ROG Phone เป็นสมาร์ตโฟนที่ต้องบอกว่า เดินหน้าลุยสาย Gaming อย่างเต็มตัวพร้อมกับเป็นแบรนด์แรกๆที่เข้ามาลุยตลาดนี้ตั้งแต่ยุค ROG Phone 1 และ ไม่ใช่แค่มือถือ แต่มาพร้อมกับบรรดา Gaming Accessory ทั้งหลายที่จัดเต็มมากขึ้นเรื่อยๆต้องบอกเลยว่าเป็นค่ายที่มีอุปกรณ์หลายๆตัวของเล่นเยอะมากที่สุดในบรรดา Gaming Smartphone ทั้งหมดแล้ว และทำให้มันมีจุดเด่นและมีความแตกต่างกับค่ายอื่นชัดเจน มาจนถึงรุ่น ที่ 4 ในชื่อ ROG Phone 5 ครับ แน่นอนว่าเลี่ยงการใช้ชื่อ 4 เพราะว่าตัวเลขการออกเสียงความหมายไม่ค่อยดีนักในเมืองจีน เลยใช้ชื่อ 5 แทน และรุ่น 5 นี้มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบครั้งใหญ่ในด้านหลัง และ หน้าจอก็มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงสเปกในหลายๆส่วนก็พัฒนาขึ้นตามไปด้วยทั้งหน้าจอ 144Hz 300Hz ในการตอบสนองที่ดีกว่าเดิม แบต 6,000 ที่ชาร์จไว 65W และระบบ AIR Triggers 5 ที่ดีขึ้น พร้อมกับในรุ่น พิเศษ ROG Phone 5 PRO ที่มาพร้อมกับจอด้านหลัง และ ระบบสัมผัสด้านหลังเครื่องเวลาเล่นเกม และ รุ่นเทพที่สุดในตระกูล ROG Phone 5 Ultimate ที่มาพร้อมกับ RAM 18 GB เจ้าแรกในมือถือ และ สีขาวพิเศษพร้อมกับหน้าจอหลังแบบขาวดำนั้นเอง
ROG PHONE 5 มาพร้อมกับการใช้งาน Snapdragon 888 ตัวล่าสุดและเป็นครั้งแรกที่เปิดตัวต้นปีเพราะว่าจะได้ทันใช้งานเมื่อเทียบกับค่ายอื่นๆที่เปิดตัวใกล้ๆกันไม่ต้องรอรุ่นพิเศษ + เหมือนตอนปีที่แล้วนั้นเองครับ และทางด้านสเปกมาพร้อมกับ RAM 16GB และหน่วยความจำ 256GB UFS 3.1 ถือว่าสเปกเหลือๆต่อการใช้งาน จัดเต็มด้วยหน้าจอ Samsung AMOLED 144HZ 6.75 นิ้วขนาดใหญ่ขึ้น ไม่มีติ่งเช่นเดิม แต่การตอบสนองไวขึ้น ที่ 300Hz รองรับ สัมผัส 24.3ms ที่น้อยที่สุดในบรรดามือถือ และ ใช้งาน HDR 10+ รองรับ Delta E<1 และหน้าจอ E4 และยังคงวางลำโพงคู่ในด้านหน้าให้ทั้งหมด ขนาดใหญ่ขึ้นเสียงดีขึ้น พร้อมกับระบบเสียง HI-RES และ DAC ESS SABRE PRO ในรหัส ES9280AC Pro ในตัวถ้าผ่านรู 3.5 มม. นั้นเอง อีกทั้ง ยังใช้งานแบต 6,000 mAh ที่แยกเป็น 2 ก้อนรองรับการชาร์จไว 65W จัดเต็มมากขึ้น และให้มาพร้อมกับในกล่องเลยครับ รวมถึงยังคงใช้เคส และ ตัวพัดลม รวมถึงหูฟังให้แยกมานอกกล่องด้วยนะ ทางด้านกล้องหลังนั้นให้มาพร้อมกับ IMX686 Quad bayer 64MP และเป็น 16MP F.18 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.75 ที่รวมพิกเซลให้เก็บแสงสีได้ดีขึ้นใน ตัวเลนส์หลัก พร้อมกับเลนส์มุมกว้าง 13MP และ มาโคร 5MP น่าเสียดายว่าไม่มีเทเลมาให้ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าสาย Gaming เลยไม่เน้นมากครับ ส่วนกล้องหน้านั้นให้มาที่ 24MP F2.45 มาพร้อมกับ การรองรับละลายหลังเช่นเดิมครับ มาพร้อมกับบอดี้กระจกที่ได้รับการออกแบบใหม่หมดในด้านหลัง ไม่มี Aero ที่มุมเครื่องแล้วเปลี่ยนดีไซน์ครั้งใหญ่อีกครั้งในรุ่นนี้ครับถือว่าภาพรวมสเปกอะไรนั้นจัดเต็มมากขึ้น และยังมีการแตะขอบเครื่อง สัมผัสขอบเครื่อง บีบเครื่องได้เช่นเดิม แต่ในรุ่นนี้จะไม่มี แตะที่ฝาหลังนะครับ จะเป็นรุ่นที่มีจอข้างหลัง จะมีฟีเจอร์การแตะที่ฝาหลังสั่งงานได้เพิ่มเติมอีกถือว่าล้ำมาก ขึ้นเยอะครับ
ROG PHONE 5 จะมีรุ่น RAM 16GB / ROM 256 GB และรุ่น RAM 8GB/ ROM128 GB ซึ่งจะมีสีไหนเข้ามาบ้าง รวมถึงราคาเท่าไร รอติดตามเดือนหน้า ช่วงต้นมิถุนายน หรือ กลางมิถุนายย มาแน่นอน
UNBOX
ตัวกล่องในรุ่นนี้เป็นตัวเริ่มต้นอาจจะไม่ได้หวือหวา รูปทรง 3 เหลี่ยมแบบรุ่นก่อนๆครับ แต่ก็ยังคงใส่ลูกเล่นเข้ามาเยอะมาก บอกเลยว่าเป็นการแกะกล่องที่มีอะไรให้เล่นและยาวพอสมควรเลย หน้าตากล่องสวยงามเขียน ROG PHONE 5 พร้อมกับเล่นลวดลาย DOT MATRIX เยอะมากๆ และ ยังคงธีมสีดำแดงได้สวยงามแต่เรียบง่ายมากขึ้น
จุดที่ล้ำมากๆของ ROG PHONE 5 UNBOX คือตัวลูกเล่น AR ที่เราจะเอามือถือ ROG PHONE 5 เนี่ยแหละครับ เมื่อเปิดเครื่องใช้งานครั้งแรกจะให้สแกนตัวกล่อง ที่เค้าออกแบบมาอย่างดีในแต่ละส่วน เมื่อเอามือถือไปสแกนก็จะได้ภาพ เคลื่อนไหว กราฟิกสวยงามขึ้นมาเป็นเหมือนกันกับอ่าน การ์ตูนช่องๆเลยบอกเลยว่าเป็นลูกเล่นที่สวยงาม
เมื่อเอามือถือไปสแกนต่างๆนั้นเราจะเห็นว่าแต่ละช่องมีเรื่องราวของมันอยู่ ภาพที่ออกมาสวยงาม คมชัด และเป็นเรื่องราวได้ดี เมื่อดูจนจบก็จะมีเกมให้เล่นหลังสแกนทั้งหมด อีกทั้งเมื่อเล่นเสร็จแล้วก็จะตั้งค่าใบหน้า ไอคอนตัวเรามี กราฟิกเยอะแยะมาก ถือว่าเป็นการแกะกล่องที่ล้ำมากๆจริงในตัวนี้ และเป็นลูกเล่นให้การแกะกล่องนั้นไม่ธรรมดา
อุปกรณ์ในกล่องนั้นให้มาเพียงพอ แต่ทั้งนี้กล่องรุ่นนี้จะไม่มีพัดลม และ หูฟังให้มา แต่ทาง ROG ก็ยังคงใจดีครับแถมมาให้นอกกล่องทั้งหมด และคุณภาพดีด้วยนะ ส่วนในกล่องนั้นจะมีให้ ตัวเคส ROG Phone 5 , Adaptor 65W USB-C , สาย USB-C ไป USB-C , สติกเกอร์ ROG , คู่มือการใช้งาน , ที่จิ้มซิม แต่ไม่มีฟิล์มติดมาให้
จะเห็นว่า Adaptor ให้มาครบๆรองรับการใช้งาน 65W ชาร์จไว และ มีขนาดแอบใหญ่นิดหน่อยครับเป็นหัวแบบ USB-C รองรับการใช้งาน PD ด้วยเช่นกัน ส่วนตัวสายนั้นเป็นสายถักสวยงามและแข็งแรงมากๆ รวมถึงตัวเคสก็ดูดี
ตัวเคสนั้นยังคงให้หน้าตาพลาสติกสีดำคล้ายเดิมแต่มีการออกแบบ การเว้าอะไรใหม่ทั้งหมด แน่นอนว่าด้วยการปกป้องอาจจะไม่ได้เด่นเท่าไรจะเน้นความสวยงามและปกป้องรอยขนแมวพื้นฐานมากกว่า ไม่ได้เน้นกันกระแทกครับ ดีไซน์ยังคงอิงจากรุ่นก่อนมีการเปิดด้านหลังโชว์ไฟ Dot Matrix สวยงาม แต่เส้นสายลวดลายบนเคสอาจจะไม่ได้หวือหวาเท่ากับรุ่น 3 ครับ ตัวนี้เหมือนจะเน้นความเรียบง่ายมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็คงเป็นเคสสาย Gaming ได้ดีอยู่
ในการปกป้องเราจะเห็นว่าตัวเคสไม่ได้นูนขึ้นสูงจากตัวเครื่องทั้งด้านหลังหรือด้านหน้าเท่าไรนักแค่ช่วยเวลาวางคว่ำหรือวางกับพื้นเท่านั้นแบบเฉียดฉิวถ้าไม่ระวังก็สามารถโดนทั้งหน้าจอหรือตัวเลนส์กล้องได้แบบง่ายอย่างมากเลยครับ แต่ตัวเคสจะเน้นทำให้บาง น้ำหนักเบา เพราะว่าตัวเครื่องก็แอบมีน้ำหนักอยู่แล้วก็เป็นส่วนที่ดีทำให้ตัวเครื่องไม่หนักมากไปกว่านี้หรือหนามากว่านี้นั้นเองสำหรับ ROG PHONE 5 รุ่นนี้ แต่ทั้งนี้แนะนำให้หาฟิล์มมาติดไว้จะดีที่สุดครับ
พัดลมยังคงให้มา แต่รุ่นนี้จะแถมมาให้นอกกล่องนะครับไม่ได้ใส่เข้ามาในกล่อง งานออกแบบดีไซน์นั้นเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดเมื่อเทียบกับรุ่น 2-3 ก่อนหน้านี้ มาพร้อมกับรูปทรงแบบใหม่ การระบายอากาศแบบใหม่ พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ ทำให้รุ่นนี้ไม่สามารถใช้งานกับรุ่นก่อนหน้าได้ทั้งหมด พร้อมได้เปลี่ยนการเชื่อมต่อเป็นแบบ Pin แทนแล้วครับ แต่เสียบในตำแหน่งคล้ายเดิมอยู่นะ มาพร้อมกับไฟ RGB และ ขาตั้งให้ในตัวสวยงามและดูแข็งแรง
DESIGN
งานออกแบบได้เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดครับในด้านหลังเราจะไม่เห็นเส้นสายแบบเดิมที่เคยเจอในรุ่นก่อนๆแล้ว แต่ส่วนตัวกล้องนั้นยังคงมีรูปร่างอะไรคล้ายเดิมเช่นกันนะ แต่ทั้งเส้นสาย ช่อง Aerodynamic แบบเดิมก็ได้หายออกไปแล้ว และโลโก้ด้านหลังใหญ่ขึ้น ดีไซน์แบบ Dot Matrix สวยงามและเล่นแสงสีได้ดี พร้อมกับ โลโก้เขียน ROG แบบใหม่ สีแดงสวยงามพร้อมเลข 05 อีกทั้ง เล่นกับแสงสีได้สวยในส่วนอื่นๆของฝาหลัง และหน้าจอยังคงใหญ่ขึ้น และไม่มีติ่งหน้าจอเช่นเดิมครับ ส่วนน้ำหนักในภาพรวมตัวเครื่องมาพร้อมกับ น้ำหนัก กรัม และ หนาประมาณ มม.
