ในปีที่แล้ว เราได้เห็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลายๆแบรนด์ที่พยายามจะออกแบบดีไซน์ใหม่ๆ โดยเน้นเพิ่มขนาดหน้าจอโดยไม่เพิ่มขนาดตัวเครื่อง ทั้งกล้องหน้าแบบ pop-up, แบบสไลด์ รวมถึงแบบ flip และปีที่แล้ว Honor ก็ได้ผลิตกล้องหน้าแบบ punch hole บน Honor View 20 อีกด้วย
ล่าสุดนี้ OPPO และ Xiaomi กำลังพัฒนาสมาร์ทโฟนกล้องหน้าอยู่ใต้หน้าจอหรือแบบ under-display ซึ่งหน้าจอส่วนที่เป็นกล้องหน้านั้นสามารถแสดงภาพเหมือนหน้าจอได้ตามปกติในขณะที่ไม่ได้ถ่ายภาพอยู่ ทำให้มันกลายเป็นสมาร์ทโฟนไร้ขอบโดยค่อนข้างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
For those seeking the perfect, notchless smartphone screen experience – prepare to be amazed. ?
You are taking a very first look at our under-display selfie camera technology. RT! ? pic.twitter.com/FrqB6RiJaY
— OPPO (@oppo) June 3, 2019
ซึ่งนาย Brian Shen รองผู้บริหารของ OPPO ได้โพสต์วิดีโอข้างต้นลงบน Weibo เช่นกันพร้อมทั้งยังบอกอีกว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้กล้องใต้หน้าจอนั้นถ่ายภาพที่มีคุณภาพเหมือนกับกล้องบนหน้าจอ แต่อย่างไรก็ตามเรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวให้สมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ดีในตอนนี้ยังไม่มีการประกาศเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้บนสมาร์ทโฟนของ OPPO แต่อย่างใด
Xiaomi พยายามขโมยซีนจาก OPPO ?
ขณะเดียวกัน Xiaomi เหมือนกับได้พยายามขโมยความโดดเด่นดังกล่าวจาก OPPO โดยได้โพสต์วิดิโอหลังจากวิดิโอของ OPPO เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ซึ่งวิดิโอดังกล่าวเป็นการนำสมาร์ทโฟนตัวต้นแบบของเทคโนโลยีข้างต้น มาเปรียบเทียบกับ Mi 9 และนาย Lin Bin ผู้ร่วมก่อตั้ง Xiaomi ได้บอกผ่าน Weibo อีกว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะมาในเร็วๆนี้ แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเมื่อไหร่
Check this out from our R&D team! @Xiaomi continues to innovate and we have some exciting tech up our sleeves. RT if you love under display camera! #xiaomi pic.twitter.com/4Rlzt9uRAd
— Alvin Tse (@atytse) June 3, 2019
Xiaomi ก็ได้เพิ่มเติมอีกว่า เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ไม่ขึ้นกับใคร ซึ่งเป็นการกล่าวเป็นนัยๆว่าเทคโนโลยีของพวกเค้านั้นแตกต่างกับของ OPPO
ใน infographic ดังกล่าวยังบอกอีกว่าหน้าจอบนกล้องหน้าดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นเลนส์อีกด้วย และเทคโนโลยีนี้จะทำงานบนหน้าจอ AMOLED และการสลับจากหน้าจอไปเป็นกล้องจะไม่มีเสียงด้วย แต่ในตอนนี้เรายังไม่แน่ใจว่าหน้าจอส่วนนั้นจะสามารถสัมผัสได้หรือไม่ เราต้องจับตาดูกันต่อไปกับเทคโนโลยีตัวใหม่นี้ ว่าจะนำมาใช้จริงได้เมื่อไหร่
