realme ประเทศไทยเปิดตัว realme GT Master Edition ตามหลังต่างประเทศไม่กี่วันเท่านั้น และนอกเหนือจากมือถือ ยังมีการเปิดตัว คอมพิวเตอร์พกพา เครื่องแรกของค่ายในชื่อ realme Book ด้วยเช่นกันถือว่าเป็นการลุยตลาดแบบจัดเต็มหลังจากที่เดือนที่แล้วเงียบเหงากันไปพอสมควรเลยในวงการมือถือ แต่เดือนนี้เริ่มไตรมาสใหม่บอกเลยว่าแต่ละค่ายจัดเต็มกันไม่ยอมกันแน่นอน และในรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุุ่นพิเศษทั้งงานออกแบบ และสเปกในหลายๆส่วนครับ เป็นรุ่น realme GT Master Edition ที่มาพร้อมกับการออกแบบพิเศษฝาหลังได้ แรงบันดาลใจจากกระเป๋าเดินทาง จากคุณ นาโอโตะ ฟุคาซาว่า นั้นเอง ได้แนวคิดจากการเดินทางที่ช่วงนี้อาจจะทำให้หลายๆคนคิดถึงการเดินทางต่างๆ และมาพร้อมกับ Snapdragon 778G ล่าสุด รวมถึง หน้าจอเทพ 120Hz AMOLED และชาร์จไว 65W SuperDart Charge  จัดเต็ม เหมือนเคยและกล้องหน้าพัฒนาขึ้นอีกครั้งเป็น 32MP IMX651 ตัวใหม่ด้วยเช่นกันถือว่าภาพรวมรุ่นนี้ ทำสเปก งานออกแบบ การใช้งานนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียวสำหรับน้องใหม่ตระกูล GT ตัวนี้ครับ

ทางด้านสเปกเอง realme GT Master Edition มาพร้อมกับ Snapdragon 778G 5G ขนาด 6nm และใช้งาน การ์ดจอ Adreno 642L พร้อมด้วย RAM 8GB  และ Storage 128GB หรือ 256GB พร้อมกับ Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0 ซิมคู่ (nano + nano) หน้าจอ OLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2,400×1,080พิกเซล) Full HD+ 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1,000 nits และตอบสนองการสัมผัส 360Hz จอตัวเดียวกับ GT 5G และ ส่วนทางด้านกล้องหลัง เป็นกล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 ) กล้อง Ultra Wide 119 องศา 8MP (f/2.2) กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) แฟลช LED รองรับโหมด Bokeh Flare Portrait รวมถึง Street Filter โทนสี KODAK ในการทำโทนสีแบบกล้องฟิล์ม และโหมด Street ใส่เข้ามาให้ที่มี Peak Focus มาให้ด้วย เจ๋งมาก และใช้งาน กล้องหน้า 32MP (f/2.45) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX615 ตัวใหม่ที่มุมมองกว้าง และ คุณภาพที่ดีกว่าเดิม พร้อมกับ เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ และ ลำโพงตัวเดียว Super linear speaker รองรับ คุณภาพเสียง Hi-Resผ่านรูหูฟัง พร้อมแบต 4,300 mAh รองรับ ชาร์จไวด้วย 65W SuperDart Charge ที่สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายในระยะเวลาเพียง 30 นาที และมีระบบ flash charging ขณะเล่นเกม ช่วยให้สามารถชาร์จได้ถึง 38% ในการเล่นหนึ่งชั่วโมง พร้อมกับระบบสั่นพิเศษ Tactile Engine ได้รับการพัฒนาโดยใช้มอเตอร์แนวราบที่ปรับให้เข้ากับทุกด้านของระบบอย่างล้ำลึก ให้การตอบสนองการสั่นสะเทือนแบบ 3มิติ  ถือว่าสเปกไม่ธรรมดาและหน้าจอก็ลื่นไหลมาก

PRICE 

  • realme GT Master Edition เปิดตัวในประเทศไทยมาพร้อมกับ 2 สีนะครับ และ มีความจุแตกต่างกันเล็กน้อย
  • realme GT Master (8+128) : 13,990 THB
  • realme GT Master (8+256) : 15,990 THB

UNBOX

ตัวกล่องเองนั้นมีการออกแบที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆ แต่ก็จะไปอิงการออกแบบในแนวทางของตระกูล GT นั้นเองครับคล้ายกับรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ และอุปกรณ์ในกล่องเองก็ให้มาครบพร้อมใช้งานแต่รุ่นพิเศษนี้จะได้เคสแตกต่างกับสีปกติ

  • ตัวเครื่อง realme GT Master Edition
  • ตัวเคส Master Edition ออกแบบ สีเดียวกับตัวเครื่อง วัสดุนิ่ม TPU
  • สายชาร์จ USB-A ไป USB-C รองรับ 65W SuperDart Charge
  • Adaptor 65W SuperDart Charge
  • คู่มือการใช้งาน ที่จิ้มซิม

ตัวเคสแถมนั้นในรุ่นนี้จะเป็นสี voyager grey ทำให้เป็นฝาหลังหนังและตัวเคสเลยมีการออกแบบพิเศษกว่ารุ่นทั่วๆไปเยอะมาก เป็นลวดลายแบบเดียวกับฝาหลังเลยครับ แต่จะทำจากวัสดุที่สะดวกสบายและทนทาน (TPU) ด้วยรูปทรงกระเป๋าเดินทาง 3 มิติแบบเดียวกันและลายเซ็นของนาโอโตะ ฟุคาซาไม่เพียงปกป้องโทรศัพท์ได้ แต่ยังแสดงการออกแบบที่มีสไตล์อีกด้วยนั้นเอง และในด้านหน้าจะคลุมมาเยอะกว่าเคสแถมที่เราเคยเห็นทำให้การใช้งานนั้นลงตัวและมีความแข็งแรงรวมถึงยังคงสวยได้เหมือนเดิม จะดีกว่าเคสแข็งทั่วไปในแบรนด์อื่นๆและตัวนี้ทำได้ลงตัว

ในแง่ของการคลุมเลนส์กล้องนั้นวางคว่ำไม่โดนเลนส์แต่จะไม่ได้มีมุมขึ้นมาเยอะอะไรมากนักปกป้องได้เล็กน้อยครับสูงกว่าเลนส์กล้อง แต่จะไม่ได้นูนออกมาเยอะ ถือว่าต้องระวังนิดหน่อย แต่ผิวสัมผัสตัวเคสเนียนมือวัสดุดีและลวดลายสวยเช่นเดิมครับ และเป้นสีเทาด้านสวยงาม ส่วนด้านหน้านั้นปกป้องได้ดีเลยแหละ คลุมทุกมุมของกระจกปกป้องจอแตก

DESIGN

งานออกแบบตัวเครื่องรุ่นนี้การวางเลนส์กล้อง งานออกแบบภาพรวมนั้นไม่ได้หนีจากรุ่นอื่นๆของค่ายแต่รุ่นนี้ ในสีเทาจะได้งานออกแบบที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆของค่ายทันที ฝาหลังลวดลายพิเศษจากคุณ นาโอโตะ ฟุคาซาว่า ที่ได้แนวคิดจากกระเป๋าเดินทางต่างๆ ทำให้ฝาหลังนั้นเป็นวัสดุหนังที่ผิวสัมผัสดี และสวยงามกว่าตัวอื่นๆ รวมถึงขนาดตัวเครื่องเบา บางกำลังดี และ หน้าจอได้ตัวเดียวกับ GT 5G ทำได้ลื่นไหล และ สีเทาออกมาโทนกำลังหรูและทันสมัยงานประกอบแน่นดีแม้จะไม่ได้ใช้เฟรมโลหะแต่ความเนียน รอยต่อความแน่นเวลาจับถือเองนั้นตัวนี้ทำได้ดีมากๆทีเดียว

หน้าจอนั้นเป็นการออกแบบหน้าจอแบบเจาะรูมุมซ้ายบนใช้งาน หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2400×1080 พิกเซล) Full HD+, อัตราส่วน 20:9 รองรับ HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz,สัมผัส 360Hz

ขอบหน้าจอส่วนบนนั้นตัวนี้ถือว่าทำได้ดีเพราะว่าเป็นลำโพงคู่ให้มาจัดเต็ม พร้อมกับกล้องหน้า 32MP F2.45 รองรับการถ่ายมาตรฐาน แต่น่าเสียดายว่ารูรับแสงนั้นแคบไปนิดหน่อยครับ พร้อมกับแทรกเซนเซอร์ต่างๆไว้ขอบบนทั้งหมด

ขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นมีความบางระดับนึงพร้อมกับปุ่มควบคุมมาตรฐาน และ สามารถปรับไปใช้งานได้แบบเต็มหน้าจอ ส่วนหน้าจอนั้นเป็นการออกแบบหน้าจอแบบเรียบๆ ไม่ได้มีส่วนขอบโค้งหรือกระจกโค้งอะไรแต่อย่างใดในรุ่นนี้

ขอบเครื่องส่วนล่างนั้นเราจะเห็นว่ารุ่นนี้เป็นลำโพงหลัก และ มาพร้อมกับ USB-C และ รูไมค์หลักในด้านล่าง พร้อมกับรู 3.5 มม. ให้มาไม่ได้ตัดออกไปไหนครับ ส่วนลำโพงอีกตัวนั้นจะไว้ขอบบนหน้าจอนั้นเอง ส่วนการออกแบบนั้นจะเป็นขอบสีเงินโครเมี่ยมสวยงามมากๆ ดูพรีเมี่ยมสวยงาม และจะมีความโค้งมนมากกว่าตัว GT 5G ก่อนหน้านี้ครับ

ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่ม / ลด เสียงครับ จะเห็นว่ามีสีเงินโครเมี่ยมทั้งขอบเครื่องดูหรูหราสวยงามจริงๆ พร้อมกับถาดซิมที่รองรับการใช้งานแบบ Dual-Sim แต่จะไม่รองรับการเพิ่ม Micro-SD นะครับตัวนี้

ขอบเครื่องด้านบนนั้นเรียบๆไม่ได้มีอะไรมากนัก แต่เราจะเห็นรูไมค์ด้านบนสำหรับการตัดเสียงหรือว่าอัดเสียงใส่มาพร้อมกับฝาหลังที่เราเห็นนั้นจะมีการโค้งลงมาทำให้การจับถืออะไรนั้นรองรับได้ง่ายและถือได้ถนัดมือมากขึ้นด้วย

ขอบเครื่องด้านขวาเราจะเห็นว่ามีแค่ปุ่ม Power เท่านั้น ไม่ได้มีการเล่นสีหรือพื้นผิวอะไรตรงปุ่มเปิดปิดนี้ และ ส่วนฝาหลังหนังนั้นมีการเข้าขอบเครื่องมากขึ้น ทำให้ตัวขอบเครื่องนั้นดูบางมากกว่าเดิมและจับถือได้สะดวกเช่นกัน

ฝาหลังถือว่าเป็นจุดเด่นมากๆของตัวนี้เพราะว่ามีวัสดุพิเศษ และได้รับการออกแบบมาจากคุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า ซึ่งมีแนวคิดในการออกแบบฝาหลังว่า “การเดินทางมีบทบาทสำคัญในชีวิตของฉัน ทำให้ฉันได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างที่มีอยู่ในโลกและการออกแบบที่แท้จริงคืออะไร ฉันต้องการออกแบบสมาร์ตโฟนสำหรับทุกคน โดยเฉพาะสำหรับคนที่คิดบวก กระตือรือร้น และมีชีวิตชีวา” จึงได้ฝาหลังดีไซน์หนังวีแกนมาพร้อมกับสี Voyager Greyในการออกแบบจากกระเป๋าเดินทาง  จะช่วยเตือนให้คุณความรู้สึกคิดถึงในทุกๆการเดินทางต่างๆ และ หนังวีแก้น ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นนุ่มเหมือนผิวเด็ก ซึ่งเป็นหนังวีแก้นแบบเว้าแบบแรกในอุตสาหกรรม พร้อมกับ ดีไซน์เส้นตารางแนวนอนของกระเป๋าเดินทาง ให้ความรู้สึกถือสบายส่วนโทน สีเทาโวเอเจอร์ให้ความรู้สึกสบายตัวเนื่องจากเป็นโทนสีที่ไม่มืด

และที่ขาดไม่ได้เลยคือโลโก้ realme ที่ตำแหน่งมุมขวาบน พร้อมกับลายเซ็นอันละเอียดอ่อนของ Naoto Fukasawa ทำด้วยกระบวนการแกะสลักระดับนาโน และ เขียนชัดเจนเลยว่า Designed By ชัดเจนเลยทีเดียวครับ และไม่หลุดลอกได้ง่ายๆแน่นอน ซึ่งในไทยจะมีแค่สีเทาตัวนี้เท่านั้นที่เป็นฝาหลังพิเศษและมีความสวยงามแบบนี้ครับ

ทางด้านกล้องตัวนี้มีการจัดวางต่างๆคล้ายกับรุ่นพี่ แต่จะมีการเปลี่ยนงานออกแบบเล็กน้อยมีความหรูหรามากกว่าเดิม เลนส์แต่ละชิ้นเองนั้นแยกกันทั้งหมดพร้อมกับยกระดับขึ้นมาจากตัวบอดี้ และ เรียงกันแนวตั้ง พร้อมกับ ไฟแฟลชในด้านล่าง รวมถึงเขียน MATRIX CAMERA และมีการเพิ่มโหดมดการถ่ายเข้ามาทั้ง Bokeh Flare Portrait หรือ Street Mode ที่มีการใช้โทนสีฟิล์ม KODAK เข้ามาด้วยเช่นกันครับ ในแง่ของสเปก กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 ) กล้อง Ultra Wide 119 องศา 8MP (f/2.2) กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) แฟลช LED ถือว่ารองรับการถ่ายทั่วไปได้สบาย และ โหมดการถ่ายทั้งกลางคืนหรือกลางวัน และ Portrait ก็ตาม ส่วนวีดีโอรองรับ 4K 30FPS สูงสุดเลยนั้นเองครับ และมี Dual View และ โหมดการถ่ายวีดีโอแบบละลายหลัง ดูดสีต่างๆให้มาครบจัดเต็มมาก

SPEC

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2,400×1,080พิกเซล) Full HD+ 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1,000 nits
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 778G 6nm
  • ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 642L
  • RAM 8GB +  storage 128GB / 256GB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0
  • ซิมคู่ (nano + nano)
  • กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.8 ) กล้อง Ultra Wide 119 องศา 8MP (f/2.2) กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) แฟลช LED
  • กล้องหน้า 32MP (f/2.45) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX615
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
  • ลำโพง Super linear speaker, คุณภาพเสียง Hi-Res
  • ขนาดตัวเครื่อง: 159.2×73.5×8มม. / 8.7มม. (สีเทา); น้ำหนัก: 178 กรัม / 174 กรัม
  • รองรับเครือข่าย 5G SA/ NSA, Dual 4G VoLTE,
  • Wi-Fi 6 802.11 ax, Bluetooth 5.2, GPS/Beidou/ Glonass/QZSS/Galileo, NFC
  • USB Type-C แบตเตอรี่ความจุ 4,300mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 65W

PERFORMANCE

Qualcomm Snapdragon 778G 5G ใช้กระบวนการขั้นสูง 6nm ซูเปอร์คอร์สถาปัตยกรรม A78 สี่ตัว และความถี่หลักสูงถึง 2.4GHz มอบประสบการณ์ประสิทธิภาพที่ครอบคลุมและทรงพลัง ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว Vapor Chamber ขนาดใหญ่ ซึ่งครอบคลุมแหล่งความร้อนหลัก 100% ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิได้อย่างมากและทำให้สมาร์ตโฟนอยู่ในสถานะที่มีประสิทธิภาพสูง ถือว่าใส่เข้ามารองรับได้ดีมากๆครับ ส่วนเรื่องคะแนน ทางด้าน Antutu นั้นทำได้ 537983 และ คะแนน Geekbench 790 และ 2776 คะแนน รวมถึงการอ่านเขียน UFS2.1 ทำไปได้ 1024 และ 856 ครับถือว่าไวใช้ได้เลย ส่วน Netflix รองรับการดูหนังความละเอียดสูงๆสบาย

SYSTEM UI

ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นจริงๆไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรแม้จะเป็นตระกูล GT จริงๆอยากให้มี Wallpaper พิเศษหรือหน้าตาเฉพาะน่าจะโดดเด่นขึ้นครับ ทำให้รุ่นนี้ก็ยังคงเป็น realme UI 2.0 เช่นเดิมพร้อมกับ Android 11 ตัวล่าสุด ได้ด้วยเช่นกันใครที่อยากลองก่อนก็ไปโหลดกันไว้ได้เลยครับสำหรับรุ่นนี้  หน้าตาหลักมีความโค้งมน ลดเหลี่ยมไปอีกขั้น ทำให้หน้าตารูปแบบล็อกอะไรเรียบร้อยมากขึ้น รวมถึงหน้าหลักยังคงมีเลขแจ้งเตือนมุมแอปต่างๆใส่เข้ามาให้ใช้งานครับ ระบบการแจ้งเตือนเวลามีข้อความนั้นเด้งได้ไว

หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting เพิ่มการแยกสัดส่วนมากขึ้น ในการแจ้งเตือน และไอคอนต่างๆนั้นสวยและขอบโค้งมนมากขึ้นเยอะ การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็ม รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ และรองรับการแบ่งหน้าจอได้หลักๆทั้ง 3 แบบครับไม่ว่าจะเป็น Floating – Mini – Split Screen ทั้ง 3 แบบรองรับการทำงานต่างๆได้สบายเลย

คีย์บอร์ดนั้นเป็น GBoard มาตรฐานครับจากทาง Google รองรับการใช้งานหรือว่าคำสั่งเสียงพูดต่างๆ การลากนิ้วใช้งานได้มาตรฐานเลยแหละ และทางด้าน RAM จะให้มา 8GB แต่รองรับการเพิ่ม RAM ไปอีก สูงสุด 5GB และความจุ 256GB นะครับ ทำให้เหลือในการใช้งานสบายๆ 240 GB เลยทีเดียวเพราะว่ารุ่นนี้เพิ่มความจุไม่ได้แล้วนะ

ทางด้านการตกแต่งหน้าตาต่างๆนั้นยังคงรองรับแบบจัดเต็มทั้งตัวไอคอน การวางแอปต่างๆหรือว่าจะเป็น Effect การใช้งานตัวสแกนนิ้วต่างๆก็เปลี่ยนได้ รวมถึงโทนสีของไอคอน ตัวหนังสือ รูปทรงไอคอนเปลี่ยนได้เยอะมากๆ รวมถึงมีไฟขอบเครื่องเวลามีคนโทรเข้า หรือ แจ้งเตือน อีกทั้งหน้าจอ Always On ปรับเปลี่ยนได้เยอะและอิสระมากๆเช่นกัน

Gesture นั้นยังมีมาให้ครบทั้งการวาด การใช้งานท่าทางต่างๆครับส่วนทางด้าน Smart Sidebar แถบหน้าจอด้านข้างก็ รองรับการแชร์ไฟล์ที่เพิ่งเปิดขึ้นได้ เพิ่มเครื่องมือหรือแอปพลิเคชัน บันทึกหน้าจอในรูปแบบวิดีโอ และ จับภาพหน้าจอ นอกจากนี้ Smart Sidebar ยังมีโฟลเดอร์การจัดการให้เพิ่มรายการโปรดเข้าไปเพื่อดูรายการโปรดได้

SCREEN

หน้าจอตัวนี้ถือว่าน่าสนใจเพราะว่าเป็นหน้าจอที่เทพมากๆตัวนึงครับในแบรนด์นี้ไม่ใช่แค่ 120Hz แต่รอรับการสัมผัสมากถึง 360Hz เลยทีเดียว และใช้งาน SuperAMOLED ด้วยเช่นกันเพราะว่ารุ่นก่อนๆเราอาจจะเป็นแต่พวก IPS นั้นเองครับ แต่การปรับมาใช้งาน SuperAMOLED ต้องบอกว่าน่าสนใจขึ้นเยอะมากๆ และทาง realme GT 5G มีฟังก์ชันการปรับ touch sampling rate แบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้การใช้พลังงานและประสิทธิภาพสมดุลกันอย่างมาก แม้ในโหมดเกมก็สามารถรองรับ touch sampling rate ถึง 360Hz พร้อมกับสเปกหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2400×1080 พิกเซล) Full HD+, อัตราส่วน 20:9 รองรับ HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz, NTSC color gamut 98%, DCI-P3 colour gamut 100% และ รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอด้วยเช่นกันในตัวนี้

หน้าจอในการใช้งานจริงนั้นถือว่ารองรับได้สบายแน่นอนว่าความสว่างสูงถึง 1,000 Nits ทำให้การใช้งานกลางแจ้งนั้นเหลือๆเลยแหละ อีกทั้งการสัมผัสนั้นในการเล่นเกมจริงๆแอบรู้สึกเลยว่าดีกว่ารุ่นก่อนๆหรือแม้แต่เรือธงรุ่นก่อนหรือคู๋แข่งในเรทราคาเดียวกันครับ อาจจะเพราะว่าตัวนี้เน้นสายเกมมากๆทำให้การสัมผัสตอบสนองจริงๆนั้นทำได้เด่นมาก ส่วนความสวยของหน้าจอเองนั้นสบายๆเพราะว่าใช้งานพาแนลของ Samsung ที่ขึ้นชื่อเรื่องหน้าจอได้ดีอยู่แล้วครับ และสามารถสู้แสง สัมผัสได้ดี รองรับการใช้งาน Always On ได้เช่นกันเรียกได้ว่าครบๆทั้งหมด และ มิติของภาพในภาพรวมในการเล่นเกมสวยคมชัด และ ลื่นไหลแม้จะใช้งานทั่วไปก็ตามครับถือว่าเป็นหน้าจอที่เทพมากๆตัวนึงในเรทนี้

FINGERPRINT 

หน้าจอ AMOLED นั้นทำให้สแกนนิ้วบนหน้าจอได้ และ การสแกนนิ้ว ถือว่าน่าสนใจเลย รุ่นนี้คือไวมากจริงๆ ใช้เซนเซอร์ รุ่นใหม่แน่นอนว่าเป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากรุ่นก่อนๆ บางขึ้นด้วยเช่นกัน จะเห็นว่าตัวแสงไฟนั้นเป็นสีขาวส้มตรงกลาง เป็นแบบเดียวกับรุ่นใหม่ๆที่ออกมาปีนี้ มาแทนที่พวกแสงสีฟ้า เขียว และจากที่ลองนั้นแสงสีขาวทำได้ดีกว่าพอสมควรเลย และการออกแบบเซนเซอร์อะไรบางขึ้นทำให้ตัวเครื่องในภาพรวมนั้นบางและใช้งานได้ดีขึ้นด้วยนะและแน่นอนว่า GT 5G ก็รองรับการสแกนใบหน้าเป็นมาตรฐานของบรรดา Android รุ่นใหม่ๆมีมาให้สบายๆครับ

SOUND

ระบบเสียงจริงๆนั้นก็ถือว่าทำได้ดีเช่นกันแม้จะไม่ได้มีชิปเสียงพิเศษอะไรถ้าเทียบกับรุ่นอื่นๆของค่ายหรือว่าในเรทราคาใกล้ๆกันหลายๆตัวครับ รวมถึงการที่มีรู 3.5 มม. เองนั้นทำให้เสียบใช้งานได้ง่ายสบาย และเล่นเกมก็ตอบโจทย์เช่นกันครับ เพราะว่าตัวนี้ขับกำลังขับต่างๆออกมากำลังดี แน่น มิติเสียงดี เวทีเสียงอะไรขับออกมาได้ครบครับ แต่ถ้ามองเทียบกับการฟังเพลงคลาสสิกหรือรายละเอียดดีเทลเยอะๆอาจจะไม่ได้เป็นแนวทางตัวนี้เท่าไร และลำโพงก็มีตัวเดียวซึ่งจะแตกต่างกับรุ่นพี่ ที่มาพร้อม 2 ตัว และรองรับ Hi-Res ครับ แต่ตัวนี้รองรับแค่ Hi-Res นะแต่ไม่มีลำโพงคู่

GPS

Snapdragon 778G 5G ตัวนี้สามารถทำงานร่วมกับ 5G สบายๆครับ และจากที่ใช้งานจริงและใช้แอปทดสอบเช่นเคย ก็จับได้ทั้งหมด 28 ดวง จากทั้งหมด 47 ดวง ที่อับทึบเช่นใต้ทางด่วนพวกนี้ ส่วนของกลางแจ้งจับได้ทั้งหมด 33 ดวง จากทั้งหมด 48 ดวง เรียกได้ว่าไว้ใจได้แบบสบายๆสู้กับเรือธงในหลายๆค่าย และใช้งานได้ดี ส่วนการเรียกใช้งานแอป หรือ เวลาหลังจากเปิดแอป นั้นก็ทำได้ค่อนข้างไว ถือว่าทำได้แม่นยำดี ในการนำทางใครที่เน้นในเรื่องนี้ จุดนี้นั้นสบายๆครับ ทำได้ประทับใจและยังรองรับได้ดีถ้าใครกำลังหาเน้นเรื่องนำทางตัวนี้ใช้ได้สบายๆไม่มีหน่วงเลย

BATTERY DART CHARGE 65W

realme GT 5G นั้นมาพร้อมกับระบบชาร์จไว 65W SuperDart Charge แน่นอนว่าเทคโนโลยีล่าสุดของค่ายและเท่ากับในรุ่นก่อนหน้านี้ถือว่ายังคงไวและตอบโจทย์ได้ดีและส่วนตัวแอดคิดว่า 65W เป็นความไวกระแสที่กำลังดีไม่เวอร์มากและไม่น้อยเกินไปครับ ส่วนทางด้านสเปกมาพร้อมกับแบต 4,300 mAh ในการทดสอบนั้นต้องบอกว่าทั้งวันได้ จากที่ลองใช้งานหนักๆ ใช้งานนำทางต่อเนื่อง 1-2 ชั่วโมงเต็มๆ และ เปิดเพลง ถ่ายรูป วีดีโอ เล่นเกมไป 2 ชั่วโมงกว่า ถือว่าทำได้ดีนะ และแบตเหลือ 16% ครับ ซึ่งหน้าจอเปิดทั้งหมด 2 ชั่วโมง และใช้งานทั้งหมด 10  ชั่วโมงถือว่าอึด แต่ถ้าจอเปิดโหดๆยังไงก็ทั้งวันสบายๆรุ่นนี้ยังคงไว้ใจได้ครับ อีกทั้งการชาร์จเข้าถือว่าไวมากๆ

65W SUPERDART

ตัวนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ชาร์จเต็ม 100% ภายใน 33 นาที ที่ระบบนั้นสามารถทำงานได้แม้กระทั่งในขณะเล่นเกมอย่างหนักหน่วง 65W SuperDart Charge   ผ่านการชาร์จแบตเตอรี่โดยตรงด้วยอะแดปเตอร์ 10V 6.5A ภายใต้การควบคุมด้วย อัลกอริทึมการชาร์จเร็ว SuperDart ใช้วงจรอัดประจุเพื่อลดแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่สองเซลล์ลงครึ่งหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจถึงความเร็วในการชาร์จและการควบคุมอุณภูมิ + 10 เซนเซอร์ ในการตรวจจับอุณหภูมิ + มาพร้อมการป้องกัน 5 ชั้น ตั้งแต่อะแดปเตอร์ไปยังตัวเครื่อง ถือว่าเป็นระบบชาร์จไวที่ปลอดภัยที่สุด และไวมากเมื่อนับเป็นมือถือในเรทราคานี้ทำให้เกินหน้าเกินตารุ่นอื่นๆแบบชัดเจน และทดสอบจริงนั้นก็ทำได้เร็วจริงมากๆในตัว GT MASTER EDITION  ตัวนี้

GAMING GT MODE 

ในการเล่นเกมต่างๆจริงๆในรุ่น GT  จะมีส่วน GT MODE คือนอกเหนือจากตัว Software แล้วยังเป็นการตั้งค่าของตัวเครื่องคือจะเข้าเกมได้ไว เรียกแอปต่างได้ไว ไม่มีความหน่วง ควบคุมความร้อนได้ดี หรือว่าจะเป็นระบบฟีเจอร์ที่จะช่วยจัดการพลังงานให้ขับเกมออกมาได้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน และยังมาพร้อมกับระบบสั่นแบบ 4 มิติซึ่งตรงนี้ต้องเกมที่รองรับนะครับเพราะว่าในไทยหรือตลาดโลกไม่แน่ใจจะมีรองรับไหม เพราะว่าเครื่องนี้เป็นเครื่องจีนเลยมีใส่เข้ามา แต่นอกเหนือจากนั้นก็ยังสามารถปรับแต่งเกม การแจ้งเตือนต่างๆ ความสว่างหน้าจอ ความละเอียดได้แบบจัดเต็ม หรือจะเป็นการตั้งระบบเสียง เครือข่ายมือถือ หรือว่าจะเป็นงานภาพก็สามารถปรับได้ทั้งหมดในส่วน Game ทั้งหลายครับ

CAMERA 64MP 

กล้องหลังมาพร้อมกับ เลนส์หลัก 64MP  พร้อมกับ F1.8 ส่วนเลนส์มุมกว้าง 119 องศา ที่ 8MP F2.2 และ มาโคร 2MP ระยะ 4 เซนติเมตรนั้นเอง ก็ยังคงใช้ 3 เลนส์คล้ายตัวอื่นแต่จะไม่มี เลนส์ขาวดำแล้วครับ แต่ฟีเจอร์การถ่ายอะไรนั้นบอกเลยว่าจัดเต็ม ทั้งโหมด โปร โหมดกลางคืน Portrait ดูดสี และอีกมายมายให้ใช้งาน และได้พัฒนาเลนส์หลักให้รองรับการใช้งานมากขึ้นต้องบอกว่าคุณภาพถือว่าทำได้ดีทั้งกลางวัน และ กลางคืน รวมถึง Super Nightscape realme ได้จัดเรียงโซลูชันใหม่สำหรับการถ่ายภาพกลางคืน และแยกความแตกต่างออกเป็นสี่โหมดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ซับซ้อน และรวมถึงโหมด Pro รองรับเลนส์มุมกว้าง ซึ่งแน่นอนว่ายังคงมี Filter โทนสีใส่เข้ามาให้เช่นกันทั้ง Cyberpunk และ สีอื่นๆ และมีโหมดโทนสีที่อิงจาก KODAK มาด้วยในโทนสี Street ครับ และยัง เพิ่มฟังก์ชันป้องกันการบิดเบือนใบหน้าใหม่ เมื่อใบหน้าปรากฏที่ขอบเลนส์ รูปทรงของใบหน้าจะถูกปรับให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เพื่อให้การถ่ายภาพบุคคลมุมกว้างดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายภาพหมู่เป็นอย่างมาก ถือว่าช่วยลดมุมมองของภาพหรือคนที่อยู่ขอบภาพและหน้าจะแปลกๆไปได้เยอะครับ ถือว่าสเปกสายคุ้มค่าแต่กล้องก็ถือว่าสบายๆครับ เอามาถ่ายอาหาร วิวต่างๆกลางคืน และ โหมดถ่ายใหม่ๆ รวมถึง Bokeh Flare Portrait ก็ทำได้ด้วยนะ ในการละลายหลังโหดๆ และ ทำโบเก้ให้ใหญ่เนียนตาและดูอลังมากกว่าเดิมเยอะ

PORTRAIT 

KODAK STREET FILTER

Street photography การถ่ายภาพแนวสตรีท realme GT Master Edition มีโหมดถ่ายภาพแนวสตรีท รวมถึงฟังก์ชัน DIS Snapshot ช่วยในการถ่ายภาพได้คมชัดแม้ในขณะสั่น , Quick Launch (ดับเบิลคลิกที่ปุ่มลดระดับเสียงเมื่อปิดหน้าจอ) ซึ่งในโทนสี Street filter : realme ได้จำลองเอฟเฟกต์ฟิล์มจาก Kodak ซึ่งเป็นแบรนด์ด้านการถ่ายภาพที่มีอายุนับร้อยปี เพื่อให้เอฟเฟ็กต์ภาพมีความเปรียบต่างของสีที่ชัดเจน ถือว่าแตกต่างกับรุ่นอื่นๆมาก

SELFIE 

กล้องหน้ารุ่นนี้ใช้งานเซนเซอร์ใหม่พร้อมกับความละเอียด 32MP ที่รองรับการใช้งานได้สบายๆ รวมถึง มาพร้อม SONY IMX615 และ รูรับแสง F2.45  รองรับมุมมองภาพกว้าง 85 องศา และ รองรับการถ่ายโหมดต่างๆครบจัดเต็มทั้ง AI Beauty หรือว่าจะเป็นการถ่าย  Portrait ก็รองรับได้แบบสบายๆทำให้ถ่ายได้สะใจมากขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่ารูรับแสงอาจจะดูแคบไปเล็กน้อย แต่รุ่นนี้ให้โหมดกลางคืนกล้องหน้าใส่เข้ามาพร้อมใช้งาน รวมถึงกันสั่น EIS ในการถ่ายวีดีโอต่างๆครับ และที่ชอบคือความคมชัด และมุมมองของภาพนั้นกว้างและภาพดูเคลียร์กว่ารุ่นอื่นๆเยอะมาก ดีกว่าตัว GT 5G เยอะมากเช่นกันถือว่าเป็นรุ่นที่กล้องทำได้น่าประทับใจมากๆในเรื่องของกล้องหน้าตัวนี้

REALME GT MASTER EDITION 

” งานออกแบบโดดเด่น พร้อมกับ สเปกที่แน่น ทั้งหน้าจอ การชาร์จไว และ กล้อง “

realme GT Master Edition เป็นรุ่นที่ทำออกมาได้โดดเด่นในแง่ของการออกแบบการใช้งานวัสดุต่างๆรวมถึงโทนสีที่สวยงามเช่นกัน ได้รับการออกแบบพิเศษจากคุณ  นาโอโตะ ฟุคาซาว่า ในรุ่นพิเศษนี้ที่มาพร้อมกับแรงบันดาลใจจากกระเป๋าเดินทางที่มีความเรียบหรู ส่วนทางสเปกทั้งหน้าจอที่เอามาจากรุ่นพี่ แน่นอนว่าน่าจะเป็นหน้าจอที่มีคุณภาพและใช้งานได้ดีที่สุดของค่ายในตอนนี้เท่าที่ทดสอบก็ถือว่าทำงานได้ดีทั้งลื่นไหลและการสู้แสง อีกทั้งในแง่ของสเปกแม้ว่าจะเป็น Snap 778G ก็ตามครับแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปหรือจะเป็นเล่นเกมก็สามารถขับได้ดีกว่าที่คิดไว้มากๆ รองรับ GT Mode  ก็สามา่ถช่วยเรื่องนี้ได้เยอะเชนกัน แลการรองรับการชาร์จไว 65W ทำให้ชาร์จเต็มได้ภายใน 30 นาทีถือว่าไวมากๆเช่นกัน และกล้องหน้า กล้องหลัง ฟีเจอร์การถ่ายต่างๆไม่ธรรมดา รวมถึงโหมดใหม่ทั้ง Street หรือจะเป็นฟิลเตอร์สีใหม่ที่ดึงโทนสีจาก KODAK มานั้นเอง ถ้าใครเน้นกล้องหน้าหลัง ใช้งานทั่วไป ดีไซน์สวยรุ่นนี้ตอบโจทย์แน่นอน แต่แอบเสียดายเรื่องของลำโพงคู่ที่รุ่นนี้ มาแค่ตัวเดียวแค่ที่เหลือถือว่าทำได้ลงตัว

ข้อดี

  • งานออกแบบดีไซน์สวย พรีเมี่ยม และ ผิวสัมผัสดี
  • วัสดุหนัง วีแก้น ทำได้ดี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ เนียนมือ
  • หน้าจอมความลื่นไหล 120Hz และ ตอบสนองต่อการสัมผัสถึง 360Hz
  • Snapdragon 778G 5G รองรับการทำงานได้ดี แบตอึดพอสมควร
  • ระบบลื่นไหล นิ่ง และ ปรับแต่งได้หลากหลายเช่นเดิม
  • กล้องหลัง โหมดถ่ายเข้ามามากกว่าเดิม คุณภาพดี
  • มีโหมด Street  เพิ่มเข้ามา มี Peak Focus และ โทนสี ฟิล์ม KODAK Filter
  • กล้องหน้าคุณภาพดี มุมมองกว้าง คมชัด และ ดีกว่ารุ่นพี่ชัดเจน
  • ตัวแบตรองรับการใช้งานได้ทั้งวัน และ ชาร์จไวสูงถึง 65W
  • มาพร้อม GT MODE สำหรับเล่นเกมให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด

ข้อสังเกต

  • ไม่รองรับการเพิ่ม Micro-SD
  • ตัวกล้องหลังไม่มี OIS แบบรุ่น Explorer
  • ลำโพงตัวเดียว

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr