Cruise บริษัทพัฒนารถยนต์ไร้คนขับในเครือ GM (General Motors) ภายใต้ความร่วมมือกับ Honda Motor ได้เปิดตัวยานยนต์พลังงานไฟฟ้าไร้คนขับ ‘Cruise Origin’ เมื่อวันอังคารที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ  
Cruise Origin คือยานยนต์ที่ทาง Honda และ GM ซุ่มพัฒนาขึ้นมาร่วมกัน หลังจากที่ค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นได้เข้ามาลงทุนในบริษัท Cruise ตั้งแต่ปี 2018 ด้วยเม็ดเงินกว่า 2,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านยานยนต์ให้มีสมรรถนะที่ล้ำหน้าคู่แข่ง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเตรียมจะให้บริการในโมเดลไรด์แชร์ริ่ง
ตัวรถ Cruise Origin เป็นขนาดไซส์ SUV ภายในห้องโดยสารมีขนาดที่นั่งทั้งหมด 4 ที่นั่ง โดยวางแนวที่นั่งหันชนหน้าเข้าหากันพร้อมจอดิสเพลย์บนแต่ละฝั่งที่นั่ง ใช้ประตูแบบสไลด์ข้าง และถือเป็นรถยนต์ไร้คนขับแบบสมบูรณ์ 100% เนื่องจากภายในห้องโดยสารไม่มีที่สำหรับคนขับ ไม่มีพวงมาลัย แป้นเหยียบหรือเกียร์อีกต่อไป ซึ่งยังมีถุงลมนิรภัยอยู่ เมื่อผู้โดยสารขึ้นรถเรียบร้อยก็เพียงกดปุ่ม “Start Ride” และหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินก็มีปุ่ม SOS ไว้ให้ด้วย
อย่างไรก็ดี ทางซีอีโอของบริษัท แดน อัมแมน (Dan Ammann) ยังไม่ได้เปิดเผยว่าพวกเขามีแผนจะเดินสายพานการผลิต Cruise Origin และเริ่มให้บริการไรด์แชร์ริ่งของตัวเองในช่วงเวลาใด เนื่องจากกฎหมายในสหรัฐฯ ยังคงไม่รับรองการให้บริการถยนต์สาธารณะโดยปราศจากมนุษย์คอยควบคุม

Cruise บอกว่าในอนาคตที่รถยนต์ไร้คนขับใช้งานกันแพร่หลาย ผู้คนจะไม่ต้องการซื้อรถอีกต่อไป และจะสัญจรด้วยวิธีการเรียกรถไร้คนขับมารับ (วิสัยทัศน์เดียวกับ Tesla) โดยยกตัวอย่างว่ารถ Origin จะช่วยผู้ที่อาศัยใน San Francisco ประหยัดเงินได้มากถึงปีละ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 152,000 บาท และใช้งานได้ทั้งวันทั้งคืน

ในด้านกฎหมาย เมื่อเดือนที่แล้วสำนักกฎหมายรัฐแคลิฟอร์เนียได้อนุญาตให้บริษัทต่างๆ สามารถใช้งานรถยนต์ไร้คนขับบนถนนสาธารณะได้แล้ว โดยมีข้อแม้ว่ารถต้องมีน้ำหนักน้อยกว่า 10,001 ปอนด์ หรือราว 4.5 ตันทั้งนี้

Cruise ถือเป็นสตาร์ทอัพที่พัฒนารถยนต์ไร้คนขับจาก Y-Combinator และถูก GM ซื้อไปในปี 2016

คงต้องจับตากันต่อไป ถ้าประเทศทั่วโลกที่ยังไม่มีการออกกฎหมายรับรองเทคโนโลยีดังกล่าวโดยตรง ประกอบกับที่ผ่านมา เรามักจะพบเห็นข่าวเชิงลบของรถยนต์ไร้คนขับออกมาเป็นระยะๆ เนื่องจากประสิทธิภาพที่ยังไม่ถูกพัฒนาจนถึงขั้นเสถียร และสร้างความมั่นใจให้กับผู้คน จึงอาจจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าที่เราจะได้เห็นรถยนต์ไร้คนขับออกมาบนท้องถนนร่วมกับรถยนต์คันอื่นๆ และมนุษย์อย่างเต็มรูปแบบ!!!