Apple เปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่ (2022) เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่รุ่นก่อนหน้าถูกเปิดตัวไปเมื่อปี 2020 โดย SE รุ่นใหม่มีสเปคโดยรวมเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าคือหน้าจอขนาด 4.7 นิ้วที่รองรับ Haptic Touch และมีปุ่ม home ที่สแกนลายนิ้วมือได้อยู่ด้านล่างของหน้าจอ ดีไซน์แบบเดียวกับ iPhone 8 แต่ภายในตัวเครื่องเปลี่ยนจากชิบ A13 Bionic เป็นชิบ A15 Bionic ที่รองรับเครือข่าย 5G

หน้าจอเคลือบ Ceramic Shield แบบเดียวกับ iPhone 12 และตัวเครื่องใช้วัสดุทำจากอลูมิเนียมและกระจก โดยกล้องหลังมี 1 ตัวที่มีความละเอียด 12MP รองรับการถ่ายวิดิโอ 4K, Smart HDR 4, Photographic Styles, Deep Fusion และโหมด Portrait แบบเดียวกับ iPhone 13 ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 7MP ถ่ายวิดิโอได้ความละเอียด 1080p นอกจากนั้นตัวเครื่องกันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP67

สเปคของ Apple iPhone SE 2022

  • หน้าจอ IPS ขนาด 4.7 นิ้ว (1334 x 750 พิกเซล) 326 ppi, อัตราส่วน 1400:1, ความสว่างสูงสุด 625 cd/m2
  • ชิบประมวลผล A15 Bionic 5nm 6-Core สถาปัตยกรรม 64-bit, GPU 4‑core, Neural Engine 16‑core
  • ความจุภายใน 64GB, 128GB และ 256GB
  • iOS 15
  • ซิมคู่ (nano + eSIM)
  • กันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP67
  • กล้องหลังมุมกว้าง 12MP (f/1.8), OIS, แฟลช True Tone, ถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 60 fps, ถ่าย Slo‑mo 1080p ได้ที่ 240 fps
  • กล้องหน้า 7MP (f/2.2), ถ่ายวิดิโอ 1080p
  • ปุ่มสแกนลายมือ Touch ID
  • ลำโพง stereo แบบ Built-in
  • ขนาดตัวเครื่อง: 138.4×67.3×7.3มม.; น้ำหนัก: 144 กรัม
  • รองรับเครือข่าย 5G (sub‑6 GHz), Gigabit-class LTE, 802.11ax Wi-Fi 6 with 2×2 MIMO, Bluetooth 5.0, NFC with reader mode, GPS with GLONASS
  • แบตเตอรี่ lithium-ion ใช้งานติดต่อกันได้ 15 ชั่วโมง

เจ้า iPhone SE (2022) มีให้เลือกในสีดำ (Midnight), สีขาว (Starlight) และสีดำ (PRODUCT) RED โดยมีราคาอยูที่ 15,900 บาท ในรุ่นความจุ 64GB, ราคา 17,900 บาท ในรุ่นความจุ 128GB และราคา 21,900 บาท ในรุ่นความจุ 256GB ซึ่งสามารถ pre-order ได้ในวันที่ 18 มีนาคม และวางขายจริงในวันที่ 25 มีนาคมนี้

SOURCE1, SOURCE2