หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว Apple Watch และ iPad รุ่นใหม่ไปเมื่อเดือนที่แล้ว ในตอนนี้ทางบริษัทก็ได้เปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 12 mini ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยถือว่าเป็น iPhone รุ่นแรกที่รองรับเครือข่าย 5G และใช้ชิปรุ่นใหม่ของ Apple อย่าง A14 Bionic ขนาด 5nm ที่แรงกว่าเดิมถึง 50%

โดยทั้งสองรุ่นมีสเปคเหมือนกันทุกประการ ต่างกันแค่ขนาดหน้าจอเท่านั้น ซึ่งตัวหน้าจอของทั้งคู่จะใช้เป็นจอ Super Retina XDR ที่ผลิตด้วยกระจก Ceramic Shield ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของ Corning ที่ทนทานต่อการตกมากกว่าเดิมถึง 4x นอกจากนี้ตัวเครื่องยังกันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 ที่สามารถกันน้ำได้ 6 เมตรเป็นเวลา 30 นาที

กล้องหลังมีจำนวน 2 ตัวที่ประกอบด้วยเลนส์กว้างความละเอียด 12MP ที่ถ่ายในสภาพแสงน้อยได้ดีกว่าเดิม 27% และเลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 12MP ซึ่งรองรับการถ่าย Night mode ทั้งคู่ และยังมาพร้อมซอร์ฟแวร์ Deep Fusion ที่ช่วยให้ภายที่ถ่ายออกมามีความคมชัดขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์การถ่ายวิดิโอแบบ Night mode time lapse ด้วย

นอกจากนี้ตัวเครื่องยังรองรับการใช้เคสหรือแท่นชาร์จไร้สายผ่านแม่เหล็กที่ด้านหลังตัวเครื่องแล้ว โดยใช้ฮาร์ดแวร์ที่ชื่อว่า MagSafe ซึ่งสามารถชาร์จแบตได้โดยไม่ต้องถอดเคสได้ด้วย

สเปคของ iPhone 12 mini

  • หน้าจอ OLED ขนาด 5.4 นิ้ว (2,340×1,080พิกเซล) 476ppi รองรับ Dolby Vision และ HDR 10 ใช้กระจก Corning Ceramic Shield
  • ชิปประมวลผล A14 Bionic
  • ความจำ 64GB/128GB/256GB
  • iOS 14
  • SIM คู่ (Nano‑SIM และ eSIM)
  • กล้องหลังมุมกว้าง 12MP (f/1.6) ที่รองรับ OIS + กล้อง Ultra-wide 120 องศา 12MP (f/2.4) ที่รองรับ night mode ทั้งคู่, ถ่ายวิดิโอได้ 4K ที่ 60fps
  • กล้องหน้าตรวจจับความลึก 12MP (f/2.2)
  • รองรับ Face ID
  • ขนาดตัวเครื่อง 71.5 x 146.7 x 7.4 มม., น้ำหนัก : 162 กรัม
  • กันน้ำและกันฝุ่น IP68
  • ใช้พอร์ต Lightning และลำโพง stereo
  • รองรับเครือข่าย 5G (sub‑6 GHz), Gigabit-class LTE, Wi‑Fi 6 802.11ax, Bluetooth 5.0, NFC, GPS และ GLONASS
  • แบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ 15 ชั่วโมงติดต่อกัน
  • รองรับฮาร์ดแวร์ MagSafe สำหรับชาร์จไร้สาย

โดยตัวเครื่อง iPhone 12 mini จะมีให้เลือกในสีแดง, สีน้ำเงิน (Pacific Blue), สีเขียว, สีขาว และสีดำ ซึ่งวางขายในราคาเริ่มต้นที่ 699 USD (ประมาณ21,900บาท) และเริ่มวางขายในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้

สเปคของ iPhone 12

  • หน้าจอ OLED Super retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว (2,532×1,170พิกเซล) ที่รองรับ Dolby Vision และ HDR 10 ใช้กระจก Corning Ceramic Shield
  • ชิปประมวลผล A14 Bionic
  • ความจำ 64GB/128GB/256GB
  • iOS 14
  • SIM คู่ (Nano‑SIM และ eSIM)
  • กล้องหลังมุมกว้าง 12MP (f/1.6) ที่รองรับ OIS + กล้อง Ultra-wide 120 องศา 12MP (f/2.4) ที่รองรับ night mode ทั้งคู่, ถ่ายวิดิโอได้ 4K ที่ 60fps
  • กล้องหน้าตรวจจับความลึก 12MP (f/2.2)
  • รองรับ Face ID
  • ขนาดตัวเครื่อง 64.2 x 131.5 x 7.4มม., น้ำหนัก : 133 กรัม
  • กันน้ำและกันฝุ่น IP68
  • ใช้พอร์ต Lightning และลำโพง stereo
  • รองรับเครือข่าย 5G (sub‑6 GHz), Gigabit-class LTE, Wi‑Fi 6 802.11ax, Bluetooth 5.0, NFC, GPS และ GLONASS
  • แบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ 17 ชั่วโมงติดต่อกัน
  • มาพร้อมฮาร์ดแวร์ MagSafe สำหรับชาร์จไร้สาย

โดยตัวเครื่อง iPhone 12 จะมีให้เลือกในสีแดง, สีน้ำเงิน (Pacific Blue), สีเขียว, สีขาว และสีดำ ซึ่งวางขายในราคาเริ่มต้น 799 USD (ประมาณ25,000บาท) และเริ่มวางขายในวันที่ 23 ตุลาคมนี้