การศึกษาใหม่โดยสำนักงานเทคโนโลยียานยนต์ ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ รายงานว่า ต้นทุนของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าลดลงถึง 90% ระหว่างปี 2008 ถึง 2023 กล่าวคือ ลดลงจาก 1,319 ยูโร (ราว 5 หมื่นบาท) ต่อ kWh เหลือเพียง 130 ยูโร (ราว 5 พันบาท) ต่อ kWh แม้จะคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อแล้ว ราคาที่ลดลงก็ยังถือว่าน่าประทับใจ
เพื่อให้เห็นภาพ พิจารณา Tesla Model Y ซึ่งมีแบตเตอรี่ 82 kWh ในปี 2008 แบตเตอรี่ตัวนี้เพียงอย่างเดียวจะมีราคาสูงถึง 106,200 ยูโร (ราว 4 ล้านบาท) ปัจจุบัน แบตเตอรี่ตัวเดียวกันมีราคาเพียง 10,300 ยูโร (ราว 4 แสนบาท) ทำให้ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกลงได้อย่างมาก
ปัจจัยหลายอย่างได้มีส่วนทำให้ราคาลดลงมากขนาดนี้ ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและเคมีของแบตเตอรี่ กระบวนการผลิตที่ได้รับการปรับปรุง และปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น
บริษัทวิเคราะห์ตลาด Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2027 รถยนต์ไฟฟ้าจะมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ซึ่งจะทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกเริ่มต้นสำหรับลูกค้าใหม่
เมื่อรวมกับต้นทุนการเป็นเจ้าของที่ต่ำลง เช่น ค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษาที่ลดลง รถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้โดย JD Power พบว่า ใน 48 จาก 50 รัฐของสหรัฐอเมริกา ต้นทุนทั้งหมดของการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าห้าปีนั้นต่ำกว่าการเป็นเจ้าของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปในระดับที่ใกล้เคียงกัน
แม้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะชะลอตัวลงในช่วงหลัง แต่แนวโน้มระยะยาวก็ยังคงเป็นบวกอย่างมาก การลดต้นทุนแบตเตอรี่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ยานยนต์ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าไม่เพียงเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นตัวเลือกที่ราคาไม่แพงอีกด้วย
ที่มา: ARENAEV