AUDI ประเทศไทยได้เปิดตัว The New Audi A5” ทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ทั้งรุ่น Coupé และ Sportback นำเข้าจากเยอรมันในราคาเริ่มต้นเพียง 2.699 ล้านบาท พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษ ซื้อวันนี้ผ่อนสูงสุด 7 ปี เพียงเดือนละ 26,000 บาท เปิดรับจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ เป็นการเปิดตัวที่ค่อนข้างเรียกกระแสได้พอสมควรทั้งเรื่องของดีไซน์ งานออกแบบของรุ่นนี้รวมถึงเด่นๆเลยคือเรื่องของราคาที่ปรับลดมากกว่ารุ่นก่อนเกือบ 7 แสนบาท และยังมาพร้อมฟีเจอร์ ออฟชั่นภายในที่ดีขึ้นรวมถึงการตกแต่งข้างนอกที่ดีขึ้นด้วยเช่นกันครับ ครั้งนี้เปิดตัวมา 2 ตัวถังคือ Coupe และ Sportback แน่นอนว่าทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมออฟชั่นที่เหมือนกัน รวมถึงเครื่องเหมือนกันในแต่ละรุ่นย่อย เพราะว่าทำราคา และ ออฟชั่นมาเท่ากันแล้วแต่เลือกเลยว่าจะชอบตัวถังไหนครับถือว่าเป็นการจัดออฟชั่นที่ทำได้ดี ในงานเปิดตัวครั้งนี้ได้จัดสื่อละรอบครับ ทำให้เราได้อยู่กับแต่ละคันพอสมควร ซึ่งในรุ่นที่เอามาโชว์นั้นจะเป็น รุ่นละ 1 รุ่นย่อย คือในรุ่นสีดำจะเป็นตัว  The New Audi A5 Sportback 40 TFSI S line ที่มีราคา 2.699 ล้านบาท และ ในรุ่นสีเขียวตัว Coupe นั้นจะเป็นรุ่นท็อป A5 Coupé 45 TFSI quattro S line ที่มีราคา 3.599 ล้านบาท

EXTERIOR SPORTBACK 40 TFSI  S-Line

สำหรับ The New Audi A5 Sportback อาวดี้ ประเทศไทย นำเข้ามาให้ลูกค้าเลือก 2 รุ่นย่อย คือ รุ่นเริ่มต้น The New Audi A5 Sportback 40 TFSI S line และรุ่นท๊อป The New A5 Sportback 45 TFSI quattro S line Black Edition มาพร้อมเครื่องยนต์ Mild Hybrid แบบ 4 สูบเครื่องยนต์รุ่น 45 TFSI พร้อมเทอร์โบชาร์จรุ่นใหม่ ให้กำลังสูงสุด 249 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 370 นิวตัน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.0 วินาที ทำความ เร็วสูงสุด 250 กม./ชม ที่สามารถทำทั้งแรงม้าและแรงบิดได้ในช่วงรอบที่กว้างในลักษณะ Flat Torque ทำให้รถออกตัวดี ขับสนุก ช่วงล่างให้อารมณ์แบบสปอร์ตสร้างความตื่นเต้นและเร้าใจในการขับขี่ทั้งทางตรงและทางโค้ง มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ quattro with ultra technology ชุดตกแต่งภายนอกแบบ S line และ Black Edition ส่วน เครื่องยนต์ Mild Hybrid 40 TFSI ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 239 กม./ชม ส่วนในภาพคันสีดำนั้นเราจะเป็นตัว The New Audi A5 Sportback 40 TFSI S line

ในรุ่นสีดำนั้นจะเป็นตัว 40 TFSI S-Line ครับซึ่งในรุ่น Coupe และ Sportback นั้นจะตกแต่งเหมือนกันแน่นอนว่าใช้เครื่องยนต์ 2.0  TFSI เทอร์โบ Mild Hybrid 190 แรงม้า 320 นิวตันเมตร จะเห็นว่าในรุ่นนี้จะตกแต่ง ทริมแบบสีเงินทั้งหมด โครเมียมเป็นหลักจะแตกต่างกับตัว Black Edition ที่จะเป็นสีดำเข้ามาแทนครับ ส่วนในเรื่องจุดเปลี่ยน ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย จะเห็นได้ว่ามีความสวยและทันสมัยมากขึ้นได้ไฟหน้า  Matrix LED ที่มีระบบเปลี่ยนตามสภาวะการขับขี่ รวมถึงหลบให้หลบคันหน้าไม่แยงตาด้วยเป็นไฟที่ค่อนข้างฉลาดมากๆและเทคโนโลยีเน้นๆครับไฟหน้าตัวนี้ ส่วนทางด้านการตกแต่งจะเป็นแนวทาง S-line ทั้งหมด พร้อมสัญลักษณ์ในด้านข้างถือว่าเป็นชุดแพ็กเกจที่สวยและให้มาในตัวเริ่มต้นเลย รวมถึงทางด้านล้อปรับมาใช้งาน 19 นิ้วลายใหม่ 5 ด้านครับขนาดและดีไซน์โดยรวมนั้นกำลังสวยและลงตัวไปทางสปอร์ตหน่อยนั้นเอง ไฟเลี้ยวในด้านท้ายก็จะเป็นแบบไฟวิ่ง Dynamic และไฟหน้าแบบ Sequential ก็ใส่เข้ามาครับ ถือว่าดีไซน์ในภาพรวมรุ่นนี้ก็ยังให้แนวทางที่สปอร์ต และมีการตัดโครเมียมเข้ามาทำให้หรูอยู่ระดับนึงในตัวรถแนวนี้ครับ แต่ถ้าอยากได้ดุดันแบบสุดๆ ก็มีตัวเลือกในส่วนของ Black Edition เข้ามาก็จะสปอร์ตเน้นๆ

ส่วนในตัวระบบความปลอดภัยที่ใส่เข้ามาต้องบอกกันเลยว่าไม่มีพวกระบบ Active Safety มาให้เลยครับจะเป็นระบบพื้นฐานเช่นพวก ABS/EBD/ESC/ TCS/EPB/ Audi Hold Assist และถุงลม 6 ตำแหน่ง รวมถึงเซนเซอร์กะระยะ และ กล้องมองหลังแค่นั้นเลย จะไม่มีพวกแจ้งเตือนมุมบอด หรือ กล้องรอบคัน หรือระบบอื่นๆเลยอาจจะด้วยต้นทุนของตัวรถยนต์ที่นำเข้ามาทั้งคันเลยต้องพยายามทำราคาให้ต่ำด้วยเช่นกัน

INTERIOR SPORTBACK 40 TFSI  S-Line

ทางด้านภายในในรุ่นที่เราพรีวิวนั้นจะเป็นตัว ธรรมดาก่อนครับในตัวถัง Sportback  ซึ่งในรุ่นนี้จะไม่ได้มีซันรูฟอะไรครับ แต่จะเป็นการเปลี่ยนพวกฟีเจอร์ภายในรวมถึงหน้าจอต่างๆเข้ามาแทน ส่วนทางด้านงานออกแบบนั้นยังคงเหมือนกับรุ่นก่อนหน้ายังคงใช้ธีมการออกแบบเดิมไม่ใช่แบบใหม่ล่าสุดครับ ภายในที่เราพรีวิวนั้นจะเป็นสีน้ำตาลเบาะหนังสวยงามพอสมควร ฝาท้ายนั้นใช้งานระบบไฟฟ้า  พร้อมแบบเตะเปิดได้ ตัวเบาะในภาพรวมนั้นจะปรับไฟฟ้าคู่หน้าทั้งหมดพร้อม Memory รวมถึง มีระบบดันหลัง รูปทรงสปอร์ตใช้ได้ครับรุ่นนี้ ส่วนตัวเบาะด้านหลังก็สามารถพับได้เช่นกันครับ

พื้นที่ภายในนั้นถือว่าค่อนข้างกระชับพอดีตัวตัวเบาะนั้นนั่งสบายแบบกระชับพอสมควร ปีกด้านข้างโอบมากำลังดี และสามารถปรับเบาะได้ค่อนข้างเยอะทั้งระยะที่รองขา รวมถึงดันหลังต่างๆ จริงๆค่อนข้างแนวเบาะแบบนี้พอสมควรครับเพราะนั่งขับขี่ได้กระชับดีแต่พวกฟองน้ำอาจจะไม่ได้นุ่มแบบหลายๆค่ายก็ต้องบอกว่ามันคนละแนวกันไปเลย ส่วนพื้นที่ในการขับขี่นั้นตัวรถดูเหมือนเตี้ยแต่ก็ทำระยะการมอง พื้นที่  Headroom สำหรับผมที่สูง 180 ออกมาได้กำลังดีครับ เหลือเยอะเลยแหละและตัวเบาะนั่งลงไปตำแหน่งอะไรไม่ได้สปอร์ตมากเกินไปถือว่ากำลังดีครับตำแหน่งและตัวเบาะ เมื่อย้ายมาด้านหลังนั้นเราจะเห็นว่าพื้นที่อาจจะดูคับแคบไปหน่อย ด้วยการปรับตำแหน่งเบาะที่ด้านหน้านั่งสบาย แต่ด้านหลังนั้น อาจจะดูเล็กไปหน่อยพื้นที่วางขาและเหนือศรีษะครับ แต่ก็ไม่ได้ชนเพดานซะทีเดียวยังมีพื้นที่และพิงหัวได้อยู่ถือว่าไม่ได้แย่แต่ไม่ได้โล่งมากนัก ที่วางแขนมาพร้อมที่เก็บของ วางแก้วน้ำอะไรได้ รวมถึงตรงกลางสามารถปรับอุณหภูมิแอร์หลังได้ด้วย พร้อมหน้าจอดิจิทัล และ อุโมงค์กลางสูงพอสมควรครับตรงนี้อาจจะนั่ง 3 คนได้ลำบากนิดนึง รวมถึงไม่มีช่อง USB อะไรมาให้ด้านหลัง

งานออกแบบในห้องโดยสารนั้นยังคงใช้งานวัสดุ ธีมออกแบบ Silver Aluminium Ellipse สีเงินตัดกับสีดำน้ำตาลครับแน่นอนว่าธีมยังไม่ใช่ชุดออกแบบเหมือนรุ่นใหม่ๆเพราะรุ่นนี้ก็เป็นคล้ายๆ Minorchange นั้นเองครับเลยยังไม่ได้ยกภายในใหม่แต่ก็ถือว่าไม่ได้ตกยุคซะทีเดียวเพราะใส่ทั้งหน้าจอ Virtual Cockpit Plus  และ จอกลางมาให้ จัดเต็มเลยแหละ ปุ่มต่างๆนั้นยังคงมีมาให้เยอะทั้งแอร์ ตรงเกียร์รวมถึงตรงพวงมาลัยใช้งานได้ดีครับตำแหน่งอะไรวางไว้สะดวกพอสมควรพร้อมหัวเกียร์ทรงที่เราคุ้นเคยจากค่ายนี้ ที่วางแก้วน้ำมีมาให้ 2 ตำแหน่งด้านหน้า ส่วนตัวกระจกมองหลังนั้นมาพร้อมปรับแสงอัตโนมัติอยู่รวมถึงมีระบบ การขับขี่ที่สามารถปรับแต่งได้ครับ  Auto / Comfort / Dynamic และในรุ่นนี้จะเป็นไฟสีขาวสำหรับ AMBIENT LIGHT ตัวนี้ ปรับสีไม่ได้นะครับเพราะถ้าปรับสีได้จะเป็นรุ่น 45 นั้นเอง

บรรยากาศ พื้นที่ภายในห้องโดยสารนั้นถือว่ากำลังดีดูหรูและสปอร์ตไปในตัว มันดูหรูเพราะว่าด้วยการออกแบบใช้โทนสีของเบาะและการตัดขอบเงินหลายๆอย่างค่อนข้างลงตัวครับรวมถึงใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อนมากนัก แอร์ก็สามารถใช้งานแยกอิสระ 3-Zones และด้านหลังก็แม้จะดูเล็กแต่นั่งจริงๆก็มีพื้นที่อยู่บ้างในส่วน Headroom ครับ แต่อุโมงค์กลางสูงไปหน่อยนั้นเอง ตัวเบาะนั้นนั่งสบายกระชับพอดีเหมือนกันเบาะนุ่มกำลังดีจะออกไปในทางแน่นๆมากกว่านุ่มแบบย้วยๆครับ ทางด้านคอนโซลกลางสูงพร้อมกับหัวเกียร์ทรงที่เราคุ้นเคยจะเห็นว่าดูดีและใหญ่สะใจเอาเรื่องครับพร้อมกับไฟตกแต่งด้านข้างถือว่าชอบการออกแบบภายในและตำแหน่งการขับขี่พอสมควรทั้งตัวปุ่ม เกียร์อะไรต่างๆอยู่ในตำแหน่งที่พอดีมืออยู่ครับ

Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว และในรุ่นนี้ ไฟภายในห้องโดยสารของ The New Audi A5 Sportback  40 TFSI  S line เป็นไฟเรืองแสงสีขาวอย่างเดียวนะครับ ก็เป็นจุดที่ปรับเปลี่ยนเข้ามาในรุ่นใหม่นี้ทำให้รองรับการใช้งานได้ค่อนข้างดีครับ เป็นการนำทางแบบเต็มหน้าปัดรวมถึงปรับแต่งได้เยอะและในตัวหน้าจอกลางก็รองรับระบบสัมผัสและควบคุมสั่งงานได้ รวมถึงใช้งาน Android Auto Apple Carplay ได้ด้วย และตัวพวงมาลัยนั้นจะใช้งาน Multi function แบบสปอร์ตท้ายตัด และยังคงมี  Cruise Control และ Paddle Shift มาให้เล่นกันอยู่ครับรุ่นนี้

EXTERIOR COUPE 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

ชุดแต่งภายนอกของ A5 Coupé 45 TFSI quattro S line มาพร้อมความสปอร์ตดุดันแบบ Black Edition ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ที่มีความเฉียบคมทำให้ดูมีความทันสมัยยิ่งขึ้น และได้รับการอัพเกรดชุดไฟเป็นแบบ Matrix LED ปรับการส่องสว่างแบบอัจฉริยะ โดยจะไม่รบกวนสายตารถที่วิ่งสวนมา พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Dynamic อันเป็นเอกลักษณ์ของ Audi การออกแบบประตูหลังและไฟท้ายที่เรียวยาว  มาพร้อมช่วงล่างแบบ Sports พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงหน้า-หลัง ภายในห้องโดยสารโปร่งสบายด้วยหลังคา พาโนรามิคเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อและจัดเต็มในหลายๆจุดมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งเรื่องของกระจังหน้าสีดำ ตกแต่งดูสปอร์ตมากขึ้นครับ

ภายนอกในรุ่นท็อปหรือว่า 45 quattro S-Line Black Edition นั้นจะเป็นการตกแต่งที่ดูแรงขึ้นตั้งแต่เห็นเลยทั้งเรื่องของกระจังหน้า การเล่นธีมสีดำทั้งหมดรวมถุึง สัญลักษณ์ Quattro ในตรงกระจังหน้าด้วยครับเพราะรุ่นนี้จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แน่นอนว่าทั้ง 2 ตัวถังตกแต่งเหมือนกันนะครับเอาเป็น Ref ได้ทั้งคู่ ในรุ่นนี้เราจะได้ชุดแต่ง BlackEdition ทั้งคันพร้อมกับหลังคา Panoramic ด้วยครับและยังตกแต่งภายนอกภายในแบบ สปอร์ตทั้งหมดเลยและในภาพที่เราเห็นจะเป็นสีเขียวใหม่สวยงามจริงๆทั้งโทนสีและเนื้อสีของมันครับ ตัดกับสีดำได้ค่อนข้างลงตัวเลยแหละ

จุดที่พอสังเกตเด่นๆจะเป็นตัวลายล้อ 5 ก้าน 5-Cavo-Spoke พร้อมกับ เบรคคาลิปเปอร์สีแดงสดทั้ง 4 ล้อทำให้รู้เลยว่าตัวแรงแน่นอนครับแต่ไม่ได้มีเขียนอะไรตรงตัวเบรค ช่วงล่างก็ใช้งานแบบ Sports เข้ามาด้วยเช่นกันนอกจากเครื่องและระบบขับเคลื่นที่ต่างแล้วนะครับ ส่วนตัวไฟหน้าไฟท้ายนั้นเหมือนกันทั้ง 4 รุ่นย่อยมาพร้อมกับไฟหน้า ไฟท้ายแบบใหม่พร้อม  Matrix LED และ Sequential สวยงามครับ ก็ถือว่าเป็นส่วนต่างที่เพิ่มเข้ามาจากรุ่นปกติ ทั้งการตกแต่ง ช่วงล่าง งานออกแบบภายนอกภายใน หลังคากระจก รวมถึง ระบบขับเคลื่อนอันนี้สำคัญเลยและเครื่องยนต์ที่แรงขึ้น

INTERIOR COUPE 45 TFSI quattro S-Line Black Edition

ภายในในรุ่น 45 นั้นจะมีการตกแต่งอะไรแตกต่างกับรุ่นปกติเป็นจุดเล็กๆน้อยครับ เช่นในเบาะนั่งคู่หน้าหุ้มหนัง Fine Nappa แบบ S sports ตกแต่งด้วยลาย diamond cut พร้อมสัญลักษณ์ S line และ มาพร้อมกับฟังก์ชันนวดเพื่อการผ่อนคลาย รวมถึง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัดพร้อม Paddle shift ให้ความสะดวกสบายกับผู้ขับขี่ด้วยระบบเปลี่ยนเกียร์จากพวงมาลัย ระบบข้อมูลและความบันเทิงที่ล้ำสมัย ภายในห้องโดยสารออกแบบอย่างประณีต  พิถีพิถันในการคัดเลือกวัสดุคุณภาพสูง ตอบสนองทั้งอารมณ์สปอร์ตและเสริมความหรูหราผ่านอุปกรณ์ทันสมัย  ได้รับการออกแบบให้ภายในห้องโดยสาร มีความสะดวกสบาย เอื้อต่อการขับขี่มากที่สุดโทนสีภายในรุ่นนี้จะเป็นสีดำเงินครับจะออกแนวสปอร์ตมากกว่า และดูเรียบมากกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวถังสีข้างนอกอีกทีนะครับส่วนภายใน และวัสดุสีเงินนั้นจะเป็น Matte Brushed Aluminium ด้วยเช่นกันรวมถึงเบาะหนัง Fine Nappa

ในส่วนของภายในรุ่นนี้แน่นอนว่าทั้ง 2 ตัวถังนั้นจะเป็นงานออกแบบเดียวกันทั้งหมดแต่จะแตกต่างกันคือรุ่น 40 และ 45 นั้นจะมีความแตกต่างกันในรายละเอียดหลายๆอย่างครับ ในภาพบทความเราจะเห็นทั้ง 2 แบบคือในตัว Coupe นั้นจะเป็นภายในแบบท็อปสุดในราคา 3.599 ที่จะตกแต่งอะไรมากขึ้น พร้อมกับลำโพงอะไรที่ใช้ของ Bang & Olufsen และการเก็บลวดลายเบาะ ตามที่หุ้มหนังที่แตกต่างกว่าเดิมครับ ส่วนความรุ้สึกเวลาขับขี่นั้นไม่ได้แตกต่างกันเวลานั่งตำแหน่งอะไรนั้นจะเหมือนกันทั้ง Sportback  และ Coupe เลยครับและในเรื่องของสีไฟภายในถ้ารุ่นธรรมดาจะเป็นไฟสีขาวทั้งหมด แต่ถ้ารุ่น 45 นั้นจะสามารถปรับแต่งไฟได้ด้วยครับหลากหลายสีเลยทีเดียว ปุ่มควบคุมพวงมาลัยอะไรให้มาครบ พวงมาลัยตัดท้ายเหมาะสำหรับรถเตี้ยแบบนี้เข้าออกได้สะดวกขึ้น และ ภายในนั้นในภาพรวมแม้จะไม่ได้ใช้งานธีมออกแบบใหม่แบบพวก A6 แต่ก็ถือว่ายังมีความสวยและทันสมัยอยู่บ้าง แต่ถ้าเอามาเทียบกับรุ่น A6 ก็อาจจะดูย้อนยุคไปนิดหน่อยครับ แต่เหมือน AUDI นั้นจะเข้าใจเลยใส่หน้าปัดดิจิทัลมาเน้นๆเต็มทดแทนให้ รวมถึงใส่ฟีเจอร์หน้าจออะไรเข้ามาเยอะขึ้นกว่าเดิมให้ครับ ก็ถือว่ายังใช้งานได้และทันสมัยอยู่บ้างตรงนี้

Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียมจากแบรนด์ดังระดับโลก Bang & Olufsen ไฟภายในห้องโดยสารของ The New Audi A5 Coupé 45 TFSI quattro S line Black Edition เป็นไฟเรืองแสงแบบปรับสีได้ (Contour / ambient lighting) มีให้เลือกถึง 30 สี ก็เป็นจุดที่ปรับเปลี่ยนเข้ามาในรุ่นใหม่นี้ทำให้รองรับการใช้งานได้ค่อนข้างดีครับ เป็นการนำทางแบบเต็มหน้าปัดรวมถึงปรับแต่งได้เยอะและในตัวหน้าจอกลางก็รองรับระบบสัมผัสและควบคุมสั่งงานได้ รวมถึงใช้งาน Android Auto Apple Carplay ได้ด้วย

PRICE 

ส่วนทางด้านราคาเปิดราคามาที่ 2.699 ล้านบาท พร้อมสีใหม่ District green สวยงามเลยทีเดียว และที่ชอบค่ายนี้คือ นำเข้าเยอรมัน ทั้งคันด้วย แต่ทำราคาได้ดีขึ้นเยอะมาก ถูกกว่าเดิม 6-7 แสนเลยครับและออฟชั่นก็ทำได้ดีขึ้นด้วยครับผม ทั้งเรื่องของหน้าจอ  Virtual Cockpit Plus ขนาด 12.3″ และ ตรงหน้าจอกลาง  MMI Radio Plus (MMI touch) ขนาด 10.1 นิ้ว รวมถึงงานออกแบบทั้ง ล้ออัลลอย 19 นิ้ว และ ชุด S-line รอบคัน ไฟหน้าแบบ Matrix LED และอีกมากมายครับที่ได้ใส่เข้ามาแตกต่างกับรุ่นเดิมแต่ราคาทำเอาหลายๆคนให้ความสนใจครับ

AUDI A5 SPORTBACK 

  • A5 Sportback 40 TFSI S-Line 2,699,000 บาท (ขับหน้า)
  • A5 Sportback 45 TFSI quattro S-Line Black Edition 3,599,000 บาท ( ขับ4 )

AUDI A5 COUPE

  • A5 Coupe’ 40 TFSI S-Line 2,699,000 บาท (ขับหน้า)
  • A5 Coupe’ 45 TFSI quattro S-Line Black Edition 3,599,000 บาท  ( ขับ4 )

สีตัวถังภายนอก COUPE / SPORTBACK นั้น มีสีให้เลือก 6 สี District Green, Glacier White, Mythos Black, Quantum Grey, Tango Red และ Navarra Blue ส่วนเครื่องยนต์ Mild Hybrid รุ่น 40 TFSI ให้กำลังสูงสุด190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.3 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. มีให้เลือก 4 สี คือ Glacier White, Mythos Black, Quantum Grey และ Navarra Blue //// รับประกัน Warranty 5 ปี หรือ 150,000 km. พร้อม 24hr Road-side Assistant บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี

AUDI A5 COUPE TFSI / SPORTBACK TFSI 

ก็ถือว่าเป็นการทำราคาที่ค่อนข้างดีถ้าเรามองในแง่ของค่ายรถยนต์ที่นำเข้ามาทั้งคันแบบ CBU นำเข้าจากเยอรมันแน่นอนว่าเข้าใจเลยว่าทางแบรนด์นั้นพยายามกดราคาให้จับต้องได้ง่ายขึ้น รวมถึงการใส่ฟีเจอร์ ออฟชั่นเข้ามามากขึ้นกว่าเดิมแต่ทำได้ในราคาที่ถูกกว่าเดิมเกือบ 7 แสนเมื่อเทียบกับราคาก่อนหน้าแน่นอนว่าเหมาะสำหรับคนที่อยากหันมาใช้ค่ายนี้และรวมถึงสาวกด้วยก็ตามทำให้ได้ราคาที่ต้องบอกว่าคุ้มค่ามากขึ้น ได้การขับขี่สไตล์แบรนด์นี้และหน้าตาอะไรสวยลงตัวขึ้นครับ แต่ก็อาจจะต้องยอมว่าพวกฟีเจอร์อะไรนั้นหายไปค่อนข้างเยอะอันนี้ก็แล้วแต่ว่าจะรับได้ไหมครับพวกออฟชั่นที่ไม่ได้ใส่เข้ามาพวกระบบความปลอดภัย  Active Safety  พวก Adaptive cruise control หรือ Blind spot พวกนี้ทั้งชุดไม่ได้ยกมาใส่เพราะถ้าใส่มาราคาอาจจะไม่ได้น่าเล่นแบบนี้ครับก็ต้องยอมแลกกันไป แต่ก็ถือว่าดีมากๆที่เราได้หน้าจอVirtual Cockpit Plus ขนาด 12.3″ และ ตรงหน้าจอกลาง  MMI Radio Plus (MMI touch) ขนาด 10.1 นิ้ว รวมถึงการตกแต่ง รอบคันที่ค่อนข้างสวยและในหลายๆจุดรวมถึงไฟหน้าท้ายแบบใหม่มาแทนครับ รวมถึงในเรื่องของสีก็สวยงามพอสมควรเลยแหละ ส่วนการขับขี่เครื่องยนต์  พ่วงเทอร์โบ Mild Hybrid ในรอบนี้ก็อาจจะต้องดูว่าเหมาะกับเราไหมนั้นเอง แต่ถ้ารับได้ตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและราคาดีมากๆ

สำหรับพรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget