1917 นั้นเป็นปีที่ดำเนินเรื่องของหนังแน่นอนว่าเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นเองครับ เป็นหนังที่ดำเนินเนื้อเรื่องที่เป็นเทคนิค พิเศษแบบ Long take แต่แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้เป็น Longtake ทั้งหมดแต่ก็ทำได้เนียนตาและดูสมจริงได้ดีเช่นกันครับเป็นเทคนิคแบบ Hidden Cut ซึ่งถ้าใครสังเกตุนั้นจะเห็นเลยว่าพอมีตัดจริงๆหลายฉากอยู่ แต่ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Production ของเรื่องนี้บอกเลยว่าจัดหนักจัดเต็มจริงๆ ในเรื่องนี้เราได้ ผกก จาก 007 ภาคก่อนคือ Sam Mendes ที่ต้องบอกว่าฝีมือไม่ธรรมดา เป็นการเล่าเรื่องจากเรื่องจริงของ อัลเฟร็ด เอช. เมนเดส ปู่ของแซม ผกก ซึ่งเคยเป็นทหารราบในสงครามโลกครั้งที่ 1 มาก่อนนั้นเองครับ ต้องบอกว่าเป็นงานที่ท้าทายมา ในการกำกับหนังสงครามแบบ Longtake ที่ทำให้น่าสนใจและน่าติดตาม และเมื่อดูแล้วไม่แปลกใจว่าทำไมกวาดรางวัลเยอะแยะ แต่เรื่องบทนั้นอาจจะไม่ได้มีอะไรมากครับเพราะเป็นการเล่าเรื่องแบบต่อเนื่องเลยเรียบๆทั่วไปเลย
การเล่าเรื่องอย่างที่บอกเลยครับว่าเป็นแบบการเล่าเรื่องของมุมมองคนนึง และเล่าไปจนจบ โดยเทคนิคแบบ Longtake ผสมกับ Hidden Cut นิดหน่อยทำให้เหมือนเราเดินควบคู่ไปกับนักแสดงนำทั้งเรื่องไม่มีผิด หรือเปรียบง่ายๆคือการเล่นเกมแบบ FPS ตามเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆจนจบนั้นเองครับแน่นอนว่ามันอาจจะน่าเบื่อสำหรับบางคนได้ แต่ในภาพรวมต้องบอกว่าทำได้ดีครับไม่มีจุดเบื่อเลย และลุ้นไปกับหนังมากๆกดดัน ฉากโล่งๆลุ้นว่าจะมีอะไรมาไหมเป็นต้น รวมถึงการเล่นมุมกล้องต่างๆที่น่าสนใจ บทเน้นหนักไปคนเดียวเลยครับ แต่ก็มีเสริมให้แบบนักแสดงนำดูมีโชคมีดวง เก่งอะไรมาทำให้มันจบเรื่องได้และเสริมเข้าไปให้มีความเป็นหนังมากขึ้นครับ เลยอาจจะไม่ได้สมจริงบ้างนิดๆ แต่ก็เพื่อความลงตัวมากขึ้น ในเรื่องบทและเนื้อเรื่อง เลยไม่ได้เด่นไม่ได้มีอะไรมากเลยครับเรียบๆ
ส่วนนักแสดงนั้นต้องบอกว่าเน้นหนักไปไม่กี่คนเลยเพราะด้วยการเล่าเรื่องแบบนั้นส่งบทให้นักแสดงหลักๆ สคอฟิลด์(จอร์จ แมคเคย์) และ เบลก(ดีน ชาร์ลส์ แชปแมน) จริงๆอาจจะไม่ค่อยคุ้นกันเท่าไรครับ แต่เป็นนักแสดงที่เคมีเข้ากันได้ดีนะ คือเรารู้จักกันไปพร้อมๆกันหนังเลยแหละและได้เรื่องราว มิตรภาพระหว่างกันได้ดีและอิน คอยเอาใจช่วยต่างๆจนจบหนังเลย บทบาทที่ได้ก็สามารถแบกรับได้สบายเล่นได้ดี และทำให้เราเอาใจช่วยได้ดีมากๆต้องชมการแสดงเลยจริงๆเพราะทั้งเรื่องมีแต่เค้าเท่านั้นจริงๆเลย จอร์จ แมคเคย์ คนนี้ครับคือทั้งหน้าตา ความเศร้าต่างๆดีงามมากๆ ถ้าไม่มีการแสดงแบบนี้หนังเรื่องนี้อาจจะน่าเบื่อได้ง่ายๆ ส่วนนักแสดงเสริมก็มีมาบ้างเล็กน้อยแทรกเข้ามา
งานภาพโปรดักชั่นอันนี้คือตัวชูโรงที่ทำให้หนังเด่นและความรางวัลมามากมายด้วยเช่นกัน งานภาพนั้นคือเทคนิคการถ่ายที่ไม่มีการตัดแบบชัดเจนเลยต่อเนื่องไหลลื่นไปจนจบครับ รวมถึงความยิ่งใหญ่ของภาพที่เต็มอัตราส่วน IMAX และโรงธรรมดาจะโดนตัดออกไป อันนี้แนะนำ IMAX ครับ งานภาพคือดีสุดใส่ใจรายละเอียดทุกจุดของฉาก สมจริงจนน่ากลัวครับ มุมกล้องอันนี้สำคัญแม้จะไม่ได้มีมุมกล้องแปลกๆอะไรเยอะแต่การเน้นมุมที่ทำให้เราลุ้นไปกับฉากหลายๆฉาก มีความตื่นเต้นว่าจะมีอะไรต่อไปในทุกฉากเลยอันนี้ชอบเลยแหละเป็นมุมกล้องที่เหมือนเราไปอยู่ในสงครามจริงๆ และนอกเหนือจากมุมกล้องนั้น งานเสียงที่แทรกเข้ามาซาวด์เสียงต่างๆนั้นให้อารมณ์ได้ดีมากๆ กดดันความรู้สึกของคนดูได้อยู่แบบสบายๆรวมถึงเร่งอารมณ์ของหนังให้ผ่อน ให้กดดันได้ทุกๆฉากครับงานเสียงจัดเต็มรวมกับงานภาพได้ดีเลยแหละ ยิ่งตอนท้ายๆนั้นการใส่เสียงแนวนั้นเค้ามาทำให้ลุ้นไปทุกวินาทีของหนังจริงๆอันนี้ชอบมาก
ในภาพรวมต้องบอกว่าเป็นหนังที่ไม่ควรพลาดถ้าชอบหนังที่แสดง โปรดักชั่นขั้นเทพ งานภาพมุมกล้องที่ต่อเนื่องกับหนังสงครามที่ไม่ได้เจอเรื่องอื่นได้ง่ายๆครับ รวมถึงหนังที่กดดันคนดูได้ดีเกือบทั้งเรื่องคอยลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้เนื้อเรื่องจะไม่มีอะไรเท่าไรและการเล่าแบบเรียบๆต่อเนื่องไปจนจบแต่ก็ได้ดูเทคนิคการตัดต่อ งานภาพ เสียงมุมกล้องที่เป็นศาสตร์ของภาพยนต์แบบจัดเต็มในหลายๆเรื่องเลยครับถือว่าเป็นความท้าท้ายที่เล่าเรื่องแบบนี้กับหนังสงครามและทำออกมาได้น่าประทับใจอย่างมาก โดยส่วนตัวผมเองชอบงานภาพแบบนี้อยู่แล้วเรื่องนี้เลยตอบโจทย์สุดๆเลย แต่ชอบความสมจริงของพวกฉาก ฉากสนามเฉพาะ กองร้อยที่ต้องใช้คนเยอะมากๆ และยังมีความสมจริงในเรื่องของศพ ลวดหนาม โคลน เลือด สงครามแบบสมจริงสุดๆ