OPPO ได้เปิดตัว Reno2 Series มาหลากหลายรุ่น แต่ในรุ่นที่จับต้องได้ง่ายที่สุดคงจะหนีไม่พ้น Reno2 F ครับเพราะด้วยสเปคและตำแหน่งของมันนั้นทำออกมาได้ดีจับต้องได้ง่ายในราคาที่ไม่แรงเกินไปอีกทั้งยังได้กล้อง 4 ตัว 48MP และ งานประกอบวัสดุแบบเดียวกับกับรุ่นอื่นๆเลยถือว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาได้สวยและพรีเมี่ยมอีกรุ่นนะ คือได้ดีไซน์แบบเดียวกับรุ่นเทพๆของมันเลยความเงาของฝาหลัง การวางกล้องรวมถึงวัสดุใช้งาน Gorilla Glass 5 ด้วย ทางด้านสเปคก็ให้มาดีพอสมควร ทั้งในตัวหน่วยความจำแบบ UFS และ RAM 8GB ส่วนเด่นจริงๆคงจะเป็นกล้องหน้าหลัง และ หน้าจอแบบเต็มตาไม่มีติ่งหน้าจอด้วยครับในรุ่นนี้ ก็ต้องมาลุ้นกันว่าราคาจะเท่าไรกันในรุ่นนี้
OPPO Reno2 F นั้นจะเป็นซีรีย์ที่หลายๆคนคาดกันว่าจะมาแทน F ก่อนหน้าครับแน่นอนว่ามันเป็นรุ่นที่น่าจะจับต้องได้ง่ายที่สุดในบรรดา Reno2 เลยแหละและมันได้ความพรีเมี่ยมและกล้องโหดๆแบบรุ่นพี่มันมาครบๆเลยทำให้มันน่าสนใจมากครับเด่นๆของมันคือการออกแบบที่สวยทุกมุมมอง วัสดุสวย งานประกอบเนียนเป็นจุดเด่นเลย อีกทั้งเรื่องกล้องหน้า 16MP เป็นกล้องหน้าแบบ Rising Camera พร้อมกับมีไฟ Atmosphere Light กล้องหลังก็จัดเต็มมาให้ครับ 48MP (f/1.7) + 8MP (f/2.2) + 2MP (f/2.4) + 2MP (f/2.4), Ultra Night Mode 2.0 ทางด้านสเปคนั้นจะใช้งาน MTK P70 + RAM 8GB + STORAGE UFS 2.1 128GB และใช้งานแบต 4,000 mAh รองรับการชาร์จไว VOOC 3.0 ถือว่าค่อนข้างจัดเต็มในแง่ของกล้องและเทคโนโลยีการออกแบบ การชาร์จ ส่วนหน้าจอนั้นก็ใช้งานหน้าจอแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) ขนาด 6.5 นิ้ว และ ครอบทับด้วย Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเลยครับถือว่าค่อนข้างดีเลยวัสดุของมันในรอบนี้
สำหรับ OPPO Reno2 F นั้นจะเปิดตัวในไทยวันที่ 9 ตุลาคมมาพร้อมกับ สี Sky White/ Lake Green ความจุ RAM 8 GB / STORAGE 128 GB ครับ ส่วนราคายังไม่ประกาศแต่น่าจะหมื่นต้นๆครับ
UNBOX
ตัวกล่องนั้นยังคงมาในลักษณะแนวยาวๆแบบเดิมครับอุปกรณ์ให้มาค่อนข้างจัดเต็มทั้งเรื่องของเคสและฟิลม์ติดมาให้เรียบร้อยและมีหูฟังมาให้ครับส่วนตัวชาร์จก็ให้ตัว VOOC 3.0 มาให้เลยเรียกได้ว่าอุปกรณ์ในกล่องนั้นครบ
- ตัวเครื่อง OPPO Reno2 F
- เคสใสนิ่ม TPU
- ฟิลม์กันรอย ติดมาเรียบร้อย
- สายชาร์จ USB-C
- Adaptor VOOC 3.0
- หูฟัง 3.5มม.
