สองในสามของผู้ที่วางแผนจะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ในอีก 6 เดือนข้างหน้า จะมองหาโทรศัพท์ 5G และมีข้อมูลจาก Kantar คือ ค่าเฉลี่ยทั่วโลกและในประเทศจีนมากถึง 91% ของประชากรต้องการโทรศัพท์มือถือ 5G  ลองเดาว่าประเทศใดมีความต้องการเครือข่าย 5G ต่ำที่สุด ? คือที่ญี่ปุ่นนั้นเองเพราะมีเพียง 55% ของผู้กำลังมองหาโทรศัพท์ 5G ในอนาคตเท่านั้น แต่ถ้ามองไปยัง ในสหรัฐอเมริกา 74% ของผู้ซื้อในอนาคตมีความสนใจในเทคโนโลยีระบบเครือข่ายใหม่ ที่มีการแบ่งแยกระหว่างผู้ให้บริการรายใหญ่อย่างสมเหตุสมผล สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นอยู่ในยอดขายด้วยจากโทรศัพท์ 10 อันดับแรกที่จำหน่ายในประเทศจีน มี 7 รุ่นที่มีการเชื่อมต่อ 5G ภายในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ปริมาณคือ 5 และปริมาณอยู่ด้านล่างสุดใน EU5 (5 ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป) แต่น่าแปลกที่โทรศัพท์ครึ่งหนึ่งจาก 10 เครื่องที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่นนั้น รองรับ 5G แม้ว่าจะได้รับความสนใจเพียงเล็กน้อยก็ตามนั้นเองครับ

อย่างไรก็ตาม โควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อตลาด แต่อัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นการสนับสนุนให้ผู้คนกลับมาที่ร้านค้า ยอดขายที่ร้านในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 13% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ในสหรัฐอเมริกามีการเพิ่มขึ้น 7% ยอดขายในเยอรมนี (+4%) และสเปน (+3%) มีขนาดเล็กลง ลูกค้าที่จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลียไม่ค่อยเต็มใจที่จะกลับไปที่ร้านค้า

ผู้ที่ซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่จากร้านค้า (แทนทางออนไลน์)  มีแนวโน้มที่จะเห็นด้วยกับข้อความที่ว่า  “I keep my smartphone for as long as I can” หรือ ใช้มือถือเครื่องเก่าให้ได้นานที่สุด นั้นเองครับ (เกือบ 80% เทียบกับ 77%) และ พวกเขามักจะชอบแบรนด์ที่พวกเขาคุ้นเคยและเป็นที่นิยมมากที่สุด และ ชอบที่มีคนมาสาธิต หรือลองให้ดูในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ (ซึ่งทำได้ยากกว่าในร้านค้าออนไลน์)

คนส่วนมากซื้อโทรศัพท์ Android หรือ iPhone มากกว่ากัน ? ทาง Android จะได้เปรียบในญี่ปุ่น (ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นจาก Sharp และ Oppo) และในส่วนของยุโรป (ด้วยยอดขายที่แข็งแกร่งจาก Oppo และ Samsung) ยอดขายของ Samsung ก็เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียเช่นกัน แม้ว่าจะยังตามหลัง iPhone อยู่ก็ตาม

SOURCE