สำหรับครั้งนี้แอดมินได้มาร่วมงาน Netflix ที่ สิงคโปร์ ณ. Marina Bay Sands Expo and Convention Center แน่นอนว่ามีข่าวทั้งการอัพเดท ซีรีย์ หนัง ในโซนเอเชียทั้งหมด และ เด่นๆเลยคือมี ซีรีย์ของไทยที่ร่วมงานกับ Netflix ซะด้วย 2 เรื่อเลยทีเดียวครับตามที่แอเมินได้อัพเดทก่อนหน้านี้ แค่เราจะมาดูฝั่ง Mobile กันหน่อยว่าจะมีอะไรอัพเดท และ คำถามต่างๆที่เราได้ถามกันไปครับ และ ทริปนี้ได้รับการดูแลอย่างดีต้องขอบคุณทาง Netflix อย่างมากครับ
สำหรับในงาน See Whats Next นั้นหลักๆจะเป็นการประกาศในแต่ละซีรีย์ โปรเจคที่ต่อคิวเข้ามาอย่างมากมายที่ได้กล่าวไปในบทความก่อนหน้านะครับแน่นอนว่า มีหนังไทย 2 เรื่องด้วย และมีอนิเมชั้นหลากหลายมากมายครับที่ต่อคิวเข้ามาอย่างต่อเนื่องและน่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้น Pacific Rim อนิเมชั่นที่น่าสนใจอย่างมากและเรียกเสียงฮือฮาในงานได้อย่างมากครับ และ ก็มีอัพเดทเรื่องทั้ง เมาคลี ที่มีตัวอย่างมาให้เราชม และ Andy Serkis มาบนเวลทีด้วยครับอันนี้แอดมินทึ่งมากๆเลย และ ยังมีเรื่องของ Narcos Mexico ที่นำดารานำทั้ง 2 ท่านมาในงานด้วย !
สำหรับข่าวอัพเดททาง Mobile app หน้าตา ฟีเจอร์กันก่อน สำหรับตัวแอพ Netflix ได้มีการปรับปรุงเข้ามาเรื่อยๆและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดครับ ให้ประสบการณ์กับผู้ใช้งานที่ดีที่สุด ฟีเจอร์ใหม่ๆที่กำลังจะเข้ามา เด่นๆเลยคือ Preview ระบบตัวพรีวิว ที่เราใช้ดูตัวอย่างหนังสั้นๆ 30 วิ สามารถเลื่อนไปได้ ระบบเดียวกับใน คล้ายๆ IG Story ที่เป็นแนวตั้ง และสะดวกมากๆ
และสิ่งที่ Netflix เน้นสุดคือการดูที่ลื่นมากๆ โดยใช้ internet ความเร็วไม่ต้องมาก และ Data น้อยสุดๆครับ และในอนาคตจะใช้น้อยลงกว่านี้อย่างมาก และภาพก็สวยเหมือนเดิมด้วยครับ Netflix ได้พัฒนาระบบบีบอัดตาม Shot หนังที่ถ่ายเช่นฉากไหนมีมิติน้อย ข้อมูลน้อยก็จะบีบอัดภาพให้มีบิทเรทที่ต่ำแต่ Shot ไหนที่มีมินิภาพเยอะ ฉากใหญ่ๆนั้นจะมีบทเรทมากกว่าปรับไปตามฉากแล้วแต่ละเรื่องครับ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ทำให้คนดูนั้นชมได้ลื่นไหลไม่มีสะดุดได้ทั้งเรื่องโดยไม่ต้องมี High speed internet อะไรมาก หรือ ไม่ต้องมี Data เยอะๆก็สามารถดูได้เช่นกัน
เช่นการปรับปรุงการเข้ารหัสถ้าเอาแบบง่ายๆให้เห็นภาพมากขึ้นนั้นเทียบจากเมื่อก่อนถ้าเรามีข้อมูลเน็ต 4GB เราจะสามารถดูหนังได่ 7 ชั่วโมง แต่ถ้าในปัจจุบันนั้นเราสามารถดูได้มากถึง 10 ชั่วโมงจากผลประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าว และ ในอนาคตจะมากถึง 33 ชั่วโมงเลยคือเน็ตเท่าเดิมแต่เราดูหนังได้เยอะขึ้นในที่ความคมชัดไม่ได้ลดลงมากหรือน่าเกลียดไปกว่าเดิมครับ ส่วนเรื่องของความคมชัดจากที่แอดมินได้ลองต้องบอกเลยว่าสวยและไม่ได้เลวร้ายแบบที่คิดไว้ครับ แล้วคุณภาพเค้าเอาอะไรมาวัด โดยทาง Netlfix นั้นได้บอกว่าเค้าได้ทำการให้คนมานั่งดู ร่วมกับทำโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาเรียนรู้นั้นเองครับ
สำหรับตัวแอพก็จะมีสิ่งที่เพิ่มเข้ามาอีกอย่างคือ Coming Soon นั้นจะบอกว่ามีหนังอะไรจะเข้ามาบ้างสำหรับในวันไหนและสามารถแจ้งเตือนได้ด้วยครับ เป็นแค่แท็บที่เสริมเข้ามาสามารถเลือกไปดูได้ จริงๆระบบนี้เคยทำออกมาแล้วแต่ไม่ใช่ในลักษณะนี้ ทาง Netflix เองนั้นก็ได้มีการทดลองพัฒนามาอยู่เรื่อยๆสำหรับตัวการทดลองฟีเจอร์อะไรใหม่ๆทั้งหลายครับ
มากันที่ตัวคำถามต่างๆที่มีหลายๆสื่อนั้นได้ถามกับทาง CEO นะครับก็มีทั้งหลากหลายคำถามทั้งเกี่ยวกับ ตัวเนื้อหา และ การรองรับต่างๆ รวมถึงตัวแนวคิด หรือแนวทางการดำเนินการในอนาคตว่าจะเป็นอะไรยังไงบ้างครับผม แน่นอนว่าหลักๆที่เกี่ยวกับประเทศเทศเราก็คงไม่พ้นเรื่องของการสนับสนุน ผู้ทำหนังทั้งรายเล็กรายใหญ่ก็สามารถมาร่วมผลิตกันได้ครับ และ การรับรองภาษาไทยนั้นเป็นสิ่งที่หลายๆคนนั้นตั้งหน้าตั้งตารอคอยเลยแหละ
สำหรับเรื่องภาษาไทยจริงๆทางแอดมินได้ถามไปครับว่า จะมีหลากหลายมากขึ้นไหม ทั้งเสียงไทย และ ซับไทย แน่นอนว่าเค้ากำลังมุงหน้าทำกันครับและสำหรับภาษานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยในการทำแต่ทาง Netflix ก็ได้พัฒนาและใส่ใจมาตลอดครับ มีการพยายามให้รองรับและมีหลากหลายมากขึ้นแน่นอนในอนาคตครับ
สำหรับในด้านเนื้อหา ทาง NETFLIX นั้นจะนำเสนอมาให้ที่จะขึ้นโชว์แต่ถ้าเราจะออกจากกรอบที่กำหนดมาทำได้ไหม ? เช่นแอดมินจะดูหนังสืบสวน โหดๆ ทางเค้าจะศึกษาและแนะนำหนังแนวๆนี้มาให้ทั้งหมด โดยเราจะไม่สามารถเห็นหนังแนว รัก หรือ ตลกได้เลย มีทางที่เราจะออกจากกรอบนั้นได้ไหม มีคนได้ถามคำถามนี้ขึ้นมา ทางนั้นก็ตอบประมาณว่า แน่นอนเราแนะนำให้อยู่ในกรอบจะดีกว่า เพราะเราคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาให้แล้วและศึกษามาอย่างดีครับ ก็เป็นกรอบที่เค้ากำหนดมาแนะนำมา เราไม่สามารถออกจากกรอบอะไรพวกนั้นได้แต่ถ้าทางเรา หนีออกกรอบบ่อยๆนั้นทางระบบก็จะจดจำและเริ่มเลือกหนังแนวใหม่ๆมาให้คุณเองครับผม ก็คือจะเรียนรู้จากตัวตนของเราแบบช้าๆนั้นเอง
การฉายโรงหนังนั้น เป็นสิ่งที่น่าสนใจหรืออยู่ในแนวทางของ NETFLIX ไหม จริงๆ คำถามนี้ทั้ง 2ท่านได้ ยืนยัน ตลาดภาพยนตร์สำหรับฉายโรงยังไม่ใช่เป้าหมายของ Netflix แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะอาจจะมีบางเรื่องที่เหมาะกับการฉายโรงเช่นในเรื่องของ ROMA ที่จะมีการเข้าฉายโรงหนัง House RCA และยังจะมีการปล่อยสตรีมมิ่งทาง Netflix วันที่ 14 ธันวาคมนี้ ซึ่งก็แยกตลาดกันชัดเจนครับเข้าพร้อมๆกันก็เลือกได้เลยว่าคุณชอบดูหนังแบบไหนเพราะกลุ่มลูกค้าก็มีนิสัยแตกต่างกันแน่นอนครับสามารถเลือกได้เลยในจุดนี้ และ ใครอยากดูในโรงก็ได้เช่นกันครับ
อีกทั้งในเรื่องของราคา แพ็คเกจก็ได้มีคนสอบถามครับว่ามีแผนว่าจะลดราคาหรือ มีหลากหลายแพ็คราคาเพิ่มเติมนอกเหนือไหมแน่นอนครับว่า สำหรับเรื่องนี้เค้าพยายามเจาะกลุ่มเอเชียเป็นหลักกันเลยครับและเร็วๆนี้จะมีมาแน่นอนแต่เรื่องรายละเอียดจะเป็นยังไงนั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้รวมถึงฟีเจอร์จะมีอะไรตัดออกไปไหมก็ต้องรอติดตามกัน
แล้วผลกระทบของ DISNEY+ ที่เริ่มทำจะมีผลกระทบไหมกับทาง NETFLIX สำหรับเรื่องนี้ทาง CEO เราได้บอกว่าแน่นอนสำหรับทาง 2 ช่องทางนั้นมีข้อมูล เนื้อหาชัดเจน แยกกันไม่มีอะไรที่เหมือนกันซึ่งคาดว่าผลกระทบคงไม่ได้มากนัก แน่นอนครับว่าทางคนดูสามารถเลือกได้ว่าจะชอบแบบไหน คอนเทนต์แต่ละอันนั้นก็ไม่เหมือนกันแน่นอน และถ้าชอบทั้ง 2แนวก็สมัครไปเลย 2 บริการ ง่ายๆคือที่แอดมินเข้าใจประมาณว่า เราค่อนข้างแตกต่างกันชัดเจนและไม่มีผลกระทบต่อกันแน่นอนครับผม
ทำไม NETFLIX ไม่ปล่อยให้ผู้ใช้ปรับความละเอียดเอง แบบของบริการค่ายอื่นๆที่สามารถเลือกความชัดได้ ? สำหรับคำถามนี้มีคนถามมามากครับ ทางเค้าก็ตอบมาประมาณว่า เค้าพยายามทำให้ประสบการณ์การรับชมของตัวหนัง คอนเทนต์ต่างๆนั้นลื่นไหลที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยไม่มีการสะดุดแม้เน็ตจะน้อยหรือไม่ได้แรงมากเค้าเน้นประสบการณ์ของผู้ชมให้ต่อเนื่องและเข้าถึงได้มากมายหลายคนมากกว่า จึงปรับความละเอียดภาพตามความเหมาะสมในแต่ละซีนแบบแนวคิดที่กล่าวไปก่อนหน้านั้นเองครับ
KINGDOM !! แน่นอนว่า ทางแอดมินได้มีโอกาศได้รับชม ซีรีย์เรื่องล่าสุด จากผู้กำกับ Train to Busan ในเรื่อง Kingdom ก่อนใครเป็น 2 ตอนแรกที่น่าติดตามอย่างมากครับ สำหรับคนอื่นๆ รอติดตามกันได้เลย มกราคมปีหน้า บอกเลยว่าห้ามพลาดครับ แอดมินพิมพ์อะไรมากไม่ได้เลยแม้จะอยากพิมพ์รอรับชมพร้อมกันในมกราเลยนะครับ