MSI นอกจากจะทำคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมต่างๆแล้วนั้น แน่นอนว่าในสายงานการออกแบบ การทำงานจริงๆก็มี ทั้ง Workstation แบบพกพาหรือจะเป็นสาย CREATOR แบบเน้นทำงานด้วยเช่นกัน และในรุ่นนี้น่าจะคุ้นเคยกันดีสำหรับเครื่องสีขาวในตระกูล CREATOR 15M ที่รุ่นก่อนหน้านั้นจะใช้งาน Gen9 ซึ่งในแง่ของงานออกแบบตัวเครื่องภาพรวมนั้นยังคงไม่ต่างกันมากเท่าไร เป็นการเปลี่ยนสเปกข้างในเท่านั้น และรวมถึงงานออกแบบภาพรวมนั้นจะทำให้เรานึกถึงตระกูลสายเกมแบบ GF พวกนั้นนั้นเอง แต่ในครั้งนี้ใช้งาน i7 GEN10 พร้อมกับ RTX 2060 ตัวแรง และยังคงมาพร้อมกับสีเงินสวยงาม ระบบระบายความร้อน Coolerboost5 รวมถึงรองรับระบบเสียง Hi-res ด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านการใช้งานจริง จากการอัพ CPU นั้นจะเป็นอย่างไรมาอ่านกันได้เลย
MSI CREATOR 15M จะมาพร้อมกับ INTELCORE I7-10750H ตัวล่าสุด 2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, สูงสุด 5.00 GHz ใช้งาน RAM 16 GB DDR4 2666MHz พร้อมกับความจุ 512 GB PCIe/NVMe SSD และทางด้านการ์ดจอนั้นใช้งานค่ายเขียว NVIDIA GEFORCE RTX2060 6 GB GDDR6 และ ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้ยังคงใช้งาน 144Hz ลื่นไหลสบายๆในการทำงานเล่นเกมให้มาในขนาด 15.6 นิ้ว (1920×1080) IPS Full HD เป็นหน้าจอแบบด้านทำงานสบาย รวมถึงรองรับ True Colour ของทางค่าย และทางด้านระบบเสียงก็ถือว่าใช้งานได้ดีกับซอฟต์แวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม รองรับ Hi-Res audio พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิทัล 2 ตัว ส่วนงานออกแบบนั้นมีโทนเดิมที่คุ้นเคยกัน แต่จะใช้งานโทนสีเงินเป็นหลัก และมีความเรียบร้อยมากขึ้นเมื่อเทียบกับตระกูลสายเกมต่างๆ อีกทั้งตัวเครื่องก็อยู่ในระดับที่ยังคงพกพาไปทำงานนอกสถานที่ได้ น้ำหนักและความบางเมื่อเทียบกับสเปกนั้นถือว่าดี
MSI CREATOR 15M i7 GEN10 + RTX 2060 มาพร้อมกับราคา 54,990 บาท
UNBOX
ตัวกล่องอุปกรณ์นั้นถือว่าให้มาค่อนข้างดีพอสมควร เพราะยังคงให้กระเป๋าและเมาส์มาให้เลยในกล่องไม่ต้องรอของแถม พร้อมใช้งานทันทีไม่ต้องไปซื้อเพิ่ม พร้อมกับตัวเครื่องและที่ชาร์จยังคงให้มาเป็นมาตรฐานทั่วไปของค่าย
- ตัวเครื่อง MSI 15M
- เมาส์ MSI RGB
- ที่ชาร์จ ADAPTOR 180W
- คู่มือ
- กระเป๋า MSI PRESTIGE
DESIGN
งานออกแบบทางด้าน MSI รุ่นนี้ยังคงใช้บอดี้อะไรไม่ได้ต่างจากรุ่นก่อน หรือในตัวอื่นๆของค่ายนักทรงยังคงเป็นที่เราคุ้นเคยกันดีในตระกุล GF เช่นกันแต่มีการเล่นใช้งานโทนสีที่เป็นสีขาวเงิน และฝาหลังอะไรนั้นมีความเรียบง่ายมากขึ้นทำให้เหมาะแก่การพกพาไปทำงานนอกสถานที่ ทำงานกราฟิกต่างๆได้แบบไม่เป็นสายเกมเท่าไรรวมถึงดูหรูขึ้นในการเอาไปพรีเซนต์งานให้ลูกค้าเป็นต้น ส่วนทางด้านวัสดุนั้นไม่ได้แตกต่างกับเดิมมากนัก งานประกอบยังคงเหมือนเดิมกับรุ่นอื่นๆที่อาจจะมีบางจุดที่แอบดูยวบๆได้นิดหน่อย ด้วยวัสดุพลาสติกบางส่วน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งาน น้ำหนักในภาพรวมรุ่นนี้จะอยู่ที่ 1.86 kg พร้อมกับความหนา 2.1 เซนติเมตร และรองรับ MIL-STD-810G
งานออกแบบจะเห็นว่าขอบหน้าจอยังมีความหนาอยู่เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ด้วยกันในยุคใหม่นี้ ในด้านบนอาจจะเป็นต้องใส่กล้องมาให้และดีไซน์ที่ยังคงอิงรุ่นเดิม ทำให้ส่วนนี้อาจจะดูไม่ทันสมัยมากนัก และพื้นที่ตรงแป้นพิมพ์นั้นยังคงมีเยอะพอสมควรในการวางมือใช้งาน และเล่นลวดลายปัดเงาเส้นๆสวยงาม ตัดกับสีดำได้ดี รวมถึงด้านหลังด้วยเช่นกัน โทนสีภาพรวมนั้นเหมือนกัน และวัสดุดูดีใช้ได้แต่น่าเสียดายโลโก้ข้างหลังนั้นเรียบๆไม่มีตัวไฟอะไรขึ้นมา
วัสดุสีเงินเป็นหลักจะเห็นการเล่นลวดลายปัดเป็นวัสดุโลหะพร้อมกับการเว้าลงไปนิดหน่อย ซึ่งเราจะเห็นการออกแบบแบบนี้ในหลายๆรุ่นของค่ายนี้ ตัดกับแป้นพิมพ์สีดำได้สวยงามและใช้งานได้ง่าย ฟอนต์ใหญ่ชัดเจน ทางด้านฝาหลังนั้นจะเป็นแบบเงาๆนิดหน่อยติดรอยนิ้วมือได้ง่าย ในส่วนของด้านในพร้อมกับโลโก้สีขาวเรียบๆ ส่วนขอบจอบนนั้นจะแอบหนานิดหน่อยและเป็นทรงที่เราจะเห็นได้ในหลายๆรุ่น พร้อมกับกล้องหน้าและ ไมค์ 2 ตัวถ้าทำบางกว่านี้จะลงตัว
ทางด้านปุ่มเปิดปิดเครื่องนั้นอยู่มุมขวาบนเป็นวัสดุเดียวกับตัวเครื่อง ไม่มีส่วนนูนอะไรออกมา สามารถกดลงไปได้เลยก็สวยงามมีไฟรอบๆแปลกตาดีเหมือนกันในจุดนี้ และไม่ไปโดนง่ายๆด้วยเพราะมีระยะการกดพอสมควร ส่วนทางด้านขอบหน้าจอล่างยังคงเขียนชื่อแบรนด์พร้อมกับจะเป็นวัสดุแบบพลาสติกสีเงินด้านทั้งหมด รวมถึงขอบๆขาพับ
ช่องระบายในรุ่นนี้แน่นอนว่าสายทำงานก็ต้องใช้ระบบที่ค่อนข้างดีไม่แพ้กับสายเกมในการทำงานที่ 100% ได้ทันทีในการเรนเดอร์ไฟล์ต่างๆทำให้ระบายความร้อนรุ่นนี้สามารถยิงออกทั้งข้างหลัง 2 จุดและด้านข้าง 1 จุดในด้านซ้ายของตัวเครื่อง ดูดลมจากด้านล่างด้วยเช่นกัน แต่จะเห็นว่าพัดลมช่องขวาในภาพล่างนั้นจะใหญ่กว่าในด้านซ้ายอยู่พอสมควร เพราะมันเป็นช่องที่ระบายได้ 2 ทิศทางยิงออกด้านหลังและข้างและเป็นพัดลมตัวหลักของ CPU ด้วย
ในส่วนของฐานด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่ามีช่องระบายอากาศค่อนข้างเยอะมากๆ และงานออกแบบช่องต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์พอสมควรเป็นแบบเดียวกับสายเกมมิ่งเลยก็ว่าได้ สามารถแกะง่ายๆถอดมาอัพเกรดได้ด้วย เมื่อเปิดออกมาแล้วเราจะเห็น Heatpipe 5 เส้นทองแดงขนาดใหญ่และมาพร้อมกับพัดลมหลักในด้านขวา ระบายออกด้านหลังและข้าง รวมถึงพัดลมเล็กในการระบายออกข้างหลังซึ่งคาดว่าจะช่วยในแต่ละส่วนแตกต่างกันไป รวมถึงจะเห็นว่าการอัพเกรดนั้นรองรับ SSD M.2 อีก 1 ช่อง แต่ในส่วนของ RAM จะอยู่ตรงแถบสีดำที่ปิดไว้ทั้งบนและล่าง
การอัพเกรดในรุ่นนี้จะสามารถใส่ SSD M.2 เพิ่มเข้าไปได้อีก 1 ตัวครับมีพื้นที่ว่างให้เรียบร้อย ใส่เข้าไปได้ทันทีง่ายๆ แต่จะเห็นว่าไม่ได้มีส่วนแผ่นระบายความร้อน หรือซิลิโคนอะไรมาให้เลยแตกต่างกับค่ายอื่นๆที่บางค่ายจะใส่มา แต่ในส่วนของ RAM นั้นสามารถอัพได้เช่นกันแต่ของเดิม 16GB แล้วใส่มาเต็มๆพร้อมกับแผ่นกราไฟท์สำหรับระบายความร้อนปิดมาให้รวมถึงมีตัวช่วยระบายความร้อนใส่เข้ามาอีกใต้แผ่นกราไฟท์ ถือว่ายังดีที่ใส่เข้ามาด้วย
SPEC
- Intel Core i7-10750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 5.00 GHz)
- หน้าจอ 15.6″ FHD (1920×1080), IPS-Level 144Hz IPS
- Intel® HM470
- การ์ดจอ NVIDIA® GeForce RTX™ 2060 with 6GB GDDR6
- MEMORY DDR4-2666 16GB รองรับสูงสุด 64GB
- STORAGE CAPABILITY 1x M.2 SSD slot (NVMe PCIe Gen3) ให้มา 512GB รองรับอีก 1 ช่อง
- WEBCAM HD type (30fps@720p)
- KEYBOARD Backlight Keyboard (Single-Color, White)
- 802.11 ax Wi-Fi 6 + Bluetooth v5.1
- AUDIO 2x 2W Speaker
- I/O PORTS 1x RJ451x (4K @ 30Hz) HDMI // 2x Type-C USB3.2 Gen1 // 2x Type-A USB3.2 Gen1
- BATTERY 3-Cell Li-Polymer 51 Battery (Whr)
- AC ADAPTER 180W adapter
- DIMENSION (WXDXH) 359 x 254 x 21.7 mm
- WEIGHT (W/ BATTERY) 1.86 kg
- AUDIO JACK 1 Mic-in/Headphone-out Combo Jack
- MIL-STD-810G
- HI-RES AUDIO
PERFORMANCE
ในรุ่นนี้ใช้งาน CPU i7-10875H 14nm 2.30 GHz, 16 MB L3 Cache, up to 5.10 GHz 6 Core/12 Thread ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2060 มาพร้อมกับ 6GB GDDR6 VRAM และ ทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 2666 สามารถอัพเกรดได้ทั้ง 2 ช่องรองรับสูงสุด 64GB ส่วน SSD 512GB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อย 1 ช่อง และสามารถอัพเกรดได้อีก 1 ช่องว่าง และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งาน ในรุ่นนี้ถือว่าสเปกนั้นทำได้ดี อัพเกรดได้เยอะพอสมควร
PC MARK
คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว i7 Gen10 ก็ถือว่าแรงพอสมควร ไปได้ 5318 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 9750H อยู่ด้วยในคะแนนส่วนนี้ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 5,500 คะแนน
3D MARK
ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 4 แบบ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 2445 ถือว่าดี และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 2983 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 91 CPU GPU 84 และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 2445 และ FIRE STRIKE ULTRA 3248 คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 2060 +i7 Gen10 เลย
CINEBENCH R15 – R20 / DISK MARK
R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 1142 cb/ 111.88 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆ และดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจนครับผม และเทียบกับ RYZEN 7 4800HS ตั้วนั้นจะทำได้ 120 ครับไม่ได้เยอะมากแต่ก็มีผลในการเรนเดอร์ R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 9750H ด้วย ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 2561 CB เลย ดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะเลย เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD M.2 นั้นทำการอ่านเขียนไป 2151 MB/s และ 414 MB/s ถือว่าค่อนข้างน้อยพอสมควรจริงๆ ถ้าเทียบกับสเปกรวมๆน่าจะอ่านได้เลข 3 จะลงตัวมาก ถ้าใส่ตัวเทพเข้ามาน่าจะทำประสิทธิภาพได้ดีกว่านี้ทั้งนี้รอดูราคากันอีกที และตัวนี้รองรับการใส่เพิ่มเติมอีก 1ช่องนะครับ ทำให้สามารถใส่ SSD M.2 ได้อีก 1 ช่องนั้นเอง รองรับการอัพเกรดได้สบายๆ
SCREEN
ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้ใช้งานหน้าจอยังคงเป็นขนาดและการออกแบบแบบเดิมแต่ทางด้านหน้าจอนั้นมีการใช้งาน 144Hzเข้ามาพร้อมกับมาในขนาด 15.6 นิ้วขอบบาง ความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพสูง IPS เลยทีเดียวแต่ในเรื่องของค่าสีนั้นไม่ได้แจ้งมาจากทางสเปก อาจจะไม่ได้ 100% sRGB แต่ก็ถือว่ายังเป็นหน้าจอที่พอทำงานได้สบาย เท่าที่ทดสอบนั้นจะประมาณ 90% ได้ในการตกแต่งภาพ หรือว่าจะเป็นการตัดต่อ แต่อีกข้อดีของมันคือมีการปรับแต่ง True Colour ได้ปรับโทนสีของภาพได้นิดหน่อย รวมถึงในการเล่นเกมรุ่นนี้จากการที่ใช้งาน 144Hz ทำให้มันสามารถรองรับการเล่นเกมที่ไหลลื่นขึ้นเยอะอย่างมาก ตอบสนองได้ดีแม้จะเป็นการเล่นเกมหรือว่าจะเป็นการทำงานนั้นจะช่วยได้ในเรื่องของเวลาเลื่อนดูอะไรต่างๆนั้นจะค่อนข้างเนียนตาและสบายตากว่าเดิม
หน้าจอเมื่อมองเอียงๆนั้นถือว่าทำได้ดีและข้อดีของการใช้งานหน้าจอแบบด้านนั้นทำให้การพกพาไปทำงานข้างนอกหรือว่าใช้งานทั่วไปในหลายๆสภาพแสงนั้นไม่มีแสงรบกวน และใช้งานได้จริง รวมถึงหน้าจอมีความสว่างสูงพอสมควรสามารถสู้แสงได้ดี ในการใช้งานจริง ความแม่นยำใช้งานได้แต่อาจจะไม่ได้เทพสุดเท่าไร แต่ถ้าเอามาเล่นเกมหนักๆแน่นอนว่าตัวจอนี้ไม่มีปัญหาเลย พร้อมกับเวลาหันกล้องอะไรพวกนี้บอกเลยว่าลื่นไหลและภาพไม่ฉีกขาดเลยแม้แต่น้อย รุ่นนี้เป็นข้อดีของการใช้งาน 144Hz และทำงานจริงๆก็แอบมีผลเลื่อนอะไรได้เนียนขึ้นนะ
KEYBOARD
ทางด้านคีย์บอร์ดในรุ่นนี้นั้นถือว่ารูปทรงอะไรเปลี่ยนใหม่นิดหน่อยตัดปุ่ม Numpad ออกไป และปุ่มอะไรแน่นเต็มมากกว่าเดิม อีกทั้งปุ่มยังเป็นไฟสีขาวแน่นนอนว่าเป็นสายทำงานเลยเน้นสีขาว ปรับได้ 3 ระดับ เรื่องของความรู้สึกในการใช้งานเล่นเกมอะไรยังคงแน่นดี และเด้งรับได้ดี แน่นอนว่าด้วยข้อจำกัดด้วยความบางอะไรนั้นเลยทำให้ระยะของปุ่มมันไม่ได้ลึกอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้ตื้นหรือกลวงเกินไปชอบที่ระยะกดและความแน่นของแต่ละปุ่มนั้นทำได้ดี และตัวอักษรอะไรค่อนข้างชัดและตัวเครื่องสีเงิน ตัวปุ่มสีดำนั้นทำออกมาชัดเจนอย่างมาก อีกทั้งตัวอักษร ภาษาอังกฤษก็หนาและเด่นชัดพอสมควรเลย ทำให้ใช้งานจริงนั้นถือว่าสบายๆและไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ตัวปุ่มนั้นยังคงให้ความรู้สึกไม่ได้แตกต่างกับตระกูลสายเกมตัวอื่นๆ ฟีลลิ่งนั้นเหมือนกันเลยทีเดียวในแง่ของการใช้งานจริงๆตัวปุ่มนั้นมีระยะห่างแต่ละปุ่มค่อนข้างน้อยกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ก็กดได้ดีเพราะตัวปุ่มมันใหญ่แบนมากขึ้นนั้นเอง ความรู้สึกเวลากดปุ่มนั้นรู้สึกแน่น และกดตรงส่วนไหนของปุ่มก็ได้รู้สึกดีตรงจุดนี้ กดขอบปุ่ม หรือ ตรงกลางปุ่มก็ให้ความรู้สึกเดียวกันไม่โยก ไม่เอียง ถือว่าคีย์บอร์ดของค่ายนี้จริงๆแอดมินใช้มาตั้งแต่ยุค GE62 สายเกมก็ชอบคีย์บอร์ดค่ายนี้พอสมควรครับ และในรุ่นนี้ปรับอะไรให้มันลงตัวขึ้นปุ่มเรียบมากขึ้นแต่ใหญ่แบนมากขึ้นนั้นเอง
TOUCH PAD
ทัชแพดรุ่นนี้วัสดุเป็นแบบเรียบๆลื่นๆจะคนละแบบกับตัวเครื่องชัดเจน และยังมีการตกแต่งขอบรอบๆสีเงินสวยงามให้สมกับราคาของรุ่นนี้รวมถึงแยกซีรียส์กับสายเกมชัดเจน แน่นอนว่าในการใช้งานจริงก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดแต่ถ้ามุมมองในสายทำงานข้างนอกจริงๆ ขนาดของตัวทัชแพดที่ให้มานั้นถือว่าเล็กไปพอสมควร เพราะในสายทำงานเวลาพกพานั้นทัชแพดยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งดี แต่ในรุ่นนี้ขนาดมันเลยไม่ได้แตกต่างกับตัวสายเกมมากเท่าไร แอบเสียดายพอสมควร ส่วน Software อะไรนั้นใช้งานได้ดีรองรับหลากหลายนิ้วได้สบายๆไม่เจออาการหน่วงหรือมึน
ส่วนการออกแบบคลิกซ้ายขวา ซ่อนเนียนอยู่ในทัชแพดไม่ได้มีปุ่มแยก หรือขีดแยกอะไรถือว่าค่อนข้างแตกต่างกับรุ่นอื่นๆ ส่วนความรู้สึกความลื่นไหลนั้นทำได้ดีนะ แต่เวลากดดูไม่ค่อยแน่นไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรดูกลวงๆตรงระยะกดและเสียงต่างๆแอบรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย เวลากดลงไปซ้ายขวาเลยไม่ได้แน่นมากเท่าที่ควร สำหรับการใช้งาน ทัชแพดของรุ่นนี้นั้นเอง ซึ่งแอบแปลกใจเพราะก็แอบรู้สึกแบบเดียวกันในหลายๆตระกูลของค่ายนี้เยอะเหมือนกันอาจจะเน้นเรื่องของน้ำหนักที่เบาก็เป็นไปได้ แต่ถ้ามองจากการวางนิ้วนั้นต้องบอกว่าอยากให้มีการขยายให้พื้นที่ใช้งานมากกว่านี้อีกนิดจะทำให้การใช้งานหลายนิ้ว สลับแอป หรือจะเป็นการตัดต่อรูปภาพ ย้ายเลเยอร์ต่างๆนั้นสะดวกมากขึ้น
SPEAKER
ลำโพงในรุ่นนี้มาให้ 2 ตัวซ้ายขวาเสียงถือว่ากำลังดีพร้อมกับระบบเสียง Software Nahimic ตัวล่าสุดที่สามารถปรับแต่งเสียงได้อิสระพอสมควรทั้งรอบทิศทาง หรือ เน้นเสียงพูดต่างๆ เสียงเบส แหลม เสียงทิศทางอะไรชัดเจนขึ้นได้ด้วย รวมถึงปรับเสียงไมค์ และ แชร์เสียงออกหูฟัง 2 ตัวได้เป็นโปรแกรมที่ล้ำพอสมควรเลยนะ เสียงที่ออกมานั้นถือว่ามิติของเสียงนั้นทำได้ดีระดับนึงในการเล่นเกมฟังเพลง เสียงที่เด่นๆคือความดังที่ทำได้ดีเลยแหละ สามารถเล่นเกม ฟังเพลงเสียงดังได้สะใจเลยทีเดียว แต่เสียงปืนเวลายิง หรือ ระเบิดนั้นยังไม่ได้แน่นสะใจเท่าไรนัก แต่ก็ยังสามารถปรับเสียงเพิ่มมิติเสียงเบส EQ อะไรพวกนี้ได้อยู่บ้าง และเสียงรอบทิศทางนั้นก็สามารถปรับได้ ถ้าเน้นเล่นเกมเสียงคนพูดอะไรชัดเจนดี แต่เสียงยิงปืนอะไรนั้นยังไม่ได้แน่นเท่าที่ควร แต่ถ้าเอาเรื่องความดังสะใจตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์อยู่เช่นกันนะ แยกชัดเจน และเท่าที่ลองเล่นเกมก็เสียงคนพูดชัดเจนอยู่ ฟังเพลงก็เด่นแต่มิติไม่โหด
CONNECTOR
ทางพอร์ตเชื่อมต่อนั้นในรุ่นนี้ให้หาเพียงพอใช้งาน แต่จะแอบอยู่ฝั่งเดียวกันเยอะไปนิดหน่อยในแง่ของการจัดวางอะไรต่างๆครับในด้านขวานั้นเราจะเห็นว่ามีพอร์ตทุกอย่างให้มาครบพร้อมใช้งานเริ่มจาก รูหูฟัง 3.5 มม. และเป็น Mic-in/Headphone-out Combo Jack และ USB-A 3.2 GEN 1 ทั้ง 2 ช่อง และ USB-C 3.2 GEN 1 ทั้ง 2 ช่องเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีการแจ้งรองรับ Thunderbolt แต่อย่างใดรวมถึงไม่รองรับ PD ด้วยแอบน่าเสียดาย ส่วนช่อง RJ45 ยังคงมีมาให้อยู่เช่นเดิม และ Kensington Lock สำหรับรุ่นนี้ก็ถือว่าเพียงพออยู่เช่นกัน
ทางด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามีช่องระบายอากาศเข้ามาเพิ่มทำให้เป็นช่องด้านข้างด้วยช่วยระบายได้ดี และในฝั่งนี้นั้นจะมีแค่ช่องสำหรับจ่ายไฟเข้า และ HDMI ที่รองรับ 4K@30Hz เท่านั้นสำหรับการต่อออกจอข้างนอกนั้นเองส่วนทางด้านการเชื่อมต่อไร้สายนั้นรองรับ 802.11 ax Wi-Fi 6 + Bluetooth v5.1 ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน
WORKING
การเล่นเกมและในการทำงานนั้นแน่นอนว่าตัวนี้ก็ถือว่าพัฒนามาดีขึ้นครับสำหรับ intel แน่นอนว่าการทำงานโปรแกรมเดียวเน้นๆทำได้ดีอยู่แล้วรวมถึงระยะเวลาการเรนเดอร์อะไรถ้าไม่ได้สลับทำงานเยอะมาก ก็ถือว่าไม่ได้ด้อยกว่าตัวอื่นๆเลยครับ แต่ถ้าเน้นทำงานหลากหลายโปรแกรมอะไรพวกนี้แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้โหดแบบอีกค่ายแต่ก็ถือว่าพัฒนามาดีขึ้น ในรุ่นนี้ยังคงใช้งาน 14nm และ ใช้ CPU i7-10875H + NVIDIA® GeForce® RTX 2060 6GB GDDR6 และ RAM 16GB 2666 Mhz ให้มาเพียงพอต่อการใช้งานทำงานหลากหลายโปรแกรม หลายเลเยอร์ได้สบาย และการอ่านเขียนของ SSD ก็ถือว่าช่วยงานทำงานได้ไวขึ้นระดับนึงแต่แอบเสียดายน่าจะใช้ตัวความเร็วสูงกว่านี้ครับ แต่ในการเรนเดอร์การทำงานจริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างลองดูทดสอบกันในหลายๆโปรแกรมสายทำงาน
LIGHTROOM + ILUSTRATOR
ในการใช้งานตระกูล ADOBE ถือว่ารองรับได้สบายๆครับ แน่นอนว่าตัวโปรแกรมนี้ถือว่าทำได้ดีแน่นอนว่าทั้งเรื่องของสเปกการใช้งานจริง RAM 16GB ทำให้เราสามารถใช้งานทำงานได้ 2 โปรแกรมพร้อมกันได้แบบสบายๆซึ่งสายงานแบบนี้แน่นอนว่าปกติแล้วจะทำงาน 2-3 โปรแกรมทั้งนั้นในการดูเทียบหรือออกแบบแล้วเทียบกัน เท่าที่ทดสอบในส่วนของโปรแกรมใช้งานสลับไปมาได้ไหลลื่นและไม่มีหน่วงแม้จะเป็นไฟล์ขนาดใหญ่หรือการทำสีรูปแบบความละเอียด 20MP ขึ้นไปก็ตามครับถือว่า CPU และตัวเครื่องนั้นสามารถรองรับได้สบายๆ และไม่เจออาการหน่วง
SKETCH UP
ในงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดี แต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบาย แต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไป เลยได้คร่าวๆว่าตัว i7 GEN9 จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 70 นาที แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 32 นาทีเท่านั้นเท่ากับประหยัดเวลาไปเยอะมากในการทำงานแต่ละชิ้นงานบอกเลยว่าเอาเรื่องเลยแหละ ไวพอสมควรเลยและทำงานได้ดีมากๆเลย
PREMIRE PRO
เรนเดอร์กันหน่อยครับว่า 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัว INTEL I7 ด้วยนิดหน่อย ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 21 นาที และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 4800HS ทำไปได้ 25 นาที แต่ถ้าใช้งาน i7 9750H นั้นจะใช้เวลาประมาณ 37 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ โดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมดถือว่าทำได้ดี
LUMION 10
ลูเมียนโปรแกรมในการทำงานเรนเดอร์ตึกเป็นแบบวีดีโอหรือ อนิเมชั่นล้วนๆเลย ทำให้เราสามารถเรนเดอร์แบบวีดีโอเดินพาชมตึกใส่คนเดิมหรือจะเป็นการใส่สภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับภาพที่เราอยากได้มากที่สุด และเป็นการเรนเดอร์ที่ใส่พื้นผิวท้องฟ้าได้ค่อนข้างสมจริงรวมถึงการจัดแสง จึงเป็นโปรแกรมที่เน้นการใช้ CPU แบบหนักหน่วง ในการเรนเดอร์ทดสอบโดยการเรนเดอร์แบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในความละเอียด 4K เพื่อในการเทียบเวลากับตัวอื่นซึ่งในรุ่นนี้จะใช้เวลาเรนเดอร์ไป 1.19 ชั่วโมงเท่านั้นถือว่าไวมาก แต่เทียบกับ Ryzen 7 ก่อนหน้าทำเวลาไป 1.25 และถ้าหากเทียบกับ i7 9750H ตัวก่อนหน้านั้นจะทำเวลาไป 2 ชั่วโมงกว่า ถือว่าไวขึ้นชัดเจนเลย
CREATOR CENTER
เป็นโปรแกรมสำเร็จรูป จริงๆนั้นทำหน้าที่อาจจะแอบคล้ายกับทาง Dragon Center แต่มีการปรับเปลี่ยนให้ใช้งานเข้ากันกับโปรแกรมสายออกแบบทำงานมากขึ้นนั้นเอง ทั้งการดูสถานะของตัวเครื่องว่าใช้พลังงานอะไรยังไงเท่าไร หรือจะเป็นความร้อนแบบที่เราคุ้นเคยกัน การปรับความเร็วพัดลมต่างๆรวมไปถึงการปรับตั้งค่าในแต่ละแอปการออกแบบและมีการปรับแต่งหน้าจอได้ด้วยว่าโทนสีของหน้าจอนั้นจะเอาเป็นแบบไหนถือว่าสะดวกพอสมควรในการใช้งาน
Creator Mode ศูนย์รวมโปรแกรม ที่ใช้งานในงานสายออกแบบหรือโปรแกรมทั่วไป ว่าเน้นอะไรเป็นหลัก // User Scenario หน้าตาการตั้งค่าในแต่ละโหมดแล้วแต่การใช้งานของเรา // General Setting ในการตั้งค่าทั่วไปว่าปุ่ม Windows จะให้ทำงาน หรือ เปิดปิดเว็บแคม // การตั้งค่าดูข้อมูลทั้ง CPU GPU ข้อมูลตัวเครื่อง การใช้งาน ความร้อนทุกอย่าง // True Colour ในการแสดงผลหน้าจอว่าจะเอาโทนสีแบบไหน เน้นตรงหรือถนอมสายตาต่างๆ
NAHIMIC AUDIO
โปรแกรมเสียง NAHIMIC นั้นถือว่าเป็นโปรแกรมระบบที่ทางค่ายค่อนข้างเน้น และใส่ให้มาในหลายๆรุ่นทำให้การปรับแต่งเสียงนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการใช้งานจริง รวมถึงรองรับทั้งการปรับแต่งเสียงไมค์ เสียงลำโพง การแชร์เสียงไปหูฟัง 2 คู่พร้อมกันรวมไปถึงการใช้โปรแกรมช่วยเสียงในการดูทิศทางเวลาเล่นเกมได้ด้วยว่าเสียงมาจากทิศไหน และเสียงนั้นสามารถปรับได้ด้วยว่า เสียงรอบทิศทาง หรือจะเน้นเสียงย่านไหนรวมถึง ปรับไม่ให้เสียงเปิดแล้วดังจนตกใจในบางครั้งที่เราเปิดบางโปรแกรมหรือเสียงนั้นดังเกินระดับจนหรี่ไม่ทัน ซึ่งตัวนี้สามารถปรับได้ด้วย ว่าเสียงไมค์นั้นจะเอาเสียงจากด้านหน้าเท่านั้น จัตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ทำให้เสียงคนพูดนั้นชัดขึ้นมาอีก
GAMING
จากที่สเปกนั้นใช้งาน i7 10875H ตัวแรงนี้ก็เอาเรื่องเช่นเดิมและค่ายนี้ยังคงเน้นเรื่องของการเล่นเกม การขับ FPS ได้ดีเป็นทุนเดิม และในตัวทำการทดสอบในหลายๆเกมที่กำลังเป็นกระแสครับรวมถึงหลายๆเกมที่กินสเปกโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี คือตัวแป้นพิมพ์นั้นเล่นได้ง่ายมีที่วางมือและไม่ร้อน เราสามารถวางมือบนตัวคอมพิวเตอร์ได้เลยแต่ที่ชอบคือเรื่องของความร้อนนั้นทำได้ดีแต่ก็มีเกิน 90 อยู่บ้างครับแน่นอนว่าทดสอบในสภาพอากาศปกติ และปรับภาพสูงสุดในแต่ละเกมก็ยังคงทำได้น่าประทับใจอย่างมาก แม้จะเป็นสายทำงานก็ตามแต่เล่นเกมก็ไหวสำหรับรุ่นนี้ ถ้าเล่นในห้องแอร์อาจจะได้ไม่เกิน 90 ก็เป็นไปได้เช่นกัน
- Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 71-73 อุณหภูมินั้น GPU 85 CPU 88 : ULTRA
- APEX ทำไปได้ FPS 75-80 อุณหภูมินั้น GPU 86 CPU 90 : ULTRA
- PUBG ทำไปได้ FPS 83-90 อุณหภูมินั้น GPU 86 CPU 90 : ULTRA
- Modern Warfare ทำไปได้ FPS 65-70 อุณหภูมินั้น GPU 85 CPU 86 : ULTRA
MSI CREATOR M15
” สายทำงานตระกูล CREATOR มาพร้อม INTEL GEN10 และประสิทธิภาพที่ดีขึ้น “
สายออกแบบทำงานนั้นต้องบอกว่าก็มีไม่น้อยที่หาใช้งานคอมพิวเตอร์สายเกมมาทำงานในสายงานนี้ครับแน่นอนว่าทาง MSI นั้นถือว่าออกมาตอบโจทย์สำหรับกลุ่มลูกค้าตรงนี้ที่อยากได้คอมที่สเปกใช้ทำงานเล่นเกมได้ แต่ก็มีงานออกแบบที่ไม่ได้เป็นสายเกมซะทีเดียว ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวก็เจอหลายๆคนเอาคอมพิวเตอร์เกมมิ่งมาทำงานเยอะมากถึง 70% แน่นอนว่าการที่ออกรุ่นทำงานมาก็ช่วยได้เยอะ ดีไซน์สวยเรียบ ไปหาลูกค้าพรีเซนต์งานได้ แต่ก็มาพร้อมกับสเปกแรงจัดเต็มแบบนี้ รวมถึงการระบายความร้อนที่ค่อนข้างดี และหน้าจออะไรสู้แสงใช้งานได้ดี ลำโพงดัง พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อที่เพียงพอ และการอัพเกรดรองรับได้เยอะทำให้รุ่นนี้ถือว่าโอเคอย่างมากเลยในการใช้งาน แต่หน้าจอนั้นอาจจะไม่ได้มีมาตรฐาน 100% sRGB ใครที่เน้นหน้าจออาจจะต้องไปลองดูกันอีกที กับน่าเสียดายว่าไม่มีการรองรับ มาตรฐาน PD หรือ Thunderbolt ก็แอบน่าเสียดายในแง่ของยุคใหม่นี้เหมือนกัน
ข้อดี
- ประสิทธิภาพในการใช้งานทำงาน เล่นเกมสามารถตอบโจทย์ได้ดี
- RTX 2060 รองรับทั้งการทำงาน เรนเดอร์ ตัดเสียง รวมถึง เล่นเกมสบาย
- หน้าจอ 144Hz ลื่นไหลในการทำงานและเล่นเกมได้ดี
- รองรับการอัพเกรดได้อิสระ RAM 64GB สูงสุด และ SSD M.2 อีก 1 ช่อง
- แป้นพิมพ์ใช้งานได้ดี ตัวอักษรชัดเจน
- ระบายความร้อนยังคงไว้ใจได้แม้ทำงานต่อเนื่องระยะยาว
- งานออกแบบเรียบหรูโทนสีเงินขาว
- ให้อุปกรณ์มาครบทั้งกระเป๋า และ เมาส์ในกล่อง
- พอร์ตเชื่อมต่อเพียงพอพร้อมใช้งาน ทั้งHDMI – RJ45
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับ Thunderbolt หรือ PD
- งานออกแบบ โมเดลไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก
- หน้าจอสีสันยังไม่ 100% sRGB
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget