ASUS ProArt StudioBook เปิดตัวในไทยเป็นที่เรียบร้อยแน่นอนว่ารุ่นนี้พัฒนาต่อยอดมาเยอะมากและมีหลากหลายรุ่นย่อย และแน่นอนว่ารุ่นล่าสุดคือตัวเทพ Pro ที่เป็นการยกระดับทั้งหมดของตระกูลให้เทพขึ้นและพรีเมียมขึ้นใช้งานได้ระดับสูงขึ้น โดยในรุ่นนี้มีการใช้งานหน้าจอ OLED ที่พัฒนาขึ้นชัดเจน ซึ่งปกติเราจะเห็นหน้าจอ OLED ในราคาระดับสูงหรือตระกูลที่สูงกว่านี้ ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่น่าซื้อที่สุดในปี 2021 – 2022 นี้เลยก็ว่าได้ จัดเต็มด้วยสเปกและเทคโนโลยีจัดเต็ม และมีประสิทธิภาพการทำงานที่โหดขึ้นเจาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มองหาโน้ตบุ๊กที่ดีไซน์สวย น้ำหนักเบา มาพร้อมหน้าจอ OLED ในราคาเข้าถึงได้ ไว้สำหรับการเรียนหรือการทำงาน หรือเพื่อคนทำงานสายกราฟิกโดยเฉพาะ ใช้งานที่ต้องอาศัยกราฟิกสูงๆ หรือการใช้งานหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมส์หรือการตัดต่อวิดีโอ และได้รองรับค่าสี Pantone Validated ด้วยเช่นกันโหดมาก
ASUS ProArt StudioBook มาพร้อมกับหน้าจอ 16:10 ความละเอียด 4K OLED Display ขนาดจอ 16 นิ้ว เครื่องแรกของโลก , ความสว่าง 400 nits, WQUXGA (3840 x 2400) DCI-P3: 100% ภาพสวยสีสด ให้สีสันระดับ DCI-P3 100% มาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในวงการภาพยนตร์, ไม่ว่าจะภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหว ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool Pro Cooling system เพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนได้ดีขึ้น 16% และทำงานได้เงียบขึ้น Full I/O Ports รองรับ input และ output อุปกรณ์หลากหลาย ชาร์จไฟได้อย่างสะดวก และ RAM สูงสุด 32GB DDR4 SO-DIMM, หน่วยเก็บข้อมูลสูงสุด 1TB M.2 NVMe PCIe 3.0 SSD, Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) น้ำหนัก 40 kg มาพร้อม Windows 10 Home และอัปเกรดเป็น Windows 11 ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
PRICE
ASUS ProArt StudioBook 16 OLED รุ่น H7600HM ใช้ชิป Intel Core-i7-11800H + RTX3060 นี้จะเปิดราคามาที่ 74,990 บาท เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ที่ร้านค้าที่ร่วมรายการและช่องทางออนไลน์
DESIGN
งานออกแบบถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก และมาพร้อมกับวัสดุคุณภาพงานประกอบที่ยกระดับขึ้นไปกว่าเดิมที่เราคุ้นเคยกันมาแน่นอนอีกทั้งยังพกพาสะดวก ไม่หนัก และทำให้ในการใช้งานทั่วไปเองนั้นรุ่นนี้สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สบายๆ และการออกแบบมีความเรียบหรูมากกว่าเดิมอยู่ในระดับที่จับต้องได้ง่าย และเป็นรุ่นที่ใส่ฟีเจอร์การใช้งานมาหลากหลายรวมถึงรองรับการสแกนนิ้วบนปุ่มเปิดปิดซ่อนแบบเนียนๆสวยงาม น้ำหนักของ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED รุ่นนี้จะอยู่ที่ 2.4 กก. น้ำหนักอาจจะมากหน่อยเพราะเน้นการทำงานอยู่กับที่ซะส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีน้ำหนักที่สามารถพกพาไปทำงานนอกสถานที่ได้อยู่
ฝาด้านหน้าเครื่องใส่โลโก้รุ่น ProArt ใหญ่ ตรงกลาง มองชัด ขอบตัวหนังสือสีเงินตัดกับพื้นหลังเครื่องสีดำ ดูลงตัวเข้ากันดีมากๆ ดีไซน์โดยรวมเน้นความดุดันแข็งแกร่ง ด้วยวัสดุเป็นโลหะแมกนีเซียมพร้อมความเรียบเนียนตลอดทั้งตัวเครื่อง อีกทั้งได้สีสันเป็นดำ Star Black มีความแข็งแรงทนทานจากโครงสร้างภายใน โดยยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงาม ทันสมัยและการตกแต่งเสริมความพรีเมียม ระบบระบายความร้อนที่มีความล้ำหน้าทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมของทุกชิ้นส่วนจริง
ในส่วนของกล้อง webcam ก็สามารถเปิด ปิดกล้องได้เลย เพียงแค่สไลด์เลื่อนปิดตรงกล้องเพิ่มความปลอดภัย สำหรับการใช้งานอีกด้วย ถ้าสไลด์ปิดแล้วก็ขึ้นสีเหลืองแบบนี้ ดูแปลกตาดีเหมือนกัน
SPEC
- หน้าจอ 16:10 ความละเอียด 4K OLED Display ขนาดจอ 16 นิ้ว ความสว่าง 550 nits, WQUXGA (3840 x 2400) DCI-P3: 100%
- ชิปเซ็ต Intel Core i7-11800H Processor 2.4 GHz (24M Cache, up to 4.6 GHz, 8 cores)
- Intel® UHD Graphics, NVIDIA RTX 3060 Laptop GPU, With Boost up to 1560MHz at 90W (105W with Dynamic Boost), 6GB GDDR6
NVIDIA Max-Q Technologies for peak performance and efficiency, 16GB GDDR6 - RAM สูงสุด 32GB DDR4 SO-DIMM, หน่วยเก็บข้อมูลสูงสุด 1TB M.2 NVMe PCIe 3.0 SSD, Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band)
- 1x USB 3.2 Gen 2 Type-C / 2x USB 3.2 Gen 2 Type-A / 1x Thunderbolt™ 4
1x HDMI 2.1 / 1x DC-in / SD Express 7.0 card reader - กล้องหน้า : HD Camera พร้อมกับปุ่ม ปิด / ปิดกล้อง
- ลำโพง 2 ด้านล่าง พร้อมกับปรับจูนโดย Harman / Kardon
- Keyboard and Touchpad
- ไมโครโฟน 4 ตัว + AI Noise Cancellation
- แบตเตอรี่ขนาด 90 Wh ที่ชาร์จแบบ 240W Power Adapter แบบ AC-IN
- ขนาด : 36.20 x 26.40 x 1.99 ~ 2.14 เซนติเมตร
- น้ำหนักหนัก : 2.40 กิโลกรัม
PERFORMANCE
รุ่นนี้ใช้ Intel Core i7-11800H 2.4GHz Octa-core พร้อมด้วย Turbo Boost (สูงสุด 4.60GHz) และมาพร้อมกับ 24MB cache และในด้านของการ์ดจอที่ต้องบอกว่าแรงเอาเรื่อง ของ NVIDIA RTX 3060 และในส่วน SSDให้มาเป็น 1TB PCIe 3.0 และมาพร้อมกับ Windows 10 home เรียบร้อยพร้อมใช้งานได้เลยถือว่าสเปกมันจัดเต็มมากเลย บอกเลยว่า สายทำงานตัวนี้ ครบจริงๆ ทั้งเรื่องของสเปก และ การเชื่อมต่อ
PCMARK
คะแนนทำได้ 5828 ถือว่าตามระดับของ CPU เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าไม่แย่เลยนะถ้าเรามองในราคาแค่นี้ และทำคะแนนออกมาได้ประมาณนี้แน่นอนว่าดีกว่า CPU รุ่นก่อนเยอะ ทำให้ตัวนี้ถือว่าน่าพอใจค่ะ ทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้นถือว่ารองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลาย เต็มประสิทธิภาพกว่าแบบเดิมชัดเจน
3D MARK
ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับแม้จะไม่ใช่การ์ดจอสายเล่นเกมแต่แน่นอนว่ารองรับการทำงานระดับ อนิเมชั่นระดับสูงสุดได้ ย่อมทำคะแนนได้ดีครับในตัว TIMESPY EXTREAME ทำไปได้มากถึง 3837 คะแนนครับ ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่งและในคะแนน FIRE STRIKE EXTREAME นั้นทำไปได้ 9187 คะแนนในแบบที่โหดๆขึ้นมานั้นเอง และการทดสอบ PORT ROYAL ในการเรนเดอร์แสงเงาเหมือนจริงนั้น 4589 และ FIRE STRIKE ULTRA นั้นเป็นทดสอบที่โหดที่สุดทำได้ 4938 คะแนนครับ ถือว่าคะแนนโหดที่สุดตั้งแต่ที่เคยทดสอบกันมาเลยจริงๆ ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายและดีสมราคาครับ และมันส่งผลต่อการทำงานด้วยแบบชัดเจน ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ นั้นจะได้ความร้อนสะสมในสภาพอากาศปกติ CPY 100 องศา และ การ์ดจอ นั้นทำไปประมาณ 89 องศาเท่านั้นถือว่าเทียบกับประสิทธิภาพของมันต้องบอกว่าสบาย และรองรับทั้งการเล่นเกม ตัดต่อ ภาพยนต์ได้แบบสบาย
CINEBENCH R15 R20 / CRYSTALDISKMARK
ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 2121 ทำได้ดีมาก ในตัว C15 อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือมาแรงมาก พัฒนาขึ้นเยอะในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 4063 ถือว่าคะแนนดีเลยแหละในแง่การประมวลผลของ CPU ดีกว่าเจนก่อนหน้าเยอะพอสมควรส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD ทำคะแนนการอ่านไปได้สูงและถือว่าเทียบกับการใช้งานถือว่าโหดมากๆ สามารถอ่านสูงถึง 3608 ส่วนเขียนที่ 3228 จากทดลองหลายๆรอบให้มา 512GB ถือว่าเพียงพอและความเร็วความจุนั้นสบายๆเหลือๆ และความเร็ว SSD intel ตัวนี้ใช้งานได้สบายไวมากๆ
SCREEN
หน้าจอ 16:10 ความละเอียด 4K OLED Display ขนาดจอ 16 นิ้ว เครื่องแรกของโลก , ความสว่าง 400 nits, WQUXGA (3840 x 2400) DCI-P3: 100% ภาพสวยสีสด ให้สีสันระดับ DCI-P3 100% มาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในวงการภาพยนตร์, ไม่ว่าจะภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวก็สวยสมจริงดุจมีชีวิตด้วยคุณภาพของสีที่ได้การรับรองคุณภาพโดย Pantone validated ซึ่งเป็นระบบสีที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก เป็นมาตรฐานที่ใช้อย่างแพร่หลายทั้งด้านงานออกแบบ , กราฟิกดีไซน์ และสบายตา หลับสบาย ด้วยจอถนอมสายตา ที่ช่วยตัดแสงสีฟ้าถึง 70% จอ OLED ผ่านการรับรองคุณสมบัติเพื่อการถนอมสายตา จากสถาบันชั้นนำ TÜV Rheinland-certified ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกคนในทุกลักษณะการใช้งาน และตัวหน้าจอ OLED นั้นสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับผู้ใช้งานที่ต้องการความสมจริงของหน้าจอและสีสันที่เที่ยงตรงเป็นอย่างมาก
ถือว่าทาง ASUS ProArt StudioBook รุ่นนี้นั้นใส่ใจในการออกแบบมากจริงๆ สีคงระดับความคมชัด ในทุกความสว่างด้วยระดับ contrast 1,000,000:1 สีดำ ดำสนิท ให้ภาพดูลึกมีมิติ Contrast Ratio (อัตราส่วน สีดำที่ดำสนิทและยังคงรายละเอียดในส่วนสว่างได้ครบถ้วน) โดยสามารถให้ค่าคอนทราสต์เรโชสูงถึง 1,000,000 : 1 ทำให้ภาพที่แสดงบนจอ OLED ดูลึกมีมิติสมจริงทุกรายละเอียด อัตราการตอบสนองของภาพที่เร็วเพียง 0.2 มิลลิวินาที ให้ภาพลื่นไหลไม่มีกระตุก ไม่ว่าจะหนังเรื่องโปรดหรือกีฬาประเภทไหนก็คมชัดทุกการเคลื่อนไหว ชัดทุกการเคลื่อนไหวไร้อาการเบลอ
ASUS Dial
ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ยังมีปุ่มพิเศษอย่าง ASUS Dial เข้ามาช่วยให้เราทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นเหมือนวงแหวนกลมๆ ที่สามารถให้เราควบคุม หมุน กดลงไปได้ ตามคำสั่งที่เราตั้งค่าไว้ ออกแบบมาเพื่อให้การทำงานสะดวกและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อการใช้งานร่วมกับโปรแกรม ไม่ว่าจะเป็น Photoshop, Premiere Pro, Lightroom Classic และ After Effects ใช้งานได้สะดวกมากๆ
เพียงใช้นิ้วกดและเลื่อนหมุนไปมา ถ้าเราตั้งค่าตัว ASUS Dial ให้เหมาะกับงานที่ทำก็จะช่วยเราได้อีกเยอะเลย ใช้เป็นคีย์ลัดในการทำงานไม่ว่าจะเป็นการปรับสี ปรับความเข้มต่างๆ ในตัวโปรแกรมที่รองรับของทาง Adobe และสามารถเพิ่มตัวเลือกอื่นๆให้ ใช้งานได้ สะดวกมายิ่งขึ้นตามแบบของเราได้ด้วย
KEYBOARD
แป้นพิมพ์ตัวนี้ออกแบบมาได้พอดีนิ้วมากๆ พร้อมไฟ LED ช่วยให้ความสว่างในที่มืดหรือแสงน้อย พร้อมกับ Number Pad แยกออกมา ถือว่าระยะห่างการใช้งานต่างๆนั้นจัดการได้เป็นอย่างดีปรับตัวไม่ยาก และระยะการกดต่างๆเวลาพิมพ์งานกำลังดีเช่นกัน แม้ระยะเดินทางอาจจะไม่ได้ลึกมากแต่ก็รองรับการใช้งานได้ดีสำหรับพิมพ์ยาวๆ หรือแม้แต่เล่นเกมก็ตาม โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.4 มิลลิเมตร มีความทนทานสูงในการใช้งานต่างๆ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ในการติดตั้งแป้มตัวเลขที่ไม่คับแคบจนเกินไป
TOUCHPAD
Touchpad ออกแบบมาให้มี 3 ปุ่มเพราะเพื่อใช้กับโปรแกรมออกแบบ 3D นวัตกรรมเฉพาะของทาง ASUS Dial ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับโปรแกรมทางด้านครีเอเตอร์ เช่น Adobe Photoshop, Premiere Pro, Lightroom Classic และ After Effects ใช้งานได้สะดวกเพียงใช้นิ้วคอนโทรลแผงควบคุม (video guide) นอกจากนี้ และยังมีปุ่ม ASUS Dial ออกมาแบบมาเป็นศูนย์รวมการตั้งค่าทั้งเรื่องระบบเสียง, ปรับความสว่าง, และยังเชื่อมต่อกับโปรแกรมหลากหลาย
SPEAKER
ระบบเสียง Harman/Kardon Premium ที่เป็นแบรนด์ที่ทางค่ายใช้งานหลากหลายตัวพร้อมด้วย Smart AMP ให้ที่เสียงที่ดัง ผ่านตัวซอฟต์แวร์ ASUS SonicMaste ถือว่าเรื่องของเสียงไว้ใจได้เรื่องความดังสบายและสามารถสู้เสียงเวลาใช้งานทั่วไปได้ดังดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆหน้าชัดเจนแม้เสียงเบสอาจจะไม่ได้เด่นมากนักแต่มิติเสียงทั่วไปทำได้ดีเมื่อฟังเพลง เล่นเกมต่างๆรองรับได้ดี แยกซ้ายขวาชัดเจน แค่อาจจะไม่ได้แน่นมากนักในย่านเสียงต่ำต่างๆในรุ่นนี้
CONNECTOR
เครื่องนี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว มีทั้ง USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ต USB 3.2 Type-C จำนวน 2 พอร์ต ที่รองรับ DisplayPort และ USB-PD ทำให้แสดงภาพและชาร์จไฟเข้าเครื่องได้ พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, LAN RJ45 และ HDMI 2.1 ที่สามารถต่อจอแยกได้ถึง 4K, 8K @ 120Hz ทีเดียว และโดดเด่นที่สุดก็คือช่อง SD Express 7.0 card reader ความเร็วสูง 985 MB/s ใหม่ล่าสุด รองรับการ์ดจากกล้องโดยเฉพาะ
และทางฝั่งขวามือ ประกอบไปด้วย พอร์ต LAN RJ45 พอร์ต USB-A 3.2 Gen 2 ช่องหูฟัง 3.5 มม. และ SD Express 7.0 Card Reader และเป็นตำแหน่งของช่องระบายอากาศ อีกฝั่งนึงด้วย บอกเลยรุ่นนี้จัดเต็มมากๆ สำหรับการใช้งาน
GAMING
ASUS ProArt StudioBook 16 OLED มาพร้อมสเปคที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ แม้กระทั่งการเล่นเกมส์ รุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ต Intel Core i7-11800H การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX3060 มีแรมมาให้ 32GB และหน้าจอ 4K OLED ที่มีมาตรฐานจาก Pantone เท่าที่เราลองใช้งานจริงบอกเลยว่าประสิทธิภาพล้นเหลือมาก ๆ ลองกับเกมกราฟิกสูง ๆ ก็สามารถปรับได้ที่ระดับสูงสุดเลย เล่นได้อย่างลื่น ๆ และความร้อนทำได้น่าสนใจ รวมถึงหน้าจอ OLED ทำให้ภาพออกมาได้สวยและมิติภาพดีมาก จากที่ได้ทดสอบในเกม Overwatch และ Apex Legends ทำออกมาได้ดีมากๆ ปรับคุณภาพได้สูงและเฟรมเรทยังดีอีกด้วย
WORKING
เพื่อการทำงานที่ลื่นไหล รองรับการทำงานที่หนักหน่วง อย่างโปรแกรม CAD, 3D Design หรือการตัดต่อวีดีโอ High Res ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool Pro Cooling system เพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนได้ดีขึ้น 16% และทำงานได้เงียบขึ้น แม้อยู่ในโหมดการใช้งานเต็มประสิทธิภาพ ช่วยระบายความร้อน ช่วยให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ทำงานได้อย่างเสถียร เครื่องไม่ร้อน แม้จะใช้งานเป็นระยะเวลานาน Full I/O Ports รองรับ input และ output อุปกรณ์หลากหลาย ชาร์จไฟได้อย่างสะดวก RAM สูงสุด 32GB DDR4 SO-DIMM, หน่วยเก็บข้อมูลสูงสุด 1TB M.2 NVMe PCIe 3.0 SSD, Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) น้ำหนัก 40 kg มาพร้อม Windows 10 Home และ Office Home and Student 2019 ติดตั้งพร้อมใช้งานตลอดอายุเครื่อง และอัปเกรดเป็น Windows 11 ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ASUS PROART STUDIOBOOK
” เทพขึ้น หน้าจอคุณภาพสูง ตอบโจทย์การใช้งานของสายกราฟฟิก ประสิทธิภาพดี Asus Dial ทำได้ดี ”
ยังคงโดดเด่นและตอบโจทย์ในการใช้งานทั้งหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อ หรือว่าการแต่งภาพ รวมถึงสายงานกราฟิกยิ่งสำคัญเพราะว่าหน้าจอตัวนี้ต้องบอกเลยว่าเป็หน้าจอคุณภาพสูง ทั้งค่าสีที่ตรง ความสวยงาม มิติของภาพ ความดำสนิทของตัวภาพหรือแม้แต่การสู้แสงต่างๆไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อยอีกทั้ง ด้วยราคาและคนที่หาคอมพิวเตอร์ทำงานระดับเริ่มต้นตัวนี้ทำได้น่าสนใจและตอบโจทย์ทันที รวมถึงมีสเปกที่เลือกได้ทั้ง ระดับสูงหรือตามที่รีวิวทำให้รองรับได้สบายๆเช่นกัน ส่วนทางด้านงานประกอบ บอดี้งานออกแบบถือว่าพัฒนาขึ้นทั้งหมด รวมถึงพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆไม่ธรรมดาในการใช้งานระดับกลางไปสูง รวมถึงหน้าจอแบบเงาอาจจะทำให้เรื่องของการใช้งานนอกสถานที่เจอแสงรบกวนได้ง่ายด้วยเช่นกัน แถมรุ่นนี้ยังมีฟีเจอร์เด่น ๆ อย่าง ASUS Dial ที่เข้ามาช่วยให้การทำงานกับโปรแกรมเฉพาะสะดวกมากขึ้นหรือจะเป็นตัว TouchPad ที่รองรับการทำงานร่วมกับปากกา Stylus อีกต่างหาก ใครที่กำลังมองหาแล็ปท็อประดับโปรตัวใหม่อยู่ หรือถึงรอบที่จะต้องอัปเกรดแล้ว รุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลย !
ข้อดี
- ใช้งานสะดวกสบาย เหมาะกับสายกราฟฟิก
- ดีไซน์แปลกใหม่
- เพิ่มลูกเล่น ASUS Dial ที่เข้ามาช่วยให้การทำงานกับโปรแกรมเฉพาะสะดวกมากขึ้น
- TouchPad ที่รองรับการทำงานร่วมกับปากกา Stylus
- อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าเย็น ไม่ร้อนจนเกินไป แม้ทำงานหนัก
- ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ใหม่ล่าสุด ใช้งานได้ทันที
ข้อสังเกตุ
- ตัวเครื่องมีน้ำหนักที่เยอะ
- การใช้งานแบบ ไม่ได้เสียบชาร์จ ใช้งานได้น้อย
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr