ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2018 เวลา 10.00 PM ณ งาน MWC(mobile world congress) 2018 นี้. Nokia ได้ส่งมือถือสุดล้ำ 5 รุ่นที่พาชวนคิดถึงความขลังในแบบ Nokia ที่เคยมีมา
Nokia 8110 – 4G “Banana Phone”
เริ่มต้นจากฟีเจอร์โฟนขนาดเล็กดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร และคงจะไม่มีใครเหมือนในรูปโฉมของกล้วยที่มากับชื่อสีของเครื่องว่า Banana Yellow ความสามารถหลักของเจ้ากล้วยที่สามารถใช้งานบริการของ Google ได้ทั้ง Google Map, Google now, Google Assistant. รวมถึง Application Store ที่รองรับแอพอีกมากมายยอดนิยม และยังมาพร้อมกับการใช้งาน WiFi Hotspots อีกด้วยเช่นกัน ที่สำคัญที่สุดคือ ทาง Nokia เคลมว่า Nokia 8110 4G เครื่องนี้สามารถอยู่ได้นานถึง 25 วัน.
สเปค
CPU : Qualcomm 205
Ram : 512MB
Storage : 4GB
Display : 2.4″ QVGA
Rear Camera : 2MP
Front Camera : –
Sim : dual-sim
Price : $79 (ประมาณ 2,528 บาท)
Nokia 1 (World’s First Android Ore Go Edition)
อาจเรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกก็ว่าได้ที่เลือกใช้งาน Android Oreo 8.1 (Go Edition) เป็นสมาร์ทโฟนในระดับเริ่มต้นที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด. ด้านการออกแบบนั้นทาง Nokia เลือกใช้การออกแบบของสีเครื่องแบบ Two-tone ด้วยวัสดุระดับโพลีคาร์บอเนต พร้อมทั้งสามารถเปลี่ยนฝาหลังของเครื่องตามที่ต้องการได้อีกด้วย.
สเปค
OS : Android Oreo 8.1 (Go Edition)
CPU : MT6737M Quad core 1.1 GHz
Ram : 1GB LPDDR3
Storage 8GB eMMC with microSD up to 128GB
Display : 4.5″ FWVGA IPS display
Rear camera : 5MP with LED Flash
Front camera : 2MP
Material : Polycarbonate
Battery : 2,150 mAh
Price : $85 (ประมาณ 2,720 บาท)
The New Nokia 6
สานต่อความสำเร็จจาก Nokia 6 ผู้แบกภาระอันหนักให้ Nokia กลับมาสู่ตลาดอีกครั้ง. โดยในปี 2018 นี้ Nokia เปิดตัว Nokia 6 ใหม่ที่มาพร้อมกับการยกระดับของเลข 6 ให้กลายเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางสุดแรงและอึดไปพร้อมกัน.the New Nokia 6 นั้นเลือกใช้แพลตฟอร์มรูปแบบใหม่อย่าง Android One ที่ตะมอบประสบการณ์ของแอนดรอยด์ได้อย่างแท้จริง ที่ให้ประสิทธิภาพมากกว่า Nokia 6 ถึง 60% พร้อมกับกล้องอันทรงพลังจาก Zeiss รูปแบบใหม่ ที่จะเปลี่ยนคำวิจารณ์ของกล้อง Nokia ในยุคแอนดรอยด์ไปตลอดกาล และยังมากับระบบรักษาความปลอดภัยด้วยการสแกนลายนิ้วมือ บนวัสดุระดับพรีเมี่ยมที่ทนทานอย่างอลูมิเนียมที่คุ้นเคย.
สเปค
OS : Android One
CPU : Snapdragon 630
Ram : 4GB LPDDR4
Storage : 32GB withmicroSDup to 128GB
Display : Gorilla Glass 3 : 5.5″ Full HD IPS Display
Rear camera : 16MP PDAF with Zeiss Optics + Dual LED Flash + 4K Video
Front camera : 8MP
Material : Series 6000 aluminum unibody
Battery : 3,000 mAh
Price : 280 EUR (ประมาณ 10,808 บาท รวมภาษีทวีปยุโรป)
Nokia 7 Plus
สมาร์ทโฟนระดับกลางที่เน้นประสิทธิภาพเป็นหลักของ Nokia 7Plus รุ่นนี้ที่จัดเต็มเกือบทุกด้านเลยก็ว่าได้ ไมว่าจะเป็นการเลือกใช้หน้าจอขนาดใหญ่ในอัตราส่วน 18:9 ตามสมัยนิยมที่จะทำให้การทำงานของแอพ 2 หน้าจอนั้นเต็มตาและสะดวก แถมยังเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างอลูมิเนียมที่ถูกเคลือบด้วยเซรามิกอีกชั้น. ในส่วนของกล้องหลังนั้น Nokia 7Plus เลือกใช้กล้องคู่ 12MP(Normal) + 13MP(Tele Lens) ที่จะมาช่วยให้การซูมภาพในระดับ 2เท่านั้นไม่เสียรายละเอียดและยังถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการถ่าย Portrait อีกด้วยเช่นกัน และถ้ายังไม่จุใจนั้น Nokia 7Plus นั้นได้มอบประสบการณ์ที่คุ้นเคยกับแอพกล้องที่สามารถถ่าย Pro Mode ได้เหมือนดั่งเช่นวันวานที่ผ่านมา.
สเปค
OS : Android One
CPU : Snapdragon 660
Ram : 4GB LPDDR4
Storage : 64GB withmicroSDup to 256GB
Display : Gorilla Glass 3 : 6″ Full HD IPS Display : 18:9 ratio display
Rear camera : 12 MP (f/1.75, 1.4 µm) + 13 MP (f/2.6, 1.0 µm), dual pixel phase detection autofocus, 2x optical zoom, Carl Zeiss optics, dual-LED dual-tone flash, 4K Video
Front camera : 16 MP (f/2.0, 1.0 µm), Carl Zeiss optics, 1080p
Material : Series 6000 aluminum unibody
Battery : 3,800 mAh
Price : 400 EUR (ประมาณ 18,836 บาท รวมภาษีทวีปยุโรป)
Nokia 8 Sirocco
สมาร์ทโฟนที่อัดแน่นความพรีเมี่ยมสุดขีดของทาง Nokia ที่มีขื่อเรียกว่า Nokia 8 Sirocco ที่ถูกออกแบบด้วยเฟรมสแตนเลสที่มีความทนทานมากกว่าอลูมิเนียม และยังมาพร้อมกับกระจกหน้า-หลัง Gorilla Glass 5 ที่รับประกันความถึกทน. ในส่วนของกล้องหลังครั้งนี้ Nokia 8 Sirocco กลับมาพร้อมความโปรอีกครั้งด้วยความสามาารถใน Pro mode และกล้องคู่หลังแบบใหม่ที่จะทำให้การถ่ายภาพนั้นสนุกมากดั่งเช่นสมัยเมื่อนานมาแล้ว
สเปค
OS : Android Oreo
CPU : Snapdragon 835
Ram : 6GB LPDDR4x
Storage : 128GB UFS2.1 withmicroSDup to 256GB
Display : Gorilla Glass 5 : 5.5″ 2K P-OLED Display : 16:9 ratio display
Rear camera : 12 MP (f/1.75, 1.4 µm) + 13 MP (f/2.6, 1.0 µm), dual pixel phase detection autofocus, 2x optical zoom, Carl Zeiss optics, dual-LED dual-tone flash, 4K Video
Front camera : 5 MP (f/2.0, 1.4 µm), Carl Zeiss optics, 1080p
Material : Stainless Steel and Gorilla Glass 5
Battery : 3,800 mAh with Qi Wireless Charging
Price : 750 EUR (ประมาณ 28,950 บาท รวมภาษีทวีปยุโรป)
ซึ่งดูแล้วคาดว่า Nokia ยังเลือกที่จะเก็บสมาร์ทโฟนเรือธงแห่งปี 2018 นี้ไว้เปิดตัวในภายหลังอย่าง Nokia 9 หรือบางที Nokia 9 อาจไม่มีตัวตนก็เป็นได้. แต่อย่าลืมว่าเรือธงของปีนี้ต้องมาคู่กับ Snapdragon 845 สิ แล้ว Nokia จะนำรุ่นไหนมาใส่ Snapdragon 845 กันแน่ ? โปรดติดตามกันต่อไปกับพวกเรา TechHangOut ครับ.
Source Nokia