Nothing ได้เปิดตัว Nothing Phone (2) ที่เป็นรุ่นต่อจาก Phone (1) แล้ว และมีการปรับปรุงในทุกส่วน แม้รูปร่างจะเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าแต่ในรุ่นใหม่มีลักษณะโค้งที่ด้านหลังทำให้ง่ายต่อการจับ

หน้าตาไฟ Glyph ได้รับการอัปเดตด้วยและตอนนี้ประกอบด้วยแถบ LED ที่ถูกแบ่งออกเป็น 11 ส่วนด้วยโซนไฟ LED ทั้งหมด 33 โซน

Phone (2)Phone (2)

ตัวอย่างการใช้งานของไฟ LED Glyph ใน Nothing Phone (2) ได้แก่ ตัวบ่งชี้ระดับเสียง, การจับเวลา, การเรียกรถ, แจ้งเตือนแอป อีกทั้ง Nothing ยังเปิดเผย SDK และ API ของตัวเองให้กับนักพัฒนาด้วย ดังนั้นเราจึงคาดว่าจะเห็นการใช้งานที่ถูกคิดค้นเพิ่มเติมอีกในอนาคต

Nothing Phone (2)Nothing Phone (2)

ด้านซอฟต์แวร์ใช้เป็น Android 13 ที่ครอบด้วย Nothing OS 2.0 และทางบริษัทได้สัญญาว่าจะมีการอัปเดต Android OS 3 ครั้ง และมีการปล่อยแพทช์ความปลอดภัยทุกๆ 2 เดือนในระยะเวลา 4 ปี

สเปกของ Nothing Phone (2)

  • หน้าจอแสดง OLED LTPO 6.7 นิ้ว FHD+, รีเฟรชเรท 1-120Hz, อัตราสัมผัส 240Hz, HDR10+, สี 10-bit, ความสว่างสูงสุด 1,600 nits, ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5
  • ชิป Snapdragon 8+ Gen 1 พร้อม GPU Adreno 730
  • RAM LPDDR5 8GB พร้อมกับความจุ (UFS 3.1) 128GB, RAM LPDDR5 12GB พร้อมกับความจุ (UFS 3.1) 256GB / 512GB
  • Android 13 ที่ครอบด้วย Nothing OS 2.0
  • ซิมคู่ (nano + nano)
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 50MP (f/1.88) ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX890 ขนาด 1/1.56″, OIS
    • กล้อง ultra-wide 114° 50MP (f/2.2) เซ็นเซอร์ Samsung JN1, มาโคร 4cm, ถ่ายวิดีโอ 4K สูงสุด 60 fps, Live HDR ที่ 4K30 fps, Slo-mo (480 fps), Night Mode (1080p ที่ 30 fps), Action Mode
  • กล้องหน้า 32MP (f/2.4) เซ็นเซอร์ Sony IMX615
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
  • ลำโพงสเตอริโอ
  • ขนาดตัวเครื่อง: 162.1x 76.4x 8.6มม.; น้ำหนัก: 201.2 กรัม
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน (IP54)
  • รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6E 802.11ax (2.4GHz/5GHz) MIMO, Bluetooth 5.3, GPS, USB Type-C, NFC
  • แบตเตอรี่ 4,700mAh รองรับการชาร์จ 45W PPS, PD3.0, การชาร์จไร้สาย Qi 15W, การชาร์จย้อนกลับ 5W

Nothing Phone (2) มาในสีขาวและสีเทาเข้ม และเริ่มต้นที่ราคา

  • $599 (ราว20,000บาท) ในรุ่น 8/128GB
  • $699 (ราว24,000บาท) ในรุ่น 12/256GB
  • $799 (ราว28,000บาท) ในรุ่น 12/512GB

ซึ่งการวางขายอย่างเป็นทางการกำหนดไว้วันที่ 17 กรกฎาคม ผ่าน nothing.tech และคาดว่าจะวางขายในประเทศไทยในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

SOURCE1, SOURCE2