ในยุคที่บรรดาค่ายเลนส์ ค่ายกล้องเริ่มมาจับมือกับฝั่งมือถือกันเยอะมากขึ้นและทาง VIVO เองก็ได้จับมือกับ ZEISS มาอย่างยาวนานแล้ว ในรุ่นก่อนหน้าและรุ่นนี้ก็เป็นการร่วมมือที่จัดเต็มมากกว่าเดิม ในรุ่น VIVO X60 PRO นั้นเองครั้งนี้นอกเหนือจากพัฒนาอะไรร่วมกันยังมีการทำ Effect เลนส์แบบ BIOTAR เสริมเข้ามาทำให้โบเก้นั้นจะวนๆสวยงามมากเวลาถ่ายบุคคลครับเป็นจุดเด่นของ ZEISS เลยก็ว่าได้ในครั้งนี้ และสเปกอื่นๆของ VIVO X60 PRO เองนั้นจัดเต็มไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 120Hz กล้องหลัง 48MP กันสั่นที่พัฒนาขึ้น และงานออกแบบที่ยังคงโดดเด่น เลยพามาชมพรีวิวกันซักเล็กน้อย แกะกล่องก่อนที่จะวางขายกันอย่างเป็นทางการในประเทศไทยใน X60 PRO ตัวนี้ครับ
VIVO X60 PRO ตัวนี้ใช้งาน หน้าจอ E3 AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว FHD+ ที่มีรีเฟรชเรท 120Hz และความถี่การตอบสนอง 240Hz ส่วนกล่องหน้าจะเป็นแบบเจาะรูที่มีความละเอียด 32MP และตัวสมาร์ตโฟนใช้งาน Snapdragon 870 ที่รองรับเครือข่าย 5G อีกทั้งยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการ FuntouchOS 11.1 ที่ครอบอยู่บน Android 11 ด้วย สำหรับรุ่น X60 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ที่ใช้เลนส์ของ Zeiss optics ประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 48MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX598 ที่มาพร้อม OIS 5 แกนป้องกันการสั่น + กล้อง portrait 50mm 13MP + กล้องมุมกว้าง 120 องศา 13MP ที่รองรับมาโครขนาด 2.5cm และสำหรับฟีเจอร์การถ่ายรูปอื่น ๆ ได้แก่ การแก้ไขความคนชัดและสีแก่รูปภาพเก่า, Vivo X60 Pro รองรับ multi-focus 1X, 2X สมาร์ตโฟนในซีรีย์ X60 จะมาพร้อมดีไซน์สี two-tone แบบ gradient และใช้เทคโนโลยี satin AG ที่ทำให้แทบจะปราศจากรอยนิ้วมือ อีกทั้งทาง Vivo ได้ออกมาเผยว่า X60 ที่ถูกเปิดตัวนี้จะเป็นสมาร์ตโฟน 5G ที่ตัวเครื่องบางที่สุดในปัจจุบัน โดยมีความหนาเพียง 7.56mm และตัวเครื่องนั้นจะมาพร้อมกับแบตขนาด 4,200 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 33W ส่วนการเปิดตัวในไทย รวมถึงทางด้านราคาเองนั้นต้องรอติดตามกันอย่างเป็นทางการอีกรอบว่าจะมาที่เท่าไรนะครับ แต่สเปกดีงามและน่าสนใจมาก และ เรื่องของคุณภาพการถ่ายรูป และ กันสั่นทำได้น่าประทับใจจริงๆ
UNBOX
ตัวกล่องยังคงมีความสวยพรีเมี่ยมและออกแบบได้ดีครับ เมื่อเปิดเข้ามาข้างในจะเห็นการเขียนชื่อรุ่นพร้อมระบบกันสั่นให้เข้ามาด้านในพร้อมกับตัวเครื่องวางสวยๆอยู่ด้านในเป็นกล่องที่สวยงามและใส่ใจมากๆตัวนึงในคู่แข่งด้วยกันส่วนอุปกรณ์เองนั้นให้มาครบๆทั้ง หูฟัง ตัวแปลง ที่ชาร์จ และ สายครบพร้อมใช้งานรวมถึงตัวเคสใสแบบพลาสติกแข็ง
- ตัวเครื่อง VIVO X60 PRO
- เคสใสแข็ง VIVO X60 PRO
- ที่ชาร์จ USB-A รองรับชาร์จไว 33W
- สาย USB-C
- หูฟัง IN-EAR 3.5 มม.
