Dell XPS เป็นตระกูลเทพสุดของในบรรดา Laptop ของ Dell เลยก็ว่าได้แน่นอนมันมีจุดเด่นที่น่าสนใจในทุกปีที่มันออกมาทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ ดีไซน์แบบใหม่ บางเบาขึ้นเรื่อยๆ วัสดุความทนทานก็จัดเต็มมากขึ้นครับ และในปีนี้ 2018 ก็ได้ออกรุ่นใหม่ในชื่อ XPS 13 (2018) ในปีนี้เราจะได้เจอกับเทคโนโลยีอีกขั้นใน XPS ทั้งเรื่องของจอภาพแบบ 4K ที่สามารถสัมผัสได้ และยังมาพร้อมเทคโลยีที่ทำให้ขอบจอนั้นบางเรียกได้ว่าบางมากๆ และ พร้อมความแรงที่ทำได้ดีรวมถึงวัสดุที่ทนทานแบบและบางเบาไปด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ครับ พอร์ททั้งหมดก็ปรับมาเป็น Type-C
Dell XPS 13 (9370) ใช้ CPU Intel ด้วย Gen 8 Core i7 U และมาพร้อมหน้าจอ 3840×2160 พิกเซล 4K Ultra HD ที่ยังสามารถสัมผัสได้ด้วย และยังมพร้อมประกันเทพ 3 ปี ซ่อมฟรีถึงบ้านเช่นเคยครับ สำหรับรุ่นนี้จะเป็นรุ่นท็อปสุดของตระกูล สี Platinum Silver 13.3 นิ้ว 4K UHD ซีพียู Core i7-8550U RAM LPDDR3 16GB PCIe SSD 512GB Intel UHD Graphics 620 Windows 10 ราคา 79,990 บาท
สำหรับการออกแบบโดยรวยเมื่อแรกสัมผัสต้องบอกว่าหน้าตาดูดีขึ้นแม้จะไม่ต่างกับเดิมมากนักแต่ผิวสัมผัสคุณภาพงานประกอบ ความบาง และ บาทำให้การพกไปไหนมาไหนมันไม่ลำบากจนเป็นภาระเท่าไรนักและการใช้งานความแรงถือว่าใช้งานได้สบายมากรวมถึงการที่ได้ประกับ 3 ปี แบบ onsite ในเรทราคานี้ต้องบอกว่าไม่แพงเกินไปจริงๆ
UNBOX DELL XPS 13
สำหรับตัวกล่องอันนี้ทำมาแนวธีมสีดำล้วน และข้างในมีกล่องอีก 1 ชั้นดูพรีเมี่ยมมากขึ้นเมื่อเปิดมาจะเห็น XPS นอนนิ่งๆหลางกล่องและเมื่อยกออกมาจะเป็นพวกคู่มือต่างๆครับ สายชาร์จ Adaptor ที่ต้องบอกว่าพกพาง่ายมากๆ และพวกขิงต่างๆอยู่ในกล่องใหญ่แยกกัน มีสายแปลง Type-C USB มาให้อันนี้ไม่แน่ใจปกติจะแถมมาไหมนะครับ
DESIGN
สำหรับการออกแบบตัวเครื่องยังคงมาพร้อมความเรียบง่ายแต่หรูและลงตัว ด้วยหน้าตาดีไซน์ยังเรียกได้ว่าดูคล้ายเดิมแต่มันมีรายละเอียดที่แตกต่างอยู่ครับ หน้าจอมาพร้อมขนาด 13.3 นิ้วแต่ในตัวเครื่องที่เล็กเท่าจอ 11.6 นิ้วเลยทีเดียว และ ที่ทำได้แบบนี้เพราะหน้าตาขอบจอที่บางถึงบางมากจริงๆในส่วน 3 ด้าน และย้ายกล้องหน้าไปไว้ข้างล่างตัวฝาด้านในสีดำนั้นจะเป็นวัสดุที่เบาอย่าง คาร์บอนไฟเบอร์นั้นเองผิวสัมผัสดีมีลวดลายสวยงามเอาเรื่องเลยทีเดียว
