• Royal Enfield เปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุดในงานแสดงยานยนต์ EICMA 2024 | ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รุ่นแรกจากแบรนด์ ไปจนถึงโมเดล 650-Twin ใหม่สุดเท่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณการขับขี่ที่แท้จริงกว่า 123 ปี
  • เปิดตัว  EV ใหม่ในชื่อ Flying Flea โดยมีสองรุ่น ได้แก่ Flying Flea C6 ดีไซน์คลาสสิก และ Flying Flea S6 สไตล์สแครมเบลอร์
  • ย้อนรอยตำนานและมรดกด้วยการเปิดตัว Classic 650 และ Bear 650 ใหม่ | มอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นเปิดตัวในงาน EICMA 2024 สำหรับยุโรป และจะวางจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกช่วงปี 2025
  • พร้อมเปิดตัวรุ่นพิเศษ เช่น Shotgun 650 x ICON รุ่น ‘Always Something’ และ Guerrilla 450 x El Solitario รุ่น ‘Prometeo’

กรุงเทพมหานคร, 5 พฤศจิกายน : งานมหกรรมมอเตอร์ไซค์ EICMA 2024 ณ เมืองมิลาน อิตาลี โรยัล เอ็นฟีลด์ผู้นำระดับโลกในตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง (250–750cc) ได้เปิดตัวนวัตกรรมครั้งใหญ่ภายใต้แนวคิด “Pure Motorcycling” ด้วยการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Flying Flea รวมถึงรุ่น C6 และ S6 ที่จะพาผู้ขับขี่เข้าสู่ยุคใหม่ นอกจากนี้ โรยัล เอ็นฟีลด์ยังนำเอารูปแบบคลาสสิกที่เป็นตำนานกลับมาด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่ในแพลตฟอร์ม 650 Twin ได้แก่ Bear 650 และ Classic 650 ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์คลาสสิกและวิศวกรรมที่ทันสมัยได้อย่างลงตัว

สิทธาถะ ลาล, กรรมการผู้จัดการของ Eicher Motors Ltd. กล่าวเปิดตัวว่า “ภารกิจของเราคือการสร้างประสบการณ์ Pure Motorcycling ที่แท้จริง ซึ่งขับเคลื่อนเราให้ค้นคว้าและสร้างสรรค์การขับขี่รูปแบบใหม่ ๆ ที่เหมาะสมในแต่ละสมัย วันนี้ เราภูมิใจนำเสนอ Flying Flea ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างมรดกและการออกแบบสำหรับอนาคตที่สะท้อนถึงการขับขี่ในรูปแบบสมาร์ทไลฟ์สไตล์”

บี. โควินดาราจาน ซีอีโอของโรยัล เอ็นฟีลด์ได้เสริมว่า “งาน EICMA 2024 เป็นจุดเปลี่ยนในเส้นทางของเรา ด้วยการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรกของเรา นอกจากนี้ เรายังเพิ่มตัวเลือกในกลุ่มรุ่น 650 Twin ด้วย Bear 650 และ Classic 650 ซึ่ง Bear 650 นำเสนอจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยและดีไซน์ของสแครมเบลอร์ ในขณะที่ Classic 650 ผสมผสานดีไซน์ไอคอนิกของโรยัล เอ็นฟีลด์เข้ากับยุคสมัยและวิศวกรรมสุดล้ำ”

Flying Flea รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าใหม่ของโรยัล เอ็นฟีลด์: มรดกในรูปแบบใหม่เพื่อความยั่งยืน (PRESS KIT)

The Flying Flea หรือ “หมัดบิน” ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1943 เป็นมอเตอร์ไซค์น้ำหนักเบาที่ออกแบบมาเพื่อการทหาร สรรค์สร้างความคล่องตัวในสนามรบ และสะท้อนจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของแบรนด์ได้อย่างดี โดยโรยัล เอ็นฟีลด์ได้แรงบันดาลใจจากจิตการสร้างสรรค์ Flying Flea รุ่นใหม่สำหรับอนาคต ซึ่งกลายมาเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโรยัล เอ็นฟีลด์