- ตัวแปลง USB-C ไป 3.5 มม.
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
ที่ชาร์จนั้นยังคงให้มาพร้อมกับชาร์จไว VIVO FLASHCHARGE 2.0 ที่ 33W ครับแน่นอนว่าเหลือๆในการใช้งานทั่วไปแล้ว พร้อมกับหัวแบบ USB-A ส่วนทางด้านหูฟังเองนั้นเป็นแบบ IN-EAR พรีเมี่ยมพร้อมกับสายแบบ 3.5 มม. รวมถึงให้ตัวแปลง USB-C ไป 3.5 มม. เสริมเข้ามาให้ แม้จะตัดรูหูฟังไปแต่ก็ให้อุปกรณ์มาครบๆเลยแหละ
ทางด้านเคสเองนั้นเป็นเคสแบบพลาสติกแข็งๆเลยในเรื่องของการปกป้องอาจจะไม่ได้โดดเด่นครับ แต่ก็พอเข้าใจได้ที่ออกแบบมาแบบนี้เนื่องจาก VIVO X60 PRO ตัวนี้ใช้หน้าจอแบบโค้งมากๆทำให้เคสต้องเกาะบนล่างแทนนั้นเอง ส่วนฝาหลังก็เป็นสีขุ่นๆขาวๆนิดหน่อย ไม่ได้มีการออกแบบหรือเขียนอะไรพิเศษ สำหรับตัวเคสนี้ไม่มีลูกเล่นอะไรครับ รวมถึงการปกป้องเลนส์ต่างๆนั้นขึ้นมานิดหน่อยไม่ได้เยอะมาก เคสแข็งนั้นจะไม่ได้เน้นการปกป้อง กระแทกอะไรนัก
จะเห็นว่าในด้านหน้านั้นกระจกหน้าจอโค้งเยอะมากๆ ทำให้เคสต้องทำเป็นแบบเคสแข็งแน่นอนว่าไม่ต้องถามเรื่องการกันกระแทกเวลาตกครับ ด้วยหน้าจอและเคสแบบนี้ แต่ที่จะได้คือการปกป้องรอยขีดข่วนตามขอบเครื่อง ตามฝาหลังซะมากกว่า และได้ความเบาบางและจับถนัดมือมากกว่าเคสหนาๆแบบ TPU นั้นเองอันนี้ก็แล้วแต่คนชอบกันไปในตัวนี้
DESIGN
งานออกแบบรุ่นนี้ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของค่าย VIVO ที่มาพร้อมกับเลนส์ขนาดใหญ่มุมซ้ายบนตัวเครื่องอีกทั้งเลนส์หลักด้านบนที่มีกันสั่น OIS+EIS 5 แกนจัดเต็มจะเห็นเลนว่าเลนส์ขยับได้เยอะมากๆรวมถึงโลโก้ของเทพแบบ ZEISS ไว้มุมขวาบน ทางด้านฝาหลังดีไซน์สวยงามพร้อมกับความโค้งแบบ 3D ไล่เฉดสีสวยงามจับถือถนัดและที่น่าสนใจขอบหน้าจอด้านหน้าก็โค้งลงมาด้วยเช่นกันพร้อมกับความบางเพียง 7.56mmถือว่าบาง เบา 177 กรัม พกพาได้ง่ายมาก และสีสันเวลาเจอแสงก็จะเปลี่ยนไปได้ตามสภาพแสงครับ แต่ถ้าสีเดิมๆจะออกสีเงินอมฟ้าเล็กน้อยครับ
หน้าจอขนาด 6.56 นิ้ว LTM Display ที่ได้พัฒนาร่วมกับ Qualcomm ใช้งานหน้าจอแบบ AMOLED ที่มี Refresh Rate 120 Hz, Touch Sampling Rate ที่ 240Hz รองรับสีสันแบบ HDR10+ ในความละเอียด FHD+ ครับ รวมถึงการออกแบบขอบหน้าจอกระจกแบบ 3D โค้งลงเยอะในด้านข้างทั้ง 2 สวยงามและพรีเมี่ยม
ขอบด้านล่างยังคงเป็นการควบคุมมาตรฐานที่สามารถปรับใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้รวมถึงขอบข้างๆโค้งลงไปทำให้ขอบบางขั้นเต็มตามากกว่าเดิม ส่วนขอบล่างก็ทำพื้นที่ได้ดีครับ สวยงามและเนียนไปกับหน้าจอได้กำลังสวยเลย
ขอบด้านบนนั้นเราจะเห็นว่าบางมากๆบางกว่าขอบล่าง แต่ยังใส่ทั้งลำโพง เซนเซอร์ และกล้องหน้ามาให้ครบๆส่วนนี้และกล้องหน้าให้มามากถึง 32MP ในขนาดเล็ก แต่คุณภาพไม่ธรรมดาเลยแหละครับ แต่น่าเสียดายเป็นลำโพงเดี่ยว
ฐานเครื่องเราจะเห็นลำโพงหลักพร้อมกับ เส้นเสาสัญญาณเพราะว่าตัวขอบนั้นเป็นอลูมิเนียมทั้งหมดแข็งแรงขึ้นรูปสวยงามมีการเว้าเล็กน้อยให้มีมิติครับ ส่วนรู USB-C เป็น 2.0 พร้อมกับรูไมค์หลัก และ ถาดซิมแบบ Dual SIM
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเห็นเลยว่าฝาหลัง และหน้าจอโค้งเข้าหากันแบบสมมาตรทั้งหมด ทำให้การขับถือนั้นมีการโค้งรับมือได้ดี แต่ก็มีข้อเสียในการระวังหรือการจับถืออาจจะโดนขอบจอได้ง่ายขึ้นนั้นเอง มาพร้อมกับปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่ม Power ที่รองรับการใช้งานได้สบายๆมีการเปลี่ยนพื้วผิวเล็กน้อยในปุ่มเปิด/ปิดให้จับได้แตกต่างกัน
ขอบฐานด้านบนนั้นจะมีการใส่วัสดุสีเงาคล้ายกับฝาหลังเข้ามาพร้อมกับรูไมค์ตัดเสียง และ ตรงกลางเครื่องเขียนว่า PROFESSIONAL PHOTOGRAPHY ด้วยนะถือว่าแปลกตาดีเหมือนกันครับ มีลูกเล่นเล็กๆน้อยในส่วนขอบบนนี้
ขอบเครื่องทางด้านซ้ายนั้นเรียบๆไม่มีปุ่มหรือถาดซิมอะไรครับ เราจะเห็นแค่ ขีดเสาสัญญาณเท่านั้นและการโค้งลงมาของฝาหลัง และกระจกหน้าจอ ส่วนกล้องหลังนั้นนูนกำลังดีไม่ได้เด่นมากนักและปกป้องได้กำลังดีไม่เกะกะมากเกินไป
สมาร์ตโฟนในซีรีย์ X60 นั้นจะมาพร้อมดีไซน์สี two-tone แบบ gradient และใช้เทคโนโลยี satin AG ที่ทำให้แทบจะปราศจากรอยนิ้วมือ บอกเลยว่าพรีเมี่ยม สวย และรักษาได้ง่ายเป็นกระจกด้านที่ออกแบบได้ดีทั้งมิติของแสงหรือว่าการสะท้อนแสงต่างๆนั้นโดดเด่นอย่างมากจริงๆ ตัวเครื่องที่บางและฝาหลังที่ขอบโค้งลงทั้ง 2 ข้างแบบ 3D ทำให้เวลาจับถือ ถือว่าบางและเบาถนัดมือแม้จะถือมือเดียวก็ตามครับ โลโก้วางนอนพร้อมกับกล้องหลังตำแหน่งที่คุ้นเคยกันดีเป็นเลนส์หลักขนาดใหญ่และเลนส์รองลงมาด้านล่าง และจะเห็น LOGO ZEISS โดดเด่น ขึ้นมาเช่นกัน
กล้องหลังถือว่าเป็นจุดเด่นและน่าสนใจมากๆของรุ่นนี้เพราะว่าทาง VIVO เองนั้นได้ร่วมพัฒนากับทาง ZEISS แบรนด์เลนส์กล้องชื่อดัง ที่จะมาพัฒนาเลนส์ ระบบถ่ายภาพ โทนสีร่วมกับทาง VIVO ครับ รวมถึงมี Effect Bokeh แบบพิเศษที่จะเจอในเลนส์ซีรีส์ Biotar พร้อมกับฟีเจอร์อื่นๆยังให้มาครบทั้งโหมด Pro Sports Mode, Kids Snapshot, HDR Super Night Portrait, Super Pano เป็นต้น ส่วนสเปกกล้องหลัง 48MP (f/1.48) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX598, OIS 4 แกน + กล้อง ultra-wide 120° 13MP (f/2.2) ที่มาพร้อมมาโครขนาด 2.5cm + กล้อง portrait 50mm 13MP (f/2.46) ถือว่าให้เลนส์ระยะมาครบมากๆทั้ง เทเล มุมกว้าง มาโคร และ เลนส์หลัก ที่ยังคงสานต่อการกันสั่นแบบ Gimbal Stabilization 2.0 ทำให้กันสั่นนิ่งขึ้นเยอะมากครับตัวนี้
SPEC
- หน้าจอ E3 AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว (2376×1080 พิกเซล) Full HD+, อัตราส่วน 19.8:9, รีเฟรชเรท 120Hz แบบโค้ง, HDR10+
- ชิปประมวลผล Snapdragon 870
- การ์ดจอ Adreno 650
- RAM LPDDR5 12GB + storage (UFS 3.1) 256GB
- Android 11 ที่ครอบด้วย FuntouchOS 11.1
- ซิมคู่
- กล้องหลัง 48MP (f/1.48) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX598, OIS 5 แกน + กล้อง ultra-wide 120° 13MP (f/2.2) ที่มาพร้อมมาโครขนาด 2.5cm + กล้อง portrait 50mm 13MP (f/2.46) แฟลช LED
- กล้องหน้า 32MP (f/2.45)
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- พอร์ต USB Type-C
- ระบบเสียง Hi-Res Audio
- ขนาดตัวเครื่อง X60 Pro : 158.57×73.24×7.59mm; น้ำหนัก: 178กรัม
- รองรับ 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ax, Bluetooth 5.1, GPS (L1+L5 Dual Band) + GLONASS
- แบตเตอรี่ 4,200 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 33W
SCREEN
หน้าจอตัวนี้ถือว่ามีความพิเศษไม่ใช่แค่มี 120Hz แต่การใช้งานหน้าจอเป็นแบบ LTM Display ที่ได้พัฒนาร่วมกับ Qualcomm ทำให้รองรับการใช้งานแม้จะเจอแสงกลางแจ้งก็รองรับได้สบายรวมถึงได้มาตรฐาน HDR10+ ด้วยเช่นกันครับมาพร้อมกับสเปก หน้าจอ E3 AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว (2376×1080 พิกเซล) Full HD+, อัตราส่วน 19.8:9, รีเฟรชเรท 120Hz , HDR10+ ใช้งาน Gorilla Glass 6 ถือว่าจัดเต็มเอาเรื่อง สามารถปรับได้จาก 60Hz กับ 120Hz ด้วยเช่นกัน ส่วนการสู้แสงนั้นรองรับได้ 800Nits ครับในความสว่างสูงสุด และรองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอพร้อมใช้ ถือว่าเป็นจอที่ดีนะดับนึงและความลื่นไหลติดนิ้วนั้นยังคงทำได้ดีในการเล่นเกมต่างๆ
ANTUTU
สำหรับการทดสอบคะแนน Antutu นั้นจากที่ใช้งาน Snapdragon 870 5G แรงเอาเรื่องครับ ถ้านับจากรุ่นเดิม X50 PRO ตัวนี้ถือว่าแรงขึ้นชัดเจน เลยลองกดดูนั้นทำคะแนนได้ค่อนข้างสูงเลยแหละทำได้ถึง 632412 คะแนนซึ่งถือว่าแรงกว่าเดิมจากช่วง 570K ครับจุดนี้ถือว่าดี ยังมาพร้อม RAM 12 GB LPDDR5 และ การใช้ UFS 3.1 ทำให้มันขับหน้าจอ 120Hz ได้สบายๆและทำงานได้เต็มที่ รวมถึงการจัดการระบายความร้อนอะไรต่างๆนั้นสบายๆ
ANDROBENCH
มาพร้อมกับ USF3.1 256GB แบบเดิมเลยครับสามารถทำความเร็วไปได้ 1,731 MB/s และสามารถเขียนไปได้ 783 MB/S ครับส่งผลทำให้เปิดใช้งานอะไรพวกนี้ไวมากๆ รวมถึงการดูรูปในเครื่องก็จะทำได้ไวและลื่นไหลมากกว่าเดิม เรียกดูข้อมูล วีดีโอ ภาพนิ่งได้ไว หรือแม้แต่การลงแอป หรือว่าเรียกแอปใช้งานพวกนี้ จะเหมือนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ SSD นั้นย่อมไวกว่า HDD แบบเดิมๆนั้นเอง จุดนี้ยังคงทำได้ไวและน่าจะเป็นเทคโนโลยีที่เร็วและใช้งานได้ดีที่สุดในตอนนี้ด้วย ถือว่าโหดกว่าเดิมที่เป็น UFS 2.1 แบบชัดเจนเพราะว่ารุ่นก่อนจะได้แค่ 900 เท่านั้นครับในเรื่องนี้
CAMERA
กล้องหลังรุ่นนี้ พัฒนาร่วมกับทาง ZEISS แบรนด์ผลิตเลนส์ชื่อดังจากเยอรมัน และแน่นอนว่าจะมาพัฒนาเลนส์ ระบบถ่ายภาพ โทนสีร่วมกับทาง VIVO ครับ รวมถึงมี Effect Bokeh แบบพิเศษที่จะเจอในเลนส์ซีรีส์ Biotar พร้อมกับฟีเจอร์อื่นๆยังให้มาครบทั้งโหมด Pro Sports Mode, Kids Snapshot, HDR Super Night Portrait, Super Pano เป็นต้น ส่วนสเปกกล้องหลัง 48MP (f/1.48) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX598, OIS 4 แกน + กล้อง ultra-wide 120° 13MP (f/2.2) ที่มาพร้อมมาโครขนาด 2.5cm + กล้อง portrait 50mm 13MP (f/2.46) ถือว่าให้เลนส์ระยะมาครบมากๆทั้ง เทเล มุมกว้าง มาโคร และ เลนส์หลัก ที่ยังคงสานต่อการกันสั่นแบบ Gimbal Stabilization 2.0 ทำให้กันสั่นนิ่งขึ้นเยอะมากครับตัวนี้ รวมถึงทางด้านกล้องหน้าก็ไม่น้อยหน้าให้มาที่ 32MP รองรับการถ่ายได้ดีอีกทั้ง โทนสี สกินโทนทั้งกล้องหน้าหลังทำได้ดีมากๆประทับใจจริงๆและการละลายหลังเนียนตาเมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์เทเล ทำให้เราได้ระยะ 50มม. ในการถ่ายใช้งานด้วยบอกเลยว่า สายถ่าย Portrait รุ่นนี้ทำได้ดีมากจริงๆ และ Bokeh Biotar เบลอหลังแบบ วนๆทำได้สมจริงและไม่มีค่ายไหนทำได้แบบนี้ด้วยนะครับ
VIVO X60 PRO
เป็นรุ่นที่น่าสนใจยกระดับขึ้นมาจากเดิมเยอะขึ้นไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัง ที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS และใช้งานเทเล มุมกว้างที่ดีขึ้นรวมถึงเลนส์หลักที่ยังคงพัฒนาระบบกันสั่นแบบ 5 แกน GIMBAL อีกทั้งคุณภาพการถ่ายฟีเจอร์การถ่ายละลายหลังเนียนตาและสวยงามขึ้นต้องยกความดีให้ Biotar ที่ใส่เข้ามาในการละลายหลังแบบใหม่ อีกทั้งหน้าจอเป็นจุดที่พัฒนาขึ้นเท่าตัวมาใช้งาน 120Hz แบบ AMOLED เนียนตามากขึ้นสัมผัสได้ดีมากขึ้นตอนสนองจากเดิม 180Hz เป็น 240Hz เลยทีเดียวและสู้แสงอะไรได้ดีเช่นกัน ส่วนงานออกแบบยังคงเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ บาง เบา เล่นกับแสงได้สวยอีกทั้งสเปกการใช้งานรองรับ 5G พร้อมกับ Snapdragon 870 5G ตัวใหม่ทำให้ใช้งานได้สบายๆไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือว่าทำงานดูไฟล์ขนาดใหญ่ๆอ่านไฟล์ต่างๆก็ทำได้ดีครับทั้ง CPU และหน่วยความจำ 12GB และ UFS3.1 ถือว่าสเปกทั้งหมดให้มาครบๆ แอบเสียดายแค่ PERISCOPE เท่านั้น แต่ส่วนอื่นๆจัดเต็มเลยทีเดียว แต่ในการใช้งาน อายุแบต วีดีโอ กล้องหลังแบบจัดเต็มจะเป็นยังไงนั้นรอติดตามรีวิวเต็มได้เร็วๆนี้ครับผม
สำหรับพรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Preview by Nineztr