realme แบรนด์สมาร์ทโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกเปิดตัว realme Narzo 20 Pro สมาร์ทโฟนซีรีส์ใหม่ ที่มาพร้อมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และพร้อมมอบความบันเทิงได้มากยิ่งขึ้นกับคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ ยังเปิดตัว realme UI 2.0 ที่ถูกอัพเกรดให้เข้ากับการใช้งานของเหล่าคน Gen Z ยิ่งขึ้น แน่นอนว่ามาพร้อมกับสเปกที่จัดเต็มพอสมควรในเรทราคานี้ทั้งเรื่องของ เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge  เต็ม100%  ภายใน 34 นาที ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G95 Gaming Processor  กล้องหลัง AI 4 เลนส์ ความละเอียด 48MP หน้าจอ Ultra smooth display 90Hz และแบตเตอรี่ความจุ 4,500 mAh และงานออกแบบที่มีความแปลกใหม่มากขึ้น ทั้งลวดลายฝาหลังต่างๆนั้นเอง จะเน้นกลุ่มที่เน้นสเปกมากขึ้นไปอีกขั้นในการใช้งานเล่นเกมพร้อมกับ ประสบการณ์ความบันเทิงบนสมาร์ทโฟนในแง่ของเกม วิดีโอ และ Multi -tasking ทั้งหลาย

realme narzo 20 Pro นั้นมาพร้อมกับ การที่เน้นสเปกมากขึ้นในเรื่องของCPU ที่แรงขึ้นถ้าหากไปเทียบกับในเรทราคาใกล้กันนั้นเอง ใช้งาน ชิปเซต MediaTek Helio G95 12nm มาพร้อมการ์ดจอ Mali-G76 3EEMC4 พร้อมกับ RAM LPPDDR4x 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB และแน่นอนว่าใส่เทคโนโลยี ชาร์จไว 65W เข้ามาให้พร้อมใช้งานไม่แตกต่างกับรุ่นพี่เลย ใส่แบตเข้ามาให้ ความจุ 4,500mAh  พร้อมกับใช้งาน หน้าจอ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) Full HD+, มีรีเฟรชเรท 90Hz, ใช้กระจก Gorilla Glass 3+ กล้องหลัง 4 ตัว เลนส์หลักนั้น กล้องหลัง 48MP (f/1.8) + กล้อง ultra-wide 119° 8MP ( f/2.3) + กล้อง portrait B&W 2MP + กล้องมาโครขนาด 4cm 2MP (f/2.4), LED flash และ กล้องหน้า  16MP (f/2.1) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471 ถือว่าสเปกภาพรวมนั้นสบายๆในการใช้งาน และได้ชาร์จไวมาในเรทราคานี้ถือว่าดี

realme NARZO 20 PRO RAM 8GB STOPRAGE 128GB เปิดราคา 8,499 บาทไทย และ โปรช่วง 11/11 นั้นจะอยู่ที่ 7,499 บาทไทย ! 

UNBOX

ตัวกล่องนั้นยังคงมีการออกแบบสีเหลืองเช่นเดิม พร้อมกับตัวเลขทางด้านบนแน่นอนว่ามีเลขพร้อมบอกรุ่น แต่จะไม่ได้มีรูปตัวเครื่องอะไรมา ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องนั้นยังไม่ได้มีอะไรเพิ่มใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้าและรุ่นอื่นๆในเรท

  • ตัวเครื่อง realme Narzo 20 Pro
  • เคสใส TPU
  • คู่มือ ที่จิ้มซิม
  • ที่ชาร์จ 65W
  • สายชาร์จ USB-A ไป USB-C
  • ฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว

เคสนั้นจะมีความหนาเป็นสีเทาๆเข้มๆเล็กน้อยใส่แล้วฝาหลังสะท้อนน้อยลงไปแบบชัดเจน การปกป้องนั้นในทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย คล้ายๆกับเคสรุ่นก่อน ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมด รวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไปคล้ายกับรุ่นก่อนๆของทาง realme  หรือ ในรุ่นก่อนหน้านี้ถือว่าปกป้องได้ดีใช้งานได้จริง

จะเห็นได้ว่าตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีก และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำ ซึ่งเคสปกติทั้วไปจะไม่มีมุมพิเศษขึ้นมา

DESIGN

งานออกแบบในตระกูล NARZO นั้นจะพยายามทำให้มีความแตกต่างกับรุ่นอื่นๆของทางค่ายและเน้นแรงบันดาลใจสำหรับสายเกมมิ่งมากขึ้น ฝาหลังนั้นเล่นลวดลายแปลกตาสำหรับค่ายนี้เป็นตัว V สวยงามเล่นกับแสงสะท้อนได้ดีและแม้จะเป็นสีดำเองก็ตาม แต่ถ้าเจอแสงก็สวยงามพอสมควรเลยแหละ พร้อมกับวัสดุที่เป็นพลาสติก ตามเราราคาของรุ่นนี้ และมาพร้อมกับสีขาว และ สีดำให้เลือกใช้งานกัน ส่วนน้ำหนักอะไรนั้นไม่ได้หนีจากพวกรุ่น realme 7i มากนักรวมถึงขนาดด้วยเช่นกัน แต่จะแตกต่างกันในแง่ของสเปก การออกแบบ ฝาหลังเล่นลวดลายต่างกันนั้นเอง

ในด้านหน้านั้นจะมาพร้อมกับ หน้าจอ 6.5 นิ้ว IPS LCD และมาพร้อมกับความละเอียด FHD+ 1600×720 รองรับ 90Hz และ ดีไซน์หน้าจอแบบเจาะรูมุมซ้ายบน รองรับการใช้งานความสว่างสูงสุด 600 NITS สบายๆตัวนี้

ในส่วนขอบล่างหน้าจอนั้นปุ่มควบคุมนั้นจะอยู่ในหน้าจอ สามารถใช้งานเต็มหน้าจอได้แบบไม่มีปุ่ม ส่วนขอบข้างๆนั้นก็ทำได้บางพอๆกับรุ่นก่อนหน้านี้เลย และรู้สึกว่าขอบล่างทำได้บางพอๆกัน

ขอบหน้าจอส่วนบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของกล้องหน้า 16MP F2.1 IMX471  พร้อมกับเป็นดีไซน์แบบหน้าจอเจาะรู งานออกแบบสวยเหมือนกับรุ่นพี่เลย อีกทั้งขอบเครื่องหน้าจอมีความบางขึ้น อัตราส่วนเต็มตามากขึ้นพร้อมกับแทรกลำโพงไว้ขอบเครื่องด้านบนด้วยเช่นกัน

ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็น ลำโพงหลัก ช่อง USB-C และ รูไมค์  2 ตัว รวมถึงรูหูฟัง 3.5 มม. นั้นยังอยู่ รุ่นนี้จะไม่มีการเล่นลวดลายอะไร เป็นแบบด้านจะเรียบๆเลยนั้นเอง การวางตำแหน่งเหมือนเดิมกับรุ่นก่อนๆเลย

ด้านขวานั้นจะเห็นว่าตัวเครื่องมี ปุ่ม Power ใส่เข้ามาให้รองรับการสแกนนิ้วในด้านข้าง ไม่มีการเล่นเส้นสายข้างๆ แต่เฟรมทั้งหมดก็ตามราคาคือจะเป็นพลาสติกทำสีด้านทั้งหมดเลย สวยงามใช้ได้เน้นความเรียบๆทั้งหมดสีดำเป็นหลัก

ในส่วนของด้านบนนั้นไม่มีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ครับเป็นสีเงินเขียว แบบเดียวกับข้างอื่นๆ ส่วนวัสดุขอบเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกด้าน แต่ฝาหลังนั้นจะยังโค้งมารับมือเหมือนกับรุ่นอื่นๆในยุคนี้ของค่ายทำให้จับถนัดมือ

ส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่าตัวเครื่องมี ปุ่มเพิ่ม ลดเสียง และมี ช่องใส่ถาดซิมครับ เป็นแบบ Triple Slot ฝาหลังนั้นจะโค้งลงมาตรงขอบข้างๆเล็กน้อย เหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ทำให้จับถือได้ง่ายและเข้ากับมือได้ดี

ฝาหลังนั้นรุ่นนี้ถ้าหากไม่ได้มีหลอดไฟหรือแสงอาทิตย์ส่องเอียงๆนั้นจะมีความเรียบร้อยและเป็นสีดำเน้นๆมาก แต่ถ้าเจอแสงหลอดไฟในอาคารหรือว่าจะเป็นแสงอาทิตย์ต่างๆทำมุมตกกระทบจะเริ่มเห็นลวดลายออกมาเป็นคล้ายกับตัวอักษร V เรียงต่อเนื่องและมีความโดดเด่นมากขึ้น แต่ก็จะมองยากนิดหน่อย แต่ถ้าเมื่อไรเจอแสงบอกเลยว่าแอบสวยเหมือนกัน และตรงเลนส์กล้องถ้าเจอแสงนั้นจะมีความเงาสวยขึ้นเยอะมาก เล่นกับแสงสียามค่ำคืนได้ดี ส่วนทางด้านฝาหลังเองนั้นยังคงเป็นวัสดุพลาสติกเป็นหลัก พร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตแบบ AG Split นั้นเอง ส่วนสแกนนิ้วย้ายไปอยู่ขอบเครื่องด้านข้างแทนที่ด้านหลังแล้วทำให้ฝาหลังนั้นมีความเรียบเนียนต่อเนื่องมากขึ้น

การออกแบบกล้องหลังนั้นจะแตกต่างกันเมื่อเทียบกับ realme รุ่นอื่นๆทั้งการวางกล้องและดีเทลในโมดูลเลนส์ทั้งหมดครับรุ่นนี้จะยังคงวางเรียงกันปกติ แต่มีพื้นที่กินเข้ามามากขึ้น เล่นกับแสงเงาได้สวยแบบในภาพด้านล่างนั้นเองครับ ส่วนทางสเปกกล้องนั้นให้มาเพียงพอต่อการใช้งาน ตัวกล้องนั้นให้มา 4 ตัว มาพร้อมกับเลนส์หลัก 48MP F1.8 และเลนส์ที่ 2 นั้นมาพร้อมเลนส์มุมกว้าง 8MP f2.2 รองรับมุมกว้าง 119 องศา สำหรับเลนส์ที่ 3 นั้น 2MP f2.4 จะเป็นเลนส์ขาวดำ จับระยะ และเลนส์ 2MP f2.4 เลนส์มาโคร ระยะ 4 เซนติเมตร พร้อมไฟแฟลชครับ

SPEC

  •  หน้าจอ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) Full HD+, มีรีเฟรชเรท 90Hz, ใช้กระจก Gorilla Glass 3+
  • ชิปเซต MediaTek Helio G95 12nm มาพร้อมการ์ดจอ Mali-G76 3EEMC4
  • RAM LPPDDR4x 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB ที่ใส่ microSD card เพิ่มได้ถึง 256GB
  • ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
  • Android 10 ที่ครอบด้วย realme UI
  • กล้องหลัง 48MP (f/1.8) + กล้อง ultra-wide 119° 8MP ( f/2.3) + กล้อง portrait B&W 2MP + กล้องมาโครขนาด 4cm 2MP (f/2.4), LED flash
  • กล้องหน้า 16MP (f/2.1) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471
  • ปุ่มสแกนนิ้วด้านข้าง
  • รูแจ็ค 3.5mm
  • ขนาดตัวเครื่อง: 162.3×75.4×9.4mm; น้ำหนัก: 191กรัม
  • รองรับ Dual 4G VoLTE, WiFi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS + GLONASS
  • ใช้พอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh (typical) ที่รองรับชาร์จเร็ว SuperDart Charge 65W
  • สีขาว White Knight และ สีดำ Black Ninja

