เคยมี ผู้กำกับระดับตำนาน ออกมาบอกว่าหนัง MARVEL นี้ก็เหมือนการที่เราเล่นสวนสนุก ซึ่งหลังจากที่ผมดูหนังมาทุกเรื่องในยุคหลัง Phase 3 ต้องบอกเลยว่ามันไม่ไกลเกินจริงเลย หลายๆเรื่องมาเพื่อปูเรื่องไปยังอีเวนท์นึง เท่านั้นแต่มันกลับกลายเป็นหนังขาดความเป็นตัวเอง ขาดเอกลักษณ์ และ คุณภาพไปในหลายๆส่วน ในยุคหลังๆผมผิดหวังหลายๆเรื่องของทาง Marvel อย่างมากทั้งคุณภาพ ความลึกของตัวหนัง หรือแม้แต่งานภาพ CG ทุกอย่างดูไม่ใส่ใจเท่าไร และเรื่องนี้แม้จะเป็นเริ่มต้น Phase 5 ก็ตามแต่ก็ไม่ได้ดี เด่น หรือ น่าสนใจได้เท่า Ant-Man ก่อนหน้าเลย ความเป็น Ant-Man หายไปทั้งหมด กลายเป็นหนังหลายๆเรื่องออกมาเหมือนกัน เปลี่ยนแค่ตัวละคร เปลี่ยนชุดเท่านั้นให้เราเหมือนการเล่นเกมเดิมๆ เล่นสวนสนุกที่เจอแต่อะไรเดิมๆแต่เปลี่ยน สกินตัวละคร เปลี่ยนธีมของมันเท่านั้นเลยครับ ซึ่งต้องบอกตรงๆว่า น่าเสียดายอย่างมาก
ตัวหนัง Ant-Man ภาคนี้ได้เน้นเรื่องที่ใหญ่กว่าตัวละครมากขึ้นเข้าสู่อะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในการเล่น มิติควอนตัมแต่ทั้งนี้มันกลับไม่ได้ให้เรารู้สึกยิ่งใหญ่ตามหนังไปเลยแม้แต่น้อยทั้งการเล่าเรื่อง การจูงเราไปมีส่วนร่วมต่างๆ แม้ว่าเราจะได้ ผกก คนเดิม แต่เหมือนไม่ใช่แนวทางที่เรารู้จักกันเลยแม้แต่น้อยเนื้อเรื่องเล่าง่ายๆ เดาทางง่ายและเรียบง่ายไปหมดซึ่งถ้าเป็นแฟน Marvel ก็น่าจะรู้เลยว่ามันจะไปยังไงต่อ เล่ายังไง ตัวละครนั้นจะทำอะไรยังไงในแง่ที่ผมไม่ได้ดูตัวอย่างของ Ant-man มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียวก็ยังไม่มีความน่าตื่นเต้นอะไรเท่าไรครับ แต่ถ้ามองในแง่ดีของเนื้อเรื่อง เนื้อหา คือเราเข้าใจตัวละครที่จะเป็นตัวร้ายของ Phase 5 ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น แต่กลับเข้าถึงตัวละคร Ant-man ได้ไม่ดีเหมือนเดิมทำให้มันกลายเป็นปูตัวละครตัวร้ายมากกว่า แม้ว่าหนังจะพยายามเสริมความรักครอบครัว พ่อลูกเข้ามาแต่กลับไม่ได้ลึกซึ้งแบบที่ควรจะเป็นซึ่งถ้าถามว่าดูเพลินง่ายสบายไหม เรื่องนี้ทำได้ดีในแง่นี้
แต่สิ่งที่แบกที่สุดของหนังคือความน่ารักของ Kathryn Newton หรือ แคสซี่ ลูกสาวของ Scott ในเรื่องนั้นแหละ หลายคนน่าจะเห็นตรงกัน แต่ถ้ามองในแง่ของความเก่งของนักแสดง ขอยกให้ตัวร้ายอย่าง Kang ที่รับบทโดย Jonathan Majors ที่ขอยกให้เป็นการแสดงที่ดี แถมน่ากลัว และ น่าเกรงขามเท่าที่บทจะส่งให้ได้แล้ว รวมถึงเราจะเห็นเค้าใน LOKI ก่อนหน้าแล้วก็ตามแต่ครั้งนี้ แสดงเป็นตัวละครอีกแนวนึงแบบชัดเจนเพราะตัวละครคนละตัว แต่นักแสดงคนเดียวกันเราเห็นเลยว่าแสดงได้แตกต่างและดีมากจริงๆและสามารถแบกเรื่องนี้ได้โดดเด่นเหนือ บท ความเรียบง่ายของเนื้อเรื่องได้ดี โดดเด่นที่สุดในหนังเรื่องนี้ และเป็นจุดที่ชอบมากๆในเรื่องนี้ครับเราจะลุ้นเลยว่าในอนาคตมันจะเป็นยังไงได้อีกแนวทางไหนได้ดีนั้นเองสำสหรับตัวร้ายใหญ่สุดของ Phase 5 ครั้งนี้
งานภาพ งานเสียง ก่อนเข้าโรง IMAX 3D เราคาดหวังว่าการที่หนังได้เล่น มิติควอนตัม ที่มีอะไรให้ว้าวเยอะแยะมาก งานภาพสามารถเล่นอะไรได้เยอะมากแต่เมื่อดูจบกลับผิดหวังนิดหน่อยที่เราดูในโรง IMAX ที่หนังไม่สามารถถ่ายทอดงานภาพสวยๆในสเกลขยายส่วนได้ดีให้สมกับราคาค่าตั๋วที่พุ่งขึ้นทุกวันของทาง MAJOR แบบนี้ ซึ่ง CG เนียนไหมอันนี้ต้องบอกตรงๆว่าเนียบ สวยเลยแหละ แต่ความมีมิติของ 3D หรือ ฉากที่จะเล่นกับอะไรพวกนี้มันน้อยกว่าที่คิดครับทำให้การขยายฉากมันไม่เสริมอารมณ์การดูเท่าไรเลย ส่วนงานเสียงเองหลายๆฉากเสียงทำได้ดีมากเสริมอารมณ์ได้ดีกับจังหวะหนังนั้นๆ แต่ไม่ได้มีเพลงเด่นๆ หรือ ซาวด์ติดหูสำหรับเรื่องนี้ครับ
ถ้าถามว่าเรื่องนี้สมกับต้องดู IMAX ไหมต้องบอกตรงๆว่าไม่เหมาะครับ ซึ่งถ้าใครอ่านมาแล้วบอกว่า อคติไปไหม ต้องบอกกันตรงๆว่าอยากให้ลองดูก่อนครับและมาแสดงความคิดเห็นกันได้นะว่าชอบไม่ชอบยังไง แต่ด้วยความที่เราอยากให้หนัง MARVEL กลับสู่คุณภาพแบบยุคแรกๆมันเริ่มยากไปทุกที ถ้าหนังไม่มีจุดที่กลัวคนจะสปอยล์ หรือ ตัวละครที่ต้องเชื่อมไปเรื่องนู้นเรื่องนี้ มันจะยังน่าดูอยู่ไหมอันนี้น่าจะเป็นคำถามหลักๆเลยในหนังยุคหลังๆ แต่ถ้ามองแค่หนังเรื่องนึง ที่ทำให้เราหายคิดถึง Ant-man ได้เรื่องนี้ตอบโจทย์ได้ทันที ดูเพลินสนุก ไม่คิดมาก แอคชั่นถึงตัวสะใจมากกว่า Black panther , Thor 4 ก่อนหน้านี้แน่นอนครับ และ มีหลายๆฉากค่อนข้างดีเลยแหละ แต่ความลึกของตัวละครหลักแบบ Ant-man กลับไม่เด่นเท่ากับตัวร้ายที่จะพยายามปูไปเรื่องอื่นๆเท่าไรทำให้มันเป็นจุดที่น่าเสียดายว่า เอกลักษณ์ความเป็น Ant-man ได้หายไปชัดเจน