คงจะมีแบรนด์สมาร์ตโฟนไม่มากที่จะประสบความสำเร็จในช่วง2-3ปีที่ผ่านมา ซึ่งจากวิกฤต โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับหลายๆธุรกิจ แต่ก็ยังมีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในช่วงนั้นเช่นกัน และ นั้นก็คือ realme ซึ่งในปี2020 ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นปีทอง เลยก็ว่าได้จากยอดขายที่ก้าวกระโดดมากถึง 50 ล้านเครื่องทั่วโลก ครองอันดับ 7ของโลก และเป็นอันดับ 4 ในประเทศไทย
ในปี 2020 ถือเป็น Leap Year, Year to Leap หรือปีอธิกสุรทิน ซึ่งเป็นปีที่เดือน กุมภาพันธ์มี 29 วัน ที่4ปีจะวนมา 1ครั้ง เป็นปีที่ realme ประสบความสำเร็จอย่างมากในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านองค์กร ผลิตภัณฑ์ การออกแบบ ดีไซน์ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเป็นหนึ่งในแบรด์สมาร์ตโฟนหลักของโลก ครองอันดับ 7 ของอุสหกรรมสมาร์ตโฟนทั่วโลก ถือว่าเป็นการเขย่าวงการและท้าทายแบรนด์ใหญ่ๆเลยทีเดียว ซึ่งนั้นก็เป็นปณิธานอันมุ่งมั่น ของ realme “การพัฒนาอย่งก้าวกระโดด และมุ่งไปข้างหน้า”
หนทางหมื่นลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรก!!
Realme เริ่มก่อตั้งในปี 2018 โดย Sky Li และด้วยเวลา ณ ขณะนั้นการแข่งขันสมาร์ตโฟน ดุเดือดมาก ซึ่งเป็นไได้น้อยมากที่แบรนด์ใหม่ๆจะประสบความสำเร็จได้ และด้วยความคิดที่ว่ายังไม่มีสมาร์ตโฟนตัวไหนที่โดนใจตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้อย่างแท้จริง และเป็นสเปกที่จัดเต็มจับต้องได้ realme ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนที่ อินเดีย ซึ่งเป็นตลาดสมาร์ตโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นงานเปิดตัวที่มีสีสันเอาใจวัยรุ่นเรียกได้ว่าไม่เคยมีบริษัทไหนเคยทำมาก่อน
นับตั้งแต่วันนี้มา realme กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น และภายในระยะเวลา เพียง 9 ไตรมาส realme ส่งสมาร์ตโฟนวางจำหน่ายไปมากว่า 50 ล้านเครื่องทั้งโลก ขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก realme กลายเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟน Android เพียงแบรนด์เดียวในโลกที่เติบโตในไตรมาสที่2 ของปี 2020 และได้รับการขนานนามว่าเป็น ”แบรนด์สมาร์ตโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก”
Realme ไม่ได้หยุดที่สมาร์ตโฟนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมุ่งพัฒนาในระดับองค์กร โดยผสมผสานระหว่าง SmartPhone+ AIoT มุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบเพื่อรองรับการใช้งานของผู้บริโภค ที่เพิ่มขึ้น ในระยะเวลาเพียง 1ปี ที่realme ได้เข้าสู่อุสหกรรม AIoT นั้น realme ได้สร้าง AIoT ecosystem ที่สมบูรณ์แบบซึ่งครอบคลุมการใช้งานหลัก Smartphone + AIoT เพื่อหนุนให้การทำตลาดผลิตภัณฑ์ AIoT ภายใต้กลยุทธ์ 1+4+N ที่ดูน่าสนใจ โดยกลยุทธ์นี้จะโฟกัสที่ผลิตภัณฑ์ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานแบบ 3 in 1 ได้แก่ Personal, Home และ Travel
ความน่าสนใจคือกลยุทธ์นี้ทำให้ realme ไม่ได้เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังถือเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตของผลิตภัณฑ์ AIoT เร็วที่สุดในโลกอีกด้วย โดย 1 + 4 + N อธิบายง่ายๆดังนี้ 1 คือสมาร์ตโฟนจะเป็นศูนย์กลางหลักของระบบ AIOT สามารถเชื่อมต่อและควบคุมการใช้งานได้ผ่านสมาร์ทโฟนที่เชื่อมระบบ realme Link ขณะที่ 4 คือ 4 Smart Hubs ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในทุกด้าน ได้แก่ Smart Earphone, smart Watch, smart TV และ smart Speaker และสุดท้ายคือ N รูปแบบการใช้งานอันหลากหลาย และ IoT ที่เกิดจากการเชื่อมต่อกัน สร้างเป็นเครือข่าย จนทำให้เป็น Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบ ในปี2020 realme สามารถของอุปกรณ์ AIoT ได้มากกว่า 1 ล้านชิ้น
เติบโตสู่ตลาดโลก!!
ภายในระยะเวลาเพียง 2ปี realme ได้เข้าสู่ 61 ตลาดทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มขึ้นประมาณ 250% เมื่อเทียบกับจำนวนเมื่อต้นปี ครอบคลุม 5 ทวีปและเข้าสู่ตลาดหลักเช่น ละตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก และตะวันตก กลายเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ติดอับดับ Top 5 ใน 12 ตลาดทั่วโลก และ ครองอันดับ 4 ของประเทศไทย จนได้รับการขนานนามว่า “ผู้นำตลาดเกิดใหม่ในเอเซีย” จาก Financial Times และมีหน้าร้านมากกว่า 68,000 แห่งทั่วโลก
กล้าที่จะกระโดด!!
ภายใต้สโลแกน Dare to Leap ที่ realme กล้าที่จะกระโดด ด้วยการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองคนรุ่นใหม่ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้าน ดีไซน์ คุณภาพ ประสิทธิภาพ รวมไปถึงราคาที่จับต้องได้อีกด้วย และยังเป็นแบรด์แรกที่นำเทรนด์ด้านวัฒนธรรมเข้าสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ผ่านกระบวนการผลิตและการดีไซน์ เช่น สีและวัสดุของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการกำหนดรูปแบบและประสิทธิภาพการทำงานให้เหมาะกับเทรนด์ของคนรุ่นใหม่และนำเทรนด์ด้านวัฒนธรรมมาสู่ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีได้อย่างลงตัว อาทิเช่น realme X7 Pro สี Iridescent, realme 7 Pro Limited Edition มาในสี Horizon Orange กับครั้งแรกที่ realme ใช้วัสดุหนัง Vegan และ realme X50 Pro Gaming Edition
realme ได้ร่วมมือกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำระดับโลกมากมายในการออกแบบสมาร์ทโฟนและผลิตภัณฑ์ AIoT ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า realme ยึดมั่นในดีไซน์ที่นำเสนอจะต้องสร้างสรรค์และนำสมัย ในปี 2020 คุณ Jose Levy ดีไซน์เนอร์จากแบรนด์ดังระโลกอย่าง Hermès และ ศิลปินเทรนด์เกาหลี Grafflex ได้เข้าร่วม realme Design Studio สร้างผลิตภัณฑ์ AIoT ที่หลากหลายพร้อมทัศนคติที่ทันสมัยสำหรับ realme และสร้างไลฟ์สไตล์ที่ชาญฉลาดและทันสมัยโดยทุกสิ่งที่เชื่อมต่อสำหรับคนรุ่นใหม่
ได้รับรางวัลการออกแบบระดับนานาชาติ 5 รางวัล ในปี 2020 realme X50 Pro 5G, X50 5G, X2 Pro, X และ Buds Q ออกแบบโดย realme Design Studio ได้รับรางวัลจากเวทีชั้นนำระดับนานาชาติ ได้แก่ Red Dot Design Award, Good Design Award, Golden Pin Design Award เป็นต้น
และล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว realme ร่วมกับนักวาดการ์ดตูนของ Pixar เปิดตัวมาสคอต “realmeow” ทำเป็น Animation ออกมา โดยผู้ออกแบบนั้นเคยอยู่ในทีมสร้างการ์ตูนชื่อดังอย่าง Finding Nemo และ Monsters Inc ซึ่งเป็นการส่งท้ายปีเก่าได้อย่างน่าประทับใจ
5Gที่จับต้องได้!!
ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าประทับใจ โดย realme ได้เปิดตัว realme 7 5G โดยเป็นสมาร์ตโฟน 5G ที่มีราคาต่ำกว่า หมื่นบาทเป็นรุ่นแรกในตลาด ซึ่ง realme มุ่งมั่นที่จะนำเสนอเทคโนโลยี 5G ในผลิตภัณฑ์ทุกช่วงระดับราคา ภายใต้ประสิทธิภาพการทำงานทรงพลังและดีไซน์การออกแบบที่ยอดเยี่ยมสู่มือลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เป็นการตอกย้ำถึงเทคโนโลยีและราคาที่ทุกคนจับต้องได้
realme ยังเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนกลุ่มแรกที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนแล้วมาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Qualcomm Snapdragon 865, 765G และยืนยันเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อม Snapdragon 888 ภายใต้นามแฝงว่า “Race” ซึ่งแสดงถึงความเร็วแรงและประสิทธิภาพการทำงานสูง รวมไปถึงเป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มแรกที่เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 125W UltraDart Charge และ Starry Mode ซึ่งเป็นโหมดถ่ายดาว
ก้าวกระโดดสู่ปี 2021 มุ่งไปข้างหน้า!!
เป้าหมายที่ realme ตั้งไว้ไม่ว่าจะ ขึ้นสู่ Top 3 ของตลาดหรือแม่แต่ Top 1 เพื่อให้กลายเป็นแบรนด์ที่ขับเคลื่อนหลักของตลาด โดยตัวผลิตภัณฑ์หลักยังคงเป็นสมาร์ตโฟนที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งปีนี้จะมีการเปิดตัวเรือธง ที่น่าสนใจมากๆ ทั้งเทคโนโลยีและประสิทธิภาพ ครบครันทุกด้านเลยที่เดียว
AIoT ที่สมบูรณ์แบบตอบโจทย์ในทุกสถานการณ์!! มุ่งพัฒนา AIoT ในเฟสใหม่ เพื่อสร้างระบบนิเวศ Ecological Chain Enterprise ขยายการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ AIoT ทั้งหมดให้สมบูรณ์ยิ่งขึ่น ตามกลยุทธ์ 1+4+N และจะเปิดแพลตฟอร์มระบบนิเวศ “realme TechLife” เพื่อค้นหาพาร์ทเนอร์ที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยทั่วโลกเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีประสบการณ์ทางเทคโนโลยีใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วโลก realme ตั้งเป้าเป็น Top 3 ในด้านอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (Smart Wearable) ของตลาดโลก และตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ในตลาดหูฟัง TWS ของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตอกย้ำความกล้าที่จะทำเสนอผลิตภัณฑ์และอีเวนต์ที่เป็นเทรนด์ให้กับคนรุ่นใหม่ทั่วโลกและก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคน Generation Z เช่น ดนตรี กีฬา วีดีโอ และ E-sports ในปี 2021 realme วางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและเทคโนโลยีล้ำสมัยจำนวนมากเพื่อรักษายืนหยัดความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี พร้อมเดินหน้านำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่จับต้องได้ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดได้ง่ายยิ่งขึ้น
5Gที่ใครก็เอื่อมถึง!!
เปิดตัวสมาร์ตโฟน 5G ก่อนแบรนด์หลักในตลาด เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์ 5G และยังช่วยลดต้นทุนของผู้ใช้ในการเปลี่ยนสมาร์ตโฟนในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาสมาร์ตโฟนทุกกลุ่มราคาให้รองรับ 5Gทั้งหมด Smartphone 5G ในปี2564 ที่ 25ล้านเครื่อง พร้อมทั้งส่งเสริม Ecosystem ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่าย และผู้บริหารในอุสหกรรมอื่นๆ เพื่อเสริมศักยภาพของเทคโนโลยี 5G ให้สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆทั่วโลก
realme ตั้งเป้าเปิด Flagship Store แห่งแรกของโลก วางแผนเปิด “100 ร้านค้า” ในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ “1,000 ร้านทั่วโลก” เพื่อครอบคลุมทุกช่องทางและเข้าถึงผู้บริโภคในทุกทิศทาง อีกทั้งเตรียมเพิ่มหมวดผลิตภัณฑ์ AIoT และช่องทางออฟไลน์เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสทดลองสินค้าสัมผัสประสบการณ์การใช้งานอย่างเต็มรูป ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือความสำเร็จและวิสัยทัศน์ที่จะก้าวไปข้างหน้ากับแบรนด์ที่ชื่อว่า realme