สำหรับคู่นี้นั้นต้องบอกว่าเหมือนจะทำออกมาแข่งขันกันตรงๆไปเลยทั้งเรื่องของราคาและสเปคต่างๆนั้นทำออกมาใกล้กันมากๆ โดยเฉพาะราคาที่ 3,999 บาทเท่ากัน สำหรับ realme C2 และ Vivo Y91C เป็นตัวเลือกชนกันไปเลยสำหรับใครที่กำลังมองหามือถือใช้งานทั่วไป ไม่ได้เน้นอะไรมากนัก ใช้จอใหญ่ แบตอึดๆและหาซื้อง่าย แน่นอนว่า ในงบนี้หลายๆคนอาจจะมองว่าทำไมไม่หามือ 2 อะไรมาใช้คุ้มๆ จริงๆเราอยากจะนำเสนอรุ่นที่ถ้าคนต้องการมือ 1 ใช้ยาวๆประกันไว้ใจได้และไม่ยุ่งยากสำหรับงบเท่านี้จะมีตัวเลือกอะไรบ้าง จึงได้หยิบนำ 2 รุ่นนี้มาเทียบกันให้ชมกันครับ และทั้ง 2 รุ่นนี้จะเป็นยังไง มีดีเด่นอะไรด้านไหนกันบ้างมาชมกันได้ในรีวิวการเปรียบเทียบครับ

realme C2 และ Vivo Y91C ทั้ง 2 รุ่นนี้มีความใกล้เคียงกันมากๆใกล้สุดคงเป็นราคาที่เปิดมาเท่ากันเป๊ะๆ 3,999 บาท และยังใช้ CPU MTK P22 ตัวเดียวกันเลยและมาพร้อมกับหน้าจอ 6.1 นิ้ว และ 6.22  ใกล้ๆกันมากๆ และ แบตเตอรี่ระดับ 4,000 mAh พอๆกันแตกต่างกันไม่ถึง 30mAh และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลเท่ากันด้วย แต่ที่แตกต่างกันหลักๆเลยคือกล้องหลัง realme C2 นั้นจะมาพร้อม 2 ตัว และดีไซน์ฝาหลังแบบ Diamond Cut แต่ทางด้าน Vivo นั้นจะเป็นฝาหลังเงาไล่สี แต่การออกแบบหน้าจอนั้นมาพร้อมกับติ่งหยดน้ำเหมือนกันทั้งคู่  และ RAM ของ realme C2 นั้นจะมาพร้อมกับ 3 GB แต่ของ Vivo นั้นจะมา 2 GB พวกนี้คือจุดแตกต่างกันหลักๆเลย

SPEC

ในแง่ของสเปคนั้น อย่างที่บอกกันไปเลยคือใกล้เคียงกันอย่างมาก และใช้ CPU ตัวเดียวกันแล้วในครั้งนี้ ทั้ง  2 รุ่นมาพร้อมกับ CPU MTK Heilo P22 ทั้งคู่ แต่แตกต่างกับเรื่องของ RAM เพราะในตัว realme มาพร้อมกับ RAM 3GB STORAGE 32 GB แต่ของ Vivo Y91C นั้นจะมาพร้อมกับ  RAM 2GB STORAGE 32 GB และ ในเรื่องของ กล้องหลังกันต่อ กล้องหลัง realme C2 มาพร้อมกับ กล้องหลัง 2 ตัว 13 + 2 MP และกล้องหลังรูรับแสง F2.2 แต่ Vivo Y91C นั้นมาพร้อมกล้องหลัง 1 ตัว 13MP F2.2 เท่ากันในด้านของรูรับแสงแต่ของ Vivo นั้นไม่มีกล้องจับระยะ ส่วนกล้องหน้านั้น เหมือนทาง Vivo จะได้เปรียบเรื่องรูรับแสงที่ 5MP F1.8 แต่ของ realme C2 นั้นจะมาพร้อม 5MP F2.0 และ เรื่อง Bluetooth นั้นทาง Vivo มาพร้อมกับ 5.0 แต่ของ realme นั้นมาแค่ 4.2 ครับ และ หน้าจอมีขนาดใกล้ๆกันที่ 6.1 HD+ และ Vivo นั้นเป็น 6.22  HD+ เหมือนกัน ติ่งหยดน้ำทั้งคู่เลย ก็จะเป็นจุดหลักๆประมาณนี้ ส่วนด้านอื่นๆนั้นก็ใกล้เคียงกันอย่างมาก แต่ realme ได้ Android 9 ไปก่อนแล้วสำหรับตัวระบบ พร้อมกับหน้าตาแบบใหม่ Colour OS  6

PRICE 

  • realme C2 RAM 3 GB STORAGE 32 GB – DIAMOND BLACK / DIAMOND BLUE   
  • ราคา 3,999 บาท  
  • VIVO Y95  RAM 2 GB STORAGE 32 GB – Fusion Black /Ocean Blue / Sunset Red
  • ราคา  3,999 บาท

DESIGN 

การออกแบบแตกต่างกันหลักๆคงเป็นในส่วนของด้านหลังตัวเครื่อง เมื่อสัมผัสแล้วแตกต่างกันชัดเจน วัสดุแบบเงาและด้าน ตัวทางด้าน Vivo จะทำออกมาโค้งรับมือได้ดีกว่า ดูบางเบากว่าเวลาจับถือ รวมถึงการไล่เฉดสีที่ค่อนข้างสวยและแตกต่างโดดเด่นมาก  ส่วนของ realme ด้านหลังเรียบๆไม่โค้งรับมือเท่าไรนัก แต่ที่ชอบคือการเล่นฝาหลังแบบด้าน รักษาได้ง่ายมากๆ และตัดมุมแบบ Diamond Cut อันนี้แหละทำให้มันสวยและไม่เหมือนใคร จากที่รุ่นก่อนๆเป็นสีเดียวเรียบๆ เป็นรอยง่ายมากๆครับ รุ่นนี้ได้พัฒนาและแก้ไขจุดนั้นได้สบายๆ และไม่เหมือนใครด้วย ซึ่ง ขนาดรวมๆไม่ต่างกันมากนักแต่ Vivo ทำออกมาดูบางเบา หรูๆ แต่ของ realme นั้นจะเท่ๆ ทันสมัยครับ

หน้าจอทั้ง 2 รุ่นนี้มีความคมชัดขนาดพอๆกันครับที่ 6.1 และ 6.22  HD+ พร้อมติ่งแบบหยดน้ำเหมือนกันไม่สามารถปิดติ่งได้นะครับสำหรับในทั้ง 2 รุ่นนี้ดีไซน์ใกล้กันมากๆเลย รวมถึงขนาดตัวเครื่องก็ใกล้เคียงกันไม่ได้หนีกันไปมากครับ แต่จะรู้สึกว่าขอบหน้าจอรวมๆนั้น Vivo จะทำได้บางกว่านิดหน่อยประมาณมิลนิดๆครับในภาพรวมทั้งหมด

เรามาดูขอบด้านบนส่วนหน้าจอกันครับ ในส่วนบนนี้คือเป็นติ่งแบบหยดน้ำ ทั้งคู่ และ ไม่สามารถปิดติ่งได้ทั้งคู่นะครับ ติ่งหน้าจอนั้นมีความโค้งอะไรแบบเดียวกันเป๊ะๆน่าจะไม่ได้หนีกันเลยในเรื่องนี้ แต่ที่แตกต่างกันชัดๆคือรูลำโพงครับของทาง Vivo นั้นจะเปิดช่องรูลำโพงไว้ยาวกว่า และดูใหญ่กว่าครับแต่ใช้งานจริงๆก็ไม่เจอจุดที่แตกต่างกันเท่าไรนักเวลาใช้งานสนทนาพวกนี้ ขอบความหนาก็พอๆกันครับทั้งขอบบนและขอบล่าง ซึ่งทาง realme ต้องบอกว่าติ่งหน้าจอดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้มากๆเพราะเล็กลงและสวยขึ้น ซึ่งในรุ่น C1 นั้นจะเป็นแถบใหญ่ๆหน่อยและไม่ใช่หยดน้ำครับ กล้องหน้ามาที่ 5 ล้านพิกเซลเท่ากัน แต่ F2.0 ในตัว realme C2 และ F1.8 ในตัว Vivo Y91C ครับ

ในตัวขอบล่างมีองศาที่คล้ายๆกันอยู่บ้าง ในเรื่องของมุมขอบโค้งพวกนี้และใช้งานได้ค่อนข้างดีครับไม่ได้หนาเกินไป แต แต่จะเห็นว่าเหมือนตัวขอบ C2 นั้นจะหนากว่าทั้งขอบข้างและขอบด้านล่างครับ ส่วนตัวปุ่มนั้นเป็นปุ่มบนจอทั้งหมดและสามารถสลับตำแหน่ง เปลี่ยนแปลงได้ และสามารถใช้งานเต็มจอแบบไม่มีปุ่มได้เช่นกัน จะเห็นของ realme นั้นมีความหนากว่าเล็กน้อยครับตรงพื้นที่สีดำเใื่อวางเทียบกันแบบนี้จะมองออกต่างกันนิดหน่อยจริงๆ

ส่วนขอบด้านบนนั้นทั้งคู่ ไม่มีรูไมค์มาให้ ตัวกล้องความนูนออกมาด้วยเล็กน้อย แต่ความโค้งมนนั้นก็แตกต่างกันแต่ถือว่าทาง realme  นั้นดีกว่ารุ่นก่อนตรงที่ตัดฝาหลังตรงๆ ทำให้จับถนัดมือมากกว่าเดิมครับ แต่ก็ไม่โค้งเท่ากับทาง Vivo ที่ฝาหลังนั้นทำออกมามุมโค้งเยอะกว่าทำให้ดูบางและจับได้ค่อนข้างดีกว่าของ realme แบบรู้สึกได้เลยครับ

ในมด้านซ้ายกันบ้างครับ จะเป็นส่วนของช่องใส่ซิมเป็นหลักของทั้ง 2 รุ่น แต่ในฝั่ง realme นั้นจะมีปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียงอยู่ด้วย ส่วนทางด้าน Vivo นั้นจะไม่มีนะครับ อันนี้ก็แล้วแต่คนถนัดเลยครับว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน

ในด้านขวาของตัวเครื่องนั้น ทางด้าน Vivo เป็นส่วนของของปุ่ม Power – เพิ่ม-ลดเสียง และใช้วัสดุแบบเงาครับ ส่วนทางด้านของ realme นั้นเป็นส่วนของปุ่ม Power เพียงอย่างเดียวเพราะปุ่มที่เหลือได้ถูกย้ายไปอีกฝั่งทั้งหมด

ในด้านล่างของตัวเครื่องทั้ง 2 รุ่นนั้น พอร์ตต่างๆก็ให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็น ช่องหูฟัง 3.5มม. รูไมค์ ช่องเสียบชาร์จแบบ Micro-USB รวมถึงลำโพงหลักด้วยครับ ตัววัสดุเงานิดหน่อยในรุ่น Vivo ครับ แต่จะเห็นความโค้งอย่างที่บอกกันไปครับว่า Vivo จะโค้งรับได้ดีกว่า และดูเหมือนจะบางกว่านิดหน่อย ส่วนของ realme นั้นมีการเล่นขีดออกแบบเล็กน้อยครับแต่เป็นแบบด้านและไม่ได้โค้งเยอะเท่าไรจึงทำให้ดูหนากว่าด้วยนั้นเอง

ถาดซิมนั้นเป็นแบบ Triple Slot ทั้งคู่รองรับการใช้งาน 2 ซิม และ 1 Micro-SD เหมือนกันครับผมทั้ง 2 รุ่น และรองรับการใช้งาน DualStanby ทั้งคู่ในเรื่องของซิมครับ 

ฝาหลังนั้นแตกต่างกันชัดเจนอย่างที่บอกกันไป และจะเห็นการวางตำแหน่งที่แตกต่างกัน คือโลโก้ คนละแนวกันชัดเจนและ ตัวกล้องที่ให้มาไม่เท่ากันรวมถึงการเล่นกับฝาหลังของ realme นั้นเหมือนจะเป็นแบบ 3 มิตินูนต่ำแบบเพชรแต่จริงๆแล้วเป็นลวดลายที่เล่นกับแสงได้ดีมากๆดูมีมิติขึ้นเยอะจากรุ่นเดิม ส่วนของ Vivo นั้นก็คุ้นเคยกันดีกับการไล่เฉดสีและวัสดุเงา แต่ก็จะแลกกันด้วยฝาหลังที่เป็นรายง่ายกว่าค่อนข้างชัดเจนเลยแหละ

กล้องหลังนั้นให้มาไม่เหมือนกัน แต่ความละเอียดอะไรเท่ากันครับ ทางด้าน realme นั้นมาพร้อมกับกล้องหลังที่มีการเล่น ลวดลายวงแหวนเล็กน้อยพร้อมกับ 13 ล้านพิกเซล F2.2 + 2 ล้านพิกเซลครับ แต่ของ Vivo นั้นมาแค่ตัวเดียว 13 ล้านพิกเซล F2.2 นั้นเองแต่ของ Vivo จะไม่มีโหมดถ่ายคน หรือ หน้าชัดหลังเบลอมาให้นะครับ

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพของทั้ง 2 รุ่นเมื่อดูจากสเปค นั้นน่าจะทำคะแนนได้เท่าๆกันเลยแหละเพราะมันเหมือนกันเป๊ะๆ  คือทางด้าน Vivo นั้นทำไปได้ 73,876 คะแนน ในการใช้  MTK P22 แต่ของ  realme  นั้นทำไปได้ 77,935 ถือว่าแตกต่างกันอาจจะเป็นเพราะ RAM 3 GB ที่ realme นั้นมีมากกว่าของ Vivo นั้นเองครับ ส่วนเรื่องของความจำยังเป็น EMMC 5.1 ทั้งคู่ในการบันทึกเก็บข้อมูลต่างๆ คะแนนดูใกล้กันมากๆ และเรื่องการหันมาใช้ MTK ทั้งคู่อันนี้ต้องบอกว่ามีความแรงที่ดีไม่ค่อยต่างกับ Snapdragon แต่ที่หลายๆคนห่วงอาจจะเป็นเรื่องของ GPU ที่ใช้ในการเล่นเกมอะไรต่างๆจะดีขึ้นขนาดไหนต้องทดสอบในด้านเกมส์กันต่อไป แต่ CPU ไม่ต้องกังวล และในด้านเซนเซอร์นั้นมีอะไรให้มาเหมือนกันทั้งหมด รวมถึงรองรับ Winevine L3 เท่านั้นสำหรับดู Netflix HD