ตัวกล้องหน้าได้โดนย้ายมาข้างล่างพร้อมเซนเซอร์ต่างๆสำหรับการ สแกนใบหน้าของ Windows Hello ไวมาก !ซึ่งการที่ไว้ข้างล่างเพื่อที่จะได้ขอบบนบางๆนั้นเอง อาจจะมีมุมแปลกๆไปบ้างครับสำหรับเวลา ใช้งานกล้องหน้าแต่ยังดีที่ไม่ตัดออกไปครับผม ด้านหลังเราจะเห็นช่องระบายขนาดใหญ่และโลโก้ XPS ซ่อนเนียนๆใต้เครื่องและยางรองกันลื่นแถบยาวๆครับผมจะสังเกตเห็นรูน็อตทั้งหมดสำหรับการเปิกฝา และ ซ่อมบำรุงต่างๆ รูระบายทำได้ดี และ พัดลม 2 ตัว ก็แรงเอาเรื่องเลยเช่นกัน และเสียงไม่ดังมากเท่าไรด้วยครับ ต้องบอกว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆที่ออกมาแบบเห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียว
สำหรับฝาหลังก็ใช้วัสดุที่แข็งแรงอลูมิเนียมและมีการเคลือบไทเทเนี่ยมออกไซด์ไว้อีกชั้น ซึ่งข้อดีคือ ทนรอยมากขึ้น ป้องกัยคราบต่างได้ดี หรือสีไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะใช้งานนานแค่ไหน และ เช็ดออกได้ง่ายด้วยนั้นเองโลโก้ Dell แบบโครมเมี่ยมครับ การตัดขอบทำได้เนียนและสวยมีตัดขอบเงาบางๆรอบกรอบอลูมิเนียมข้างๆทำได้ดีและหรูมากๆ ขนาดของขอบด้านขางนั้นบางกว่าเดดิมถึง 5.2 มิลลิเมตร ซึ่งมีความหนา 11.6 มิลลิเมตร ไล่ไปถึง 7.8 มิลลิเมตร Dell XPS 13 นั้นจะบางลงถึง 23% เมื่อเราดูเทียบกับรุ่นเก่านะครับ แต่ในส่วนน้ำหนักก็เบามากๆ แค่ 1.2 กิโลเท่านั้น ถือว่าพกกาได้ง่าย
ในส่วนของของข้างนั้นมีการเล่นวัสดุ 2 แบบทำให้เครื่องดูบางขึ้นไปอีกครับและพอร์ทนั้นจะเป็น Type-C ทั้งหมดและยังมีช่องลำโพง ทั้ง 2 ขอบข้างเครื่องอีกด้วยนั้นเอง ถือว่าทำได้ดีและ เน้นพกพาเอาไปทำงานบนเครื่องบินก็สะดวกมากซึ่งถ้ามองดูด้านข้างเราจะเห็นตัวปุ่มเช็คสถานะแบตด้วย คล้ายๆกับเวลาเราเช็ค Powerbank ยังไงแบบนั้นเลยครับ
SPEC DELL XPS 13 9370
- Intel Core i7 8550U
- UHD GRAPHIC 620
- 13.3 ความละเอียด 4K พร้อมระบบสัมผัส 100% NTSC 400nits และ 1500:1 Contrast Corning Gorilla glass 4,
- 16 GB RAM LPDDR3 2133Mhz
- 512 GB PCle SSD
- Keyboard มีไฟ Blacklit
- ลำโพงคู่ซ้ายขวา Stereo Waves MaxxAudio® Pro
- TYPE-C + Thunerbolt 3 ทั้งหมด 3 ช่อง
- 3.5 มม.
- รองรับ Micro SD
- น้ำหนัก 1.2 กิโล
- Windows 10 Home
SYSTEM PERFORMANCE
สำหรับตัวประสิทธิภาพการใช้งานนั้นต้องบอกเลยว่าสมราคาครับตัวเครตื่องมาพร้อมกับ CPU i7 Gen 8 เลยทีเดียวและมาพร้อมหน่วยความจำแบบ SSD NVMe M.2 ตัว CPU มาพร้อมประมวลผลอยู่ที่ 1.8 GHz เร่งได้ถึง 4.0 GHz นะครับ 4 Core 8 Threads ใช้งานทั่วไปสบายและทำงานหนักก็ยังไหวครับผม
แรงขึ้นพอตัวด้วยเพราะ Core เยอะขึ้น ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น และ มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR3L การ์ดจอในตัวของ Intel UHD Graphic 620 และรองรับการประมวลผลกราฟิกระดับ 3 มิติแบบกลางครับซึ่งต้องบอกว่า ทำงานได้สบาย กราฟฟิคสบาย แต่ถ้าสายเกมส์ปรับภาพไม่สูงก็ลื่นอยู่นะ เกมส์ออนไลน์นี่สบายครับ
SSD แบบ NVMe M.2 ความจุ 512GB แน่นอนว่าประสิทธิภาพจัดเต็มความไวมาเต็มโดยสามารถอ่านที่ความเร็วสูงสุดที่ 3381 MB/s และเขียนได้ระดับ 1958 MB/s เลยทีเดียวถือว่าทำได้ไวมากๆครับใมจุดนี้สำหรับ CINE BENCH จะเห็นว่าตัวชิปประมวลผลคะแนนทำได้ดีตามแบบฉบับตระกูล U นะครับ รวมถึงใกล้พวกรุ่น HQ ยิ่งขึ้น
สำหรับการทดสอบ 3D MARK ทำคะแนนได้ตามระดับของ CPU ครับการทดสอบนั้นจะมีให้เลือกตามระดับของคอมของเราซึ่งจากที่แอดมินลองมันทำได้แรงกว่า Surface book 2 นิดหน่อยเลยแหละใช้ทำงานได้สบายครับ
SCREEN
สำหรับหน้าจอของ Dell XPS 13 ตัวนี้จะเป็นรุ่นท็อปที่หน้าจอ คมชัดสะใจที่ 4K Ultra HD 3840 x 2160 พิกเซล และแน่นอนว่ามาพร้อมมาตรฐาน sRGB และ หน้าจอยังมาพร้อมความสว่างที่มากถึง 400 Nits อีกทั้งยังเป็น IPS LED ที่คมชัดอย่างมากการที่ Contrast 1500:1 จอทำได้ดีมากจริงสู้ Retina Display สบายมากครับอันนี้ยอมรับเลย
รองรับระบบสัมผัสหน้าจอได้อีกด้วยนั้นเองครับ(แม้จะหาโอกาศใช้ได้น้อยมากก็ตามสำหรับการสัมผัสใน Notebook ที่ไม่สามารถถอดจอหรือพับอีกด้านได้) จากที่ลองต้องบอกว่าเป็นจอในไม่กี่รุ่นที่ทำมาสวยงามจริงๆไม่ใช่แค่เรื่องคุณภาพแต่รวมถึงดีไซน์ของตัวกรอบหน้าจอก็เข้ากันได้ดีมากๆครับ
แน่นอนว่าความสว่างแบบนั้นทำให้ใช้งานกลางแจ้งได้สบาย หรือเวลาทำงานข้างนอก และจอนั้นมีอัตราส่วนคอนทราสต์สูงและทำให้ภา่พนั้นมีสีที่สดจัดสวยสามารถทำงาน กราฟฟิคต่างได้เลย มุมมองของตัวจอนั้นทำได้ดีครับ มองมุมเอียงขนาดไหนสีก็ไม่มีเพียนหรือดรอปเลยทำได้ดีมาก สีดำก็ดำสนิทจริงๆอีกทั้งยังรองรับ HDR ด้วยนะดู Netflix สบายมากครับจากที่ลองภาพนั้นจะแตกต่างกันจอที่ไม่มี HDR แบบชัดเลยเรื่องจอต้องบอกว่าเด่นสุดในรุ่นนี้เลย
SPEAKER
ตัว XPS 13 จะมาพร้อมกับ ลำโพงสเตอริโอเทคโนโลยี Waves MaxxAudio Pro ลำโพงอยู่ขอบซ็าย และ ขวาของตัวเครื่องนะครับซึ่งถือว่า เป็นการวางที่น่าสนใจเสียงแยกซ้ายขาชัดเจนอย่างมากและในเรื่องของมิติก็ถือว่าดีครับแต่ในส่วนของความดังเมื่อเทียบกับอีกค่ายอาจจะฟังแล้วทำไมเบากว่าก็ไม่แปลกครับการวางของ Dell นั้นจะทำให้เสียงมาแบบทิศทางชัดเจน และ มีมิติของตัวเสียงมากกว่า แต่เรื่องความดังอาจจะไม่ได้เน้นครับ แต่ถ้าฟังเองจริงๆหรือใช้ในการดูหนังนั้นจะรู้สักเลยว่ามันแยกซ้ายขวาได้ดีจริงๆครับผม เราไปลองรับฟังกันดีกว่าในเรื่องของลำโพง
KEYBOARD
ส่วนของคีย์บอร์ดตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี แน่นอนราคานี้ต้องมี LED Backlit มาให้สีขาวสว่างพอสมควรและปรับได้ 2 ระดับครับ ตัวปุ่นมีระยะกดไม่มากนักแต่แน่นดีและรับกับมือได้สำหรับผมถือว่าให้สัมผัสที่ดี แต่ปุ่มอ่าจจะเล็กไปนิดนึงเพราะต้องใส่บอดี้ที่เน้นพกพาในรุ่นนี้ครับ
TOUCHPAD
มาดูในส่วนของทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง แต่เมื่อใช้งานจริงๆแอบรู้สึกเล็กไปหน่อยครับแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าต้องทำมาให้ขนาดพอดีกับตัวเครื่องและควบคุมให้ขนาดโดยรวมมันเน้นพกพานั้นเองตัวทัชแพดสัมผัสดีครับลากนิ้วได้ลื่นและไม่หนืดเกินไป ปุ่มกดซ็ายขวาก็กดลงไปเลยไม่มีปุ่มแยกครับ และ ถ้าเราพิมพ์อยู่เราจะมีเจ๋งๆคือระบบช่วยจัดการถ้าเราพิมพ์นั้น ตัวทัชแพดจะไม่ทำงานป้องกันการเผลอไปโดนนั้นเองถือว่าดีมากครับ
CONNECTOR
พอร์ทเชื่อมต่อในจุดนี้ต้องบอกว่ามีมากกว่าที่คิดไว้และมากกว่าคู่แข่งในบางค่ายจริงๆเพราะยังคงมีมาให้ครบและพอใช้เป็นไม่กี่แบรนด์ที่ยังคงทำได้ดีไม่ตัดออกไปจนหมดครับ USB Type-C มาตรฐาน Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต และ USB Type-C ที่เป็นแบบ DisplayPort อีกหนึ่ง โดยทั้ง 3 พอร์ต รองรับการชาร์จไฟจากอแดปเตอร์ พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร และ micro-SD Card Reader ถือว่าพอใช้งานทั้งนั้นครับ
แต่เมื่อใช้งานจริงๆการที่ตัดพอร์ทออกไปนั้นก็เจอปัญหาทุกตัวเพราะถ้าใครไม่มีตัวแปลงอยุ่แล้วหรือต้องเสียบอะไรที่ค่อนข้างเยอะนั้นอาจจะต้องมีปัญหาแน่นอนเพราะเสีย 1 พอร์ทชาร์จไปแล้วแน่ๆ หรือจะเป็น เมาส์ ต่างๆก็ทำให้เราต้องพกพาตัวแปลงไปแน่ๆครับอันนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจเอาว่าเราจะมาเล่น Ultrabook ก็ต้องรับได้ในจุดนี้ครับ
GAMING
สำหรับการใช้งานเล่นเกมส์นั้นตัวนี้มาด้วย i7 แน่นอนเกมส์ที่ไม่หนักมากก็ถือว่าเล่นได้สบายครับจากที่แอดมินลองนั้น FIFA ONLINE 4 / Overwatch / Pubg Mobile ก็ถือว่าเล่นได้สบายมากแต่ภาพที่ได้ต้องปรับต่ำซะหน่อยและในเรื่องของความร้อนก็เป็นรุ่นที่ร้อนพอสมควรถ้าเราทำงานหนักแบบนั้นแต่การระบายความร้อนก็ทำได้ดีครับแต่จะรู้สึกเลยว่ามันร้อนแบบรู้สึกได้ถ้าเราวางบนตักอะไรแบบนี้ แต่ไม่มีผลอะไรนะครับตัวเครื่องไม่หน่วงอะไรถ้าร้อนๆที่ใช้งาน ภาพเสียงที่ได้ยังคงทำให้ตัว XPS นั้นเล่นเกมส์ได้แบบไม่ขัดใจครับ FPS ไม่ตกมากนัก เช่นใน OW FPS วิ่งที่ 30-50 ตลอดถือว่าสบายเลยครับ
WORKING
การทำงานแน่นอน Microsoft ทั้งตระกูลสบายชิลๆครับ ทำงานได้นานและไม่ร้อนเท่าไรแบตอยู่ได้สบาย แต่ถ้าหนักกว่านั้นทำ กราฟฟิค ตัดต่อรูป อันนี้ก็ยังไหวจอภาพสวย ทำงานได้ลื่นไม่เป็นปัญหาเลยความร้อนเริ่มรู้สึกได้ครับ ที่แอดมินลองคือ Photoshop Premire Pro ตัดคลิปแบบสั้นๆยังไว้ใจได้ รวมถึง AutoCAD SkecthUP หรือจะทำงาน เขียนเว็บ อัพข่าวบทความอันนี้สบายการสลับแอพไปมาทำได้ดีครับ ไม่เป็นปัญหา การทำงานต้องสรุปได้ว่าทำงานได้สบายไม่ต้องกังวลครับในจุดนี้ ถ้าใช้งานนานๆแนะนำห้องแอร์จะช่วยยืดอายุเครื่องได้มากขึ้นไปอีกครับ
BATTERY
สำหรับตัว Battery ตัวนี้ที่เคลมว่าอึดมากและจากการใช้งานจริงสามารถใช้งานได้ทั้งวันจริงๆ ทำงานต่อเนื่องได้ 8-9 ชั่วโมง ครับและถ้าใช้ปิดๆเปิดๆบ้างก็อยู่ได้ทั้งวัน 10-12 ชั่วโมง อยู่นะสำหรับแบตเจ้าตัวนี้อึดแบบพอดี เมื่อเทียบกับ i7+4K ที่สูบแบตไปพอสมควรครับด้วยประสิทธิภาพขนาดนี้นั้นเอง เรื่องแบตการชาร์จเข้าก็ถือว่าทำได้ไว 1.30 ชั่วโมงก็เต็มแล้วสำหรับการชาร์จที่ให้ที่ชาร์จมานะครับต้องเสียบช่องด้านซ็าย อันบนสุดเท่านั้นนะครับ จะมีไฟติดด้วย
FRONT CAMERA
กล้องหน้าอันนี้ก็ขอลองหน่อยเพราะว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่ามุมเงยแบบนั้นภาพที่ได้จะเป็นยังไงและคุณภาพจะรับได้ไหมครับไปรับชมกันซักเล็กน้อยซึ่งกล้องตัวนี้ก็ทำงานร่วมกับการสแกนใบหน้าด้วยถือว่า สแกนใบหน้าได้ดีมากไวมากเลยทีเดียวครับ
DELL XPS 13 2018
สำหรับ XPS 13 เป็น Ultrabook ที่ทำออกมาพรีเมี่ยมอันดับต้นๆและงานประกอบทุกอย่างเมื่อได้ลงมันรู้สึกแบบว่าเห้ยสมราคาที่เสียไป ถ้าเรามองแบรนด์อื่นถ้าเราต้องการสเปคแบบนี้ จริงๆราคามันต่างกันไม่เท่าไรเลย และ ที่สำคัญคืออาจจะไม่ได้ดีไซน์จอขอบบางแบบนี้ หรือรองรับสัมผัสเช่นเดียวกับตัวนี้ครับ รวมถึงประกัน 3 ปีที่จัดว่าเป็นจุดเด่นของค่ายนี้เลยก็ว่าได้ เป็น Ultrabook ทื่ทำงานได้จัดเต็ม แบตอึด และ จอสวยมาก พร้อมกับ การพกพาที่ง่าย
ข้อดี
- ตัวเครื่องเล็กมากแต่จอใหญ่สะใจ จัดเต็ม งานประกอบดี
- จอ 4K IPS สีสวยสด สัมผัสได้ และ สีค่อนข้างตรงอย่างมาก
- ขอบจอทำได้บางแบบบางมากทำให้ดูสวยกว่าทั่วไปมาก
- ตัวเครื่อง ประสิทธิภาพแรงและใช้ทำงานได้สบาย SSD ไวใช้ได้
- พอร์ตการเชื่อมต่อ USB Type-C มาตรฐาน Thunderbolt 3
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 10-12 ชั่วโมง
- ประกันถึง 3 ปี On Site Service มาตรฐาน Dell
- Adaptor เล็กจนไม่เป็นภาระ
ข้อสังเกต
- ราคาที่มองดูอาจจะสูงกว่าทั่วไป
- ทัชแพดแอบเล็กไปนิดหน่อย – แต่ได้จอสัมผัสมาแทน
- ความร้อน ร้อนแบบรู้สึกได้ไว
- ถ้าไม่มีตัวแปลงType C อยู่แล้วอาจจะลำบากเล็กน้อย
By Nineztr
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และต้องขอขอบคุณ DELL Thailand สำหรับการส่ง XPS 13 ตัวนี้มาให้เราได้สัมผัสกันนะครับ ขอบคุณครับ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT