หลังจากที่ Elon Musk ได้ซื้อหุ้นของ Twitter ไป 9.2% ไปเมื่อต้นเดือน ทำให้เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากกองทุนของ Vanguard holdings เขาก็ได้เสนอดีลที่จะทำการซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท Twitter และนำมันออกจากตลาดหลักทรัพย์ด้วยเงินมูลค่ากว่า 4.3 หมื่นล้าน$ (ประมาณ1.44ล้านล้านบาท) โดยเขาได้เสนอซื้อหุ้นของบริษัท Twitter ในราคาหุ้นละ 54.20$ (ประมาณ1,800บาท) ซึ่งมากกว่าราคาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ที่ราว 45$ (ประมาณ1,500บาท)
นอกจากนั้นในปัจจุบันโอกาสสำเร็จของดีลดังกล่าวจะยังไม่แน่นอน เพราะ ทางบอร์ดบริหารของ Twitter กำลังประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับการเข้าซื้อบริษัทของ Elon Musk เพราะการที่ Elon Musk นำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ทำให้ไม่มีสถานะบริษัทมหาชนอีกต่อไป ซึ่งส่งผลต่อการจ่ายผลตอบแทนให้แก่พนักงานในรูปแบบของหุ้น (stock option)
อย่างไรก็ตามจำนวนเงินที่ทาง Elon Musk เสนอซื้อบริษัท Twitter นั้นถือเป็นจำนวนมหาศาล ทางผู้เขียนจึงรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจว่าเงินจำนวน 1.44 ล้านล้านบาทนอกจากจะนำไปซื้อบริษัท Twitter ได้แล้ว สามารถนำไปทำอะไรได้อีกบ้าง
ส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์อีกรอบ
Elon Musk สามารถทำตามความฝันในการนำพามนุษยชาติไปยังดาวอังคารของเขาได้ โดยการเริ่มต้นจากการสร้างฐานที่มั่นบนดวงจันทร์เสียก่อน ซึ่งเขาสามารถนำเงินจำนวนนี้สนับสนุนภารกิจการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ได้ผ่านการสนับสนุนภารกิจ Artemis ของ NASA ในการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ครั้งที่สองหลังจากปีค.ศ. 1969 เพราะทางองค์การ NASA คาดการณ์ว่าในการส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์อีกรอบต้องใช้งบประมาณราว 2-3 หมื่นล้าน$ นอกจากนั้นยังนำเงินที่เหลือไปจุนเจืองบประมาณการสร้างฐานที่มั่นบนดวงจันทร์ได้ด้วย
แก้ไขปัญหาความอดอยากในคนมากกว่า 42 ล้านคนได้เป็นเวลา 6 ปี
องค์การสหประชาชาติได้ออกมาเผยข้อมูลว่าด้วยเงินจำนวนนี้ Elon Musk สามารถแก้ไขปัญหาความอดอยากในประชากรโลกจำนวน 42 ล้านคนได้ เพราะ การจัดหาอาหารให้คนเหล่านั้นกินวันละหนึ่งมื้อทุกวันเป็นเวลาหนึ่งปีใช้เงินราว 6.6 พันล้าน$ (ประมาณ2.2แสนล้านบาท) ด้วยเหตุนี้เงินจำนวน 1.44 ล้านล้านบาทจึงช่วยแก้ไขปัญหาความอดอยากในคนเหล่านั้นเป็นเวลาราว 6 ปีเลยทีเดียว
ซื้อหนังสือ The Bitcoin Standard แจกประชากร 60% ของโลก
หาก Elon Musk ต้องการเพิ่มพูนความรู้ด้านการเงินให้แก่ประชากรโลก เขาสามารถซื้อหนังสือ The Bitcoin Standard แล้วแจกให้แก่ประชากรจำนวนราว 4.8 พันล้านคน ซึ่งคิดเป็น 60% ของประชากรโลกทั้งหมดจำนวนเกือบ 8 พันล้านคนเลยทีเดียว (คิดราคาเฉลี่ยของหนังสืออยู่ที่ 300 บาท)
ซื้อบริษัท Coinbase เพื่อทำแพลตฟอร์มเทรดคริปโทเคอเรนซี่ของตัวเอง
หาก Elon Musk ต้องการเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มซื้อ-ขายคริปโทเคอเรนซี่ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ฯ อย่าง Coinbase แบบ 100% เขาก็สามารถทำได้โดยใช้เงินจำนวนข้างต้น ซึ่งการเป็นเจ้าของ Coinbase ทำให้เข้าสามารถกำหนดนโยบายทางการเงินของสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นสเตเบิลคอยน์อย่าง USDC ที่ผลิตและดูแลโดย Coinbase ได้
ซื้อหุ้นบริษัท EA ได้แบบ 100% เพื่อผลิตเกมของตนเอง
แต่หาก Elon Musk มีไอเดียในการสร้างเกมของตนเอง เขาสามารถเป็นเจ้าของบริษัท EA (Electronic Arts) ได้แบบ 100% ด้วยเงินจำนวนข้างต้นและกลายเป็นเจ้าของบริษัทโดยสมบูรณ์ ส่งผลให้เขาสามารถกำหนดทิศทางการผลิตเกมของบริษัทให้เป็นไปในทางที่เขาต้องการได้
ที่มา :
https://companiesmarketcap.com/tech/largest-tech-companies-by-market-cap/
https://economictimes.indiatimes.com/tech/technology/elon-musk-is-no-longer-twitters-largest-shareholder-vanguard-group-ups-stake-to-10-3/articleshow/90857794.cms
https://www.theverge.com/2022/4/14/23025903/twitter-ceo-board-elon-musk-takeover-still-evaluating
https://www.theverge.com/2022/4/14/23025330/elon-musk-twitter-offer-43-billion