Facebook มีรายได้ลดลงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยรายได้ของแพลตฟอร์มในไตรมาสที่สองของปีนี้ ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เหลือ 2.8 หมื่นล้าน$ (ประมาณ1ล้านล้านบาท) รวมทั้งคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่สามจะลดลงไปอีก
 
นอกจากนั้นกำไรของ Meta บริษัทแม่ของ Facebook ยังลดลงถึง 36% เหลือเพียง 6.7 พันล้าน$ (ประมาณ2.4แสนล้านบาท) ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรลดลงคือการที่แผนก Reality Labs ที่พัฒนาเมตาเวิร์สลงทุนไปกว่า 2.8 พันล้าน$ (ประมาณ1แสนล้านบาท)
 
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้รายได้ในธุรกิจต่าง ๆ ของ Meta ลดลงคือ ฟีเจอร์ขอให้แอพเลิกติดตามข้อมูล (Ask app not to track) ใน iPhone ที่ทำให้การโฆษณาไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากไม่มีข้อมูลของผู้บริโภคที่ใช้ฟีเจอร์นี้ ส่งผลให้ Meta สูญเสียรายได้จากการโฆษณามากถึง 1 หมื่นล้าน$ (ประมาณ3.6แสนล้านบาท) ต่อปี อีกทั้งในภาวะเศรษฐกิจซบเซาเช่นนี้งบประมาณที่ถูกใช้ในการโฆษณามีปริมาณลดลง
 
สำหรับการแก้เกมของ Meta เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งรายใหม่อย่าง TikTok คือ การปรับเปลี่ยนดีไซน์ของ Facebook และ Instagram ให้เน้นความสำคัญไปที่วิดิโอสั้น และระบบที่แสดงโพสต์ที่ถูกแนะนำโดยอัลดอริทึ่มให้แก่ผู้ใช้งาน
 
Mark Zuckerberg ระบุว่าในปีหน้าเนื้อหาที่ผู้ใช้งานจะได้เห็นบน Facebook จะมาจากโพสต์ที่ไม่ได้มาจากบัญชีที่ผู้ใช้งานกดติดตาม แต่จะมาจากการแนะนำของระบบมากขึ้นสองเท่า
 
อย่างไรก็ตามแม้ว่ารายได้ของ Meta จะลดลง แต่ผู้ใช้งานรายวันของ Facebook เพิ่มขึ้น 3% เป็น 1.97 พันล้านบัญชี ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มผู้ใช้งานลดลงเมื่อไม่กี่ไตรมาสก่อนหน้า
 
ทาง Meta เผยว่าผู้ใช้งานรายวันแพลตฟอร์มโซเชียลในเครือมีจำนวน 2.88 พันล้านบัญชี ทั้งใน Faccebook, Messenger, Instagram และ WhatsApp เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 4%
 
นอกจากนั้น Mark Zuckerberg ยังเผยในการประชุม earning call ครั้งล่าสุดว่าในปัจจุบันบริษัทต้องมีความเป็นระเบียบวินัย และมีความเข้มข้นในการทำงานให้ได้ผลผลิตมากขึ้นด้วยทรัพยากรน้อยลงจึงจะสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้

SOURCE