Meta ประกาศปลดพนักงาน 11,000 คนหรือคิดเป็น 13% ของบุคลากรทั้งหมดราว 87,000 คนในบริษัท โดยพนักงานฝ่ายจัดหาบุคลากรได้รับผลกระทบจากการเลย์ออฟในครั้งนี้มากกว่าส่วนอื่นๆ
CEO ของทางบริษัทคือ Mark Zuckerberg เผยว่าสาเหตุที่นำมาสู่การปลดพนักงานเกิดจากการมองโลกในแง่ดีเกินไปที่คิดว่าบริษัทจะเติบโตขึ้นไม่หยุดจากการเกิดโรคระบาด ทำให้ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ Meta ปลดพนักงานจำนวนมากขนาดนี้นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2004
อย่างไรก็ดีสถานการณ์ในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้ Meta เติบโตหรือแม้แต่ทำให้บริษัทอยู่ในช่วงขาลง เป็นเพราะว่านอกจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มถดถอยแล้ว บริษัทคู่แข่งยังดึงดูดผู้ใช้งานจาก Meta ไป รวมทั้งการที่ Apple ประกาศใช้นโยบายความเป็นส่วนตัว ทำให้รายได้จากการโฆษณาหดหายไปมาก
นอกจากนี้สิ่งที่ Meta ให้ความสำคัญมากคือ metaverse ก็ยังไม่ประสบผลที่น่าพอใจนัก แม้ว่าทางบริษัทจะลงทุนไปกับส่วนนี้ด้วยเม็ดเงินราว 3.4 แสนล้านบาทก็ตาม
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ทางบริษัทต้องหันกลับมารัดเข็มขัดในการใช้จ่ายเงิน โดยหลังจากนี้จะลงทุนในสิ่งที่ทำให้บริษัทเติบโตได้ เช่น โฆษณา, AI และ metaverse
ผลจากสภาพบริษัทที่ค่อนข้างย่ำแย่ทำให้ ราคาหุ้นของ Meta ลดลงไปแล้ว 70% นับตั้งแต่ช่วงต้นปี หรือบริษัทสูญเสียมูลค่าไปแล้วถึง 25 ล้านล้านบาท และหลังจากประกาศปลดพนักงานจะทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 4%
อย่างไรก็ตาม Zuckeberg เผยว่าทางบริษัทจะหยุดการจ้างงานเกือบทั้งหมดไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเชื่อว่าอนาคตของ Meta ยังคงสดใส เพราะทางบริษัทยังคงเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโซเชียลมีเดีย และธุรกิจหลักของบริษัทยังมีโอกาสสร้างรายได้อีกมากในอนาคต