แม้ว่าในปี 2021 อุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนจะประสบกับปัญหาห่วงโซ่อุปทาน แต่รายงานจาก IDC ได้คาดการณ์ว่าในภาพรวมยอดส่งมอบสมาร์ตโฟนทั่วโลกจะเติบโตขึ้น 5.3% โดยในปีนี้ยอดส่งมอบสมาร์ตโฟนทั้งหมดอาจสูงถึง 1.35 พันล้านยูนิต
อย่างไรก็ดีเนื่องจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างทั้งห่วงโซ่อุปทานและการขนส่ง ทำให้ IDC ได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนลดลงจาก 7.4% และ 3.4% ในปี 2021 และปี 2022 เหลือเพียง 5.3% และ 3.0% ตามลำดับ นอกจากนั้นสถานการณ์ในปัจจุบันจะเริ่มดีขึ้นในช่วงกลางปี 2022
ทาง IDC ยังได้คาดการณ์ว่าการเติบโตสะสม 5 ปี (compound annual growth rate) ของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนจะอยู่ที่ 3.5% หลังจากปี 2023 เนื่องจากปัจจัยด้านความต้องการ การลดลงของราคาขายโดยเฉลี่ย (ASPs) รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านจากโทรศัพท์ธรรมดาไปสู่สมาร์ตโฟน
อย่างไรก็ตามในไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็นช่วงของวันหยุดยาว การเติบโตของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนในหลาย ๆ ภูมิภาค คาดว่าจะเติบโตในอัตราเลขตัวเดียว ยกเว้นในเอเชียเปซิฟิก (ไม่รวมจีนและญี่ปุ่น) และจีนจะมีการเติบโตลดลง 9.1% และ 8.4% ตามลำดับเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ถึงกระนั้นจากการเติบโตที่ค่อนข้างมากในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ในทุก ๆ ภูมิภาคยกเว้นประเทศจีนจะมีตัวเลขสุดท้ายของการเติบโตในปีนี้เป็นบวก โดยในประเทศจีนมีความต้องการของผู้บริโภคลดลง ทำให้คาดการณ์ว่าการเติบโตโดยรวมในปี 2021 และ 2022 จะติดลบเล็กน้อยคือ -0.2% และ -0.6% ตามลำดับ
ในส่วนของอุปกรณ์ 5G คาดการณ์ว่าจะมียอดส่งมอบสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 117% ในปี 2021 เนื่องจากการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยราคาวางขายโดยเฉลี่ยของสมาร์ตโฟน 5G จะอยู่ที่ 643$ (ประมาณ21,000บาท) ในปี 2021 สูงกว่าตัวเลขในปี 2020 ราว 1.7% และตัวเลขดังกล่าวจะลดลงเหลือ 416$ (ประมาณ14,000บาท) ภายในปี 2025 ในขณะที่ราคาขายโดยเฉลี่ยของสมาร์ตโฟน 4G จะอยู่ที่ 204$ (ประมาณ6,900บาท) ในปี 2021 และจะลดลงเหลือ 109$ (ประมาณ3,700บาท) ในปี 2025
หากพิจารณาโดยใช้ระบบปฏิบัติการเป็นเกณฑ์คาดการณ์ว่าอุปกรณ์ Android จะมียอดขายเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 265$ (ประมาณ8,900บาท) ในขณะที่ตัวเลขเดียวกันของอุปกรณ์ iOS อยู่ที่ 950$ (ประมาณ32,000บาท) นอกจากนั้นรายได้จากสมาร์ตโฟนของ Apple คิดเป็นถึง 43% ของรายได้จากสมาร์ตโฟนทั้งหมด โดยที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 17.1% เท่านั้น
