ASUS TUF นั้นถือว่าเป็นตระกูลสายเกมที่ค่อนข้างคุ้มค่าคุ้มราคากันพอสมควรครับสำหรับแบรนด์ ASUS แน่นอนว่าในรุ่นก่อนๆนั้นถือว่าทำในเรื่องของสเปกกับราคาทำได้ดี และเป็นกระแสเยอะพอสมควรอีกทั้งยังได้เรื่องของดีไซน์งานออกแบบที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลนี้ และในรุ่นก่อนหน้าก็ยังใช้งาน AMD Ryzen ที่ทำในเรื่องของประสิทธิภาพที่น่าสนใจมากๆ และในครั้งนี้ได้ทำการเปิดตัว ASUS TUF GAMING A15 ในรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับ AMD RYZEN 7 ที่เป็นรุ่นใหม่ 4000 Series พร้อมกับการผลิตที่ 7nm ทำให้ในเรื่องของประสิทธิภาพนั้นที่หลายๆคนน่าจะทราบกันดี และในรุ่นนี้ยังคงทำในเรื่องของราคาได้คุ้มค่าคุ้มราคาอีกครั้ง และงานออกแบบก็ดูดีขึ้นเรียบสวยมากขึ้นกว่าเดิมในรุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่เป็นสเปก Ryzen 4800H พร้อมกับการ์ดจอแยก RTX 2060 จากทาง Nvidia ด้วยครับ และแน่นอนว่าทางด้านหน้าจอนั้นให้มาที่ 144Hz ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นสบายๆไว้ใจได้เลย
ASUS TUF GAMING A15 นั้นมีมาด้วยกันหลากหลายรุ่นครับและแน่นอนว่ามีหลากหลายเรทราคาเหมาะสำหรับคนงบน้อยไปถึงสูงได้ครอบคลุมมาก ตั้งแต่ราคา 26,990 บาทไปจนถึง 39,990 บาท และแน่นอนว่าที่เรามารีวิวจะเป็นตัวท็อปสุดของตระกูลครับ มาพร้อมกับ CPU AMD RYZEN7 4800H ความเร็ว 2.90 – 4.20GHz โดยเป็นแบบ 8 คอร์ 16 เธรด และใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร และมาด้วยการ์ดจอ RTX 2060 6GB GDDR6 VRAM และมาพร้อมกับ RAM 16GB DDR4 3200MHz เต็มๆครับเป็นแบบ 2 Slot ใส่มาให้ และในเรื่องของ SSD นั้นให้มาที่ PCIe NVMe 1TB M.2 ถือว่าสเปกการใช้งานเน้นๆคุ้มๆครับ และหน้าจอในรุ่นนี้นั้น ให้มาที่ขนาด 15.6″ นิ้ว (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 144Hz หน้าจอแบบด้าน Anti-Glare IPS-level Panel 45% NTSC พร้อมกับ Adaptive Sync พร้อมรองรับมาตรฐานความแข็งแรง MIL-STD-810H ครับ และที่สำคัญนั้นยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่ รวมถึงทางด้าน Keyboard นั้นเป็นไฟ RGB ปรับเปลี่ยนได้แต่จะเป็นโทนสีเดียวทั้งหมดครับ และ ทางด้านลำโพงนั้นก็ปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยเช่นกันครับ
- Windows 10 Home/R5-4600H/GTX 1650Ti 4GB GDDR6/ DDR4 8GB 3200/PCIe NVMe 512GB M.2 SSD/15.6” FHD 144 Hz
ราคา 26,990.- บาท - Windows 10 Home/R7-4800H/GTX 1650Ti 4GB GDDR6/DDR4 8GB 3200/PCIe NVMe 512GB M.2 SSD/15.6” FHD 144 Hz
ราคา 29,990.- บาท - Windows 10 Home/R7-4800H/GTX 1660Ti 6GB GDDR6/DDR4 8GB 3200/PCIe NVMe 512GB M.2 SSD/15.6” FHD 144 Hz
ราคา 32,990.- บาท - สเปกที่เรารีวิวนั้น Windows 10 Home/R7-4800H/RTX 2060 6GB GDDR6/DDR4 8GBx2 3200/PCIe NVMe 1TB M.2 SSD/15.6” FHD 144 Hz พร้อมราคา 39,990 บาท
UNBOX
ทางด้านตัวกล่องนั้นมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของงานออกแบบทั้งหมด ทั้งของรูปทรงตัวกล่องและตัวลวดลายที่ปรับเข้ากับตัวเครื่องมากขึ้นด้วยครับแอบดูดีกว่าเดิมเยอะเลยสมราคามากขึ้น ส่วนอุปกรณ์ในตัวกล่องให้มาพอดี เหมือนทั่วไปครับทั้งเรื่องของ Adaptor ชาร์จไฟ ตัวคู่มือต่างๆ และแน่นอนว่าตัวเครื่องด้วย แต่มี สติกเกอร์มาให้ด้วยครับ
DESIGN
งานออกแบบมีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบครั้งใหญ่ในภายนอกฝาหลังและทั้งหมดของตัวเครื่อง เป็นจุดที่ค่อนข้างชอบมากๆครับเพราะมีความเรียบหรูลงตัวมากกว่าเดิมเยอะมากดูแพงขึ้นเยอะมากครับ เพราะรุ่นก่อนๆเราบ่นไปว่าดีไซน์มันดูเยอะไปในด้านหลังแม้จะดูสายเกมก็จริงแต่บางทีมันเยอะไปหน่อยชอบแบบเรียบๆแต่ดูเท่ไปในตัวและตัวนี้ก็ได้ทำออกมาตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ เปลี่ยนแปลงงานออกแบบทั้งหมดฝาหลังสวยพร้อมโลโก้ตรงกลาง และมีเว้าอะไรรวมถึงออกแบบเหมือนมีน็อต 4 มุมด้วยและตัวเครื่องก็ใช้ฝาหลังแบบเรียบสีด้าน คนละแบบกับส่วนอื่นๆด้วยเช่นกัน
เมื่อเปิดเข้ามาข้างในนั้นเราจะยังคงเห็นการออกแบบที่คล้ายๆตัวเดิมอยู่บ้างในส่วนของที่วางมือและลวดลายตรงส่วนนั้นครับจริงๆทำเรียบไปก็ดูดีอีกแบบเหมือนกันแต่ก็อาจจะเป็นการออกแบบที่คงเอกลัษณ์ของตระกูลนี้อีกทางนึงครับ และขอบจออะไรบางขึ้น การออกแบบอะไรขนาดเครื่องกระชับมากขึ้น แป้นพิมพ์สุดขอบมากกว่าเดิมด้วยเช่นกันครับ ส่วนวัสดุอะไรพวกนี้้รู้สึกดีกว่าเดิมแน่นแข็งแรงมากขึ้นในระดับของมัน และฝาหลังสวยขึ้นเยอะมากๆเรียบสวยลงตัวครับ
ขอบหน้าจอรุ่นนี้มีความบางอะไรไม่หนีจากเดิมแต่รูปทรงงานออกแบบขอบหน้าจอการตัดมุมอะไรนั้นมีความเล็กลงกว่าเดิมด้วยเช่นกัน ทางด้านกล้องหน้านั้นยังคงมีมาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนส่วนข้างในยังคงมีโลโก้ ASUS อยู่เช่นกัน
ฝาหลังเป็นการเปลี่ยนแปลงหลักๆใช้วัสดุพลาสติกคล้ายส่วนอื่นๆ แต่จะเป็นอีกโทนสีและเล่นลวดลายแบบเรียบๆต้องบอกว่าเป็นฝาหลังที่ทำสวยสุดในบรรดาตระกูลนี้ที่เคยออกมาเลยครับดูเรียบหรู ดูแพงขึ้นเยอะพร้อมกับโลโก้ TUF ที่ใส่เข้ามาครับและการตัดขอบมุมทั้ง 4 ยังคงมีมาเหมือนเดิมและมีการเล่นออกแบบคล้ายๆน็อตยึด 4 มุมดูแปลกตาดี
ฝาหลังมีการออกแบบเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด มีการเจาะรูคล้ายรังผึ้งด้วยเช่นกัน และลวดลายอะไรเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดดูสวยงามขึ้นเยอะเลยแหละ ส่วนช่องระบายมีมาให้พอประมาณแต่จริงๆน่าจะเจาะได้เยอะกว่านี้ครับแอบดูน้อยไปหน่อย ส่วนทางด้านในนั้น Layout เหมือนกับรุ่นก่อนเป๊ะๆเลยไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างภายในเท่าไรนักครับ ทั้ง พัดลม 2 ตัว ระบายได้ 3 ทิศทาง พร้อม Heat pipe 4 เส้นวางตำแหน่งเดิม รวมถึง ช่องใส่ M.2 ให้มา 2 ช่อง ว่าง 1 และ RAM 2 Slot ใส่มาเต็ม 16GB และพื้นที่ว่างสำหรับใส่ SATA SSD ได้ด้วยครับถือว่ารองรับการอัพเกรดอะไรได้สบาย
ในส่วนของขาพับอะไรต่างๆนั้นดูแข็งแรงขึ้นและวัสดุอะไรนั้นแอบคล้ายๆเดิมครับ มีการเล่นลวดลายของตัวเครื่องที่แตกต่างกันเหมือนเดิมไม่ใช่วัสดุแบบเรียบๆสีดำครับ ก็ทำให้ดูมีอะไรมากขึ้นส่วนวัสดุความรู้สึกยังคงเป็นพลาสติกเยอะหน่อยในรุ่นนี้ครับ ส่วนการระบายตรงกลางนั้นยังมีมาให้เหมือนกันครับ สำหรับดูดอากาศเข้าเครื่อง และมีบอกไฟสถานะรวมถึงเขียนชื่อรุ่นมาให้ และตรงหน้าจอก็เว้าสำหรับการระบายอากาศได้เหมือนรุ่นอื่นๆของค่ายนี้เลยครับ
ในส่วนของช่องระบายอากาศนั้้นจะเห็นว่าตัวช่องระบายอากาศนั้นเปลี่ยนงานออกแบบใหม่ทั้งหมดเล่นลวดลายอะไรสวยงามขึ้นดูดีขึ้นเยอะมาก และแน่นอนว่ามีทั้ง 2 ฝั่งเช่นเดิมและมีเพิ่มฝั่งขวาตัวเครื่องมาด้วย ระบาย 3 ทิศทางครับ แต่แอบชอบการออกแบบตรงนี้มากๆเลยดูดีกว่าเดิมเยอะครับ ส่วนตรงกลางก็ดูดีถือว่าทีมออกแบบครั้งนี้ทำได้ดีครับ
SPEC
-
AMD® Ryzen™ 7 4800H Processor
- ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home
-
DDR4 3200MHz SDRAM, 2 x SO-DIMM socket 16 GB SDRAM, Dual-channel
-
การแสดงผล 15.6″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 144Hz Anti-Glare IPS-level Panel with 45% NTSC With Adaptive Sync
- กราฟิก NVIDIA® GeForce® RTX 2060 , with 6GB GDDR6 VRAM
- สตอเรจ Solid state drive: 1TB PCIe® Gen3 SSD
- คีย์บอร์ด Chiclet keyboard with isolated numpad key + RGB
- WebCam HD 720p CMOS module
- เน็ตเวิร์คกิ้ง Wi-Fi Integrated Wi-Fi 5 (802.11 ac (2×2))
- Bluetooth Bluetooth® 5.0
- อินเตอร์เฟส
1 x COMBO audio jack
2 x Type-A USB 3.2 (Gen 1)
1 x Type-C USB 3.2 (Gen 2) with display supportDP1.4
1 x Type-A USB2.0
1 x RJ45 LAN jack for LAN insert
1 x HDMI, HDMI support 2.0b
1 x AC adapter plug - ออดิโอ DTS:X® Ultra
- แบตเตอรี่ 48 Wh lithium-polymer battery Battery
- ขนาด NB: 35.9 x 25.6 x 2.49 ~2.47 cm (WxDxH) น้ำหนัก NB:2.3 kg
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้เด่นๆเลยคือเจ้า CPU ตัวใหม่ที่ได้ใช้งาน AMD Ryzen 4000 Series มากับเจ้า AMD Ryzen 7 4800H ขนาด 7nm 2.9-4.2 GHz 8 Core/16 Thread L3 Cache 12MB แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีการผลิตอะไรทั้งหลายทำให้มันทำได้ดีมากๆในส่วนนี้ และ ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2060 มาพร้อมกับ 6GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 3200 2 ช่องใส่มาเต็มครับ รองรับได้ 32GB สูงสุดนั้นเองครับ ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อยและ มีช่องว่างโล่งๆ 1 ช่องสำหรับใส่เพิ่มได้เลย และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้
PCMARK
นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว Ryzen 7 4800H นั้นทำออกมารอบรับพวกนี้อยู่แล้วครับทำ ไปได้ 5395 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 9750H อยู่ด้วยในคะแนนส่วนนี้ครับ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 5,500 คะแนนครับ
3DMARK
นั้น ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว FIRESTRIKE EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 7327 ถือว่าดี และในคะแนน FIRESTRIKE นั้นทำไปได้ 14628 และ ทดสอบตัวเทพสุด FIRESTRIKE ULTRA 3721 คะแนนในแบบที่โหดๆขึ้นมานั้นเอง ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ และในส่วนของ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้น ได้คะแนน 3399 คะแนนครับ
ความร้อน CPU 89 GPU 76
CINEBENCH R20 R15 / SSD
R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 1862 cb/ 101.25 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆและดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบชัดเจนครับผมส่วนเรื่องความร้อนนั้นตามที่แจ้งไป ทดสอบในอุณหภูมิห้อง ไม่มีเปิดแอร์ นะครับผม R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกันครับดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 9750H ด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 4265 CB เลยครับ ดีกว่าพวกรุ่นปกติเยอะเลย และ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ทำได้ดีทั้ง Single และปกติ ส่วนตัว SSD นั้นทำการอ่านเขียนไป 1661MB/s และ 1777 MB/s ถือว่าค่อนข้างน้อยพอสมควรจริงๆถ้าใส่ตัวเทพเข้ามาน่าจะทำประสิทธิภาพได้ดีกว่านี้ แต่ตัวนี้ก็สามารถใส่ได้เพิ่มอีก 1 แถวนะครับในการอัพครับ
SCREEN
หน้าจอนั้นพัฒนาขึ้นจากเดิมครับครั้งนี้หน้าจอมาพร้อมกับ Refresh Rate 144Hz ข้อดีของจอ 144Hz เลื่อนไปๆมาๆก็สมูทกว่าปกติแล้วครับ และยิ่งได้ RTX2060 แน่นอนว่าภาพความลื่นไหล หลายๆเกมมันทำได้ดีเลยแหละ มาพร้อมหน้าจอขอบบางแค่ 6.5 มม. และมีขนาด 15.6 นิ้ว Full HD (1920×1080 พิกเซล) IPS Refresh Rate 144 Hz จอแบบด้าน Anti-Glare แน่นอนว่าสายเกมจอแบบนี้ใช้งานสบายตา ไม่สะท้อน และใช้งานข้างนอกสบาย จอเอาตรงๆเลยคือมุมมองตรงๆมันก็ใช้งานได้นะ ซึ่งทางผมก็สายงานกราฟิกก็พอมองออกว่าจอมันไม่ได้สีตรงเป๊ะอะไรมากครับ สีพอใช้ได้ไม่ได้แม่นยำมากนัก ความสว่างใช้ได้ไม่ได้สู้แสงดีมากนักตามเรทราคาเลยครับ แต่ถ้าเทียบกับรุ่นก่อนต้องบอกว่าในเรื่องของคุณภาพนั้นใกล้เคียงกันครับ แต่ความลื่นไหลเพิ่มเข้ามาก็ทำได้ดีขึ้นชัดเจน
รวมๆนั้นถือว่ามีมุมมองที่ดีแต่ก็มีจำกัดอยู่นิดหน่อยในเรื่องของความสว่างหน้าจอที่เร่งได้สูงสุดก็ยังไม่ได้สว่างจัดมากนักเมื่อมองในมุมอื่นๆ แต่ถ้ามองตรงรู้สึกว่าดีกว่ารุ่นก่อนครับ และ เมื่อมองข้างๆก็อาจจะมีดรอปลงในเรื่องความสว่างครับ เป็นจอที่ใช้ทำงานทั่วไป เล่นเกม ไม่ได้คิดอะไรมากหรือ ต้องการงานสีตรงมากอันนี้ใช้ได้ แต่ถ้าเอามาทำงาน กราฟิก แนะนำต่อจอนอกทำงานดีกว่าครับผม เพราะความแม่นยำนั้นจะประมาณ 60% เท่านั้นเองในการใช้งานจริง
KEYBOARD
ตัวนี้ยังคงเป็นไฟแบบ RGB FULLZONE แล้วสามารถปรับสีได้หลากหลายสีและ Effect ได้แต่มันจะปรับทั้งหมดนะครับแยกโซนไม่ได้ ปรับทีปรับทั้งแผงเลยไฟค่อนข้างสวยเลยนะ ส่วนการดีไซน์มาแบบเต็ม แต่จะเห็นว่า่การจัดวางตัวปุ่ม ลูกศร รวมถึง Numberpad นั้นมีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมครับ วางอะไรได้โล่งขึ้น มีพื้นที่ดีขึ้นด้วยพร้อม NumPad ด้านขวา รวมถึงการเล่นกับปุ่ม WASD ที่เป็นแบบโปร่งแสงสวยงาม ตัวปุ่มมีระยะการกดที่ 1.8 มม.ที่คุ้นเคยกันดี และ มีความโค้ง 0.25 มม เล็กน้อยครับ โดยรวมการวางตำแหน่งไม่ได้มีอะไรติดขัดทำได้ปกติของรุ่นนี้ แต่ด้วยราคาที่ไม่แพง วัสดุความแน่นเวลาวางมือนั้นอาจจจะไม่ได้ดูแน่นหนามากนักตรงส่วนที่วางมือหรือวัสดุปุ่มอะไรพวกนี้ครับ แต่เรื่องความทนทานก็ทดสอบกันมาเยอะครับ รองรับการใช้งานได้เป็น20ล้านครั้งเลยแหละ
ตัวปุ่ม WASD นั้นจะเป็นปุ่มแบบใสสวยงามทำให้แสงนั้นสว่างขึ้นกว่าปุ่มอื่นๆและดูดีด้วย ตัวระยะห่างแต่ละปุ่ม รวมถึงความลึกในการกดนั้นทำได้ดีในการเล่นเกม หรือ พิมพ์งาน เสียงไม่ได้ดังมากนัก ไฟแสดงได้สวยในหลายๆสีและค่อนข้างคมเข้มตัวอักษรมองเห็นชัดดีครับ เวลาเปิดไฟก็ทำได้ดี เพราะครั้งนี้ตัวอักษรเป็นสีขาวมองเห็นชัดกว่าสีแดงเยอะมากในรุ่นเล็ก และถือว่าทำได้ค่อนข้างดีในด้านการใช้งานหลายๆสภาพแสงครับ แบบเดียวกับรุ่นเดิม แต่น่าเสียดายว่ายังไม่สามารถปรับแยกโซนสีได้ครับยังคงเป็นสีเดียวทั้งแผ่นเลยในคีย์บอร์ดรุ่นนี้
TOUCHPAD
ทัชแพดยังคงตามการออกแบบคล้ายกับ TUF รุ่นอื่นๆครับขนาดนั้นพอดีกับตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่สะใจ และ ไม่ได้เล็กเกินไปครับแต่การออกแบบนั้นจะแตกต่างกับรุ่นก่อนๆเพราะครั้งนี้ตัดขอบตรงๆแล้วไม่ได้มีการตัดมุมเหมือนรุ่นก่อนครับ เรียบสวยมากขึ้น โดยรวมของตัวเครื่องตระกูลนี้ พร้อมกับปุ่มกดซ้ายขวาแบบชิ้นเดียวกันทั้งหมดครับ ผิวด้านแบบลื่นๆใช้งานได้ลื่นแต่ติดคราบมันได้ง่ายมากๆครับ และ ความรู้สึกในการกดลงไปนั้นแอบรู้สึก ความแน่นหนาในการใช้งานจริงได้ดีอยู่ดีกว่าในรุ่นก่อนๆครับรู้สึกถึงความแข็งแรงขึ้นในฟีลลิ่งการทัช การกดปุ่มต่างๆจุดนี้ถือว่าโอเคขึ้นเลยครับ
SPEAKER
การเล่นสีออกแบบนั้นไม่มีแล้วในรุ่นใหม่เพราะมีความเรียบง่ายสวยมากขึ้น ทางด้านการออกแบบช่องลำโพงนั้นก็เปลี่ยนไปด้วยครั้งนี้ช่องลำโพงไม่ได้ยิงข้างๆอย่างเดียวแล้ว แต่ก็ยิงลง และยิงข้างพร้อมกันได้เลย แต่ลำโพงยังคงเป็น 2 ตัวเช่นเดิมครับแต่เปลี่ยนช่องออกใหม่ ลำโพงตัวนี้รอบรับระบบเสียง STEREO และการยิงออกมา 4 ทิศทำให้เสียงดังขึ้น 1.8 เท่า และเบสที่ลึกกว่าเดิม 2.7 เท่า และ รองรับเสียงระบบ DTS X 7.1 ด้วยนะ แต่เป็นการฟังผ่านหูฟังครับทำให้เสียงรอบทิศทางได้ดีและตอนสนองในการเล่นเกมได้ดีมากๆในเรื่องของมิติเสียง แต่มาดูลำโพงกันคือลำโพงมาซ้ายขวา ยิงลงพื้น เสียงที่ได้บอกตรงๆว่าดังดี แต่เสียงเบสหายไปครับ เสียงออกมาในโทนแหลมๆ ดังๆมากกว่าเลยอาจจะไม่ได้สะใจมากครับ ส่วนเรื่องความดังใช้ได้เลยแหละ แต่คุณภาพก็ตามราคานะ ขาดแค่เบสนิดหน่อยเท่านั้น ในเรื่องคุณภาพความแน่นของเสียงนั้นใกล้เดิมแต่ทิศทาง ความดังดีขึ้นนิดหน่อยในการใช้งาน
CONNECTOR
ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อนั้นมีการเปลี่ยนแปลงในด้านขวาให้พอร์ตเชื่อมต่อมาเพิ่มแล้วหลังจากที่เราบ่นๆไปในรุ่นก่อนครับถือว่าดีมากๆ และในงานออกแบบทั้งหมดเปลี่ยนพอสมควรครับด้านหลังเราเอาภาพมาฝากกันหน่อยช่องระบายอะไรเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดสวยงามพอสมควรเลยรวมถึงการระบายอะไรนั้นทำได้ดีครับช่องใหญ่ ครีบทองแดงชัดเจน
เชื่อมต่อในจุดต่างๆนั้นรุ่นนี้ในด้านขวาจะเป็นแค่ตัวล็อค Kensington และจากที่บ่นไปในรุ่นก่อนว่าไม่มีช่อง USB มา ในครั้งนี้เลยใส่ USB-A 2.0 สำหรับใช้งานมาบ้างแล้วเพราะเสียบพวกเมาส์อะไรพวกนี้ในด้านนี้จะใช้งานได้บ่อยมากๆครับอันนี้ขอชมที่ปรับปรุงจุดนี้มาให้ รวมถึงช่องระบายความร้อนก็มีมาให้ฝั่งนี้ด้วยเช่นกันครับ 3 ทางแบบเดิม
ด้านซ้ายนั้นจัดเต็มครบเลย มาอยู่ฝั่งนี้กันหมดทั้งช่องไฟเข้า-LAN-HDMI 2.0 – USB-A 3.2 X2 ช่อง USB-C 3.2 display supportDP1.4 และ รูหูฟัง 3.5มม.ที่เป็นไมค์ในตัวครับ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็ รองรับ Wireless Wi-Fi 5 (802.11a/b/g/n/ac) และ Bluetooth® 5.0 ปกติครับ
ARMOURY CRATE
Armoury Crate เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับ พัดลม ดูข้อมูลการใช้งานตั้งพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอพเกม ที่จะปรับตามแอพที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกันครับซึ่งหน้าตาจะแตกต่างกับ ROG เล็กน้อยในเรื่องของสีสันและการปรับแต่งบางอย่าง อันนี้จะเป็นธีม ดำทองนั้นเองครับ
ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลายครับทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน เปลี่ยนไฟคีย์บอร์ดรวมถึงปรับ Effect ว่าจะให้แสดงผลยังไงครับ รวมถึงในส่วนของ Hardware ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU -GPU รวมถึงสามารถโหลดแอพอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมากครับและมีโปรแกรมของ AMD / DTS X ต่างๆที่รองรับและแอพอื่นๆเราสามารถโหลดได้ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับแต่งไฟ Effect ทั้งหมด ปรับตั้งค่าตามเกมที่เราเลือกได้ว่าจะตั้งค่าอะไรบ้างเป็นต้นครับ ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์
CALL OF DUTY MW WARZONE : HIGH GRAPHIC ปรับสุด !! : ASUS TUF GAMING A15 RYZEN 7 4800H + RTX2060 6GB !!! RYZEN 7 4800H RTX 2060 6GB144 HZ RAM 16GB SSD 1TB 39,990 บาท #RYZEN7 #RYZEN #RTX #ASUSTUF
โพสต์โดย Pipatpanichkul Jakchalat เมื่อ วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2020
GAMING
ครั้งนี้ได้ใช้งานการจับคู่ระหว่าง AMD และ Nvidia อีกครั้งแต่ที่น่าสนใจและว้าวมากๆคือใช้งานการ์ดจอตระกูล RTX 2060 แล้วในครั้งนี้ทำให้ในเรื่องของการเล่นเกมและใช้งานนั้นสบายๆและภาพที่ได้ออกมาสวยและทำได้ดีรวมถึงใช้งานหน้าจอ 144Hz ได้ค่อนข้างดีและดันได้ถึงถ้าเราไม่ได้ปรับภาพสูงสุดครับ และทั้ง 2 อย่างช่วยกันทำงานได้อย่างดี และในส่วนเรื่องระบายความร้อน Ryzen ยุคใหม่ทำได้ดีและเย็นมากๆจากที่ลองมาหลายๆตัวคือมันเย็นจริงๆนะ และประสิทธิภาพในการทำงาน หรือ สตรีมเกมก็ทำได้ดีมากทางผมได้ลอง สตรีมและเล่นไปด้วยแบบปรับภาพสุดก็ไม่เจออาการกระตุกอีกทั้งในการ แคปภาพหน้าจอทั้งหมดคือทำขณะที่ สตรีมไปด้วยในบางเกมนะครับเช่น Overwatch และ COD MW ต้องบอกว่าแม้จะสตรีมหรือไม่สตรีม ตัวเครื่องจัดการได้ดีมากๆและไม่เจอ FPS ตกเลยแม้แต่น้อยคือเปิดปิดไม่ต่างกันเลย ส่วนเรื่องความร้อนที่ลองทำได้ดีมากๆในแง่ของ เวลาเล่นแล้วเอามือวางบนเครื่องมันไม่ร้อนเลยเล่นแบบไม่เปิดแอร์ทุกเกมนะส่วนเมื่อวัดในโปรแกรมจะเจอแตะ 90 ไปด้านในด้านของ CPU เพราะเล่นในสภาพอากาศปกติ ครับถือว่าเลขอาจจะดูสูงแต่ประสิทธิภาพในการใช้งานจริงๆไม่ตกเลยนะครับ
จากหลายๆเกมที่แอดมินได้ลองนั้น FPS ทำได้ดีรองรับกับจอ 144Hz ได้บางเกมรันได้สบาย ทุกเกมที่เอามาให้ดูคือปรับภาพสูงสุดทุกเกมนะครับ เอาให้สุดหมดทุกอย่างเลย ถ้าอยากได้ 100+ FPS ในบางเกมต้องปรับต่ำลงมาหน่อยนะครับ และทำได้ดีมากส่วนเรื่องความร้อนในสภาพอากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์ หรือ เปิดพัดลมอะไรนั้นไม่ใช่ห้องแอร์และเล่นต่อเนื่องกันยาวๆ 2ชม + โดยประมาณครับถือว่าในด้านของความร้อนก็มีพอประมาณในตัว CPU มีแตะ 95+ บ้างในบางครั้งครับ
- Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 70-75 อุณหภูมินั้น GPU 80 CPU 97 : EPIC
- APEX ทำไปได้ FPS 98-110 อุณหภูมินั้น GPU 86 CPU 95 : ULTRA
- PUBG ทำไปได้ FPS 70-79 อุณหภูมินั้น GPU 86 CPU 95 : ULTRA
- MW WARZONE ทำไปได้ FPS 91 อุณหภูมินั้น GPU 86 CPU 94 : ULTRA
โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิดีมากนะจากที่ทดสอบ สภาพอากาศทั่วไป เสียงพัดลมก็ดังตามปกติครับผม ระบายความร้อนได้ดีกว่าที่คิด การทดสอบทั้งหมดไม่ได้เปิดแอร์เลยนะ GPU แต่ CPU นั้นจะแตะ 95+ บ่อยอยู่เหมือนกัน
WORKING
ในการทำงานจริงนั้นเท่าที่ลองใช้งานแบบเดียวกันถือว่าจัดการทั้งการทำงานหลายๆโปรแกรมและรวมถึงในการเรนเดอร์ที่ใช้เวลาแตกต่างกันพอสมควรเลยแหละ สายทำงานต้องหันมามองเจ้านี้เยอะขึ้นมาแน่ๆการประมวลผลการทำงานของแต่ละส่วนแยกกันได้ชัดเจนและไม่มีอาการหน่วงหรือค้างอะไรแม้จะทำงานหนักๆทั้ง 3-4 โปรแกรมได้เลยครับถือว่ายกข้อดีให้กับทาง CPU Ryzen 7 ตัวใหม่ในรหัส 4800H เลยจริงๆการทำงานเลยขอยกตัวอย่างการทำงานจริงมาให้ชมกันครับทั้งในเรื่องของงานออกแบบ งานเรนเดอร์ทำคลิป หรือจะเป็นงานด้าน 3 มิติ รองรับได้สบาย
LUMION 10
ลูเมียนโปรแกรมในการทำงานเรนเดอร์ตึกเป็นแบบวีดีโอหรือ อนิเมชั่นล้วนๆเลยครับทำให้เราสามารถเรนเดอร์แบบวีดีโอเดินพาชมตึกใส่คนเดิมหรือจะเป็นการใส่สภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับภาพที่เราอยากได้มากที่สุดครับและเป็นการเรนเดอร์ที่ใส่พื้นผิวท้องฟ้าได้ค่อนข้างสมจริงรวมถึงการจัดแสง จึงเป็นโปรแกรมที่เน้นการใช้ CPU แบบหนักหน่วงครับ ในการเรนเดอร์ทดสอบโดยการเรนเดอร์แบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในความละเอียด 4K เพื่อในการเทียบเวลากับตัวอื่นซึ่งในรุ่นนี้จะใช้เวลาเรนเดอร์ไป 1.09 ชั่วโมงเท่านั้นถือว่าไวมาก เทียบกับ i7 ก่อนหน้าทำเวลาไป 2 ชั่วโมงครึ่ง รวมถึง ตัว Ryzen 3000 Series ก็ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมงเลยครับถือว่าพัฒนาขึ้นเยอะใช้เวลาน้อยมากครับ
PREMIRE PRO
CPU เลยขอเอามาทดสอบเรนเดอร์กันหน่อยครับว่า 4K 60 FPS นั้นทำได้ดี ในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 24 นาที แต่ถ้าใช้งาน i7 9750H นั้นจะใช้เวลาประมาณ 37 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ครับโดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ถือว่าจัดการในการทำเวลาค่อนข้างต่างกัน แต่จะเท่าๆกับตัว Ryzen 7 4800HS เลยครับ
SKETCH UP
ในงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดีครับ แต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบายครับแต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว GAMING จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 110 นาที แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 50-60 นาทีเท่านั้นเท่ากับประหยัดเวลาไปเยอะมากในการทำงานแต่ละชิ้นงานบอกเลยว่าเอาเรื่องเลยแหละครับ
ASUS TUF GAMING A15 RYZEN 7 + RTX2060
” ตัวคุ้ม Ryzen7 +RTX2060 ประสิทธิภาพแรง ในราคาที่จับต้องได้ตามสไตล์ TUF “
ต้องบอกว่าในตระกูล TUF นั้นจะเด่นในเรื่องของการทำสเปกที่ออกมาคุ้มราคาและได้ประสิทธิภาพแรงแต่ราคาที่จับต้องได้ง่ายครับหลายๆคนคงจะทราบกันแน่นอน แต่ด้วยการที่ทำราคาที่จับต้องได้ในเรื่องของวัสดุความรู้สึกเวลาใช้งานก็แน่นอนครับว่าทำได้ตามเรทราคาของมันเป็นพลาสติกผสมกับโลหะบางส่วนจะไม่ได้แบบ ROG นั้นเองครับด้วยการที่ได้สเปกเทพแต่ราคาคุ้มก็ต้องแลกเปลี่ยนกันไป แต่ถ้ามองในรุ่นนี้กับรุ่นก่อนนั้นแน่นอนว่ามันดีขึ้นเยอะครับทั้งเรื่องของงานออกแบบ วัสดุ และการใช้งานรู้สึกดีกว่ารุ่นเดิมชัดเจน ส่วนสเปคที่ให้มานั้นแรงเร็วตามระดับของมันพร้อมกับการใช้งาน AMD Ryzen 7 ตัวล่าสุด และ RTX 2060 ถือว่าเพียงพอต่อการเล่นเกมทุกเกมในตอนนี้ และ ได้ RAM 16 GB เต็มที่เลยครับ ถือว่าในภาพรวมนั้นคุ้มค่าคุ้มราคาเหมือนเดิม และได้หน้าจอ 144 Hz ด้วย แต่ในเรื่องของความแม่นยำของหน้าจอ ตัวสียังไม่ได้เด่นเท่าไรครับคล้ายๆกับตัวเดิมเลย สายทำงานต้องดูกันอีกทีครับ
ข้อดี
- หน้าจอมีความลื่นไหลในการเล่นเกมดีกว่าเดิมพอสมควร
- งานออกแบบ วัสดุงานประกอบดีขึ้นกว่าเดิม ออกแบบดูดีมากขึ้น
- ประสิทธิภาพในเรื่องของ RYZEN 7 ทำงานได้ดีไร้ข้อกังขา
- Ryzen7 +RTX 2060 ทำงานได้ดีเล่นเกม + ทำงานเรนเดอร์
- RAM 16 GB ให้มาเพียงพอต่อการใช้งาน พร้อมกับ SSD 1TB
- ช่องเชื่อมต่อ พอร์ตต่างๆจัดวางได้ดีขึ้น
- ลำโพงดีขึ้นในด้านการส่งเสียงออกมาหลายทิศขึ้น
- เทียบความคุ้มค่าต่อราคาและสเปกทำได้ดีสมชื่อ TUF
- การระบายความร้อนทำได้ดี 3 ทิศทาง ประสิทธิภาพใช้งานได้ดีไม่ตกแม้ทำงานนานๆ
- เสียงพัดลมทำงานสูงสุดไม่ดังเท่าที่คิด
ข้อสังเกต
- หน้าจอสียังไม่ได้แม่นหรือตรงเท่าไรนัก พอๆกับตัวเดิม
- คีย์บอร์ดยังเป็นโซนแบบสีเดียวทั้งหมด
- วัสดุคุณภาพยังให้ความรุ้สึกธรรมดา(แต่ดีกว่าเดิมแล้ว)
- ลำโพงดีขึ้นแต่ เบสเสียงยังไม่ได้เด่นเท่าไร
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr