iPhone ได้ทำการเปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่ไปแบบเงียบๆในเว็บไซต์เมื่อเดือนที่แล้ว แน่นอนว่าหลายๆคนนั้นน่าจะพอทราบข่าวกันเพราะว่าแม้จะเปิดตัวแบบเงียบๆแต่มันกลับสร้างกระแสได้อย่างมากในวงการมือถือและคนทั่วไปเพราะมันเป็น iPhone ที่มีราคาถูกที่สุดตั้งแต่ที่เคยเปิดตัวมาเลยครับ และที่มันทำได้น่าสนใจมากขึ้นคือมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบใหม่ล่าสุดคือ Apple A13 Bionic 64-bit, Neural Engine 8-core และมาในบอดี้เดิมเลยครับ ต้องบอกว่าบอดี้เดิมเพราะทุกส่วนคือเอาอะไหล่ตัวก่อนๆมาใช้ทั้งหมดคือหน้าตาของเจ้า iPhone 8 ที่คุ้นเคยกันแต่ยกเครื่องใหม่เท่านั้นเอง และมีการเปลี่ยนกล้องอะไรนิดหน่อยให้ทันสมัยขึ้นด้วยเช่นกันครับ อีกทั้งยังคงรองรับการใช้งานชาร์จไร้สาย และ กันน้ำได้เหมือนเดิม และ ดีไซน์พาเรากลับไปยุคที่ยังมีปุ่ม Home อยู่ครับ

ด้วยการเปิดราคามาเริ่มต้นแค่ 14,900 บาททำให้มันเป็น iPhone ที่เปิดราคามาถูกที่สุดทันทีรวมถึงมาพร้อมสเปกที่แรงไม่น้อยหน้า iPhone 11 เลยครับรวมถึงสเปกอื่นๆที่ให้มาก็ใช้งานได้สบาย พร้อมกับได้ใช้ iOS ในราคาที่จับต้องได้ง่ายทำให้กระแสเรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มมากๆ ทางด้าน iPhone SE 2020 นั้นมาพร้อมกับ  ใช้เป็นชิปเซ็ต A13 Bionic รุ่นเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max โดยเจ้า SE จะมีความจำภายในให้เลือก 3 รุ่นคือ 64GB, 128GB และ 256GB กล้องหลังของมันจะมีเพียงตัวเดียว โดยมันเป็นเลนส์กว้างที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งมันมีฟีเจอร์ที่สามารถถ่ายวิดีโอได้โดยการกดปุ่มถ่ายภาพนิ่งค้างไว้เท่านั้น อีกทั้งยังสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียดอยู่ที่ 7 ล้านพิกเซลและสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด 1080p หน้าจอ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้วที่ยังคงมีระบบสัมผัสโดยใช้แรงกดอย่าง Haptic Touch และยังคงมีปุ่มโฮมสำหรับสแกนนิ้วอยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอ ส่วนบอดี้ของมันจะใช้เป็นอลูมิเนียมและกระจก นอกจากนี้ตัวเครื่องของมันยังกันน้ำและกันฝุ่นอีกด้วย และที่เด่นๆคือรองรับ WIFI 6 + GIGABIT LTE

มันจะมีให้เลือก 3 สีคือสีขาว ,ดำ และ (PRODUCT) RED ซึ่งรายได้จากการขาย iPhone สีแดงจะนำไปบริจาคให้การกุศลเหมือนเดิม ซึ่งราคาของเจ้า iPhone SE 2020 นั้นจะมาพร้อมกัน 3 รุ่นย่อย

  • 14,900 บาท ในรุ่นความจำ 64 GB
  • 16,900 บาท ในรุ่นความจำ 128GB
  • 20,900 บาท ในรุ่นความจำ 256GB

UNBOX

ตัวกล่อง iPhone นั้นยังคงงานออกแบบเหมือนกับรุ่นอื่นๆของค่ายครับมาพร้อมกับกล่องสีขาว พร้อมกับตัวเครื่องบอกรุ่นแค่นั้นไม่ได้มีเขียนอะไรในส่วนข้างหน้าและในด้านข้างก็เขียนแค่ชื่อ iPhone เท่านั้นครับไม่ได้บอกรุ่น หรือว่า iPhone SE 2020อะไรเลย ส่วนอุปกรณ์ในกล่องนั้นให้มาเหมือนเดิมที่เราคุ้นเคยทั้ง หูฟัง ที่ชาร์จแบบ 5W พวกนี้

  • iPhone SE 2020
  • ที่ชาร์จสาย USB-A ไป Lighting
  • Adaptor ชาร์จไฟ 5w
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
  • หูฟังแบบ Lighting
  • ไม่มีตัวแปลงรู 3.5 มม. มาให้

ที่ชาร์จนั้นยังคงให้มาเป็นที่ชาร์จที่เราคุ้นเคยกันมานานพร้อมกับหัวแบน ทรงสี่เหลี่ยมพร้อมการรองรับ 5W เท่านั้นถือว่าค่อนข้างช้ามากๆเมื่อเทียบกับยุคสมัยนี้ และ ความไวในการชาร์จนั้นช้ามากๆในการใช้งานจริงของรุ่นนี้ครับ

DESIGN

งานออกแบบนั้นต้องบอกว่ามันคือ iPhone 8 เลยครับเป๊ะๆมากๆมีแค่เรื่องของสีใหม่ที่ฝาหลังสีขาว หน้าจอสีดำเข้ามาเพราะในรุ่นก่อนๆจะเป็นฝาหลังขาว ฝาหน้าขาวครับ เพราะฉะนั้นรุ่นนี้สีขาวจึงเป็นตัวที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆมากที่สุดเพราะหน้าดำหลังขาว ส่วนวัสดุงานออกแบบยังคงทำได้ดีฝาหลังกระจก ขอบเครื่องอลูมิเนียมพร้อมกับ กล้องตัวเดียวและหน้าจอแบบ 16:9 ที่มีขอบหนาทั้งบนและล่างรวมถึงสแกนนิ้วตรงปุ่มโฮมนั้นยังคงใส่เข้ามาครับไม่มีสแกนใบหน้าแบบรุ่นใหม่ๆ และขนาดนั้นเล็กมากๆเมื่อเทียบกับมือถือยุคใหม่ๆ แต่ก็ต้องบอกว่ายังมีหลายๆคนนั้นชอบมือถือที่เล็ก และพกพาง่ายแบบนี้อยู่

ด้านหน้านั้นมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.7 นิ้วมาในความละเอียดแบบ HD เท่านั้นครับและมีอัตราส่วนแบบเก่าคือ 16:9 มีขอบหนาๆทั้งบนและล่างพร้อมกับ ลำโพงและกล้องหน้ารวมถึงปุ่มโฮมก็ใส่มาให้ พร้อมกับ 326 ppi display, 1400:1 contrast ratio, 625 cd/m2 ความสว่างสูงสุด

ส่วนขอบด้านบนมีความหนามากๆพร้อมกับกล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล  (f/2.2) พร้อม เซนเซอร์ และ ลำโพงสำหรับการคุยครับ การวางตำแหน่งอะไรคือแบบเดียวกับ iPhone 8 เลยนั้นเองครับ

ขอบด้านล่างนั้นจะเป็นปุ่มโฮมทรงกลมที่ห่างหายไปนานครับครั้งนี้กลับมาแล้วเป็นแบบระบบสัมผัสเช่นเดิมคือเป็นปุ่มหลอกกดแล้วจะมีแรงสั้นกลับมาไม่ใช่ปุ่มจริงๆนะครับ และรองรับ Touch ID ปกติเลย

ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็นสีเงินด้านสวยงามและไม่ได้มีรูไมค์ตัดเสียงอะไรหรือพอร์ตอะไรเลยครับด้านบน เราจะเห็นว่าตัวเครื่องค่อนข้างแบนเรียบปกติ กล้องนูนขึ้นมานิดหน่อยครับกำลังดีไม่เยอะเกินไป

ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเห็นว่ามีตัวพอร์ต Lighting และ ช่องไมค์ และ ลำโพงหลังแยกข้างกันครับ จะไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.ครับ

ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power เท่านั้นเลยและ มีถาดซิมสำหรับการใส่ซิมแบบช่องเดียวแต่รุ่นนี้สามารถใส่ใช้งาน eSIM ได้ด้วยนะครับ ก็เป็นรองรับได้ 2 ซิม มีซีลกันน้ำเรียบร้อย

ส่วนด้านซ้ายจะเป็นเพิ่ม ลดเสียง พร้อมกับ แถบสไลด์ที่ไว้ปรับโหมดเสียงแบบ เงียบ หรือ ดังนั้นเองที่เราคุ้นเคยกันเป็นเอกลักษณ์สำหรับค่ายนี้มานานมากๆ ยังคงมีมาให้ใช้งานกัน

ฝาหลังนั้นเป็นสีขาวสวยงามเนียนๆพร้อมโลโก้รูปทรงโดยรวมนั้นเล็กมากๆเมื่อเทียบกับมือถือสมัยใหม่ยุคนี้ครับและฝาหลังเรียบๆไม่ได้มีการเล่นเงาแสง หรือ สีแบบพวก Android สมัยนี้เท่าไรเลยครับสีเดียวเรียบๆ คลีนๆเลย

ด้านหลังนั้นจะเป็นกล้องเดี่ยวพร้อมไฟแฟลช รวมถึงจะเห็นรูไมค์ตัดเสียง อัดเสียงใส่มาให้ด้วยในข้างๆกล้องครับพร้อมไฟแฟลชในรุ่นนี้จะเป็นไฟแฟลชแบบ 2 สีด้วยเช่นกัน กล้องหลังให้มาที่ 12MP (f/1.8), OIS, แฟลชแบบ True Tone, ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ที่ 60 fps, ถ่าย Slow‑mo ความละเอียด 1080p ได้ที่ 240 fps ครับ รองรับการถ่าย Portrait แบบจับใบหน้าคน รวมถึงไม่มีโหมดกลางคืนนะครับรุ่นนี้

SPEC 

  • หน้าจอ IPS ขนาด 4.7 นิ้ว (1334 x 750 พิกเซล)  326 ppi display, 1400:1 contrast ratio, 625 cd/m2 max brightness
  • ชิปเซต A13 Bionic 64-bit, Neural Engine 8-core
  • Ram 3GB + Storage 64GB, 128GB และ 256GB
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 13
  • ซิมคู่ (nano + eSIM)
  • กันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน (IP67)
  • กล้องหลังซึ่งเป็นเลนส์กว้าง 12MP (f/1.8), OIS, แฟลชแบบ True Tone, ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ที่ 60 fps, ถ่าย Slow‑mo ความละเอียด 1080p ได้ที่ 240 fps
  • กล้องหน้า 7MP (f/2.2), ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด 1080p
  • ปุ่มสแกนนิ้ว TouchID
  • ลำโพงสเตอริโอแบบ Built‑in
  • ขนาดตัวเครื่อง: 138.4x 67.3×7.3mm; น้ำหนัก:148กรัม
  • 4G LTE สูงสุด 1.6Gbps, Wi‑Fi 6, Bluetooth 5.0, NFC พร้อมโหมด reader, GPS พร้อม GLONASS
  • แบตเตอรี่ lithium-ion  1,820 mAh ชาร์จเร็ว 18W (หัวชาร์จในกล่องรองรับแค่ 5W) และรองรับชาร์จไร้สายแบบ Qi

ทดสอบเกม

SCREEN

ทางด้านหน้าจอนั้นมาพร้อมกับหน้าจอ 4.7 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ 16:9 แบบเดียวกับตัว iPhone 8 ครับ มาพร้อมกับ 326 PPI ที่มีความหนาแน่น เป็นหน้าจอแบบความละเอียด HD เท่านั้นครับแน่นอนว่าหน้าจอจะดรอปกว่า iPhone 8 แน่นอนครับจะเป็นหน้าจอแบบตัว HD เท่าๆกับ iPhone XR-iPhone 11 นั้นเอง ต้องบอกตรงๆว่าเรื่องของการสัมผัสนั้นไม่ได้แพ้เรือธงรุ่นพี่เลยครับเรื่องสัมผัสอะไรค่ายนี้ไว้ใจได้แน่นอน แต่ถ้าเรื่องของความละเอียดนั้นถ้าใครที่ย้ายมาจาก Android พวกที่หน้าจอ 4K 2K พวกนี้แน่นอนว่าเมื่อแรกจับรู้สึกได้ชัดเจนครับในความคมสวยงาม แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องหน้าจอมาก ใช้งานทั่วไปสู้แสงได้ระดับนึงตัวนี้ก็เพียงพอครับ แต่ที่ติดๆจะเป็นเรื่องของปัญหาในตัวขนาดมากกว่าเพราะยุคนี้หลายๆคนน่าจะชินหน้าจอใหญ่ไปแล้ว แต่ถ้ารับเรื่องขนาดได้ก็ตัดปัญหาไปครับ

CAMERA 

ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นตัวนี้เป็นกล้องตัวเดียวครับมาพร้อมกับความละเอียด 12MP (f/1.8), OIS, แฟลชแบบ True Tone, ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ที่ 60 fps, ถ่าย Slow‑mo ความละเอียด 1080p ได้ที่ 240 fps ซึ่งเป็นกล้องตัวเดียวครับแน่นอนว่าตัวเดียวก็ยังถือว่าน้อยไปเมื่อเทียบกับยุคสมัยนี้และราคานี้ เพราะไม่มีเลนส์มุมกว้างหรือเทเลอะไรครับรวมถึง ในเรื่องของการถ่ายนั้นรองรับการถ่ายหลากหลายเช่นกันพร้อมกับมีฟีเจอร์ในการถ่ายละลายหลัง Portrait Mode ด้วย และเป็นการจับละลายหลังโดยใช้ใบหน้าคนแบบตัว iPhone XR ครับ ส่วนเรื่องของการถ่ายโหมดกลางคืนนั้นไม่รองรับไม่มีมาให้นะครับ แอบเสียดายนิดนึงในจุดนี้ แต่ภาพที่ได้สวยงามขึ้นจากเดิมแม้จะใช้กล้องตัวเดียวกับ iPhone XR แต่ด้วย CPU ที่ดีขึ้นอาจจะมีผลให้ประมวลภาพได้ดีขึ้นเยอะพอสมควรเลยครับตัวนี้

iPHONE SE 2020

iPhone นั้นต้องบอกว่าเปิดตลาดมาตีมือถือในเรทราคา 15K ได้ดีมากๆครับตีตลาดคนชอบจอเล็ก งบไม่เยอะ อยากได้ iPhone IOS ใช้งานนานๆ กันน้ำกันฝุ่น ไม่เน้นกล้อง จออะไรมาก เน้นลื่นๆเร็วแรง พร้อมกับชาร์จไร้สาย ได้รวมถึงยังชอบอัตราส่วนหน้าจอแบบเก่า ตัวนี้คือตอบโจทย์ที่สุดครับ ใช้งาน 3 ปีขึ้นไปก็อัปเดตได้ไม่ลอยแพ แน่นอนว่ามันเป็นจุดขายของค่ายนี้ และ ตัวแบรนด์ของมันที่ขายได้ด้วยตัวเองแต่มาในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้นไม่แปลกใจเลยถ้ามันจะขายดี ส่วนถ้าคนที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ เปลี่ยนมือถือบ่อย ชอบเทคโนโลยี กล้อง จอ พวกนี้แน่นอนว่า iPhone SE ไม่ตอบโจทย์แน่นอนครับเพราะ Android ในเรทนี้ มีกล้องเยอะกว่า จอสวยกว่า ชาร์จไวกว่าเยอะมาก ถ้านับเรื่องฟีเจอร์ เทคโนโลยีทุกส่วนของ iPhone SE คือการนำของเก่ามาขายใหม่แต่เปลี่ยน CPU แค่นั้นเลยจริงๆ เลยไม่ได้เน้นเรื่องฟีเจอร์อะไรมาก แต่ขายความเป็น Apple ที่ราคาถูกที่สุด พร้อม CPU ที่แรงที่สุดในบรรดามือถือตอนนี้ ก็ต้องบอกว่าแล้วแต่ชอบเลยครับว่าจะเน้นอะไร ตอบโจทย์ไหม ทั้งเรื่องกล้อง หน้าจอ ขนาดของมันนั้นเอง

สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Preview by Nineztr