- ที่จิ้มซิม คู่มือ
ตัว Adaptor นั้นให้มาเรียบร้อยพร้อมใช้งานรองรับ VOOC 3.0 เลยครับผมเป็นหัวแบบที่คุ้นๆกันดีพร้อมกับขาแบน 2 ขาครับ ส่วนตัวสายก็เป็น USB-A ไป USB-C ปกติเลย และในด้านของหูฟังนั้นให้มาด้วยพร้อมกับ ปุ่มควบคุม และทรงที่อาจจะคุ้นเคยกันดีครับ ใส่ง่ายสบายไม่หนักและไม่อึดอัดครับเป็นสายแบบ 3.5มม. อยู่นะครับในรุ่นนี้
เคสที่ให้มาเป็นเคส TPU ใส ข้อดีคือตัวเคสค่อนข้างนิ่ม เเละ สามารถโชว์ตัวเครื่องที่สวยงามของ OPPO Reno2 F ได้ ตัวเคสคุมตัวเครื่องเกือบทั้งหมด เหลือไว้เพียงเเค่ด้านบนที่เว้นเอาไว้สำหรับเป็นพื้นที่ให้กล้องออกเลื่อนออกมาครับในภาพรวมนั้นถือว่าเคสนั้นทำได้ดีและหนาแข็งแรงมากเลยนะดีกว่าตัวแรกอีกครับ และในเรทราคาที่ถูกกว่าเดิมจับต้องได้ในเรทนี้ถือว่าเคสทำออกมาดีเลย
ในด้านของการปกป้องเลนส์กล้องหลังนั้นทำได้ดีมีพื้นที่เหลือและสูงกว่าตัวเลนส์กล้องแบบสบายใจได้ครับ สามารถป้องกันเวลาวางเครื่องและใช้งานได้แบบสบายๆและเลนส์กล้องที่เนียนเรียบทำให้ปกป้องได้ดีกว่าเดิม ส่วนของหน้าจอนั้นจะเห็นว่าขอบเคสนั้นสูงขึ้นมาพอสมควรและตรงมุมทั้ง 4 ก็มีการยกมุมขึ้นทำให้สูงกว่าส่วนอื่นๆช่วยในการวางคว่ำของตัวเคสได้สบายและหน้าจอก็ไม่โดนง่ายๆครับแต่ถ้าติดฟิล์มกระจกอะไรก็อาจจะสูงขึ้นแต่เคสก็ยังปกป้องได้
DESIGN
ในด้านของการออกแบบถือว่าสวยและพรีเมี่ยมจริงๆในรุ่นนี้ที่ต้องชมที่สุดคงเป็นความสวยทุกมุมมองที่เค้าบอกกันว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาสวยในหลายๆจุดซึ่งต้องบอกว่าดูดีกว่าที่คิดถ้าดูในเรทราคาของมันที่ยกระดับรุ่น F พัฒนาขึ้นมาอีกและการออกแบบวัสดุ ดีไซน์มันยกระดับไปอีกขั้นเลยนะ ความเงาของฝาหลังและเล่นกับแสงลวดลายได้สวยมากๆอีกทั้งสีโทนเขียวที่คุ้นเคยกันดีและในรุ่นนี้ก็ใส่เข้ามาเช่นกัน Lake Green การวางกล้องตรงกลาง เรียงกันยาวๆ 4 เลนส์สวยงามและ มี O-Dot ป้องกันเลนส์มาให้รวมถึง เขียนชื่อแบรนด์อะไรวางตรงกลางแบบที่คุ้นเคยกัน ถือว่าดีไซน์มีเอกลักษณ์ของตัวเองกันมากขึ้นในหลายๆรุ่นของแบรนด์นี้ครับอันนี้ขอชมว่าไม่เหมือนคนอื่นแล้วด้วย
หน้าจอรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบเต็มตา AMOLED Panoramic Screen 6.5 นิ้ว Full HD+ และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 91.1% แต่ขอบล่างนั้นอาจจะหนากว่าตัว 2 ปกตินิดหน่อย
ด้านขอบบนหน้าจอนั้นไม่มีอะไรเลย กล้องหน้าเซนเซอร์ ลำโพงได้ถูกซ่อนไปทั้งหมด ขอบด้านบนนั้นจะมีการเว้นช่องลำโพงสำหรับคุยไว้ส่งผ่านมาจากกล้องหน้าที่เลื่อนขึ้นลงได้ และเซนเซอร์ ฝังใต้หน้าจอทั้งหมด
เมื่อเปิดใช้งานกล้องหน้าขึ้นมานั้นรุ่นนี้จะพิเศษตรงมีไฟเวลาเลื่อนขึ้น Atmospherelight สามารถเปลี่ยนสีได้ด้วย หรือจะให้มันสุ่มสีได้ครับอันนี้ถือว่าเป็นลูกเล่นเล็กๆสวยงามดีนะ และ กล้องหน้า 16 MP f/2.0 พร้อมฟีเจอร์ AI Beautification สามารถเลื่อนขึ้นใน 0.74 วินาทีด้วยการ ออกแบบที่ทนทาน ซึ่งใช้งานได้ถึง 200,000 ครั้ง
รองรับการ ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า และ ลำโพงสนทนา มีโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน รวมถึงติดตั้ง Proximity Sensor ที่ติดตั้งไว้ในส่วนตรงนี้ด้วยครับ
ขอบด้านล่างทำออกมาอาจจะไม่ได้บางมากนักครับตัวขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นจะออกแบบได้ยากมากๆที่จะทำได้บางด้วยในเรทราคาประมาณนี้ ถือว่าเป็นปกตินะไม่ได้หนาเลย และการควบคุมนั้นสามารถเลือกใช้งานเป็นแบบเต็มหน้าจอ หรือจะเป็นปุ่มปกติก็สามารถเลือกได้เช่นกัน
ขอบด้านล่างเครื่อง ส่วนนี้จะเป็นที่อยู่ของช่อง Type-C และ รูไมค์ รวมถึง ลำโพงหลักของตัวเครื่องในด้านนี้ เเละ มีรูเสียงหูฟังแบบ 3.5 มม. ยังมีการออกแบบโค้งเว้าอะไรมาให้เหมือนเดิมทำให้ขอบดูไม่ได้หนาเกินไปด้วยนั้นเอง
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง ส่วนการออกแบบฝาหลังจะโค้งลงมารับกับตัวเครื่องได้ดีครับ
ถัดมาชมตัวเครื่องด้านบนนั้นจะเห็นว่าเป็นส่วนที่กล้องหน้านั้นจะเลื่อนขึ้นมา และ มีรูไมค์สำหรับตัดเสียงก็ยังคงอยู่ครับไม่ได้ตัดไปไหนส่วนตัวกล้องจะวางตรงกลางและเลื่อนขึ้นมาตรงๆไม่ใช่แบบ ครีบฉลามนะครับสำหรับรุ่นนี้
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะมี ถาดซิมแบบ Triple Slot และตัว ปุ่ม Power อยู่ ยังคงมีขีดสีเขียวเข้ามาในส่วนนี้ทำให้มองเห็นได้ชัดแบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้าครับ และยัง รองรับการทำงานเรียกเป็น Google Assistant อีกด้วย
ที่ต้องชมมากๆคือในเรทราคานี้ แต่ทำงานวัสดุงานประกอบออกมาได้ดีแบบโค้งไร้รอยต่อ ส่วนวัสดุนั้น ฝาหลังผลิตจาก Gorilla Glass 5 และ กระจกที่ครอบ กล้องนั้นถูกเคลือบเงาในระดับนาโน 95 มม. และโค้งรับมือได้ค่อนข้างดีและยังคงจุดเด่นของมันคือการออกแบบ ฝาหลังเรียบไปชิ้นเดียวกันกับเลนส์กล้อง ไม่มีส่วนนูน แลพให้รูปลักษณ์ที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้กล้องด้านหลังสี่ตัว ได้จัดให้อยู่ตามแนวแกนกลาง เพื่อสร้างความรู้สึกสมมาตรอีกด้วย และยังคงมีเจ้าเม็ดกลมๆ O-Dot ที่จะป้องกันเลนส์กล้องไม่ให้โดนพื้นและปกป้องรอยขีดข่วนให้ครับ
Reno2 F มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว (48MP+8MP+2MP+2MP) รองรับการถ่ายภาพกลางคืนด้วย Ultra Night Mode 2.0 และ AI Beauty Mode ใหม่ทั้งหมด ซึ่งมาพร้อมกับเลนส์หลักคือ 48MP Samsung Bright GM1 48MP f/1.7+ และกล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP (f/2.2) + กล้องเทเล 2MP (f/2.4) + 2MP กล้องวัดระยะ (f/2.4), Ultra Night Mode 2.0 มาให้ครบเลย และ รองรับการถ่าย วีดีโอแบบมุมกว้างด้วยนะ
SPEC
- ระบบ Android 9 + ColorOS 6.1
- หน้าจอ AMOLED ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) ขนาด 6.5 นิ้ว Gorilla Glass 5 สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 91.1%
- CPU Helio P70 + GPU Mali-G72 MP3
- RAM 8GB LPDDR 4x
- STORAGE 128GB UFS 2.1 รองรับ MicroSD card 256GB
- กล้องหลัง 48MP GM1 48MP f/1.7+ และกล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP (f/2.2) + กล้อง Portrait 2MP (f/2.4) + 2MP Mono Lens (f/2.4), Ultra Night Mode 2.0 / EIS
- กล้องหน้า Rising Camera 16MP + Atmosphere Light
- สแกนนิ้วมือบนหน้าจอ Hidden Fingerprint Unlock 3.0
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh + VOOC Flash Charge 3.0
- ขนาด น้ำหนัก 161.8 x 75.8 x 8.7 มม. 195 กรัม
- สี Sky White/ Lake Green
SCREEN
ทางด้านหน้าจอนั้นใช้งานหน้าจอ AMOLED ผลิตจากวัสดุ E1 ให้การตอบสนองรวดเร็วและใช้พลังงานต่ำ แล้วทำให้เรื่องของคุณภาพ การสู้แสง ความสด มิติของภาพหลายๆอย่างนั้นดีงามไปหมดครับ ในเรื่องของหน้าจอเลยเป็นจุดที่ดีงามมากๆ หน้าจอให้ขนาดมาที่ 6.5 นิ้วในความละเอียด FHD+ อัตราส่วนหน้าจอเต็มขึ้นมาที่ 91.1% และรองรับการสแกนนิ้วใต้หน้าจอ รวมถึงใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 ด้วยถือว่าจัดหนักจัดเต็มกันเลยครับ และการใช้งานหน้าจอแบบนี้ทำให้รองรับการใช้งานกลางแจ้งได้สบายๆและยังมีโหมดความถี่ต่ำทำให้ไม่ปวดตาเวลาหรี่แสงเยอะๆครับและที่ชอบคือการสัมผัสนั้นทำได้ติดนิ้วและไวดีกว่ารุ่นอื่นๆในเรทราคานี้ และเท่าๆกับพวกรุ่นพี่แล้วครับจริงๆหน้าจอนั้นก็รองรับมุมมองได้กว้างมากๆเลยนะและการออกแบบเต็มจอไม่มีติ่งทำให้มันสวยงามจริงๆ
ANTUTU
ในส่วนของคะแนน Antutu นั้นในรุ่นนี้ใช้งาน MTK P70 และ RAM 8 GB รวมถึงใช้งาน UFS 2.1 ในความจุขนาด 128GB แน่นอนว่าช่วยในเรื่องของการเรียกแอพ รวมถึงการดูรูปต่างๆทำงานได้ไวขึ้นแน่นอนครับ ส่วนคะแนนจากที่ทดสอบนั้นทำไปได้ที่ 147K ก็ถือว่าแรงพอสมควรในระดับของ CPU ตัวนี้ครับ แต่ด้วยเรทราคาอาจจะไม่ใช่รุ่นที่เน้นสเปคแรงแต่จะไปจัดเต็มเรื่องกล้องหน้ากล้องหลังที่มีคุณภาพมากขึ้นและเน้นเรื่องถ่ายภาพมากๆครับตัวนี้
ANDROBENCH
แน่นอนว่าใครๆก็หันมาใช้งาน UFS และในรุ่นนี้ก็เป็นอีกรุ่นที่ใส่มา ทำให้การอ่านเขียนนั้นไวกว่าเดิมทำไปได้เกือบ 500 และ เขียนไปเกือบ 200 ครับถือว่าเป็นมือถือที่ใส่เข้ามาอีกรุ่นและในเรทราคานี้นั้นก็จะเป็น UFS กันหมดแล้ว โดยในสเปคนั้นบอกว่าใช้งาน UFS 2.1 นะครับ ส่วนตัวนี้จากที่ทดสอบนั้นก็ดูรูปอะไรโหลดไวขึ้นการเซฟภาพอะไรก็ไวขึ้นแน่นอนครับ รวมถึงการเปิดปิดแอพต่างๆก็ทำได้ดีถือว่าเป็นจุดเด่นๆที่มีการเปลี่ยนแปลงเลยครับ และได้ความจุ 128GB เข้ามาเหลือใช้งานสบายๆครับ และยังสามารถเพิ่มความจุได้อีกด้วยถ้าใครที่ชอบถ่ายภาพหรือไฟล์เยอะๆ
CAMERA / SELFIES
สำหรับกล้องในรุ่นนี้ถือว่าจัดเต็มมากๆอีกรุ่นครับเพราะให้กล้องมาใช้งาน 4 ตัว เลนส์หลักคือ 48MP GM1 48MP f/1.7+ และกล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP (f/2.2) + กล้อง Potrait 2MP (f/2.4) + 2MP Monolens (f/2.4), Ultra Night Mode 2.0 มาให้ครบเลย และยังมีพวก AI Beauty Mode การวิเคราะห์และปรับโทนสีผิวสามารถรองรับได้ถึง4 คนในภาพถ่ายเดียว HDR Mode / Portrait Bokeh เพิ่มลูกเล่นลงในภาพถ่ายของคุณทันทีด้วย Portrait Bokeh มีให้ทั้งกล้องหน้าและหลังคุณสามารถปรับระดับ ความเบลอก่อนถ่ายภาพ และในส่วนของกล้องหน้ามีการเพิ่มไฟ Atmosphere Light ที่อยู่ด้านข้างของ Rising Camera ทั้งสองข้างช่วยเพิ่มความ สวยงามและสามารถกระพริบเตือนเวลานับถอยหลังถ่ายเซลฟี่ นอกจากนี้ยังเพิ่มมีแสงแฟลชบนหน้าจอ ที่ช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ่ายเซลฟี่ ได้สวยชัดแม้อยู่ในที่แสงน้อย และ เลนส์มุมกว้าง 119 องศานั้นสามารถถ่ายวีดีโอได้ด้วย รวมถึงภาพนิ่งโหมดกลางคืนก็รองรับเช่นกันครับ
OPPO Reno2 F
ถือว่าเป็น Reno2 ที่จับต้องได้ง่าย อีกทั้งยังคงมีความสวยงาม ตามคอนเซป สวยทุกมุมมอง ของมันเลยแหละเพราะมันเอาความพรีเมี่ยม วัสดุการออกแบบ แบบรุ่นพี่มาทั้งหมดเลยทำให้เราสามารถจับต้องความพรีเมี่ยมในราคาที่ไม่แรงเกินไป อีกทั้งยังมีความสวยในเรื่องของกล้องหน้าหลังที่จัดเต็มมากขึ้นและหน้าจอก็ทำได้ดีเต็มตาและสู้แสงอะไรได้ดีกว่าที่คิดเยอะเลยครับ และในด้านสเปคนั้นอาจจะไม่ได้แรงโหดมากแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานและไม่กินแบตมากเกินไปครับเหมาะสำหรับสายถ่ายรูปเน้นใช้งานอึดๆน่าจะตอบโจทย์พอสมควรเลยแหละ ส่วนในการใช้งานด้านอื่นๆยังไงไปรอชมกันได้ในรีวิวเต็มๆกันอีกทีนะครับ ทั้งเรื่องของ การเล่นเกม การใช้งาน GPS กล้อง วีดีโอทั้งหมดรอติดตามได้เลยเร็วๆนี้ครับ บอกเลยว่าทำได้ดีพอสมควรในภาพรวมแต่ที่ชอบสุดคือการออกแบบและวัสดุของมันเนี่ยแหละครับ
สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Preview by Nineztr