เควนติน เป็น ผู้กำกับหนังที่หลายๆคนคงรู้จักกันดีและมีแนวทางของตัวเองที่อาจจะเข้าถึงได้ยากสำหรับลูกค้าบางกลุ่มหนังนั้นจะเน้นไปทางด้านบทพูดค่อนข้างเยอะและมีเนื้อหาที่ดัดแปลงจากเรื่องจริงบ้างรวมถึง เอกลักษณ์ที่เน้นไปทางเลือดๆโหดๆบ้างเล็กน้อยเรียกได้ว่าทุกเรื่องมันต้องมีลายเซ็นของ ผกก อยู่นั้นเอง และในหลายๆเรื่องจะชอบมาแสดงเองเป็น CAMEO อยู่บ้างครับ และในเรื่อง Once Upan a Time in Hollywood นั้นเป็นเรื่องที่รอดูมานานมากทั้งเนื้อเรื่องที่ดัดแปลงจากเรื่องจริง ในคดีฆาตกรรมชารอน เทต และมีเกี่ยวกับ Manson Family อยู่ด้วยครับแน่นอนว่าถ้าใครติดตามข่าวนี้ถือว่าดังและน่าสลดอย่างมากจริงๆต่อวงการภาพยนต์ครับ และ เรื่องนี้ก็เอาเนื้อเรื่องมาดัดแปลงทำให้ไม่ได้โหดร้ายแบบในเรื่องจริงและเล่าเรื่องไปอีกแนวทางนึงเลยครับถือว่าน่าสนใจมากๆเลยแหละ
เนื้อเรื่องนั้นทำออกมาได้ดีซึ่งเป็นการ อิงข่าวในประวัติวงการหนังที่น่าสลดอย่างมาก และถ้าก่อนดูแนะนำหาข้อมูล เกี่ยวกับคดีฆาตกรรม ชารอน เทต และ ครอบครัว แมนซัน ไว้บ้าง ส่วนตัวหนังนั้นจะเล่าเรื่องไปในอีกแนวทางนึงครับแน่นอนว่าการเล่าเรื่องของ ผกก คนนี้จะเน้นไปที่บทพูดที่ค่อนข้างเยอะเช่นเดิมถ้าใครเข้าใจก็จะไม่เบื่อเลย แต่ถ้าหลุดหรือไม่เข้าใจอาจจะง่วงได้ครับ โดยส่วนตัวนั้นการเล่าเรื่องนั้นทำได้ดีมากๆตลอด 2 ชม และ ช่วงท้ายของหนังเปลี่ยนไปอีกแนวนึงได้แบบเนียนๆและเอกลักษณ์ของ ผกก ทำได้ดีและมาแน่นอนไม่ผิดหวัง ทั้ง 2 ชั่วโมง 40 นาทีไม่รู้สึกเบื่อหรือง่วงเลยเล่าเรื่องได้น่าติดตาม มีความยุค 70 เข้ามาเยอะมากๆและแทรกมาตลอดถ้าใครชอบวงการหนังอะไรน่าจะชอบมากๆครับ และด้วยตัวหนังของเควนตินนั้น บทอะไรนั้นต้องบอกว่าแทรกอะไรเข้ามาค่อนข้างลึกและสื่อได้หลากหลายมุมมองครับ และความตลกร้ายของตัวหนังที่พบเจอได้บ่อยใน ผกก คนนี้ครับ โดยรวมชอบมากๆครับ
นักแสดงนั้นต้องบอกว่าทั้ง 3 นักแสดงหลัก และ มีนักแสดงเก๋าๆมาร่วมหลากหลายคนมากๆครับ และ แสดงออกมาได้ดีมากๆสมชื่อครับ ทั้ง Dicaprio , Brad Pitt และ Margot Robbie ที่ต่างแสดงออกมาให้เราเข้าถึงและหลงรักตัวละครในหลายๆมุม และ แจกจ่ายบทให้เด่นและไม่ได้มีตัวไหนด้อยกว่ามากนักครับจริงๆแอบเล่าทำให้ Brad Pitt นั้นเด่นกว่านิดหน่อยเข้าถึงตัวละครได้มากกว่าในอีกแง่นึงนั้น Dicaprio ก็จะให้เราเห็นในมุมมองนักแสดงที่เข้าสู่อาจจะเป้นช่วงขาลงอะไรแบบนั้นและเข้าใจถึงสภาพของวงการหนังได้มากขึ้น และในตัว Margot นั้นจะทำให้เราหลงรักและชอบกับนักแสดงคนนี้ไปอีกมุมนึงนั้นเองครับ เรียกได้ว่า ผกก ทำในส่วนบทได้ดีมากจริงๆและนักแสดงก็ไม่ใช่งานง่ายเลยที่จะเล่นเป็นนักแสดงที่ไม่เก่งอะไรแบบนั้นครับ เรื่องนักแสดงต้องขอชื่นชมจริงๆหนังมันแม้จะดูไม่มีอะไรแต่มองดีๆแล้วมีหลายๆจุดที่สื่อได้หลายความหมาย
ตัวภาพและมุมกล้อง รวมถึงโทนของหนังยังคงชอบ ผกก คนนี้มากๆคือมุมมองกล้องค่อนข้างแปลกและน่าติดตามมากๆดูจะเหมือนเป็นการถ่ายธรรมดาแต่มันมีอะไรในเฟรมๆนึงแบบชัดเจนครับเรียกได้ว่าสื่อได้ดีจริงๆอันนี้ชอบในหลายๆเรื่องที่ กำกับ มาก่อนหน้านี้ก็เด่นๆทั้งนั้น งานออกแบบศิลป์ลงตัวมากจริงๆ รวมถึงตัวดนตรีก็ทำได้ดีมากๆในการสร้างบรรยากาศอะไรในหลายๆซีนที่แตกต่างกันครับ และการตัดภาพไปมาระหว่าง ฉากปกติ หรือ ย่อนยุคอะไรก็ทำได้ดีเหมือนกันถือว่าเรื่องงานออกแบบทั้งหมด ลงตัวเอาอยู่และไม่ผิดหวังเลยครับในเรื่องภาพและเสียงทั้งหมด ต้องบอกว่า ผกก คนนี้จะเป็นคนที่ลงทุนมากๆในการจัดการแสง มุมแสงที่ใช้ในการถ่ายแต่ละฉากยิ่งใหญ่อลังการมาก
เป็นหนังอีกเรื่องที่ยังคงทำได้ดีสำหรับ ผกก คนนี้ทั้งยังคงแนวทางของตัวเองได้ดีเหมือนเดิม และ บทอะไรทั้งหลายนั้นลงตัวและเป็นเอกลักษณ์แน่นอนว่า เรื่องนี้ไม่ใช่หนังแมสมากนักและหลายๆคนเข้าไปอาจจะง่วง หรือ เบื่อได้ถ้าไม่ได้เข้าถึงตัวหนังเช่น ไม่ได้อินหนังยุค 60-70 ไม่ได้รู้เรื่องข่าว คดีฆาตกรรม ชารอน เทต อาจจะไม่ได้อินมากและอาจจะหลุดไปได้ครับ และตัวหนังเซทมาแบบยุคนั้นจ๋ามากๆ เป็น Hollywood ยุคเก่าถ้าใครไม่ได้ชอบก็อาจจะแปลกๆ และรุ่นใหม่ๆบางคนที่ไม่ได้ติดตามก็อาจจะไม่ได้มีอะไรให้เด่นหรือว้าวน่าติดตามเท่าไร และ ความเลือดสาด ดิบๆโหดๆ Rate R นั้นยังคงมีอยู่ครับไม่พลาดเลยสำหรับ ผกก คนนี้ โดยรวมแล้วชอบและไม่ผิดหวังเลยครับสำหรับเรื่องที่ 9 ของ ผกก คนนี้ ถ้าใครชอบแนว Pulb Fiction เรื่องนี้สมควร และควรค่าแก่การดูอย่างมากๆ มี End Credits นะ