การเดินทางสู่วงการรถไฟฟ้าของโรยัล เอ็นฟีลด์ เริ่มต้นจากการพัฒนา Electric Himalayan Test Bed ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกที่งาน EICMA 2023 เพื่อทดสอบการขับขี่บนภูมิประเทศที่ท้าทาย นับเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสร้างสรรค์มอเตอร์ไซค์รูปแบบใหม่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยกับเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างลงตัว และในวันนี้ โรยัล เอ็นฟีลด์ยังคงรักษามรดกนั้นด้วยการเปิดตัว Flying Flea  2 รุ่น ได้แก่ Flying Flea C6 ดีไซน์แบบคลาสสิกและ Flying Flea S6 สไตล์สแครมเบลอร์ ซึ่งเป็นการผสานระหว่างมรดกที่มีมาอย่างยาวนานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมือง มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่สะดวกสบาย ซึ่งแสดงถึงสไตล์ที่โดดเด่นของโรยัล เอ็นฟีลด์อย่างแท้จริง

CLASSIC 650 TWIN – DNA ของโรยัล เอ็นฟีลด์ ที่ทรงพลังมากขึ้นเท่าตัว ((PRESS KIT))

Classic 650 รุ่นใหม่แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์ของครอบครัว Classic แต่เพิ่มความทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ 650 Twin ของโรยัล เอ็นฟีลด์ทำให้ขับขี่ได้คล่องตัวและสง่างามเช่นเคย ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งคุณสมบัติดั้งเดิม Classic 650 โดยผสานการออกแบบที่ดูดีแบบคลาสสิก รูปทรงที่ดูน่าเกรงขามแต่ง่ายต่อการขับขี่ ทำให้เป็นรุ่นClassic ที่เท่เสมอ

BEAR 650 – สัญชาตญาณที่เราเชื่อมั่น ( PRESS KIT)

Bear 650 มอเตอร์ไซค์สแครมเบลอร์ดีไซน์ทันสมัย สร้างขึ้นสำหรับผู้ที่เชื่อมั่นในสัญชาตญาณและต้องการความโดดเด่น

Bear 650 ไม่ใช่เพียงมอเตอร์ไซค์แต่มันคือการเดินทาง สิ่งที่ยืนยัน และเตือนใจให้เราทำตามสัญชาตญาณตนเอง ด้วยสมรรถนะที่ครบครัน วิศวกรรมที่แข็งแกร่ง และรูปลักษณ์สแครมเบลอร์อันโดดเด่น Bear 650 พร้อมที่จะนิยามประสบการณ์การขับขี่แบบสแครมเบลอร์ใหม่สำหรับผู้ขับขี่ทั่วโลกเชิญชวนให้สำรวจเส้นทางใหม่ ๆ ในทุกการขับขี่

‘ALWAYS SOMETHING’ – Royal Enfield Shotgun 650 x ICON Motorsport

‘Always Something’ Shotgun 650 สร้างขึ้นจากจิตวิญญาณแห่งการคัสตอม Shotgun 650 รุ่นพิเศษร่วมกับ ICON One Thousand จาก Icon Motorsport กลายเป็นรุ่น ‘Always Something’ ที่มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่น สะดุดตา และทรงพลัง ด้วย 3 โทน สี ที่ได้แรงบันดาลใจจากการแข่งและชิ้นส่วนพิเศษ เช่น ล้อทอง สปริงโช๊คสีน้ำเงิน และเบาะสีแดง รุ่นพิเศษนี้ผลิตเพียง 100 คันทั่วโลก แต่ละคันจะมาพร้อมกับแจ็คเก็ต Slabtown Intercept RE ที่มีเอกลักษณ์ ทำจากหนังกลับและผ้าอย่างดี เพิ่มเสน่ห์ในการสะสมมากขึ้นไปอีก

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษที่มีจำนวนจำกัดนี้ได้เร็ว ๆ นี้

PROMETEO – Royal Enfield Guerrilla 450 x El Solitario Royal Enfield ร่วมกับ El Solitario และ Studio Waldemeyer นำเสนอ Prometeo ในงาน EICMA 2024 สร้างจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตของการขับขี่มอเตอร์ไซค์ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานของ Prometheus Prometeo สื่อถึงการต่อต้านในโลกที่อิสรภาพและการเป็นตัวของตัวเองถูกจำกัดในโลกที่ถูกควบคุมด้วยAI เป็นผลงานศิลปะที่สะท้อนให้เห็นถึงการขับขี่มอเตอร์ไซค์ในอนาคตในโลกที่เต็มไปด้วยความสอดคล้องและการละเลยความเป็นเอกลักษณ์ของการขับขี่

Royal Enfield นำเสนอ El Solitario Prometeo ร่วมกับ Studio Waldemeyer ที่งาน EICMA 2024 โดยสร้างความโดดเด่นในอนาคตของการขับขี่มอเตอร์ไซค์ นำแรงบันดาลใจจากตำนานของ Prometheus, Prometeo เป็นแนวคิดที่สื่อถึงการต่อต้านในโลกที่เสรีภาพและความเป็นอิสระส่วนบุคคลถูกเสียสละเพื่อการควบคุมด้วยอัลกอริธึม, การครอบงำทางเทคโนโลยี, รถยนต์อัตโนมัติ และประสบการณ์เสมือนจริง ผู้ที่หลงใหลในมอเตอร์ไซค์ รถรุ่นนี้ได้นำเสนออนาคตของการขับขี่มอเตอร์ไซค์ในโลกที่มีการเข้ามาแทนที่และการกดขี่วิถีชีวิตการขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่เพิ่มมากขึ้น

————————-x————————-

About Royal Enfield:

Royal Enfield แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ได้สร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สง่างามมีเอกลักษณ์มาตั้งแต่ปี 1901 จากต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ได้ส่งต่อศาสตร์แห่งการสร้างสรรค์อันล้ำค่ามาสู่โรงงานผลิตในเมือง Madras เมื่อปี 1955 นับเป็นฐานการผลิตสำคัญที่ Royal Enfield สร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมรถสองล้อขนาดกลางในประเทศอินเดีย เสน่ห์และความน่าสนใจของ Royal Enfield คือความมีเอกลักษณ์ ไม่ซับซ้อน เข้าถึงได้ พร้อมมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานในการขับขี่ นับเป็นยานพาหนะที่เหมาะในการสำรวจเปิดโลก และแสดงออกถึงบุคลิกที่มีเอกลักษณ์ของผู้ขับ ซึ่งเป็นแนวทางที่แบรนด์เรียกว่า Pure Motorcycling

กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมของ Royal Enfield ได้แก่  รถไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่าง  Flying Flea – the Classic-styled Flying Flea C6 and Scrambler-styled Flying Flea S6, Bear 650, Classic 650, Guerrilla 450 modern roadster, Hunter 350, Meteor 350, Super Meteor 650, Interceptor 650 และ Continental GT 650 twins, the Shotgun 650, the new Himalayan adventure tourer, the Scram 411 ADV Crossover, the iconic Bullet 350 และ Classic 350. ซึ่งกลุ่มนักขับขี่ผู้หลงใหลในเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์และการตกแต่ง สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมายได้ตลอดทั้งปี ที่มีทั้งในประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ ตัวอย่างกิจกรรมที่น่าจับตามองมากที่สุดคือ Motoverse หรือที่รู้จักในนาม Rider Mania ซึ่งเป็นการรวมตัวประจำปีของผู้ที่ชื่นชอบ Royal Enfield หลากหลายพันคน จัดขึ้นที่รัฐโกอา ประเทศอินเดีย และยังมีงาน Himalayan Odyssey ซึ่งเป็นการเดินทางประจำปีบนภูมิประเทศที่ท้าทายที่สุด ผ่านภูเขาที่สูงที่สุด

Royal Enfield คือหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ Eicher Motors Limited ดำเนินธุรกิจผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 2,000 แห่ง ทั่วเมืองใหญ่ในอินเดีย รวมถึงมีการส่งออกไปสู่ 850 สโตร์ในอีกกว่า 60 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีศูนย์ดูแลเชิงเทคนิคระดับโลกสองแห่งในเมือง Bruntingthorpe สหราชอาณาจักร และในเมือง Chennai ประเทศอินเดีย โดยโรงงานผลิตที่ทันสมัยทั้งสองแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ Oragadam และ Vallam Vadagal ใกล้กับเมือง Chennai ประเทศอินเดีย นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีโรงงานประกอบ CKD อันทันสมัย 5 แห่งทั่วโลก ได้แก่ เนปาล บราซิล ประเทศไทย อาร์เจนตินา และโคลัมเบีย