SOFTWARE UI

ด้านซ้าย Vivo และ ด้านขวา realme : ทางด้านของระบบ Vivo Android 8.1 และ realme Android 9 ครับ หน้าตาแน่นอนว่าแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจนทางด้าน realme นั้นมาพร้อม Colour OS 6.0 และ ทาง Vivo นั้นใช้ Funtouch 4.5 realme ครั้งนี้มี Appdrawer มาให้แล้วส่วนของ Vivo นั้นยังไม่มีนะครับ ตัวนาฬิกาที่โชว์นั้นแตกต่างกันไป การจัดวางตัวเลขต่างๆ ส่วนธีมรวมๆโทนสีก็สดใสค่อนข้างสว่างส่วนการแจ้งเตือนต่างๆก็เด้งดี เตือนได้ดีทั้งคู่ในหลายๆแอพส่วนหน้าล็อคนั้นก็มีการแบ่งหมวดหมู่เป็นปกติของระบบ สามารถลากลงมาเพื่อดูเพิ่มเติมได้ รวมถึงสามารถปัดเคลียร์หัวข้อต่างๆได้

ด้านซ้าย Vivo และ ด้านขวา realme หน้าตาเมนูนั้นก็แตกต่างกันไม่มาก แต่มีการแยกโซนให้ดูง่ายเหมือนกันครับ เสียที่ของ Vivo นั้นกดหาการตั้งค่าไม่ได้ในหน้าตั้งค่าหลักครับ ในหน้าการตั้งค่าแบบเร่งด่วนนั้นจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ของทาง Vivo  นั้นจะปัดจากด้านล่าง และมีแอพที่ใช้บ่อยๆ การตั้งเสียง ความสว่าง และ ตั้งค่าแบบด่วนให้ใช้งานกัน ส่วนของ realme นั้นลากจากด้านบน ปกติปรับแสงและตั้งค่าด่วนครับหน้าตาจะแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าแบบชัดเจนเปลี่ยนมาเป็นสี่เหลี่ยมและปรับหน้าตาใหม่ทั้งหมดเลยถือว่าสวยงามขึ้นและใช้งานได้ง่ายขึ้นครับในการตั้งค่าแบบด่วน

ด้านซ้าย Vivo และ ด้านขวา realme หน้าตาการตั้งค่าการใช้งานอื่นๆพวกฟีเจอร์เสริม โคลนแอพ โหมดเกม แบ่งหน้าจอ ล็อคแอพ อะไรพวกนี้นั้นมีมาให้คล้ายๆกันในการใช้งานครับ ส่วน การปรับแต่งเสียงนั้นหน้าตาของทาง Vivo จะมีการเลือกปรับได้มากกว่าทั้งเสียงแบบทิศทางต่างๆและตัวหูฟังรวมถึง EQ แต่ในด้านของ realme นั้นปรับแต่งในเรื่องของ EQ ได้เหมือนกันครับแต่ไม่มี Effect และปรับย่านเสียงแถบต่างๆนั้นได้น้อยกว่าของ  Vivo ครับผม

ด้านซ้าย Vivo และ ด้านขวา realme คียบอร์ดที่มากับเครื่องนั้นทาง Vivo จะเป็นคีย์บอร์ดอีกแบบนะครับถ้าใครใช้ Vivo ก็น่าจะคุ้นเคยกันดี แต่ทาง realme จะเป็นคียบอร์ดของ Google ครับอันนี้ก็แล้วแต่ความชอบเลยครับว่าจะถนัดอันไหนอะไรมากกว่า แต่แน่นอนว่าพวกนี้สามารถโหลดเพิ่มได้ถ้าเราไม่ถนัด ยังไงก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ไม่ต้องห่วงครับ ส่วนตัวปุ่มการนำทางทั้งหมดนั้นมีมาให้เหมือนกัน สามารถสลับตำแหน่งได้ สามารถใช้งานแบบเต็มจอได้ แต่  Vivo สามารถปรับแต่งตัวไอคอนได้ครับว่าจะชอบหน้าตาแบบไหน และของ realme Android 9 จะมีแบบใหม่มา 2 แบบ คือเหลือ 2 ปุ่มนั้นเองครับ

SPEEDTEST

SCREEN

ในส่วนของหน้าจอทั้ง 2 รุ่น เป็นแบบ HD+ เท่ากัน และมีขนาด 6.2 นิ้ว และ 6.1 นิ้ว ทางด้านการออกแบบก็ไม่ต่างกัน เมื่อลองใช้งานจริงๆ เทียบกันตรงๆจะเห็นว่ามันมีอะไรที่ต่างนิดหน่อย ในเรื่องของสีสัน ความสว่างก็แตกต่างกันชัดเจนรวมถึงมุมมองด้วย จริงๆถ้าไม่เทียบกันมันก็ไม่ได้หนีกันมากเลยนะในเรื่องของความสว่างหรือสี แต่ถ้าเทียบกันแล้วจะเห็นชัดเจนเลย สีของ Realme ทำได้กว้างกว่า เก็บได้ครบกว่า และมีความสว่างมากกว่าแบบชัดเจนครับ สีจะเข้มและสดกว่าด้วย ซึ่งฝั่งของทาง Vivo นั้นจะตุ่นๆหน่อยไม่ค่อยสดนัก และใช้งานกลางแจ้งอาจจะยากกว่า

ส่วนทางด้านของมุมมองของตัวจอนั้นเรียกได้ว่าเมื่อมองในระดับเอียงแบบภาพจอ Vivo นั้นจะดรอปลงแบบชัดเจนในมุมเดียวกันระยะเดียวกันครับ ความสว่างหายไปพอสมควร และเรื่องของสีก็ดรอปลงไปด้วยครับ น่าเสียดายมากๆในจุดนี้ เรื่องจอทั้งสเปคและในการใช้งานจริงอาจจะต้องยอมให้  realme เค้าไปครับ แต่ดีที่เวลาซูมนั้น Vivo ก็จะไม่ได้ไปกินถึงตัวติ่งของจอ ซึ่งหน้าจอต้องบอกว่าทาง realme ทำได้ค่อนข้างดีมาตลอดนะในแง่การใช้งานทั้ง ความสว่าง ความสดของสี แต่เรื่องของการสัมผัสนั้นไม่ได้แตกต่างกันกับรุ่นแรกเท่าไรครับ แต่ทั้ง 2 ตัวสัมผัสให้ความรู้สึกแบบเดียวกันครับจะหน่วงๆแบบแปลกๆนิดหน่อย แต่ก็ด้วยราคาส่วนใหญ่จะเจอปัญหานี้ครับ

SOUND

มาที่ส่วนเสียงในการฟังกันบ้างครับก็อย่างที่ลองกันก่อนหน้านั้นทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ก็ยังคงให้อะไรที่มาแนวเดียวกันคล้ายๆกับตอนที่แอดมินเทียบในรุ่นเล็กกว่า คือฝั่งของ  Vivo กำลังขับมาน้อยกว่านิดหน่อย เสียงเบสบางกว่า เสียงร้องชัดกว่า ส่วนของ realme นั้นเสียงมามากกว่า ที่ระดับเสียงเดียวกัน เสียงเบส มาดีแน่นกว่า และ นุ่มกว่า โดยรวมเวทีเสียงใกล้ๆกัน เช่นฟังเพลงที่แยกดนตรีเยอะๆนั้น realme จะได้ยินมากกว่านิดเดียวครับ เป็นอะไรที่ค่อนข้างสูสี และตัวปรับเสียงนั้นมีมาให้ทั้งคู่  แต่ Vivo นั้นสามารถปรับได้มากกว่านิดหน่อย รวมถึงเลือกหูฟังของทางค่ายได้ หน้าตาการปรับจริง หรือฟีเจอร์ให้ทาง Vivo นั้นทำได้ดีกว่าในจุดนี้ เพราะปรับได้ถี่มาก ส่วนของ realme ปรับได้ 3 ย่าน

SPEAKER

GPS

การทดสอบการจับ GPS ในทั้ง 2 รุ่นนี้ จากที่ทดสอบทำได้ใกล้ๆกันครับ อาจจะไม่ได้จับแม่นยำหรือไวมากนัก ในการนำทาง ทั้งใต้ทางด่วน หรือ ลงอุโมงค์จริงๆไม่เจออาการรวนอะไรนะ เมื่อจับเวลาและลองใช้งานจริงๆ Vivo นั้นจะช้ากว่าแบบชัดเจน และ บางทีจะอัพเดทช้ากว่า realme แบบรู้สึกได้เลย และเมื่อใช้แอพทดสอบนั้นความไวในการจับนั้น realme ทำได้ไวกว่า 1 วิโดยประมาณครับมาขึ้นเร็วกว่า และจับได้ห่างกันประมาณ 10 ดวงครับทาง realme เจอทั้งหมด 42  และจับได้ 22 ส่วนของ  Vivo นั้นเจอทั้งหมด 31 และจับได้  14 ดวงครับ ซึ่งก็ห่างกันพอสมควรเลย และมันส่งผลในการใช้งานเล็กน้อย และรวมถึงการใช้ระยะเวลาจับนั้นจะแตกต่างกันเวลาเปิดแอพครับ

CAMERA

กล้องหลังของทั้งคู่มาในสเปคที่ใกล้เคียงกันมาก แต่หลักๆคือกล้องไม่เท่ากันครับ มาดูกันที่กล้องตัวหลักกันก่อนเลย คือมาพร้อมกับความละเอียด 13 ล้านพิกเซล แต่ทาง realme นั้นจะมีกล้องสำหรับการจับระยะที่ 2 ล้านพิกเซล ทำให้ realme ถ่ายโหมด Portrait ได้แต่ของ Vivo ถ่ายไม่ได้นะครับ อันนี้สำคัญเลยแหละ ส่วนคุณภาพ ฟีเจอร์โดยรวมนั้นแน่นอนว่า ทาง realme ทำได้ดีกว่าทั้งความไว และการโฟกัส ซึ่งจากที่ลอง vivo กลางวันนั้นสีจะค่อนข้างทึมๆไปหน่อย แต่ถ้ากลางคืนภาพนั้นจะคมกว่าครับ อาจจะเป็นการที่ ไม่ได้ลบ Noise จนเยอะเกินไป แต่ก็แลกกันด้วยที่ภาพนั้นจะไม่สว่างเท่าและบางทีจะเห็นเม็ด Noise ที่มากกว่าของ realme ซึ่งถ้ามองภาพรวมนั้นหลายๆคนอาจจะชอบ สว่างๆ เนียนๆแบบของ realme ถ่ายและสวยจบกว่านั้นเองครับ และตัว vivo นั้น โหมดอะไรจะแอบน้อยกว่าแน่นอนว่ามันออกมาใหม่กว่าย่อมมีการพัฒนาขึ้นครับผม รวมๆนั้นเลยให้ทาง realme ทำได้ดีกว่าในการถ่ายภาพกล้องหลังครับ ถ่ายง่ายสวยจบกว่า และ HDR อะไรนั้นทำได้ดีและชดเชยแสงย้อนแสงได้ดีกว่าของ Vivo

SELFIES

กล้องหน้าเป็นอีกจุดที่แตกต่างกันครับ ของ vivo เหมือนจะได้เปรียบกว่าตรงที่มาพร้อมรูรับแสง f1.8  ในความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แต่ของ realme นั้นให้มาที่ f2.0 ในความละเอียด 5 ล้านพิกเซล คุณภาพจากที่ได้ลอง สกินโทน หรือ โทนสีผิวในแง่ของความแม่นยำและสวยงามนั้นเรื่องนี้ทาง realm นั้นแอบทำได้ดีกว่านะ เป็นแบรนด์ที่กล้องหน้าคือจุดเด่นจริงๆ ส่วนของ vivo ในรุ่นนี้นั้นสีอาจจะดูมืดๆ และ มีความฟุ้งได้ง่ายและไม่คมเท่าไรครับ และจุดที่แตกต่างกันแบบชัดเจน เป้นจุดที่หลายๆคนอาจจะให้ความสำคัญคือกล้องหน้า Vivo ไม่มี การถ่าย หน้าชัดหลังเบลอ แต่ของ realme c2 นั้นมีโหมดนี้ให้มาครับและเป็นจุดที่แตกต่างกันแบบชัดเจนในเรื่องของการถ่ายเลยแหละ

VIDEO TEST

realme C2 VS vivo Y91C

สำหรับคู่นี้ทั้ง VIVO / realme ก็อยู่ในเรทที่เท่ากันเป๊ะๆทั้ง 2 แบรนด์ ในช่วงราคา 3,999 บาท แต่ก็มีจุดดีเด่นแตกต่างกันแบบคนละด้านเลย แต่เอาจริงๆต้องบอกว่ามือถือแต่ละแบรนด์เค้าก็มีจุดดีเด่นของเค้าไม่มีรุ่นไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกคนแน่นอนครับ เราทำเทียบเพื่อจุดประสงค์ว่าจะให้คนที่กำลังดูและเน้นเรื่องไหน เค้าจะเหมาะกับรุ่นไหนมากกว่ากันนั้นเอง แอดมินจะไม่ชี้นำว่า อันนี้ดีสุดต้องซื้อรุ่นนี้อะไรแบบนั้นนะ แต่จะนำข้อเท็จจริงของแต่ละรุ่นว่ารุ่นนี้เด่นอะไร รุ่นนี้ด้อยยังไงและไปตัดสินใจกันเองครับ แอดมินไม่สามารถตัดสินใจแทนทุกคนได้แน่นอน ได้แต่นำเสนอข้อเท็จจริงและสรุปจากประสบการณ์การใช้งานให้อ่านกันครับ เรามาดูข้อสรุปนิดหน่อยกันครับว่ารุ่นไหนเด่นอะไร และ มีจุดไหนที่ทำได้ใกล้กัน

Vivo Y91C

ข้อดี

  • บอดีดูบาง และ จับถนัดมือมากกว่า
  • ขอบหน้าจอทำได้บางกว่าในทั้ง 4ด้าน
  • ยังคงมีเคสแถมมาในกล่อง
  • ระบบเสียงปรับแต่งได้มากกว่า

ข้อสังเกต

  • มาพร้อม RAM 2 GB
  • กล้องหลังตัวเดียวไม่มี Portrait Mode
  • กล้องหน้า ไม่มี Portrait Mode
  • ยังคงเป็น Android 8.1
  • แถมที่ชาร์จ 5V 1A 

realme C2 

ข้อดี

  • มาพร้อม RAM 3 GB STORAGE 32GB
  • กล้องหน้า และ หลัง มี Portrait Mode
  • หน้าจอทำได้ดี สู้แสง และ สีดีกว่า
  • ได้ Android 9 + Colour OS6
  • แถมที่ชาร์จ 5V 2A 

ข้อสังเกต

  • ไม่มีเคสแถมมาในกล่องแล้ว
  • เสียงปรับแต่งได้น้อยกว่า
  • บอดี้ดูหนา หนักกว่า

พอๆกันทั้ง 2 รุ่น 

  • ไม่รองรับ Netflix HD /DRM L1
  • CPU ตัวเดียวกันเป๊ะๆ ราคาเท่ากันเป๊ะๆ
  • Sensor ต่างๆมีมาให้เหมือนกัน
  • ยังคงมี รูหูฟัง 3.5 มม. ให้ทั้ง 2 รุ่น
  • ดีไซน์หน้าจอ ขนาดต่างๆทำได้ใกล้เคียงกันมาก
  • ไม่สามารถปิดติ่งได้ทั้งคู่
  • ไม่รองรับ Wifi 5 Ghz
  • หน้าจอทัชไม่ได้ติดมือมากนัก

สำหรับรีวิวเปรียบเทียบนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ 
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

By Nineztr