ทางด้านหน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.75 นิ้วใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนมาพร้อมกับหน้าจอแบบไม่มีติ่งหน้าจอเช่นเดิม และยังคงมีขอบไว้ให้จับได้บ้างเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกได้ว่าบางลงกว่าเดิมครับ มาพร้อมกับสเปคหน้าจอ SAMSUNG AMOLED 144Hz รองรับการใช้งาน HDR10+ ความหนาแน่น 396 DPI 1080×2448 พิกเซล ในความละเอียด FHD+ ใช้งานกระจก Gorilla Glass Victus รุ่นล่าสุดครับ หน้าจอรองรับสัมผัส 300Hz แบะ ตอบสนอง 24.3ms ที่ดีกว่าเดิม รองรับ ค่าความแม่นนำของสี DELTA E<1 และ หน้าจอใช้งานE4 ที่ดีกว่าเดิม
ทางด้านขอบบนนั้นใส่ลำโพงมาให้บนขอบหน้าจอเช่นเดิม และมาพร้อมกล้องหน้า 24MP F2.45 และมาพร้อมไฟแจ้งเตือนในด้านหน้า ซึ่งต้องบอกว่า Smartphone รุ่นใหม่ๆเริ่มจะตัดออกไปเยอะมาก แต่รุ่นนี้ยังคงใส่เข้ามาให้
ขอบด้านล่างนั้นพื้นที่ไม่ต่างกับด้านบนเท่าไรนักมาพร้อมกับลำโพงตัวที่ 2 ที่ซ่อนได้เนียนกว่าเดิมเยอะมากๆ แต่เสียงยังคงเด่นดังเช่นเดิม และ ปุ่มควบคุมบนหน้าจอ ที่รองรับการใช้งานแบบปุ่ม 3 ปุ่ม หรือ ว่า Gesture ก็รองรับได้
ขอบเครื่องในด้านขวานั้นเราจะเห็นเด่นชัดคือ ภาดซิมสีแดงขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาดูโดดเด่นมากขึ้น พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อตรงกลาง ที่มีจุกยางปิดมาให้ที่ครั้งนี้เปลี่ยนจาก USB-C ทั้ง 2 ช่องเป็นพอร์ตแบบ Pin 1 อันแทนแล้วอาจจะส่งผลให้ใช้อุปกรณ์เก่าบางตัวไม่ได้ครับ แต่ก็ทำให้เชื่อมต่อนั้นเสียบอะไรได้ง่ายขึ้นกว่าแบบเดิม นั้นเอง
ขอบเครื่องด้านบนจะเห็นว่ามีการแทรกไมค์ อัดเสียง ตัดเสียงมาให้อีก 1 ตัว แต่ก็เนียนและไม่ได้ใหญ่มากนัก ช่วยในเรื่องของฟีเจอร์การตัดเสียงลม และ ดูดเสียงคนพูด ส่วนกล้องหลังนั้นไม่ได้นูนออกมาอะไรเยอะมากในตัวนี้ครับ
ในฝั่งซ้ายนั้นจะเป็นปุ่มทั้งหมด ทั้งสีแดงในปุ่ม Power และ ปุ่ม เพิ่ม ลด เสียง และจะเห็นว่ามีไมค์แทรกเข้ามาให้ด้วยในฝั่งซ้าย อันนี้ถือว่าค่อนข้างแปลกตาครับ อาจจะเน้นใช้งานในแนวนอนเวลาเล่นเกม เรื่องเสียงไมค์น่าจะดีขึ้นนั้นเองเพราะว่าตำแหน่งเวลาเล่นเกมก็ถือไว้ด้านบนพอดีทำให้รับเสียง คนพูดได้ดีกว่าแบบขอบล่างเครื่องนั้นเอง ซึ่งในรุ่นก่อนหน้าก็ใส่เข้ามาให้ในตำแหน่งนี้ และส่งผลเวลาใช้งานฟีเจอร์ตัดเสียงลม หรือ Mic Focus ด้วยเช่นกันครับ
ในขอบเครื่องด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่า รู3.5 มม. กลับมาแล้วว พร้อมกับ USB-C ตัวที่ 2 ในเครื่องนี้ และ รูไมค์ทำให้เรื่องของไมค์รุ่นนี้มีมาถึง 3 ตัวแล้ว ในขอบบน ขอบล่าง และ ขอบข้างเครื่องนั้นเองครับ จัดเต็มมากๆเลย
ฝาหลังคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากที่รุ่นแรกเราจะเห็นช่องระบายความร้อนในมุมเครื่องที่เป็นช่องเปิดจริงๆ และเริ่มมีการปรับดีไซน์เรื่อยๆ จนมาถึงรุ่นที่ 5 ครั้งนี้ไม่มีช่องสามเหลี่ยมนั้นแล้วแต่เปลี่ยนการออกแบบใหม่ทั้งหมด เล่นกับเส้นสาย Graphic สวยงามพร้อมกับโลโก้แบบใหม่ และ เขียนชื่อรุ่นอะไรทั้งหมดแบบใหม่ทำให้ใช้งานได้ลงตัว เนียนตามากขึ้นแต่ก็ยังสะท้อนกับแสงเงาได้ดี และโลโก้ยังสามารถปรับแสงสีและเปลี่ยน Effect ได้ตามแบบเดิม แต่การวางกล้อง ดีไซน์กล้องนั้นได้เปลี่ยนตำแหน่งจากเดิมไปทั้งหมด ยกไปสูงขึ้นรูปทรงเครื่องโค้งมนมากกว่าเดิมครับ
ROG PHONE 5 ใช้กล้องหลังที่มีเทคโนโลยีการรวมเซนเซอร์ QUAD BAYER ที่ใช้การรวมพิกเซลเหลือ 16MP แต่จะได้เหมือนเซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั้นเองครับจาก พิกเซลพื้นฐานที่ 64MP ที่มีขนาดเซนเซอร์ 1/1.7 รูรับแสง F1.8 มาพร้อมกับ เลนส์กว้าง 125˚ 13MP (f/2.4) + เลนส์มาโคร 5MP (f/2.0) ให้มาทั้งหมด 3 ตัว พร้อมกับไฟแฟลช และจะเห็นว่ามีไมค์เสริมเข้ามาให้ในด้านหลังด้วย ทำให้ทั้งเรื่องนั้นมีทั้งหมด 4 ตัวเลยทีเดียวในเครื่องนี้ครับ แต่เหมือนกล้องเลนส์มุมกว้าง และ มาโคร นั้นจะใช้งานเลนส์ตัวเดิม ส่วนตัวเลนส์หลัก 64MP เช่นเดิมครับ
สำหรับพัดลมในรุ่นนี้ดีไซน์อะไรได้เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดที่เห็นชัดเจนเลยว่าดีไซน์มีความกว้าง กินพื้นที่ข้างๆมากขึ้น พร้อมกับ งานออกแบบที่มีเส้นสายมากกว่าเดิมจากที่รุ่นก่อนหน้านั้นจะเป็นแค่เหลี่ยมๆตรงๆเท่านั้นครับ มาพร้อมกับขาตั้งในตัวเองเลยไม่ต้องมีฐานแยกแบบรุ่นก่อนๆ และเมื่อกางขาออกมานั้นจะเป็นสีกราฟฟิค น้ำเงินแดง การวางขาตั้งนั้นถือว่ารองรับการใช้งานได้ดีครับ ส่วนในฐานล่างนั้นมีรู 3.5มม. มาให้พร้อมกับ USB-C สำหรับชาร์จได้ และที่สำคัญนั้น ในตัวพัดลมจะเห็นปุ่ม ข้างๆพัดลม 2 แง่งนั้นจะเป็นปุ่มสำหรับเล่นเดมที่เราตั้งค่าได้ว่าจะทำอะไรบ้างครับ
งานออกแบบตัวเคสนั้นเมื่อมามองดูชัดๆเราจะเห้นว่าดีไซน์เส้นสายตรงส่วนเคสนั้นเรียบร้อยมากขึ้น ถ้ามองกลับไปรุ่น 3 นั้นจัเป็นตัวอักษรภาษาเยอะมากๆทั้งหมด แต่พอรุ่นนี้มีการปรับเหลือแค่โลโก้ และ พื้นผิวแบบเรียบๆแทนครับ พร้อมกับเว้นช่อง โลโก้ และ ไฟไว้ให้ รวมถึงช่องกล้องในด้านบนและมุมขวาล่างเป็นดีไซน์ทั้งหมด ซึ่งถ้าในรุ่นที่เป็นหน้าจอด้านหลัง ตัวเคสอาจจะมีการออกแบบที่หวือหวาหรือเว้ามากกว่านี้ครับเพราะว่า รุ่นนั้นจะมีฝาหลังที่สั่งงานได้
SPEC
- หน้าจอ 6.75 นิ้ว ใช้งาน SAMSUNG AMOLED 144Hz รองรับการใช้งาน HDR10+ ความหนาแน่น 396 DPI 1080×2448 พิกเซล ในความละเอียด FHD+ ใช้งานกระจก Gorilla Glass Victus รุ่นล่าสุดครับ หน้าจอรองรับสัมผัส 300Hz แบะ ตอบสนอง 24.3ms ที่ดีกว่าเดิม รองรับ ค่าความแม่นนำของสี DELTA E<1 และ หน้าจอใช้งานE4 ที่ดีกว่าเดิม
- ชิปประมวลผล Snapdragon 888 7nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 660
- RAM LPDDR5 16GB + storage (UFS 3.1) 256GB
- Android 11 ที่ครอบด้วย ROG UI
- ซิมคู่ (nano + nano)
- กล้องหลัง 64MP (f/1.8) ใช้เซนเซอร์ Sony IMX686 + เลนส์กว้าง 125˚ 13MP (f/2.4) + เลนส์มาโคร 5MP (f/2.0)
- กล้องหน้า 24MP (f/2.45)
- ลำโพง 7-magnet stereo ที่มาพร้อม smart amplifier NXP TFA9874 คู่, ไมโครโฟน 4 ตัวที่มาพร้อมเทคโนโลยีลดเสียงรบกวน ASUS Noise Reduction
- ชิพเสียง ESS SABRE PRO HIRES ES9280AC Pro
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- AIR TRIGGERS 5 ที่สามารถ เลื่อน แตะ กด ได้มากกว่าเดิม พร้อมปุ่มหลังเครื่องบนตัวพัดลม
- 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Bluetooth 5.1, USB Type-C, NFC
- แบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh ที่รองรับ Hyper Charge 65W, รองรับการชาร์จผ่านหัวชาร์จ 65W และ QC4.0 / PD3.0
SCREEN
หน้าจอจัดเต็ม 6.75 นิ้วรองรับ AMOLED 144Hz FHD+ DCIP3 HDR10+ ความเที่ยงตรงของสีที่สูงมาก ๆ โดยมีค่า Delta E <1 และ ความไวสัมผัส 300Hz มีค่าความหน่วง touch latency เพียง 24.3ms ใช้กระจก Gorilla Glass Victus และ ใช้งานหน้าจอชนิด E4 หน้าจอในรุ่นนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่ ความถี่อะไรนั้นยังคงเท่าเดิมนะครับแน่นอนว่าสำหรับสายเกม ดีกว่าจอตัวอื่นๆแบบสัมผัสได้เวลาเลื่อนใช้งานต่างๆครับ รวมถึงเวลาสัมผัสนั้นมันติดนิ้วและลื่นไหลมากๆถ้าได้ใช้จอนี้นานๆจะกลับไปใช้จอเดิมๆไม่ได้แน่นอนครับ เพราะมันจะเป็นความหน่วงแบบชัดเจน และภาพมันติดตาไปแล้วกับความเนียนแบบนี้ แต่ในตอนนี้ส่วนของเกมที่รองรับนั้นอาจจะยังมีน้อยเลยอาจจะหาความแตกต่างได้ยากเวลาเล่นเกมครับแต่ ถ้าใช้งานทั่วไปแค่เลื่อนดูภาพหรือ Facebook ก็เจอความแตกต่างแล้วนะ มาที่เรื่องของสีตัวจอรองรับมาตรฐานสีทั้งหมดที่มีได้ สวยสดและสู้แดดได้ดีมากครับ สีดำสวยและดูเนียนไปกับหน้าจอได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมไม่เจอสีเทาๆเวลาปิดจอแล้วมองเอียงๆแล้วรวมถึงสีค่อนข้างดีและสวย ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น และเป็นหน้าจอที่ตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดีมากๆตัวนึงและดีกว่าเรือธงตัวอื่นในแง่การตอบสนอง
ANTUTU
Snapdragon 888 มาพร้อมกับ RAM 16 GB ถือว่ายังคงไว้ใจได้และเป็นค่ายนี้ทำออกมาได้ดีครับ ทำให้คะแนนนั้นทำได้ 728357 คะแนน ก็ถือว่าเร็วแรงเอาเรื่องครับสำหรับ Snapdragon ส่วนเรื่องของอุณหภูมินั้นจะประมาณ 39 องศาถือว่ายังคงควบคุมความร้อนได้ดีเลยนะ และ การใช้งานในเรื่องของ เล่นเกม Snapdragon ก็ทำออกมาได้ประทับใจ และเป็น Gaming Smartphone ทำให้ในเรื่องของประสิทธิภาพ ROG จะเน้นกว่าตัวอื่นขับได้ดีกว่าครับ เพราะว่า ROG X MODE จะเหมือนกับการดัน OC ได้ทำให้ประสิทธิภาพนั้นสูงขึ้นไปอีกนั้นเองถือว่าโหดเอาเรื่อง
ANDROBENCH
ทางด้านหน่วยความจุนั้นใช้งาน UFS3.1 เร็วแรงแน่นอนครับอ่านทะลุ 1979 MB/s ไปแล้วพร้อมกับเขียน 785 MB/s ก็ถือว่าเร็วแรงใช้งานได้ดี ส่งผลต่อการใช้งานทั้ง การอ่านเขียนเวลาเปิดดูรูปภาพ การเล่นเกม หรือจะเป็นการเปิดแอปพวกนี้ มาพร้อมกับ 256 GB สำหรับเรือธงนั้นหายห่วงครับสำหรับการอ่านเขียนและเล่นเกมในตัว ROG
CAMERA
กล้องหลังในรุ่นนี้มาพร้อมกับ 3 เลนส์ แต่น่าเสียดายว่า ในเรื่องของเลนส์ สเปคมันไม่ได้หนีจากรุ่น 3 เท่าไรนัก ทั้ง เลนส์ และ พิกเซลทั้งหมด กล้องเลนส์หลักให้มา IMX686 64MP และมาพร้อมกับ (f/1.8) 1/1.7” 0.8 µm pixel size พร้อมระบบโฟกัส PDAF แต่น่าเสียดายว่ายังคงไม่มี OIS ใส่เข้ามาให้ครับ ส่วนทางด้านเลนส์ที่ 2 นั้นจะเป็นเลนส์มุมกว้าง 125 องศา และไม่มี AF อะไรครับ พร้อมกับ Real-time distortion correction ส่วนตัวที่ 3 นั้นเป็นแค่เลนส์ มาโครเท่านั้น 5MP จริงๆแอบเสียดายน่าจะใส่เลนส์ เทเลเข้ามาให้น่าจะตอบโจทย์ยุคนี้มากกว่าเยอะเลยครับ ส่วนทางด้านฟีเจอร์การถ่ายภาพนิ่งนั้นจัดเต็มเหมือนกันรองรับทั้ง การถ่ายละลายหลัง การถ่ายโหมดกลางคืน มุมกว้างต่างๆแต่การซูมอะไรยังไม่ได้เด่นเท่าที่ควรในเรื่องของการถ่าย ไม่ค่อยรู้สึกแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้านัก
ROG PHONE 5
ต้องบอกเลยว่าครั้งนี้เราได้ มือถือ มาก่อนที่จะเปิดตัวในตลาดโลก Exclusive สุดๆก่อนจะเปิดตัวทางการครับ และทาง ROG Phone ยังคงโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบ วัสดุ คุณภาพในการใช้งานทั้งหมดถือว่าเป็นค่าย Gaming ที่พัฒนาขึ้นเรื่อง รองรับการเล่นเกม คุณภาพทั้งลำโพง หน้าจอ อุปกรณ์เสริมต่างๆ แต่รุ่นนี้อาจจะไม่ได้มีความว้าวแตกต่างกับเดิมเท่าไรนัก จริงๆน่าจะไปเน้นในรุ่นที่มีจอด้านหลังมากกว่าที่สเปคอะไรนั้นมีความแตกต่างกับตัวนี้ครับ แต่ถ้ามองตัวนี้แน่นอนว่าหลายๆส่วนมีความคล้าย ROG Phone 3 ทั้งสเปคกล้อง สเปคหน้าจอ แต่ก็ได้ หน้าจอขนากใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แบตที่ชาร์จไวมากขึ้น พร้อมกับ ดีไซน์ฝาหลังที่สวยและมีความแตกต่างมากกว่าเดิมทำให้เป้นตัวเลือกที่ยังคงน่าสนใจถ้ากำลังดู และที่สำคัญคือการใช้งาน Snapdragon 888 ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพนั้นโดดเด่นขึ้นกว่าเดิมแบบชัดเจนครับ แต่ในเรื่องของการใช้งานจริงๆนั้นทั้ง ลำโพง เล่นเกมจะเป็นอย่างไรรอติดตามได้เร็วๆนี้ ในรีวิวเต็มนะครับ และ ติดตามการเปิดตัวในไทยได้ในเดือนหน้านี้ ว่าจะราคาและมีรุ่นไหนบ้างครับ
สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Preview by Nineztr