BOX ได้
- รองรับ USB-C สามารถใช้งานในอนาคตได้
สำหรับข้อเสียนั้นได้แก่
- ตัวเครื่องลื่นครับต้องหาเคสใส่
- ตัวเครื่องด้านหลังเป็นแบบเงาเป็นรอยนิ้วมือง่ายโดยเฉพราะสีดำ
- เวลาถ่ายวีดีโอโหมด สโลโมชันไม่ค่อยดีเท่าไรเพราะค่า Fps ที่ให้มาต่ำเกิน
- โฟกัสภาพช้าไปนิดรออัพเดทคงดีขึ้นแต่โดยรวมทำได้ดี
- ปรับถ่ายสโลชัตเตอร์ ได้น้อยเเค่ 1/1000
- ถ่ายกลางคืนแสงฟุ้งเวลาเจอหลอดไฟ
- หาที่ชาร์แบบหัว USB-C ยากนิดนึงแต่อนาคตคงหมดห่วง
- ธีมฟรีสวยๆไม่ค่อยมีให้โหลด
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับรีวิวของพวกเรา Techhangout ถ้าผิดพลาดก็ต้องขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยเเต่ถ้าสำหรับคนที่ถูกใจก็ฝากกดไลน์และก็กดแชร์ให้พวกเราด้วยนะครับ และก็ฝากติดตามแฟนเพจ Facebook : Techhangout ของพวกเราด้วยนะครับแต่สำหรับคนที่อ่านแล้วสนใจเจ้า Zenfone 3 Limited Edition ก็สามารถไปหาซื้อกันได้แล้วนะครับราคาแค่ 14,990 บาท แถมยังได้หูฟังอย่างดีกลับมาฟังที่บ้านอีกด้วยสำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนพบกันใหม่รีวิวหน้าขอบคุณและสวัสดีครับบ