เมื่อวันที่เราพูดถึง Fitness Tracker ดีๆสักรุ่นที่อยากหามาใส่ หนึ่งยี่ห้อในใจของทุกคนที่จะนึกออกขึ้นมานั้นคงหนีไม่พ้น Fitbit. ซึ่งในตลาดที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าตลาดของ Fitness Tracker นั้นมีการเติบโตในระดับที่มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกๆปี อาจเป็นเพราะว่า…. ทุกคนนั้นเริ่มที่จะให้ความสนใจกับสุขภาพร่างกายของตนเองมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ Fitness Tracker ได้รับความสนใจและมีความนิยมตามๆกันไป. โดยวันนี้ทาง TechHangOut ขอเสนอ SmartWatch รุ่นใหม่จากทาง Fitbit ที่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย และมีความบางใส่สบายข้อมือมากกว่าที่ SmartWatch เรือนไหนๆจะให้ได้ รุ่นนนั้นก็คือ Fitbit Versa นั่นเองครับ.

Fitbit Versa มีวางจำหน่ายแล้วที่ B2S ร้านดอทไลฟ์ คิงพาวเวอร์ พาวเวอร์บาย วีมาร์ท และลาซาด้า ในราคา 8,490 บาท สำหรับสีดำ พร้อมกรอบดำอลูมิเนียม และสีเทา พร้อมกรอบเงินอลูมิเนียม หรือสีพีช พร้อมกรอบโรส โกลด์ อลูมิเนียม และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ราคาตั้งแต่ 1,090 บาท ถึง 3,290 บาท ส่วน ฟิตบิท เวอร์ซ่า รุ่นสเปเชียล เอดิชั่น ราคา 9,490 บาท มาพร้อมกับสายแบบถักสีลาเวนเดอร์ กรอบอลูมิเนียมสีโรสโกลด์ หรือสายแบบถักสีดำชาร์โคล กรอบอลูมิเนียมสีกราไฟต์ โดยทั้งสองแบบจะมาพร้อมกับสายแบบคลาสสิกสีดำ
เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้มีกิจกรรมที่แอคทีฟร่วมกัน โดยรุ่นที่ทางเราจะนำมารีวิวนั้นคือ Fitbit Versa Special Edition สีดำ สำหรับความสามารถของ Fitbit Versa นั้นจะเป็นอย่างไร ติดตามไปพร้อมกันเลยครับ.

Fitbit Versa Unboxing

  • ตัวเรือน Fitbit Versa มาพร้อมกับสาย ไซต์ S
  • สายชาร์จแบบบีบเพื่อชาร์จ
  • สายชาร์โคล ไซต์ L 1 เส้น
  • สายแบบคลาสสิคไซต์ L และ S 1 เส้น (วัสดุผลิตมาจากยางคุณภาพสูง)
  • คู่มือการใช้งาน
  • ใบรับประกันสินค้าจาก Fitbit

Specification

  • หน้าจอ LCD ขนาด 1.34″ ความละเอียด 300×300 มีความสว่างของหน้าจอถึง 1,000 Nit
  • เซนเซอร์ 3-axis accelerate, Gyro, Optical HR + Sp02, Altimeter, Ambient Light
  • การเชื่อมต่อ WiFi (802.11 b/g/n)‎ , BLE 4.0, NFC(special edtion)
  • เนื้อที่ภายใน 4GB (สำหรับใส่เพลง 2.5GB)
  • กันน้ำ 50m ตามมาตรฐานการกันความดันของน้ำที่ 5 ATM
  • แบตเตอรี่ สามารถใช้งานได้มากถึง 4 วัน (ใช้เวลาชาร์จ 2 ชม./รอบ)
  • ระบบปฏิบัติการณ์ FitbitOS 2.0

Design

สำหรับการออกแบบของ Fitbit Versa นั้นมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 1.34″ ที่ไม่เล็กเกินไป หรือใหญ่เกินไปสำหรับการยื่นแขนขึ้นเพื่อการมองในระยะเวลาอันสั้น และยิ่งบวกกับหน้าจอที่มีความละเอียด 300x300px จึงทำให้ Versa นั้นมีความหนาแน่นของพิกเซลมากถึง 316PPI ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานของสายตามนุษย์ที่แทบจะมองเม็ดพิกเซลไม่เห็น รวมถึงความสว่างที่มากถึง 1,000 Nit ยิ่งสบายใจได้เลยว่าเมื่อออกสู่กลางแจ้งนั้นเราจะเห็นหน้าจอได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องเพ่งเลย. ส่วนเซนเซอร์ในการวัตรแสงนั้นจะอยู่ข้างขวาของหน้าจอ ซึ่งถ้าไม่เพ่งหรือไม่นำไฟมาส่องแทบจะไม่เห็นเลยก็ว่าได้. ถือว่า Fitbit งานประกอบและตำแหน่งของเซนเซอร์นั้นออกแบบมาได้ดีมาก.

สำหรับด้านหลังของตัวเครื่องนั้นจะมาพร้อมกับเซนเซอร์การวัตรอัตราการเต้นของหัวใจที่อยู่ตรงกลาง และด้านล่างลงมานั้นคือแถบแม่เหล็กเพื่อใช้ในการชาร์จไฟนั่นเอง.

ขอบเครื่องนั้นมีการออกแบบเป็นทรงสี่เหลี่ยมมน ทั้งด้านหน้าและด้านหลังอย่างลงตัว เมื่อเราถือตัวเรือนขึ้นมาใส่นั้นจะให้สัมผัสผิวที่กระชับในตัวเรือน และเวลาใส่ที่ข้อมือ ด้านหลังเครื่องจึงไม่กระชับจนเกินไป.

วัสดุของตัวเรือนนั้นได้เลือกใช้อลูมิเนียมมาตรฐานเดียวกับวัสดุที่ใช้ในการผลิตในท่าอากาศยาน จึงมั่นใจเรื่องความทนทานได้อย่างแน่นอน แถมยังสามารถลงน้ำลึกได้ถึง 50 เมตร ตามมาตรฐานการกันความดันน้ำได้ที่ 5 ATM อีกด้วย.

ปุ่มด้านซ้าย จะมีหน้าที่เป้นเหมือน Back สำหรับการเข้าหน้าต่างๆ แต่เมื่อเรากดค้างจะเป็นทางลัดสำหรับการควบคุมเพลงและการตั้งค่าหน้าทำงานกับการเปิด-ปิดการแจ้งเตือน

ปุ่มด้านขวาจะมีด้วยกันถึง 2 ปุ่ม บน-ล่าง, โดยการทำงานของปุ่มด้านบนนั้นจะเป็นทางลัดเข้าสู่โหมดการออกกำลังกาย แต่เมื่อเรากดค้างจะแสดงผลการแจ้งเตือนต่างๆแทน. ปุ่มด้านล่างนั้นเป็นการเปิดเข้าสู่การตั้งเวลาปลุก ไม่มีคำสั่งในการค้างใดๆสำหรับปุ่มล่างนะครับ.

ในส่วนของสายรัดข้อมือนั้น ในกล่องจะมีให้เราเลือก 2 แบบในการใช้งานนั้นคือ Woven Charcoal Band, Classic Black Band. ด้วยการออกแบบสายของ Fitbit นั้นจึงง่ายต่อการเปลี่ยนสายแทบทุกรุ่นไม่เว้นแม้แต่รุ่นนี้เช่นกันครับ

Woven Charcoal Band ที่เป็นเส้นใยถักแบบผ้าที่มีความยืดหยุ่นสูง และนุ่มนิ่ม และมีความหรูหราอีกด้วยเช่นกัน.

Classic Black Band เป็นสายที่ให้ความคลาสสิคเหมือน Fitbit รุ่นก่อนหน้าทั้งหลาย และเป็นสายที่เหมาะต่อการออกกำลังกายและลุยไปไหนต่อไหนได้อีกด้วย เพราะความทนทานและทำความสะอาดได้ง่ายหลังออกกำลังกาย. (แอดมินชอบสายแบบนี้นะ.)

โดยจากประสบการณ์การชาร์จแบตของ Fitness Tracker หลายๆรุ่นที่ผ่านมาของแอดมีจะเจอกับปัญหาเรื่องของการจิ้มกับตัวแม่เหล็กแล้วไม่ค่อยตรงกับตัวเรือน จึงชาร์จยากพอสมควร, มาในครั้งนี้ Fitbit Versa ได้ออกแบบแท่นชาร์จตัวเรือนให้มีความใช้งานง่าย และหรูหราซะด้วย โดยผมจะขอเรียกมันว่า Dock Squeeze Charging เนื่องจากมันเป็นแท่นวางนาฬิกาที่เราต้องบีบแท่นชาร์จก่อนแล้วค่อยวางเครื่อง Versa ลงไปเพื่อชาร์จ. ถือว่าง่ายและสะดวกมากเลย แก้ปัญหาเรื่องการแปะชาร์จและไฟไม่ค่อยเข้าที่ยุ่งยากจากรุ่นเดิมๆออกไปได้เลย.

Fitbit Apps

Fitbit Apps (iOS / AndroidOS) ถือเป็นหนึ่งในแอพพลิเคชั่นเพื่อสุขภาพที่ถูกออกแบบให้มีการใช้งานมากเลย. โดยหน้าแรกจะมีการแสดงของ DashBoard ที่ให้เราทราบถึงก้าวเดิน, ระยะทางในการเดิน, ปริมาณแคลลอรี่ที่ใช้ไป, และระยะเวลาที่ร่างกายมีการออกกำลังกาย. แถบด้านล่างนั้นจะเป็นการแสดงค่าเริ่มต้นต่อวันที่เราได้ทำกิจกรรมหรือบันทึกไว้เช่น การออกกำลังกาย, การรับประทานอาหาร, การนอน, การดื่มน้ำ, น้ำหนักของร่างกาย.

ในตัวของ Fitbit Apps เรียกได้ว่ามีความท้าทายอย่างมากสำหรับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นโหมด Challenge ที่จะทำให้ผู้สวมใส่ Fitbit เกิดความคิดอยากท้าปะลองโชว์ประสิทธิภาพของตนเองให้ผู้อื่นได้เห็น หรือจะเป็น Guidance ซึ่งเป็นคอร์สสำหรับคนที่ต้องการฝึกท่าแต่ละอย่างสำหรับการออกกำลังกาย และลดน้ำหนักแบบใกล้ชิด พร้อมบอกถึงจำนวนแคลลอรี่ที่เสียไปต่อคอร์สที่ได้ออกกำลังกายอีกด้วยเช่นกัน. (เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น Fitbit Coach ดาวน์โหลดได้ที่นี่เลย iOS / AndroidOS) และสุดท้าย, Community หรือก็คือแหล่งสังคมออนไลน์แห่งหนึ่งสำหรับเพื่อนๆที่ใช้งาน Fitbit ทั่วโลก ที่บางทีเราเห็นคนอื่นเล่นจนเราอยาก

Versa Features

อย่างแรกที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของนาฬิกาที่ควรจะเป็นไม่ว่าจะเป็น SmartWatch หรือแม้กระทั้ง High-End Watches นั้นก็คือ เรื่องของหน้าปัดนาฬิกาที่ต้องมีความงดงามและเรียบง่าย รวมถึงสะดวกต่อผู้ใช้งานมาก-น้อย ขนาดไหน. โดย Versa นั้นที่มาพร้อมกับ FitbitOS 2.0 นั้นมีให้เราได้เลือกสรรค์ Watch Faces อยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดแบบ Analog, Ditigal, และ Live Faces (อันนี้ทางผมขอตั้งชื่อให้นะครับ หมายถึง หน้าปัดนาฬิกาที่มี อนิเมชั่นต่างๆเคลื่อนไหวอย่างสวยงาม.) ที่มีให้เรานำสัตว์เลี้ยงเสมือนใน Fitbit ไปเดินออกกำลังกายกับเราได้ด้วยอีกเช่นกัน.

อย่างที่สองเมื่อเรานึกถึง SmartWatch จะเป็นอะไรไม่ได้เลยคือ เรื่องของการแจ้งเตือนต่างๆ เพื่อให้เราสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็คอยู่ตลอดเวลา (ในตอนนี้ยังไม่รองรับการใช้งาน ภาษาไทย ซึ่งจะมีการอัพเดทมาในภายหลังครับ.) สำหรับวิธีดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถทำได้อยู่ 2 วิธีก็คือ เลื่อนจอจากด้านบนลงล่าง หรือ การกดปุ่มด้านขวาบนค้างเพื่อเป็นคีย์ลัดเข้าสู่การแจ้งเตือน.

เมื่อ SmartWatch เรือนนี้มาจาก Fitbit แบรนด์ยอดนิยมเรื่องการรักสุขภาพนั้นก็ต้องไม่พ้นเรื่องของการดูแลสุขภาพของเรา. โดยตัวผมเองนั้น เดิมทีใช้ Fitbit Alta HR และเวลาดูข้อมูลทีก็ต้องเคาะเครื่องไปเรื่อยๆเพื่อเปลี่ยนเมนู จนเวลาเช็คอะไรทีต้องไปดูใน Fitbit Apps แทน. แต่พอมาได้ลองใช้ Fitbit Versa นั้นทำให้อะไรๆก็ง่ายไปหมดและมองดูผ่านนาฬิกาได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เลื่อนจอจากด้านล่างขึ้นบน เท่านี้เราก็สามารถดูการก้าวเดิน, เวลาออกกิจกรรม, และการเต้นของหัวใจ แถมยังบอกถึงค่าเฉลี่ยการเต้นของหัวใจเราอีกด้วยนะ ผ่านบนหน้าจอ Versa อย่างสวยงามเลย.

การวัตรอัตราการเต้นของหัวใจ “Fitbit Versa” นั้นเป็น SmartWatch ที่วัตรอัตราการเต้นของหัวใจได้เร็วที่สุดเท่าที่ผมเคยใช้มา.

สำหรับแอพพลิเคชั่นที่มากลับเครื่อง Fitbit Versa นั้นก็จะมี Exercise, Music, Alarms, Coach, Relax(จะเป็นช่วงเวลาที่ให้ผู้สวมนั้นผ่อนคลายตัวเองในระยะเวลา 2 นาที.), Weather, Timer, Wallet(ยังไม่รองรับประเทศไทยในตอนนี้ครับ.), Settings, Tips, Strava(แอพพลิเคชั่นยอดนิยมสำหรับนักวิ่ง), Deezer(แอพพลิเคชั่นสำหรับฟังเพลง ผู้ที่ซื้อ Fitbit Versa นั้นจะได้ใช้งานฟรีมากถึง 3 เดือน.) และที่สำคัญแอพจำพวก Exercise, Music, Alarms ที่จำเป็นต้องใช้ประจำนั้น เราสามารถกดปุ่มลัดเพื่อใช้งานได้เลยอีกด้วย. เท่านั้นยังไม่พอ เรายังสามารถโหลดแอพเพิ่มเติมได้อีกมากมายผ่านทาง Apps ใน Dashboard ของ Versa อีกด้วยเช่นกัน. (ซึ่งในตอนนี้ทาง Fitbit ได้มีการเปิดใช้งาน Fitbit Dev สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการสร้าง Watch Faces หรือแอพ สนใจสามารถกดที่ลิงค์นี้ได้เลย…. DEV.Fitbit)

อัจฉริยภาพแห่งการออกกำลังกาย

Fitbit OS 2.0 ที่อยู่ใน Versa นั้นมาพร้อมกับแอพ Exercise ที่ในครั้งนี้รองรับการวัตรการออกกำลังกายต่างๆได้เช่น

การวิ่ง, ปั่นจักรยาน, วิ่งบนลู่วิ่ง ที่ Versa จะมาคอยช่วยเรานับรอบอีกด้วย แม้กระทั่งการยกเวทก็ยังสามารถนับรอบของการยกได้อีกด้วยเช่นกัน / ว่ายน้ำ ในครั้งนี้ Fitbit Versa สามารถลงน้ำได้อย่างสบายๆ จึงสามารถนำมาลงใช้ในการวัตรตอนว่ายน้ำได้ แต่… ก่อนลงอย่าลืมตั้งค่าระยะของรอบที่ว่ายไป-กลับ กันด้วยละครับว่ามีระยะทางกี่ เมตรหรือยาร์ด

การลงเพลงใน Versa ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากหน่อยๆเพราะว่า เราไม่สามารถลงเพลงผ่านจากมือถือของเราได้แต่ต้องใช้ Fitbit Connect (Mac)ในคอมลงนั่นเอง. ซึ่งวิธีนั้นก็ไม่ยากเลยโดยเลือกเพลงที่จะฟัง ลงใน Fitbit Connect และตัวระบบจะเชื่อมต่อกันผ่าน WiFi ซึงใช้เวลาไม่นานมาก และมีเนื้อที่ให้เราเพลงมากถึง 2.5GB

Versa Life

อาจเป็นเรื่องที่ผมประสบปัญหา ไม่ค่อยอยากใช้ SmartWatch มากเท่าไหร่ และหนีจากวงการนี้ไปพึ่ง SmartBand แทน. เนื่องจากอายุการใช้งานของ Battery ที่ไม่ว่าจะลอง OS ไหนๆก็สามารถใช้งานได้มากสุดแค่ 2 วัน. แต่พอผมได้มาลองใช้งาน Versa ที่มาพร้อมกับ FitbitOS 2.0 นั้นกลับได้ประสบการณ์ที่ดีมากขึ้น ด้วยอายุการใช้งานได้สบายๆเกือบสัปดาห์เลยทีเดียว.

จากการทดลองใช้ Fitbit Versa นั้นจะสังเกตุได้ว่า ::

  • ถ้าเราใช้งานเพื่อดูเวลา และใส่ดูระยะเวลาในการนอนอย่างเดียวโดยไม่รับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน ไม่ออกกำลังกาย จะกินแบตเตอรี่ 15-20% ต่อวัน เท่ากับว่าเราสามารถใช้งานได้ที่ 5-6 วัน
  • ถ้าเราใช้งาน รับการแจ้งเตือนจากแอพทุกแอพในสมาร์ทโฟน รวมถึง ออกกำลังกายในวันนั้นด้วย ในหนึ่งวันนั้น Versa จะกินแบตเตอรี่ 25% ต่อวัน เท่ากับว่าเราสามารถใช้งานได้ที่ 4 วัน. 
  • ถ้าเราใช้งาน รับการแจ้งเตือนจากแอพทุกแอพในสมาร์ทโฟน รวมถึง ออกกำลังกาย และเชื่อมต่อเพลงผ่านเครื่อง Versa ไปยัง Blutooth Speaker หรือ Bluetooth Headset จะกินแบตเตอรี่ 30-35% ต่อวัน เท่ากับว่าเราสามารถใช้งานได้ที่ 3 วันครึ่ง 

Good

  • ตัวเรือนมีความเบาบาง อาการล้าของข้อมือนั้นแสดงผลได้ช้ากว่า SmartWatch หลายยี่ห้อที่เคยเจอมา
  • แบตเตอรี่ที่ผมคิดว่า อึดที่สุดของ SmatWatch ในทุกๆวันนี้แล้ว
  • วัตรอัตราการเต้นของหัวใจแบบตลอดเวลา เรียกได้ว่าพอจะเปิดมาดู ไม่จำเป็นต้องรอเหมือนกับค่ายอื่นๆ
  • สามารถใส่เพลงลง Fitbit Versa ได้ และฟังผ่านบลูทูธ เหมือนได้อารมณ์กลับไปใช้ Apple Watch หรือ iPod Nano สมัยก่อนเลย.
  • จากที่ผมได้ลองออกกำลังกายนั้นถือว่าทำ UI ออกมาได้ดีบนตัวเรือนมากๆ ไม่ต้องไปเปิดสมาร์ทโฟนกดเปิด-ปิดการออกกำลังกาย เหมือนตอนใช้งาน Alta HR.

Bad

  • Versa นั้นมีฮาร์ดแวร์ที่แรงไม่พอ หรือซอฟแวร์ที่จัดสรรค์ทรัพยากรไม่ดี ทำให้การใช้งานนั้นมีอาการหน่วงในการเลื่อนเปลี่ยนหน้าอยู่ตลอดเวลา.
  • ไม่รองรับการอ่านภาษาไทย
  • การแจ้งเตือนบน Versa ต้องลบการแจ้งเตือนเองทุกครั้ง ไม่ว่าเราจะปิดในมือถือไปแล้ว แต่ใน Versa นั้นยังค้างไม่หายไปไหน.
  • ปุ่ม Shotcut มีความสะดวกก็จริง, แต่เมื่อใช้หน้าปัดแบบ สัตว์เลี้ยง จะมีอาการเข้าแอพช้าเกือบ 2 วินาทีผ่านปุ่มลัด

กระผมขอขอบคุณทาง Fitbit Thailand ที่ให้เราได้ Versa มาแบบรวดเร็ว และรีวิวให้เพื่อนๆได้รับชมกันในครั้งนี้ด้วยครับ. สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อน, สำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นอะไร!!! อย่าลืมติดตามกันนะครับ.
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT