หลังจากที่เคยทำนายว่าภาวะขาดแคลนชิบจะสิ้นสุดลงในปลายปี 2023 CEO ของ Intel คือ Pat Gelsinger ได้ระบุว่าปัญหาดังกล่าวจะยังคงอยู่ต่อไปจนถึงปี 2024

อย่างไรก็ตามคำว่าภาวะขาดแคลนชิบอาจดูเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่ในความเป็นจริงผลกระทบของมันไม่ได้เกิดต่อทุก ๆ อุตสาหกรรมอย่างเท่าเทียมกัน กล่าวคือในบางอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบการขาดแคลนชิบบางประเภทมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ หรือชิบประเภทอื่น ๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเดียวกัน

โดย Gelsinger ระบุในการประชุมรายงานผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรกของปีนี้ว่า Intel นั้นทำผลงานได้ค่อนข้างดี เพราะเป็นครั้งแรกในหลายปีที่โรงงานและห่วงโซ่อุปทานของ Intel สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เกือบสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ CPU, การ์ดจอ และคอนโซลเล่นเกมนั้นเคยเป็นหนึ่งในส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะขาดแคลนวัตถุดิบการผลิต แต่ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าตอนนี้อุปสงค์และอุปทานจะเริ่มปรับตัวเข้าสู่จุดสมดุลแล้ว ในขณะที่ชิบที่เกี่ยวข้องกับ network จะยังคงอยู่ในภาวะขาดแคลน ซึ่งในส่วนนี้เองที่ทำให้การส่งมอบคอมพิวเตอร์ PC เป็นไปอย่างล่าช้า

อย่างไรก็ดีปัญหาภาวะขาดแคลนชิบไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ Intel มีผลประกอบการแย่ลง 13% แต่สาเหตุที่แท้จริงมาจากการที่ Apple ลดกำลังการผลิตชิบของ Intel และหันไปใช้ชิบในตระกูล M1 มากขึ้น รวมทั้งความต้องการคอมพิวเตอร์จากผู้บริโภคโดยเฉพาะในภาคการศึกษาลดน้อยลง

SOURCE