แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ทั้ง Facebook, Twitter และ YouTube ได้มีมาตรการตอบสนองต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ผ่านการบล็อคไม่ให้บริษัทสื่อในรัสเซีย (และยูเครน) หารายได้จากการโฆษณาบนแพลตฟอร์มเหล่านั้นได้

Nathaniel Gleicher หัวหน้าฝ่ายนโยบายความปลอดภัยของ Facebook ได้เผยว่าทางบริษัททำการบล็อคสื่อรัสเซียไม่ให้ทำการโฆษณาและหารายได้ผ่านแพลตฟอร์มของตนได้ไม่ว่าจะในพื้นที่ใดบนโลกก็ตาม รวมทั้งทำการแปะป้ายโพสต์จากสื่อรัสเซียเพิ่มเติม ต่อยอดจากโครงการที่เริ่มแปะป้ายเนื้อหาจากสื่อที่เป็นของรัฐตั้งแต่ในปี 2020

ทาง Facebook ยังได้จัดตั้งศูนย์ Special Operations Center เพื่อติดตามและตอบสนองต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้ปล่อยฟีเจอร์ one-click tool ในยูเครนที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถล็อครูปภาพโปรไฟล์ของตนได้ และป้องกันไม่ให้คนที่ไม่ใช่เพื่อนในแพลตฟอร์มเข้าไปติดตามดูโปรไฟล์ โพสต์ และสตอรี่บน Facebook ได้

อย่างไรก็ตามรัสเซียได้ทำการแบนการเข้าถึง Facebook แบบบางส่วนภายในประเทศ และทางรัฐบาลระบุว่าทางแพลตฟอร์มได้จำกัดการเข้าถึงบัญชีผู้ใช้งาน 4 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับสื่อสัญชาติรัสเซีย ทางหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารได้ร้องขอให้ Facebook ปิดฟีเจอร์ fact-checking และการแปะป้ายคอนเทนต์จากสื่อรัสเซีย แต่ทาง Facebook ก็ไม่ปฏิบัติตามแต่อย่างใด

นอกจากนั้นทาง Twitter ทำการปิดกั้นการโฆษณาบนแพลตฟอร์มภายในทั้งรัสเซียและยูเครนเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเห็นโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะได้ง่ายขึ้น รวมทั้งทางแพลตฟอร์มยังยกเลิกฟีเจอร์ที่โปรโมททวีตแนะนำที่ถูกโพสต์โดยคนที่ผู้ใช้งานไม่ได้ติดตาม และเพิ่มฟีเจอร์ Twitter Moment ที่มีข้อมูลความปลอดภัยดิจิทัลในหน้าหลักของทวิตเตอร์

ทางแพลตฟอร์มยังได้ติดตามทวีตต่าง ๆ เพื่อป้องกันการเข้าแทรกแซงและมีมาตรการตอบโต้อย่างเหมาะสม รวมทั้งได้ติดตามบัญชีของผู้สื่อข่าว หน่วยงานรัฐบาล นักเคลื่อนไหว และผู้ใช้ที่มีผู้ติดตามมากเพื่อป้องกันการถูกแฮกหรือเข้าแทรกแซงด้วย

นอกจากนั้นรัสเซียได้ทำการบล็อกการเข้าถึงทวิตเตอร์ภายในประเทศเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องการความขัดแย้งภายในยูเครน

ทาง Youtube ทำการบล็อคสื่อของรัสเซียที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐ และช่องสัญชาติรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งล่าสุดไม่ให้โฆษณาและสร้างรายได้บนแพลตฟอร์มของตนได้ นอกจากนั้นทางแพลตฟอร์มยังลดการแนะนำคอนเทนต์จากสื่อที่สนับสนุนโดยรัฐบาลรัสเซียแก่ผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม

โดยช่องหลักในยูทูปที่ถูกห้ามไม่ให้หารายได้จากการโฆษณาคือช่องในเครือ RT รวมทั้งบล็อคการเข้าถึงสื่อเหล่านั้นในยูเครนด้วย เนื่องจากการร้องขอของรัฐบาลยูเครนที่ร้องขอให้รัสเซียบล็อคคอนเทนต์ที่เป็นโฆษณาชวนเชื่อบนแพลตฟอร์มด้วย นอกจากนั้นทาง YouTube ยังได้แปะป้ายคอนเทนต์ที่อัพโหลดโดยสื่อที่สนับสนุนโดยรัฐบาลตั้งแต่ปี 2018

SOURCE1, SOURCE2, SOURCE3