SCREEN

หน้าจอนั้นเป็นหน้าจอแบบเจาะรู ขนาด 6.55 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) FHD+ อัตราส่วน 20:9 ที่ใช้กระจก Corning Gorilla Glass  สัดส่วนของจอภาพนั้น 90% รองรับความสว่างสูงสุด 600NITS และที่เด่นๆนั้นใช้งาน Refresh Rate 90Hz ถือว่าเป็นจุดหลักๆที่เปลี่ยนจากเดิม และมีความลื่นไหลดีกว่าเดิมเยอะพอสมควร เมื่อเทียบกับเรทราคาถือว่าทำได้ดี จากที่ลองมุมมองภาพนั้นทำได้ดี ความสีสันสดใสยังคงไม่เป็นปัญหา แต่ด้วยจอ LCD นั้นส่วนสีดำอาจจะไม่สนิทเท่าไร สู้แสงไม่โหดมากนักครับจากที่ได้ลองตอนกลางแจ้ง แต่ถ้าใช้งานในสภาพแสงทั่วไป ในห้องพวกนี้ถือว่าทำได้ดีไม่มีปัญหา หน้าจอนั้นจะไม่ได้หนีจากตระกูล 7i มากนัก คล้ายๆกันเลยขนาดเดียวกันด้วยครับ แต่จะเป็นการอัพความละเอียดมากขึ้นเป็น FHD+ นั้นเอง แต่ชนิดหน้าจอนั้นรวมถึง 90Hz แบบเดียวกันทั้งหมด

ANDROBENCH

หน่วยความจำตัวนี้แน่นอนว่ายังคงใช้งาน UFS 2.1 อยู่ครับแน่นอนว่าตามเรทราคาของมันก็จะได้ประมาณนี้ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป ในการอ่านเขียนจะทำไปได้ที่ 519 MB/s และ เขียน 200 MB/s  ในการใช้งานได้ดีไม่ได้มีปัญหาอะไร รองรับการอ่านเขียนได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆเยอะที่จะเป็น eMMC และการอ่านเขียนนั้นไว้ขึ้นพอสมควรเลยครับ

ANTUTU

ในส่วนของคะแนน Antutu นั้นในรุ่นนี้ใช้งาน MTK HELIO G95 ครับเป็นการเปลี่ยนมาใช้ MTK อีกครั้งหลังจากแบรนด์หลักปรับมาใช้ Snapdragon ครับ และ RAM 8GB ความจุขนาด 128GB ส่วนคะแนนจากที่ทดสอบนั้นทำไปได้ที่ จริงๆคะแนนนั้นถ้าเทียบกันก็แรงแตะ 3 แสนได้ครับแน่นอนว่าส่งผลต่อการใช้งานทั่วไปได้ รวมถึงการตอบสนองต่อการใช้งานหน้าจอ 90Hz ที่มีความลื่นไหลมากขึ้น ทำงานได้รวดเร็วในการเลื่อนได้ดีรวมถึงการเล่นเกมครับ

CAMERA

ทางด้านกล้องหลังนั้นมาให้ทั้งหมด 4 ตัว ประกอบด้วยเลนส์ กล้องนั้นให้มา 4 ตัว มาพร้อมกับเลนส์หลัก 48MP F1.8 และเลนส์ที่ 2 นั้นมาพร้อมเลนส์มุมกว้าง 8MP f2.2 รองรับมุมกว้าง 119 องศา สำหรับเลนส์ที่ 3 นั้น 2MP f2.4 จะเป็นเลนส์ขาวดำ จับระยะ และเลนส์ 2MP f2.4 เลนส์มาโคร ระยะ 4 เซนติเมตร ถือว่าค่อนข้างครบ ส่วนทางด้านกล้องหน้านั้นจะเป็น 16MP F2.1 ใช้งาน IMX 471 เป็นหน้าจอแบบเจาะรู  กล้องหลังนั้นให้มาจำนวนเยอะรวมถึงมีการพัฒนาโหมดอะไรเข้ามา ฟิลเตอร์แสงสีมากขึ้นครับในโหมดกลางคืน เช่นฟิลเตอร์ Cyberpunk / Flamingo / Modern Gold และทางด้านวีดีโอรองรับ 4K30FPS สูงสุดรวมถึงในเรื่องของฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอที่มากขึ้น มีกันสั่นพิเศษเข้ามาให้ใช้งาน พร้อมกับ กล้องหลักภาพนิ่งก็รองรับการถ่าย 48MP ที่ชัดและใช้งานได้ดีกว่ารุ่นอื่นพอสมควร และกล้องหน้าก็ดีกว่าเช่นกันทั้งเรื่องของคุณภาพ รองรับการถ่าย ความสว่างในการเก็บแสงในเวลากลางวันกลางคืน รวมถึงมุมมองกว้างขึ้น ถือว่ากล้องก็ใช้งานได้ดีเหมือนกันและฟีเจอร์ถ่ายภาพยังจัดเต็มครับ

CHARGING 65W SuperDart Charge

แน่นอนว่าจุดเด่นหรือตัวชูโรงในรุ่นนี้คงหนีไม่พ้น เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ชาร์จเต็ม 100% ภายใน 38 นาที ที่ระบบนั้นสามารถทำงานได้แม้กระทั่งในขณะเล่นเกมอย่างหนักหน่วง 65W SuperDart Charge  จะแบ่งเซลล์หลักเป็น 2 ส่วน ส่วนละ 2250 mAh ผ่านการชาร์จแบตเตอรี่โดยตรงด้วยอะแดปเตอร์ 10V 6.5A ภายใต้การควบคุมด้วย อัลกอริทึมการชาร์จเร็ว SuperDart ใช้วงจรอัดประจุเพื่อลดแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่สองเซลล์ลงครึ่งหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจถึงความเร็วในการชาร์จและการควบคุมอุณภูมิ + 10 เซนเซอร์ ในการตรวจจับอุณหภูมิ + มาพร้อมการป้องกัน 5 ชั้น ตั้งแต่อะแดปเตอร์ไปยังตัวเครื่อง ถือว่าเป็นระบบชาร์จไวที่ปลอดภัยที่สุด และไวมากเมื่อนับเป็นมือถือในเรทราคานี้ทำให้เกินหน้าเกินตารุ่นอื่นๆแบบชัดเจน และทดสอบจริงนั้นก็ทำได้เร็วจริงมากๆ

realme NARZO 20 PRO 

NARZO นั้นเป็นอีกซีรีย์ของทางค่ายเลยที่เน้นในเรื่องของประสิทธิภาพและสายเกมมากยิ่งขึ้น อัดสเปกเข้ามาตอบโจทย์สายเกมได้ดีขึ้นเช่นกัน รวมถึงในการออกแบบก็พยายามทำให้มีความแตกต่างกับรุ่นปกติให้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ในแง่ของหน้าตา UI ก็ยังคงอิงรุ่นทั่วไปครับ แต่จะเปลี่ยนแค่งานออกแบบภายนอก โลโก้หลักรวมถึงสเปกที่จะเน้นไปทางด้าน CPU ประสิทธิภาพที่มากกว่ารุ่นอื่นๆในเรทราคาเดียวกันทำให้เรื่องของกล้องอะไรอาจจะไม่ได้ใส่สเปกมาสุดหรือโหดมากนัก แต่ในเรื่องของ การชาร์จไว หน้าจอลื่น และอะไรก็ตามที่ส่งผลต่อการเล่นเกม ดูหนัง หรือใช้งานในด้านนี้จะเน้นไปมากขึ้นให้ดีกว่าเดิมในการใช้ RAM ที่มากกว่าทั่วไปด้วยเช่นกันเมื่อเทียบกับเรทราคานี้ ซึ่งในการใช้งานจริง เล่นเกมจริงจังนั้นจะเป็นอย่างไร รวมถึงการใช้งานทั่วไปในการใช้งานจริงนั้นจะทำได้ดีแค่ไหนรอติดตามรีวิวได้เร็วๆนี้ครับ

สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Preview by Nineztr