Workstation นั้นจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่ค่อนข้างเฉพาะทางพอสมควรครับ แน่นอนว่าเป็นสำหรับสายงานออกแบบและทำงานเรนเดอร์ 3 มิติเป็นหลักหรือว่าจะเป็น สายงาน กราฟิก อนิเมชั่นรวมถึง การทำภาพยนต์ด้วย และในสายงานนี้ต้องใช้งานคอมพิวเตอร์เฉพาะทางพอสมควรครับ ทั้งเรื่องของการทำงานและการประมวลผล ซึ่งทางด้าน ASUS เองนั้นก็มีการเปิดตัวตระกูล Proart สำหรับสายงานนี้โดยเฉพาะเลยนั้นเอง และต้องบอกว่าในครั้งนี้เราจะมารีวิวในตัว Workstation ASUS PROART STUDIOBOOK ONE ที่เป็นแบบพกพาที่ทำงานได้แรงที่สุดในตอนนี้พร้อมกับเป็นรุ่นเดียวในโลกตอนนี้ที่ใช้งาน RTX Quadro 6000 ที่เป็นสายทำงานแยกออกมาจากตระกูลเล่นเกมและมาพร้อมกับสเปกที่จัดเต็มที่สุดเท่าที่คอมพิวเตอร์เคยทำกันมาเลยครับ และพัฒนาร่วมกันกับ Nvidia ด้วยนะ โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้พลังงาน ความร้อนการระบายที่ต้องคิดใหม่ทั้งหมดเพื่อรองรับ RTX6000 นั้นเองครับ ส่วนทางด้านสเปกอื่นๆนั้นมาโหดจัดเต็ม RAM 64GB RTX 6000 24GB และใช้งาน i9-9980HK และหน้าจอที่มีความแม่นยำที่สุดในตอนนี้ ในความละเอียดแบบ 4K เลยนั้นเองครับ มันจะสุดแค่ไหนนั้นมาอ่านรีวิวกันได้เลย
ASUS PROART STUDIOBOOK X มาพร้อมกับสเปกที่แรงที่สุดตั้งแต่ที่ ASUS เคยทำมาในสายงานนี้พร้อมกับ ประสิทธิภาพที่โหดที่สุดก็ไม่เวอร์เกินไปครับเพราะในรุ่น QUADRO RTX 6000 ในตอนนี้มีแค่รุ่นเดียวในโลกสำหรับ Laptop ที่วางขายในตอนนี้ที่ใช้งานการ์ดจอตัวนี้ ส่วนทางด้านสเปกนั้นจะใช้งาน i9-9980HK 2.4GHz octa-core พร้อมกับ Turbo Boost (up to 5.0GHz) และ 16MB SmartCache พร้อมกับ การ์ดจอ NVIDIA Quadro RTX 6000 ให้มาที่ 24GB GDDR6 VRAM และ RAM 64 GB DDR4 ในความเร็ว 2666MHz ถือว่าจัดเต็มอย่างมาก และ ให้ความจุมาที่ 1TB SSD (PCIe® NVMe Gen 3) ถือว่าในสเปก นั้นน่าจะจัดเต็มที่สุดเท่าที่เคยมีมาแล้วครับ ในส่วนของหน้าจอนั้นให้ค่าสีที่แม่นยำและตรงที่สุดในตอนนี้ มีค่า Delta-E < 12 และ มาในขนาด 15.6” LED-backlit UHD (3840 x 2160) ความละเอียด 4K สว่างสูงสุด 350 nits IPS-level (In-Plane Switching) 1000:1 contrast ratio 16:9 aspect ratio เป็นหน้าจอแบบด้านพร้อมกับ 100% Adobe RGB และ รองรับ PANTONE® Validated รวมถึงใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 ด้วยครับถือว่าหน้าจอนั้นมีความสวยและแม่นยำรวมถึงชัดอย่างมาก มาให้ที่ 60Hz นะครับ ส่วนทางด้าน การระบายความร้อนและงานออกแบบได้มีการเปลี่ยนมาไว้ตรงหน้าจอทั้งหมด ทำให้ดึงอากาศได้ดีและไม่ร้อน ทุกส่วนของคอมพิวเตอร์ย้ายไปบนหน้าจอทั้งหมด ทำให้ส่วนคีย์บอร์ดนั้นไม่ร้อนเลยนั้นเองครับ และมีระบบระบายความร้อนพิเศษเข้ามาเป็นวัสดุไทเทเนี่ยมท้งหมดในส่วนของ Heatpipe ครับและพัดลมจัดเต็มเข้ามาช่วยในจุดนี้ด้วยเช่นกัน และมาพร้อมกับพอร์ต USB-C Thuderbolt 3 ทั้งหมด รวมถึงรองรับ Bluetooth 5.0 และ Wifi Dual-band 2×2 802.11ac ด้วยเช่นกัน ทำให้มันเป็นรุ่นเดียวที่แรงที่สุดในตอนนี้ และระบบระบายความร้อนที่ดีที่สุดครับ ทำให้ราคามันพุ่งไปสูงถึง 399,990 บาทไทย เพราะเอาจริงๆนั้นแค่ตัว RTX 6000 นั้นก็ปาไปแสนกว่าแล้วนั้นเองครับ
ทางด้านราคาของ ASUS PROART StudioBook One อยู่ที่ 399,990 บาท
i9-9980HK, การ์ดจอ Quadro RTX 6000 วีแรม GDDR6 24GB, แรม DDR4 2666MHz 64GB, M.2 PCIe Gen 3×4 1TB, หน้าจอ 15.6 นิ้ว UHD IPS ได้ Pantone รับรอง Adobe RGB 100% และ Delta E <1, Wi-Fi 6 (GIG+), Windows 10 Pro
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้มีความแปลกแตกต่างกว่า Proart รุ่นอื่นๆชัดเจนครับรวมถึงงานออกแบบที่แปลกตากว่า Workstation ทั่วไปเยอะมากๆแน่นอนว่าด้วยการออกแบบของมัน ทำให้มันต้องเน้นเรื่องของการระบายความร้อนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษวางอะไรใหม่ทั้งหมด ย้ายเมนบอร์ดมาไว้ตรงจอทั้งหมดและ ดึงลมจากข้างๆทุกทิศทางมาครับ เมื่อจุดเด่นด้านดีไซน์ของ StudioBook One ชุดประมวลผลและพัดลมจะอยู่หลังหน้าจอ เพราะเมื่อเราเปิดฝาใช้งานนั้น บานพับจะกางออกแและฝาหลังนั้นจะกางออก 4.6 องศาเพื่อรับลมเข้าเต็มที่ทั้งด้านขวาซ้าย และ ด้านล่าง และดึงออกไปข้างบนครับ ทำให้ตัวฐานนั้นมีแค่ คีย์บอร์ดบางๆและไม่มีอะไรอยู่ในส่วนของฐานเลย ทำให้ไม่ร้อนมือเวลาใช้งาน และยังดูดลมได้เยอะด้วย อีกทั้งวัสดุของเครื่องทำจาก อลูมิเนียมเกรดดีด้วยเช่นกัน แต่งานออกแบบนั้นต้องบอกกันตรงๆว่ามันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ในแง่ของความพรีเมี่ยม หรือเทียบราคานั้นงานออกแบบน่าจะดูดีดูหรูได้มากกว่านี้ รวมถึงน้ำหนักนั้นต้องบอกว่าทำได้ดี ถ้ามองในแง่ของสเปกของมันแต่ก็แอบหนักไปถ้าเน้นพกพาทั่วไปนั้นเองครับ
งานออกแบบในภาพรวมนั้นอาจจะเน้นเรื่องของการใช้งานเป็นหลักทำให้ดีไซน์นั้นดูไม่หวือหวาเท่าไรหรือไม่ได้ดูพรีเมี่ยมเท่าที่ควรครับ เพราะถ้าหามองผ่านๆนั้นดีไซน์อาจจะดูไม่ค่อยสมราคากับหลักแสนเท่าที่ควร น่าจะมีลูกเล่นได้มากกว่านี้นิดหน่อยในฝาหลังครับ รวมถึงลวดลายโทนสีต่างๆแต่เมื่อมองจากด้านหลังนั้นจะเห็นว่าฝาหลังมีการเปิดกางออกมาด้วยเป็นจุดระบายความร้อน และตามขอบๆเครื่องนั้นก็มีลวดลายขีดๆนิดหน่อยครับ ส่วนในด้านหน้านั้นเราจะเห็นหน้าจอที่มีการตัดขอบมุมทั้ง 4 และจะเห็นว่าขอบบนหน้าจอจะมีพื้นที่สำหรับการเป่าลมร้อนออกด้วยเช่นกัน และการที่ย้าย เมนบอร์ดนั้นไปไว้บนหน้าจอทำให้ส่วนคีย์บอร์ดนั้นมีความบางมากๆเมื่อมองในภาพข้างบนครับ
ฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่าค่อนข้างเรียบอย่างมากโทนสี StarGrey โทนสีจะออกเทาๆและน้ำเงินนิดหน่อยครับแน่นอนว่าจะเป็นวัสดุแบบด้านๆทั้งหมด จริงๆแอบเรียบไปนิดหน่อยในการออกแบบภาพรวมดูไม่ค่อยพรีเมี่ยมเท่าที่ควร ส่วนขอบเครื่องนั้นเราจะเห็นว่ามีลวดลายขีดๆทั้งหมดตามขอบและขอบเครื่องมีการปาดมุมทั้งหมดก็ถือว่าเป็นลูกเล่นนิดๆหน่อยๆในการออกแบบที่ใส่เข้ามาครับ แต่ถ้าให้หลายๆคนมองจากภายนอกนั้นยังไงก็ไม่ค่อยสมกับราคา 4 แสนนัก
หน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบด้าน 4K และมีขอบที่หนาพอสมควรในด้านล่าง และด้านบนแน่นอนว่าด้วยขนาดของตัวเครื่องและพวกเมนบอร์ดอะไรทั้งหลาย ทำให้มันมีพื้นที่ค่อนข้างเยอะครับและอาจจะส่งผลทำให้เครื่องมันไม่ได้บางเล็กเท่าไรขอบด้านบนนั้นจะเห็นช่องสำหรับการระบายความร้อนของระบบทั้งหมด ดูดจากข้างล่างขึ้นข้างบน ส่วนหน้าจอนั้นจะเห็นขาพับนั้นจะอยู่ตรงกลางค่อนข้างแข็งแรงจะสามารถกางสุดได้ประมาณในภาพครับเพราะว่าน้ำหนักตัวจอค่อนข้างเยอะทำให้เวลากางนั้นอาจจะเอียงไปข้างหลังได้ง่ายถ้ามากกว่านี้รวมถึงเวลาเปิดนั้นจะใช้มือเดียวเปิดค่อนข้างลำบากพอสมควร เพราะด้วยน้ำหนักส่วนฝาเครื่องนั้นจะมากกว่าและตัวฐานนั้นบางและเบามากนั้นเอง
ขอบหน้าจอส่วนบนนั้นจะเห็นตามที่แจ้งไปนั้นมันคือการระบายความร้อนออกจากข้างบนเหมือนกับ พาแนลหน้าจอนั้นจะแยกออกจากเมนบอร์ดเพื่อระบายความร้อนได้เลยครับ และเป็นการระบายความร้อนเต็มๆทั้งขอบด้านบนและดึงลงจากทั้งขอบซ้ายขวาและล่างได้ทั้งหมด ยังไม่ค่อยเจอการออกแบบแบบนี้เท่าไรใน คอมพิวเตอร์หลายๆรุ่นในปัจจุบัน
พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆนั้นจะอยู่บนหน้าจอด้วยเช่นกันครับ ตามภาพแรกเราจะเห็นว่าตรงขอบเครื่องก็ยังมีการออกแบบนิดหน่อยในส่วนนั้น และเป็นรูปทรงที่แปลกตาเช่นเกันและที่เห็นมันเปิดได้นั้นถือระบบการระบายความร้อนนั้นเองและเมื่อพับฝาลงมานั้นจะปิดเรียบสนิท และถ้าเปิดใช้งานมันจะกางออก 4.6 องศาเพื่อเป็นช่องลมเข้าทั้งหมดเลยครับ ก็เป็นการออกแบบที่แปลกตาและรับลมเชิง Active System เต็มๆทำให้ตัวเครื่องคุมความร้อนของพลัง RTX 6000 ได้สบายๆครับ เพราะถ้าเป็นการวางเมนบอร์ดไว้ตรงคีย์บอร์ดยังไงก็ไม่สามารถรับลมและระบายได้ไม่ดีเท่านี้แน่นอน
ทั้ง 3 ภาพข้างบนนี้เราจะเห็นว่าการทำงานของระบบระบายความร้อนครับภาพแรกซ้ายมือคือเมื่อเราเปิดฝาใช้งานเจ้าฝาหลังของตัวเครื่องนั้นจะกางออกเต็มที่เพื่อรับลมเป็นช่องดักลมขนาดใหญ่ รวมถึงถ้าเราพับเครื่องปิดใช้งานเจ้าฝาอันนี้ก็จะเรียบเนียนสนิทไปกับตัวเครื่องแบบในภาพส่วนขวาด้วยเช่นกันครับ และถ้าหากดูว่าช่องลมมันมีผลเยอะไหมลองสังเกตดูได้จากมุมมองด้านข้างเทียบกับความหนาของตัวเครื่องด้วยครับว่าพื้นที่ของมันนั้นเกือบจะเท่ากับความหนาของเครื่องเลย อีกทั้งยังมีช่องที่เป็นทรงกว้างไปแคบทำให้อากาศนั้นบีบอัดไปส่วนบนและพุ่งออกมาได้เต็มที่
SPEC
- Windows 10 Pro
- Intel® Core™ i9-9980HK processor 2.4GHz octa-core with Turbo Boost (up to 5.0GHz) and 16MB SmartCache
- Graphics NVIDIA® Quadro® RTX 6000 24GB GDDR6 VRAM
- Display 15.6” LED-backlit UHD (3840 x 2160) display, 350 nits IPS-level (In-Plane Switching) 1000:1 contrast ratio 16:9 aspect ratio Anti-glare panel 84% screen-to-body ratio 100% Adobe RGB PANTONE® Validated Corning® Gorilla® Glass 5
- Memory 64GB DDR4 2666MHz
- Storage 1TB SSD (PCIe® NVMe Gen 3)
- Interfaces 3 x Thunderbolt™ 3 USB-C™ with Display Port 1.4 (40Gbps) 1x DC-in
- Keyboard and Touchpad
- Fingerprint on Power Button
- Built-in quad speakers and dual array digital microphone ASUS SonicMaster technology
- Wi-Fi Dual-band 2×2 802.11ac
- Bluetooth® Bluetooth® 5.0
- Height: 2.42cm Width: 36.45cm Depth: 24.5cm Weight: 2.9Kg
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ ใช้งาน i9-9980HK 2.4GHz Octa-core พร้อมด้วย Turbo Boost (สูงสุด 5.0GHz) และมาพร้อมกับ 16MB cache และในด้านของการ์ดจอที่ต้องบอกว่าแรงที่สุดในโลกตอนนี้ยังคงใช้งานของ NVIDIA Quadro RTX 6000 ตระกูลสายทำงานที่แรงที่สุด มาพร้อมกับ 24GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 64GB DDR4 bus 2666MHz และด้วยข้อจำกัดการออกแบบนั้นต้องบอกว่า ทำให้มันไม่สามารถอัพเกรดได้อีก และในส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อยครับ และมาพร้อมกับ Windows 10 Pro เรียบร้อยพร้อมใช้งานได้เลยถือว่าสเปกมันจัดเต็มมากที่สุดในตอนนี้เลยนั้นเอง และตัวเครื่องยังได้การรองรับ มาตรฐาน ISV สำหรับการทำงานร่วมกันกับ Adobe และ Autodesk รวมถึง Solidworks , creo
PCMARK
นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างดีมากๆตัวนึงครับแน่นอนว่าตัว i9 9980HK นั้นทำออกมารอบรับพวกนี้อยู่แล้วครับทำ ไปได้ 4400 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 4,600 คะแนนครับ ทำได้สูงเอาเรื่องเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพและในส่วนของคะแนนตัว CPU ล้วนๆในตัวนี้ของทาง INTEL ครับผม
3DMARK
ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับแม้จะไม่ใช่การ์ดจอสายเล่นเกมแต่แน่นอนว่ารองรับการทำงานระดับ อนิเมชั่นระดับสูงสุดได้ ย่อมทำคะแนนได้ดีครับในตัว TIMESPY EXTREAME ทำไปได้มากถึง 5206 คะแนนครับ ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่งและในคะแนน FIRE STRIKE EXTREAME นั้นทำไปได้ 13017 คะแนนในแบบที่โหดๆขึ้นมานั้นเอง และการทดสอบ PORT ROYAL ในการเรนเดอร์แสงเงาเหมือนจริงนั้น 7551 และ FIRE STRIKE ULTRA นั้นเป็นทดสอบที่โหดที่สุดทำได้ 7,290 คะแนนครับ ถือว่าคะแนนโหดที่สุดตั้งแต่ที่เคยทดสอบกันมาเลยจริงๆ ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายและดีสมราคาครับ และมันส่งผลต่อการทำงานด้วยแบบชัดเจน ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ นั้นจะได้ความร้อนสะสมในสภาพอากาศปกติ CPY 100 องศา และ การ์ดจอ นั้นทำไปประมาณ 89 องศาเท่านั้นถือว่าเทียบกับประสิทธิภาพของมันต้องบอกว่าสบาย และรองรับทั้งการเล่นเกม ตัดต่อ ทำอนิเมชั่น ภาพยนต์ได้แบบสบาย
CINEBENCH R20 R15 / SSD
R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 1248cb/ 196.82 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆและดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจนครับผมส่วนเรื่องความร้อนนั้นตามที่แจ้งไป จะประมาณ 90 องศาสำหรับ CPU และที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกันครับ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 3888 CB เลยครับ ดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะเลย และ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ถือว่าคะแนนทำได้ดีทั้ง Single และปกติ ส่วนตัว SSD นั้นทำการอ่านเขียนไป 2862MB/s และ 2394MB/s ถือว่าแรงเอาเรื่องและรองรับ RAID0 ด้วยครับ
FINGERPRINT
สแกนนิ้วในรุ่นนี้ใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกันแต่น่าเสียดายว่าไม่มีระบบสแกนใบหน้าเข้ามาแบบรุ่นอื่น แต่ทดแทนมาด้วยระบบสแกนนิ้วบนปุ่ม Power แทนครับเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างเนียนตากว่ารุ่นอื่นแบบชัดเจนตัวปุ่มสแกนนิ้วยังคงมีการพิมพ์ตัวอักษรข้างบนได้และสามารถสแกนนิ้วได้ดีเช่นเดิม และสามารถกดลงไปเป็นปุ่ม Power เปิดปิดเครื่องปกติได้เลยครับ การทำงานนั้นค่อนข้างไว้และแม่นยำชัดเจนเลย แต่น่าเสียดายว่าไม่มีระบบกล้อง IR เข้ามาในตัวนี้
SCREEN
หน้าจอตัวนี้ต้องบอกว่าเป็นหน้าจอที่สวยที่สุดในบรรดาหน้าจอคอมพิวเตอร์สายทำงานก็ไม่เวอร์เกินไปครับทั้งเรื่องของความคมชัดที่เป็นหน้าจอแบบ 4K มาในขนาด 15.6” LED-backlit UHD (3840 x 2160) ความละเอียด 4K สว่างสูงสุด 350 nits IPS-level (In-Plane Switching) 1000:1 contrast ratio 16:9 aspect ratio เป็นหน้าจอแบบด้านพร้อมกับ 100% Adobe RGB และ รองรับ PANTONE® Validated รวมถึงใช้งานกระจก Gorilla Glass 5 ด้วยครับถือว่าหน้าจอนั้นมีความสวยและแม่นยำรวมถึงชัดอย่างมาก มาให้ที่ 60Hz นะครับ แน่นอนว่าในเรื่องของความแม่นยำตัวสีนั้นไว้ใจได้มากๆทำงานกราฟิก การตัดต่อต่างๆสีที่ได้ค่อนข้างตรงกับตาที่เราเห็นและมุมมองของหน้าจอนั้นทำได้ดีครับความอิ่มของสีอะไรใช้งานได้สบายตา และตรงจริงๆเป็นหน้าจอที่สวยมากๆเท่าที่เคยสัมผัสมาตัวนึงในบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหมดเลยมีความแม่นยำ 100% Adobe RGB ได้เลยและมีความความเพี้ยนของสีที่ต่ำมากที่สุดในตอนนี้ด้วยด้วยเรทราคานี้แน่นอนว่าไม่ต้องหาข้อเสียให้ยากเลยครับ
หน้าจอในมุมมองอื่นๆถือว่ารองรับได้สบายเพราะเป็นหน้าจอที่คุณภาพอย่างมากเท่าที่เคยลองมาในบรรดา Labtop อย่างมากมุมมองสามารถรองรับได้หลายองศา และใช้งานได้สบายมิติของภาพมีความเพี้ยนน้อยอย่างมากและได้มาตรฐานที่ดีที่สุดจริงๆครับ และด้วยของคุณภาพของมันทั้งเรื่องของความละเอียดหน้าจอ 4K ทำให้แสดงผลได้ดีที่สุดครับและทั้งเรื่องของมิติของภาพแม้จะมองเอียงๆ แสงอะไรไม่ดรอปเท่าไรด้วยครับ สามารถทำงานตัดต่อแสดงผลได้เนียนตาและสวยที่สุด สายงานทั้งเรื่องของ วีดีโอ ตัดต่อหนัง ทำแต่งภาพทุกอย่างทำได้สบาย
KEYBOARD
คีย์บอร์ดในรุ่นนี้เป็นการวางในส่วนล่างของตัวเครื่อง และด้วยการออกแบบที่ยกทั้งเครื่องไปไว้บนหน้าจอทั้งหมดทำให้ตัวส่วนฐานเครื่องนั้นมีความบางมาก บางกว่าหน้าจอเยอะพอสมควรและข้อดีในการออกแบบการย้ายเครื่อง CPU -GPU ไปบนหน้าจอทั้งหมดทำให้เรื่องของความร้อน การระบายอะไรทั้งหมดดีกว่าการวางบนฐานเครื่องแน่นอนครับแต่เราจะไม่เจอการออกแบบแบบนี้กับรุ่นอื่นๆเลยครับ และเป็นการออกแบบที่ระบายความร้อนรองรับได้กับ RTX6000 มากที่สุดและเป็นุร่นเดียวในโลกครับในตอนนี้ การออกแบบแบบนี้ทำให้ส่วนที่วางมือไม่มีความร้อนเลยแต่จะบางกว่ารุ่นทั่วไปและทำให้ระยะนั้นแอบตื้นมากๆครับเวลาใช้งาน ส่วนคีย์บอร์ดการวาง Layout นั้นเป็นแบบรุ่นอื่นๆที่เราคุ้นเคยกัน พร้อมกับปุ่มเปิดปิดที่มีสแกนนิ้วในตัว ไม่ได้แตกต่างกันมากและระยะอะไรนั้นเหมือน Proart ตัวอื่น
เนื่องด้วยขนาดความบางของตัวเครื่องที่เป็นการออกแบบ ทำให้ส่วนตัวฐานนั้นบางมากๆทำให้ระยะกดนั้นถือว่าค่อนข้างตื้นกว่าตัวอื่นๆแบบรู้สึกได้เลยครับแน่นอนว่าเทียบกับตัว Proart ที่เคยรีวิวนั้นก็ยังถือว่าแตกต่างกันชัดเจน เป็นอีกจุดที่สังเกตเช่นกันครับ อาจจะใช้งานพิมพ์อะไรไม่ได้มีความลึกเท่าไรมากนักอาจจะไม่ชินในช่วงแรกๆครับด้วยระยะที่ค่อนข้างตื้นด้วยแต่พวกการวางตำแหน่งระยะห่างนั้นถือว่ากำลังดีและมีระยะพอสมควรกดอะไรได้ง่ายครับ แต่ตัวปุ่มนั้นจะไม่ได้มีส่วนเว้าหรือโค้งอะไรรับกับนิ้วมือถือว่าเป็นข้อจำกัดพอสมควรครับสำหรับการออกแบบแบบนี้นั้นเอง ส่วนภาษาไทยนั้นไม่มีนะครับในรุ่นนี้เป็นเครื่องนำเข้าเป็นพิเศษครับ แต่ถ้าใครที่สั่งในไทยก็จะมีการสกรีนมาให้ปกติครับ
TOUCH PAD
ทัชแพดในรุ่นนี้ถือว่ามีขนาดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ทาง Asus เคยทำมาเลยก็ว่าได้ครับเพราะเมื่อเทียบกับทางสัดส่วนตัวเครื่องนั้นถือว่าใหญ่สะใจมากครับแน่นอนว่าถ้าทำงานสายงานออกแบบหรือทำงานข้างนอกนั้นในรุ่นนี้จะทำได้ดีตอบโจทย์ได้ดีครับส่วนตัวถือว่าค่อนข้างชอบในหลายๆยี่ห้อที่ใส่ขนาดทัชแพดค่อนข้างใหญ่มาให้ เพราะในการทำงานข้างนอกนั้นมันสามารถตอบโจทย์การทำงานได้ดีกว่าขนาดเล็กเยอะมาก ทั้งการวางนิ้วลากเปลี่ยนหน้าต่างรวมถึงทำงานและในตัว Software นั้นใช้งาน Presicion Touchpad ที่รองรับการทำงานได้ค่อนข้างดีและทันสมัยพอสมควร
ขนาดของทัชแพดในรุ่นนี้เมื่อเทียบกับมือ และใช้งานสามารถวางได้ทั้งมือจริงๆครับยื่งเทียบกับทางรุ่นก่อนๆหรือแม้จะเป็น Proart รุ่นอื่นๆก็ตามในรุ่นนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดเลยครับ แน่นอนว่าในการทำงานข้างนอกนั้นอาจจะได้ใช้งานบ่อยแต่ด้วยประสิทธิภาพรุ่นนี้ถือว่าอาจจะไม่ได้ใช้งานบ่อยอะไรขนาดนั้น แต่ก็มีไว้ยามจำเป็นเวลาทำงานข้างนอกครับ ส่วนความลื่นไหลเวลาใช้งาน และ สัมผัสของตัววัสดุในรุ่นนี้ถือว่าลื่นไหลและทำได้เนียนมากๆในการสั่งงานหลายๆนิ้วพร้อมกันหรือว่าจะเป็นการเปลี่ยนแอปไม่เจออาการมึนหรือรวนเลยแม้แต่น้อยครับ รวมถึงปุ่มของตัวทัชแพดนั้นมีความเรียบเนียนไปกับตัวทัชแพดไม่ได้มีจุดแยกอะไรเสริมเข้ามาด้วย ทำให้สามารถใช้งานได้เต็มที่มากขึ้นและเนียนมากขึ้น
SPEAKER
ลำโพงในรุ่นนี้ถือว่าจัดเต็มเอาเรื่องรุ่นนี้มาให้ทั้งหมด 4 ตัวแรงขับอะไรถือว่าดีใช้ได้เลยครับแต่น่าเสียดายในเรื่องของลำโพงนั้นไม่ได้มีการร่วมมือกับ Harman/Kardon อะไรแบบตัวรุ่น Zenbook แต่ถ้าไม่ได้มองในจุดนั้นทางด้านลำโพงนั้นถือว่ากำลังขับ และเสียงที่ออกมานั้นทำรายละเอียดเสียงและแรงขับได้ดีกว่าที่คิดครับ สามารถสู้เสียงภายนอกกันได้ดีพอสมควร ลำโพง 4 ตัววางยิงตรงมาข้างหน้าและ เสียงออกภาพรวมของด้านหน้าด้วยเช่นกัน มิติเสียงอะไรนั้นทำได้ดีครับ แต่ถ้าเทียบกับราคาไรนั้นอาจจะมีการจัดเต็มมาให้มากกว่านี้พอสมควร ทั้งเรื่องของแรงขับ และ การวางตำแหน่งลำโพงทั้ง 4 ตัว ถ้ามีการจัดวางที่ยิงออกชัดเจนมากขึ้นกว่านี้อย่างน่าเสียดายเลยครับ
CONNECTOR
พอร์ตเชื่อมต่อในรุ่นนี้ถือว่ามีแต่เทคโนโลยีแน่นๆครับ ในเรื่องของความเร็วและในการใช้งานแต่ก็น่าเสียดายว่าไม่มีพอร์ตพวก USB-A หรือว่า HDMI อะไรมาให้ แต่จะให้พอร์ต Thunderbolt 3 มาแทนแน่นอนว่าในเรื่องของประสิทธิภาพในรุ่นนี้พอร์ตนี้ใช้งานได้อิสระมากกว่า เร็วแรงกว่าต่อพ่วงได้มากกว่าเยอะครับสำหรับการใช้งานมืออาชีพถือว่าดี แต่ถ้าคนทั่วไปนั้นอาจจะแปลกๆแต่แน่นอนว่าด้วยเรทราคาแบบนี้เราหลายๆคนนั้นคงมีใช้งานกันอยู่แล้วครับ ทางด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นเป็น ช่องสำหรับเสียบชาร์จไฟ DC-IN และ USB-C Thunderbolt 3 รองรับ Display Port 1.4 ความเร็วสูงสุด 40Gbps เลยทีเดียว ก็ถือว่าสมราคาและให้มาทั้งหมด 3 ช่องเชื่อมต่อครับในรุ่นนี้
และในด้านขวานั้นเราจะเห็นการออกแบบแบบเดียวกันอีกฝั่งทั้งหมดเลย พอร์ตนั้นถือว่าให้มาอีก 2 ครับและเป็น USB-C Thunderbolt 3 รองรับ Display Port 1.4 ความเร็วสูงสุด 40Gbps ถือว่ารองรับได้สบายมากในการเชื่อมต่อทั้งหน้าจอ การต่อพ่วงอีกเยอะแยะ แต่ถ้าไปใช้งานข้างนอกพกพานั้นอาจจะต้องมี Adaptor มาต่อเพิ่มอีกครับ ก็ถ้าเน้นในแง่ของการพกพาทำงานขางนอกพอร์ตอาจจะไม่ตอบโจทย์มาก แต่เรื่องประสิทธิภาพถือว่าโหดมาก
WORKING
ในการทำงานจริง สายทำงานในตัว intel นั้นจะค่อนข้างเด่นถ้าเราเน้นทำงานแบบโปรแกรมเดียวล้วนๆ และลองประสิทธิภาพของมันน่าจะทำได้ดีครับแต่ถ้าเข้าทำงานหลายๆโปรแกรมพร้อมกันนั้นอาจจะไม่ได้เด่นเท่าไรแน่นอนว่าถ้าเทียบในช่วงนี้ที่อีกค่ายนั้นมีคอร์ เทรด มากกว่านั้นเอง แต่ยังไงเราก็ต้องมาลองเจ้านี้กันหน่อยสำหรับการทำงานจริงๆครับในหลายๆสายงามหลายๆโปรแกรมที่หนักๆหน่อยจริงๆ การทำงานเลยขอยกตัวอย่างการทำงานจริงมาให้ชมกันครับทั้งในเรื่องของงานออกแบบ งานเรนเดอร์ทำคลิป หรือจะเป็นงานด้าน 3 มิติ รองรับได้สบายพอสมควรเลยแต่ถ้าเทียบกับตัวอื่นๆนั้นที่ใช้งานอีกค่ายก็ต้องยอมรับว่าในการทำงานเรนเดอร์ตัวนั้นกลับทำได้ไวกว่าอยู่พอสมควร
MULTITASK RENDER +BENCH
การทำงานแน่นอนว่าตัว CPU นั้นเป็นตัวเทพที่สุดในตอนนี้รองรับการทำงานหลากหลายโปรแกรมได้และเรนเดอร์ทำงานได้พร้อมกันเยอะมากจนน่าตกใจ ยกข้อดีให้ทั้งเรื่องของ CPU – RAM – GPU ครับเพราะทางที่แอดมินทดสอบนั้นจะทดสอบแบบหนักเท่าที่เคยทำมา ไม่เคยทดสอบตัวไหนหนักแบบนี้มาก่อน จะเห็นว่าเรนเดอร์ทั้ง 3 โปรแกรมพร้อมกัน แต่คอมพิวเตอร์นั้นสามารถรับได้ปกติ รันทำงานสลับแอปได้โดยไม่มีแอปไหนเด้งเลยครับทดสอบคือ Sketch up 3D เรนเดอร์ 4K – พร้อมกับเรนเดอร์ LUMION 4K 60FPS – พร้อมกับเปิด AUTOCAD ไฟล์ใหญ่ 2 ไฟล์ – รวมถึงเปิด Photoshop สำหรับการตัดต่อภาพไฟล์ใหญ่ ก็สามารถตัดต่อเล่นได้ต่อรวมถึง เปิดทดสอบ 3D MARK ไปด้วยในตัวครับ จะเห็นว่ารองรับได้สบายมากๆ CPU 100% ก็ตามแต่เล่นได้ลื่นไม่มีตก รวมถึง GPU ก็เข้ามาช่วยในส่วนของการเรนเดอร์ 3 มิติแบบเต็มๆ และมีแยกหน้าที่กับตัว GPU เดิมๆบนเครื่องด้วยทำให้มันจัดการได้ดีอย่างมากครับ อันนี้ทดสอบแล้วบอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยได้เจอเท่าไรนักในคอมพิวเตอร์
AUTOCAD
ในการทำงานเขียนแบบนั้นหลายๆคนคงใช้งานตัว AUTOCAD กันเกือบจะหมดครับ และแน่นอนว่าการทำงานนั้นแม้จะเป็นแบบ 2 มิติก็ตามแต่ถ้าไฟล์ที่มีความละเอียดสูงเช่นพวกโปรเจคที่มีขนาดใหญ่หรือห้าง หมู่บ้านหรือจะเป็นอาคารสูงที่มีแบบแปลนหลายๆชั้นนั้นก็จะพบว่าถ้าคอมพิวเตอร์ไม่แรงพอนั้นเวลาย้าย หรือจัดการแก้ไขแบบนั้นมีความหน่วงแบบชัดเจนครับ และทางเราก็ทดสอบโดยการเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ไว้ 2-4 ไฟล์และทำการแก้ไขทำงานจริงๆทดสอบการโยนไฟล์หรือเปลี่ยนแบบแก้ไขหลายๆเลเยอร์ดูตัวนี้ก็ไม่เจออาการหน่วงหรือโหลดไม่มาเลยแม้แต่น้อย
3DSMAX
การทำงาน3มิตินั้นโปรแกรมที่เราคุ้นเคยกันจะเป็นในตัว 3DSMAX ของ AUTODESK นั้นเองครับโปรแกรมนี้ทำงานในการออกแบบ 3 มิติไม่ว่าจะเป็นอาคารสถาปัตยกรรม หรือจะเป็นการสร้างสรรค์ชิ้นงานทุกรูปแบบที่มีความละเอียดและดีเทลเยอะกว่าโปรแกรมอื่นๆครับ และสามารถสร้างรูแบบ ฟอร์มได้ค่อนข้างอิสระพอสมควร รวมถึงการเรนเดอร์ที่มีความละเอียดเมื่อทำงานร่วมกันกับ V-RAY ด้วยเช่นกันสำหรับการเล่นแสงเงาต่างๆ และรวมถึงพื้นผิวครับในการทำงานจริงๆนั้นถือว่ารองรับได้สบายๆทั้งความละเอียดของโมเดลเยอะๆรวมถึงส่วนโค้งต่างๆก็รองรับได้จากที่ทดสอบนั้นจะเป็นการขึ้นโมเดลที่มีความละเอียดสูงทำงานร่วมกันกับการดูแบบแปลนก็สามารถรองรับได้ไม่เจออาการหน่วงหรือโหลดไม่มาและในการเรนเดอร์นั้นจะใช้เวลาน้อยกว่าปกติแบบชัดเจนเร็วมากจนน่าตกใจเลยครับ
LUMION 10 4K 60-200 FPS
ลูเมียนโปรแกรมในการทำงานเรนเดอร์ตึกเป็นแบบวีดีโอหรือ อนิเมชั่นล้วนๆเลยครับทำให้เราสามารถเรนเดอร์แบบวีดีโอเดินพาชมตึกใส่คนเดิมหรือจะเป็นการใส่สภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับภาพที่เราอยากได้มากที่สุดครับ และเป็นการเรนเดอร์ที่ใส่พื้นผิวท้องฟ้าได้ค่อนข้างสมจริงรวมถึงการจัดแสง จึงเป็นโปรแกรมที่เน้นการใช้ CPU แบบหนักหน่วงครับ ในการเรนเดอร์ทดสอบโดยการเรนเดอร์แบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในความละเอียด 4K ทดสอบทั้งใน FPS 60-200 ในความละเอียดสูงสุดแบบและความละเอียดพื้นฐาน เพื่อในการเทียบเวลากับตัวอื่นซึ่งในรุ่นนี้จะใช้เวลาเรนเดอร์ไป 36 นาทีเท่านั้น เมื่อเทียบกับตัวอื่นๆถ้าในความละเอียดเดียวกันจะใช้งาน 2 ชั่วโมงขึ้นไปทั้งหมด ถือว่าสามารถประหยัดเวลาได้หลายเท่าตัว และในการเรนเดอร์ 200FPS นั้นจะใช้เวลาเท่ากับเครื่องอื่นที่เรนเดอร์ 60FPS ครับ ส่วนในการทำงานของตัว GPU RTX6000 นั้นจะเห็นว่าทำงานเต็มที่ในการเรนเดอร์ 3D ในกราฟข้างบนครับ และถ้าเราเรนเดอร์หรือตัดต่อวีดีโอการทำงานของกราฟนั้นจะแตกต่างกัน แยกส่วนกันชัดเจนครับในตัวนี้
PREMIERE PRO
CPU เลยขอเอามาทดสอบเรนเดอร์กันหน่อยครับว่า 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัวอื่นด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 15 นาที ถือว่าในการเรนเดอร์ตระกูล intel นั้นสามารถทำงานได้ไวมากๆถ้าเป็นตัว i9 ระดับสูงสุดของค่ายครับทำให้ประหยัดเวลาได้เยอะมากเพราะถ้าเทียบกันในตัว i7 จะกินเวลาไป 40 นาที และถ้าหากเป็น Ryzen ตัวก่อนๆอาจจะกินเวลาไป 1 ชั่วโมงได้ในรุ่น 3000Series นั้นเอง ก็ถือว่าประสิทธิภาพนั้นจัดเต็มสมกับราคาจริงๆในแง่ของการทำงาน และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ครับโดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ถือว่าจัดการในการทำเวลาค่อนข้างต่างกัน ส่วนความร้อนนั้นสามารถคุมได้ดีไม่แตะ 100 องศาในการใช้งานจริง
SKETCH UP
ในงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดีครับแต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบายครับแต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว นี้จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 25 นาที แต่ถ้าพวกสายเกมรุ่นอื่นๆจะได้ประมาณ 110 นาทีถือว่ามีความแตกต่างกันอยู่ชัดเจนครับและดีกว่าตระกูล Proart ตัวอื่นๆชัดเจนเพราะตัว RTX 6000 นั้นเข้ามาช่วยในจุดนี้ชัดเจนเลยครับ
GAMING (ทดสอบ 4K ทั้งหมด )
แน่นอนว่าการเล่นเกมแน่นอนว่าไม่น่ามีข้อสงสัยสำหรับค่ายนี้ ที่ค่อนข้างเด่นในเรื่องเล่นเกมและดัน FPS ได้ดีและใช้งาน i7 9980HK ก็เอาเรื่องเช่นเดิมในตัวทำการทดสอบในหลายๆเกมทั้งกราฟิกที่ไม่ได้สวยงามกินสเปก ไปยันกินสเปกโหดๆ ซึ่งทางเราก็ได้เปิดภาพแบบสูงสุด รวมถึง เปิด Monitor FPS /Temp ไว้ตลอดเลยเล่นต่อเนื่องยาวๆครับในแต่ละเกม ซึ่งในรุ่นนี้ปุ่มอะไรพวกนั้นเวลาเล่นเกมรองรับได้ค่อนข้างดี และด้วยการออกแบบของมันทำให้มันไม่มีความร้อนในส่วนของที่วางมือ และเรื่องของระยะปุ่มกดนั้นจะตื้นมากๆ และในสเปคนั้นใช้งาน i9 9980HK พร้อมกับ RTX QUADRO 6000 และ RAM 64GB 2666MHz และ มาพร้อมกับ 1TB SSD ครับ ถือว่าเล่นเกมอะไรพวกนี้ขับได้ดีครับแม้จะเป็นสายทำงานแต่ได้ประสิทธิภาพของ RTX i9 เข้ามาช่วย เมื่อปรับภาพสุดจะได้เฉลี่ยในหลายๆเกม 70+ ประมาณนี้ แต่ถ้าปรับภาพแบบ FHD นั้นจะได้เท่าตัวเลยคือจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 110+ ในหลายๆเกมครับถือว่าทำได้ดีเลยแหละ แต่ต้องบอกก่อนว่ามันเป็นการ์ดจอสายทำงานทำให้อาจจะไม่ได้ทำมาเล่นเกม
- Overwatch ทำไปได้ FPS 71 อุณหภูมินั้น GPU 75 CPU 87 : ULTRA
- APEX ทำไปได้ FPS 60 อุณหภูมินั้น GPU 86 CPU 78 : ULTRA
- PUBG ทำไปได้ FPS 73 อุณหภูมินั้น GPU 91 CPU 85 : ULTRA
- Modern Warfare ทำไปได้ FPS 60 อุณหภูมินั้น GPU 80 CPU 72 : ULTRA
ASUS PROART STUDIOBOOK ONE
” เทพที่สุด สายทำงานเรนเดอร์แรงที่สุดในโลก พร้อมกับงานออกแบบที่แปลกใหม่ “
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ต้องบอกว่าเฉพาะสายงานเฉพาะทางจริงๆ แน่นอนว่าทั้งด้วยของเรทราคาของตัวเครื่องและสเปกที่ให้มาคงไม่มีใครที่จะเอามาใช้งานปกติหรือไม่ได้สายงานตรงแน่นอนครับ เพราะว่าถ้าจะยอมจ่ายซื้อตัวเครื่องราคานี้ในราคาเกือบ 400,000 บาทนั้นคงต้องมีโปรเจคงานหรืองานที่รองรับมารออยู่แล้ว และงานนั้นๆจะสามารถคืนทุนได้แน่นอนครับ เลยทำให้เรื่องของราคามันค่อนข้างเฉพาะกลุ่มจริงๆ ส่วนทางด้านสเปกต้องบอกว่าไม่มีอะไรให้ติเลยจริงๆครับ สุดๆทั้งเรื่องของการทำงาน เรนเดอร์ เล่นเกมก็ไหวไม่มีข้อติเลยในส่วนนี้ รวมถึงการระบายความร้อนที่ดีกว่าตัวอื่นๆชัดเจนเมื่อเทียบกับพลังของมัน แต่ถ้ามองในคนใช้งานอาจจะมีเรืองแค่ความหนักต่อการพกพารวมถึง พอร์ตเชื่อมต่อที่มีแค่ USB-C เท่านั้นด้วยเช่นกัน ส่วนสเปกอื่นๆหน้าจออะไรนั้นถือว่าสุดมากๆแล้วครับ และคีย์บอร์ดที่อาจจะเน้นเรื่องของการพิมพ์และใช้งานแอบตื้นไปนิดหน่อยในส่วนนี้ เพราะต้องเน้นเรื่องความบางกันไปพอสมควรเลย แต่ถ้ามองในราคาของมันก็ต้องเป็นคนที่ทำสายงานด้านนี้อยู่แล้วด้วยและสเปกมันทำออกมารองรับได้สบาย
ข้อดี
- ประสิทธิภาพทำงานได้เร็วและแรงที่สุดตั้งแต่เคยทดสอบมา
- งานออกแบบมีความแปลกใหม่ รวมถึงการระบายความร้อน
- หน้าจอสวยและมีค่าสีที่ดีที่สุดในบรรดาคอมพิวเตอร์พกพา
- รองรับ Thunderbolt 3 ทุกช่องเชื่อมต่อ ความเร็วสูงที่สุด
- ใช้งาน RTX 6000 เป็นตัวเดียวในโลกตอนนี้
- ออกแบบและพัฒนาร่วมกับ Nvidia โดยตรง
- การ์ดจอในการทำงานที่เร็วที่สุดในโลกตอนนี้
- สามารถออกแบบ i9+RTX 6000 ได้บางกว่าที่คิดไว้มาก
- วัสดุทำได้ดีมีคตวามแข็งแรงและระบายความร้อนได้ดี
- การระบายความร้อนทำได้ดีอย่างมากเมื่อเทียบกับสเปก
- เป็นคอมพิวเตอร์เฉพาะทางที่ทำออกมาได้ดีอย่างมาก
ข้อสังเกต
- ดีไซน์น่าจะดูพรีเมี่ยมสมราคาได้มากกว่านี้
- ตัวเครื่องหนักเอาเรื่องอย่างมากในการพกพา
- คีย์บอร์ดความรู้สึกแอบตื้นไปพอสมควร
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรีวิวรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นรุ่นอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Nineztr