กรุงเทพฯ 11 ตุลาคม 2567 – อินฟินิกซ์ (Infinix) แบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลกที่คุ้มค่า ครบครันทุกการใช้งาน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เปิดตัวเทคโนโลยี E-Color Shift 2.0 สร้างสีสันให้กับการปรับแต่งฝาหลังสมาร์ทโฟนด้วยพลัง AI ครั้งแรกของโลก เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งฝาหลังสมาร์ทโฟนได้ด้วยสีสันและไอคอนต่าง ๆ นวัตกรรมนี้ตอบโจทย์ความต้องการในการแสดงออกได้อย่างอิสระ ช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างสรรค์สมาร์ทโฟนที่มีความเป็นตัวเองได้ไม่ซ้ำใครและเปลี่ยนแปลงได้ตามสไตล์ที่ต้องการ
เทคโนโลยี Color-shifting หรือการเปลี่ยนสีที่ฝาหลังของสมาร์ทโฟนได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเทคโนโลยีนี้แบ่งได้เป็นสองประเภท คือแบบไม่ใช้ไฟฟ้า (non-electrically driven) และแบบใช้ไฟฟ้า(electrically driven) อินฟินิกซ์เป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมทั้งสองรูปแบบ ตั้งแต่การพัฒนาคอนเซ็ปต์ไปจนถึงการวิจัยขั้นสูง โดยมีจุดเริ่มต้นในปีพ.ศ. 2564 อินฟินิกซ์เปิดตัวคอนเซ็ปต์โฟนที่มาพร้อมฝาหลังที่เปลี่ยนสีได้สองสีครั้งแรกในตลาดสมาร์ทโฟน ด้วยการใช้เทคโนโลยี Electrochromic และ Electroluminescent ต่อมาในปี พ.ศ. 2565 อินฟินิกซ์ได้พัฒนาเทคโนโลยี Light-Painting Leather ไปสู่เทคโนโลยี Photochromic ล่าสุดในปีนี้กับการเปิดตัวเทคโนโลยี E-Color Shift 2.0 ที่มีการอัปเกรดจากเวอร์ชันแรกในส่วนสำคัญ เช่น จำนวนพื้นที่ในการเปลี่ยนสี การอัปเกรดฮาร์ดแวร์ Prism3S ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น การผสาน AI กับฮาร์ดแวร์สุดล้ำเพื่อยกระดับการใช้งานที่ผสานเข้ากับศิลปะที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
นายเวยจี เน่ย (Weiji Nie) หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์บริษัท อินฟินิกซ์ “นวัตกรรมล่าสุดของอินฟินิกซ์ตอบสนองความต้องการในการปรับแต่งสีสันและการแสดงออกถึงตัวตนที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ทั่วโลก โดยทั่วไปแล้วการปรับแต่งสมาร์ทโฟนมักจำกัดอยู่ที่วอลเปเปอร์หน้าจอเและมาพร้อมกับฝาหลังที่ออกแบบไว้แล้ว โดยเทคโนโลยี E-Color Shift 2.0 ได้ทลายข้อจำกัดนี้ด้วยฝาหลังที่เปลี่ยนสีได้ ด้วยเทคโนโลยี AI ในการปรับสีและลวดลายฝาหลังตามภาพที่ผู้ใช้งานเลือกและสะท้อนออกมาบนพื้นที่ฝาหลังที่ปรับแต่งได้กว่า 46 จุด การผสานระหว่างเทคโนโลยีกับศิลปะนี้จะช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่และทำให้อินฟินิกซ์เป็นสมาร์ทโฟนแห่งอนาคตที่มีความโดดเด่นอย่างแท้จริง”
E-Color Shift 2.0 ปฏิวัติการปรับแต่งฝาหลังสมาร์ทโฟน
E-Color Shift 2.0 ของอินฟินิกซ์จะช่วยยกระดับการปรับแต่งสมาร์ทโฟนไปอีกขั้น ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนฝาหลังโทรศัพท์ตามที่ต้องการด้วยตัวเลือกที่ไม่จำกัด โดยเทคโนโลยี E-Color Shift 2.0 ขับเคลื่อนโดยไดอะแฟรม Prism3S ซึ่งทำงานร่วมกับ AI เพื่อมอบประสบการณ์การปรับแต่งที่เหนือระดับ ให้ผู้ใช้งานสามารถปรับสีสันอย่างอิสระได้กว่า 46 จุดบนฝาหลัง ผสานสีสันและลวดลายที่แปลกใหม่ นอกจากนี้อัลกอริทึม AI ยังช่วยวิเคราะห์ภาพที่ผู้ใช้งานเลือกและปรับแต่งสีฝาหลังให้สอดคล้องกับภาพที่เลือกได้อย่างอัตโนมัติ หนึ่งในความก้าวหน้าที่สำคัญ คือการเปลี่ยนจากการใช้แหล่งพลังงานภายนอกเป็นการใช้แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน ทำให้ฝาหลังสามารถส่องสว่างได้ตลอดเวลา ยกระดับเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และฝาหลังได้พัฒนาไปจากรูปแบบสองมิติเป็นสามมิติ ทำให้สามารถใช้งานบนสมาร์ทโฟนรุ่นต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังนำไดอะแฟรม Prism3S มาช่วยปรับปรุงคุณภาพของการแสดงผลทำให้การเปลี่ยนสีชัดเจนและสวยงามยิ่งขึ้น
คุณสมบัติใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI นิยามใหม่ของสมาร์ทโฟน
E-Color Shift 2.0 ก้าวข้ามการปรับแต่งรูปแบบเดิม โดยการผสานเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ด้วยคุณสมบัติอย่าง AI Color Matching ที่จะวิเคราะห์สีที่โดดเด่นในภาพถ่ายของผู้ใช้และแปลงเป็นเฉดสีที่สะท้อนบนฝาหลัง AI Weather Response ตรวจจับสภาพอากาศในภาพและแปลงเป็นสีสันที่สะท้อนถึงบรรยากาศนั้น และ AI Emotion Matching ยกระดับการปรับแต่งขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการวิเคราะห์สีหน้าของตัวละครในภาพพอร์ตเทรต และจะระบุอารมณ์ที่พร้อมปรับเปลี่ยนเป็นสีและลวดลายให้สอดคล้องกับอารมณ์บนภาพ
อินฟินิกซ์ได้เปิดตัวเทคโนโลยี AI-Powered E-Color Shift 2.0 เพื่อยกระดับประสบการณ์ในการปรับแต่งสมาร์ท
โฟนของผู้ใช้งาน นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ขยายขีดจำกัดทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังเป็นการผสานงานศิลปะเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างลงตัว อินฟินิกซ์ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยและนำสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของคนรุ่นใหม่
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/InfinixMobileThailand/