ASUS VIVOBOOK PRO เปิดตัวในไทยเป็นที่เรียบร้อยแน่นอนว่าตระกูล VIVOBOOK เองนั้นพัฒนาต่อยอดมาเยอะมากและมีหลากหลายรุ่นย่อย ไม่ว่าจะเป็น Flip หรือแม้แต่ S และแน่นอนว่ารุ่นล่าสุดคือตัวเทพ Pro ที่เป็นการยกระดับทั้งหมดของตระกูล Vivobook ให้เทพขึ้นและพรีเมียมขึ้นใช้งานได้ระดับสูงขึ้น โดยในรุ่นนี้มีการใช้งานหน้าจอ OLED ที่พัฒนาขึ้นชัดเจนและเป็นรุ่นแรกของ Vivobook ก็ว่าได้ครับ ซึ่งปกติเราจะเห็นหน้าจอ OLED ในราคาระดับสูงหรือตระกูลที่สูงกว่านี้ แต่ครั้งนี้มาอยู่ในระดับราคาที่จับต้องได้ง่าย และ มีประสิทธิภาพการทำงานที่โหดขึ้นเจาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มองหาโน้ตบุ๊กที่ดีไซน์สวย น้ำหนักเบา มาพร้อมหน้าจอ OLED ในราคาเข้าถึงได้ ไว้สำหรับการเรียนหรือการทำงาน หรือใช้งานที่ต้องอาศัยกราฟิกสูงๆ หรือการใช้งานหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมส์หรือการตัดต่อวิดีโอ และได้รองรับค่าสี Pantone Validated ด้วยเช่นกันโหดมาก
ASUS VIVOBOOK PRO 15 มาพร้อมกับ Intel® Core™ i5-11300H Processor 3.1 GHz (8M Cache, up to 4.4 GHz, 4 cores) ใช้งานการ์ดจอ Intel® Iris Xe Graphics, NVIDIA® GeForce® GTX 1650 Max Q, 4GB GDDR6 ใช้งานหน้าจอ 15.6-inch, FHD (1920 x 1080) 16:9 aspect ratio, OLED, 0.2ms response time, 600nits peak brightness, 400nits, 100% DCI-P3 color gamut, PANTONE Validated, Glossy display, Screen-to-body ratio: 84 % พร้อมกับ RAM 8GB DDR4 on board ความจุ 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD และใช้งานลำโพง harman/kardon รองรับการสแกนนิ้วในตัว และ มีม่านชัตเตอร์เปิด/ปิดกล้องหน้า พร้อมกับ แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมระบบ fast charge ทำงานได้หลายชม.แม้ไม่ได้เสียบปลั๊กไฟ ที่ 63WHrs, 3S1P, 3-cell Li-ion มาพร้อม Windows 10 Home และ Office Home and Student 2019 ติดตั้งพร้อมใช้งานตลอดอายุเครื่อง และ รองรับการอัปเดต Windows 11
ASUS VIVOBOOK PRO 15 S3500 มาพร้อมกับ i5-11300H + GTX 1650 Max Q, 4GB GDDR6 + RAM 8 GB + SSD 512GB ราคา 32990 บาท และ ยังมีสเปกอื่นๆวางจำหน่ายเป็นตัวเลือกเพิ่มเติม เช่น S3500PA และ S3500PC ที่มาพร้อมซีพียูสูงสุด Core i7 และ NVIDIA® GeForce® RTX™ 3050 Laptop GPU พร้อม Ram สูงสุด 16 GB ที่ราคา 28,990-39,990 บาท
นั้นจะมีตัวเลือกต่างกันไป
UNBOX
- ตัวเครื่อง ASUS Vivobook Pro 15
- กระเป๋าเป้
- คู่มือการใช้งาน
- สติกเกอร์
- Adaptor ชาร์จไฟ 120W
DESIGN
งานออกแบบถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากถ้ามองว่าเป็นตระกูล VivoBook และมาพร้อมกับวัสดุคุณภาพงานประกอบที่ยกระดับขึ้นไปกว่าเดิมแตกต่างกับ Vivobook ที่เราคุ้นเคยกันมาแน่นอนอีกทั้งยังมีความเบาเพียง 1.65 kg พกพาสะดวก ไม่หนัก และทำให้ในการใช้งานทั่วไปเองนั้นรุ่นนี้สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สบายๆ และการออกแบบมีความเรียบหรูมากกว่าเดิมใกล้เคียงกับ Zenbook มากขึ้นเรื่อยๆแต่อยู่ในระดับที่จับต้องได้ง่าย และเป็นรุ่นที่ใส่ฟีเจอร์การใช้งานมาหลากหลายรวมถึงรองรับการสแกนนิ้วบนปุ่มเปิดปิดซ่อนแบบเนียนๆสวยงาม
ดีไซน์ตัวเครื่องถือว่าแตกต่างกับรุ่นอื่นๆและมีการเล่นการออกแบบบริเวณตัวโลโก้ในด้านหลังที่รู้สึกต่างกับรุ่นอื่นๆ นูนขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับลวดลายกราฟิกสวยงามซึ่งเราจะเห็นได้ในปุ่ม Enter ด้วยเช่นกัน ขอบหน้าจอต่างๆบางสวยงามและแม้จะใช้งานวัสดุพลาสติกเป็นหลักแต่การออกแบบทำสี เก็บขอบงานต่างๆนั้นทำได้เนียนและสวยงาม รวมถึงในขนาด 15.6 นิ้วขนาดใหญ่ยังคงใส่ Numberpad เข้ามาให้ใช้งานสามารถตอบสนองต่อการทำงานได้ดี
งานออกแบบบริเวณช่องระบายข้างหลังจัดเต็มแน่นอนว่าด้วยการใช้งานการ์ดจอระดับGTX เรื่องระบายความร้อนถือว่าสำคัญอย่างมากและรุ่นนี้ใส่เข้ามารองรับได้แบบสบายๆ ปล่อยลมได้ทั้งซ้าย และ ขวา อีกทั้งในเรื่องของข้อต่อ ข้อพับต่างๆตัวนี้ทำได้แข็งแรงและสามารถเปิดได้ด้วยมือเดียวถือว่ากระจายน้ำหนักได้ดีมากๆ แต่องศาการกางเองนั้นไม่ค่อยเยอะเท่าไรนักในภาพคือกางสูงสุดแล้วนั้นเอง ส่วนบริเวณปุ่มข้างในสีดำทั้งหมดพร้อมกับ สแกนนิ้วบนปุ่ม เปิด/ปิด และ Numberpad ให้มาครบพร้อมใช้งานและมีไฟในตัว ทางด้านลำโพงเองนั้นให้มาจาก Harman / Kardon
ขอบหน้าจอบางสวยงามทั้ง 4 ด้านและเป็นขอบพลาสติกแบบด้านครับถือว่าอาจจะไม่ได้ดูบางเฉียบเงาสวยแต่เน้นในเรื่องของการใช้งานได้ดี สัดส่วน 84% screen-to-body ratio และ ขอบหน้าจอแบบ Nano-Edge เช่นเดิมและในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ ม่านเปิด/ปิดกล้องในด้านหน้าทำให้เรื่องความปลอดภัยนั้นหายห่วง สามารถรองรับได้ทั้งสแกนนิ้ว และม่านปิดกล้องหน้าเป็นแบบ Hardware ที่เราสามารถเลื่อนเปิด/ปิดเองได้ทันทีจะมีสีส้มมาบังกล้องเราไว้ครับ
ในด้านหลังเราจะเห็นการออกแบบฝาส่วนฐานได้สวยงามโทนสีสวยงามและดูหรูหรา มาพร้อมกับช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ และ ช่องลำโพงในด้านล้าง มุมซ้าย และ ขวา ส่วนเมื่อแกะข้างในแล้วเราจะเห็นว่ามีระบบพัดลมระบายความร้อนคู่ Dual-fan Cooling system ช่วยระบายความร้อน ช่วยให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ทำงานได้อย่างเสถียร เครื่องไม่ร้อน แม้จะใช้งานเป็นระยะเวลานานพร้อมกับ Heatpipe 2 เส้น และ SSD M.2 ที่สามารถเปลี่ยนได้แต่ไม่สามารถเพิ่มเติมอะไรได้ครับ รวมถึงทางด้าน RAM เช่นกันที่จะเป็นแบบ Onboard ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
SPEC
- Intel® Core™ i5-11300H Processor 3.1 GHz (8M Cache, up to 4.4 GHz, 4 cores)
- Intel® Iris Xe Graphics, NVIDIA® GeForce® GTX 1650 Max Q, 4GB GDDR6
- 15.6-inch, FHD (1920 x 1080) 16:9 aspect ratio, OLED, 0.2ms response time, 600nits peak brightness, 400nits, 100% DCI-P3 color gamut, PANTONE Validated, Glossy display, Screen-to-body ratio: 84 %
- RAM 8GB DDR4 on board
- 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
- 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A
2x USB 2.0 Type-A
1x Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery
1x HDMI 1.4
1x 3.5mm Combo Audio Jack
1x DC-in
Micro SD card reader - harman/kardon (Mainstream)
- Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.0 (Dual band) 2*2
- ø4.5, 120W AC Adapter, Output: 20V DC, 6A, 120W, Input: 100~240V AC 50/60Hz universal
- 1.65 kg (3.64 lbs)
PERFORMANCE
ในรุ่นนี้จะใช้งาน โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i5-11300H Processor 1 GHz (8M Cache, up to 4.4 GHz, 4 cores/ 8 Threads ) บนสถาปัตยกรรม 10nm Tiger Lake เช่นเดิม และรุ่นนี้จะมาด้วยการ์ดจอในตัว Intel Iris Xe Graphics พร้อมกับ การ์ดจอแยกเสริมเข้ามา NVIDIA® GeForce® GTX 1650 Max Q, RAM 8GB DDR4 on board นอกจากนี้ยังมีสเปกอื่นๆวางจำหน่ายเป็นตัวเลือกเพิ่มเติม เช่น S3500PA และ S3500PC ที่มาพร้อมซีพียูสูงสุด Core i7 และ NVIDIA® GeForce® RTX™ 3050 Laptop GPU พร้อม Ram สูงสุด 16 GB สำหรับคนที่มองหาการ์ดจอทรงพลังไปสร้างสรรค์งานที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น เช่นการเล่นเกมส์ ตัดต่อวิดีโอ ซึ่งแน่นอนว่ามีหลากหลายตัวเลือกได้ดี เพราะว่าสำหรับบางคนเองนั้น RAM 8 GB ไม่เพียงพอแน่นอน และไม่สามารถอัปเกรดอะไรได้ครับ ส่วนทางด้าน SSD ให้มา 512GB รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบาย และ รองรับ Windows 11 ได้เช่นกัน ถือว่าเรื่องสเปกรองรับการใช้งานระดับกลางไปสูงได้สบายแต่ RAM อาจจะน้อยไปนิดครับ
PCMARK
คะแนนทำได้ 4825 ถือว่าตามระดับของ CPU เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าไม่แย่เลยนะถ้าเรามองในราคาแค่นี้ และทำคะแนนออกมาได้ประมาณนี้แน่นอนว่าดีกว่า CPU รุ่นก่อนเยอะ ทำให้ตัวนี้ถือว่าน่าพอใจครับ ทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้นถือว่ารองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลาย เต็มประสิทธิภาพกว่าแบบเดิมชัดเจน ทางด้านความร้อนนั้น CPU 60 และ GPU 52 สำหรับการทดสอบนี้ให้สภาพอากาศปกติถือว่าสบายใช้งานได้ชิวๆ
3DMARK
เราทดสอบแบบพื้นฐาน 4 แบบกันในส่วนของ Firestrike , Timespy ด้วยถือว่าทำคะแนนได้ดีเอาเรื่องเลยคะแนนในส่วนของ Firestrike ตัวนี้ทำได้ 7,627 คะแนน การประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ทำได้ดีมากๆในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลาย GTX ตัวนี้เอาอยู่ครับ เล่นเกม ทำงานเรนเดอร์เหลือๆ ถือว่าสบายๆไม่ต้องกังวลส่วนเรื่องคะแนน Timespy นั้นแตะ 3,230 ได้เลย TimeSpy Extream แบบโหดๆไปที่ 1492 คะแนนครับถือว่าเยอะแล้วสำหรับ 1650 MAX-Q แบบนี้ และ Firestrike Extream ที่ 3,774 คะแนน ความร้อนที่ทดสอบนั้น CPU 58 และ GPU 50 ครับสำหรับตัวนี้ บอกเลยว่าคุมความร้อนได้ดีมากๆ ด้วยพลังพัดลมทั้ง 2 ตัวแบบนี้เหลือๆ
CINEBENCH R15 R20 / CRYSTALDISKMARK
ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 999 ทำได้ดีมาก ในตัว C15 อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือมาแรงมาก พัฒนาขึ้นเยอะในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 2560 ถือว่าคะแนนดีเลยแหละในแง่การประมวลผลของ CPU ดีกว่าเจนก่อนหน้าเยอะพอสมควรส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD ทำคะแนนการอ่านไปได้สูงและถือว่าเทียบกับการใช้งานถือว่าโหดมากๆ สามารถอ่านสูงถึง 3.22 ส่วนเขียนที่ 1656 ครับจากทดลองหลายๆรอบให้มา 512GB ถือว่าเพียงพอและความเร็วความจุนั้นสบายๆเหลือๆ และความเร็ว SSD intel ตัวนี้ใช้งานได้สบายไวมากๆ
SCREEN
เรื่องหน้าจอตัวนี้ถือว่าเป็นตัวชูโรงเลยทีเดียวแน่นอนว่าเป็นครั้งแรกที่ใส่เข้ามาในบรรดาตระกูล vivobook และมาในรุ่น vivobook pro ที่รองรับการใช้งานได้ดีอย่างมากในแง่ของมาตรฐานการรองรับ ค่าสีที่ตรง และการสู้แสงต่างๆในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ หน้าจอ FHD OLED Display ขนาด 15.6-inch, 400 nits, (1920 x 1080) 16:9 ให้สีสันระดับ DCI-P3 100% มาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในวงการภาพยนตร์, การันตี Pantone และไม่ว่าจะภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวก็สวยสมจริงดุจมีชีวิตด้วยคุณภาพของสีที่ได้การรับรองคุณภาพโดย Pantone validated ซึ่งเป็นระบบสีที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก เป็นมาตรฐานที่ใช้อย่างแพร่หลายทั้งด้านงานออกแบบ, กราฟิกดีไซน์, แฟชั่น, บรรจุภัณฑ์, สถาปัตยกรรมและอีกมากมาย และการใช้งานหน้าจอนี้จะช่วยตัดแสงสีฟ้าถึง 70% เพราะว่าจอ OLED ของ ZenBook ผ่านการรับรองคุณสมบัติเพื่อการถนอมสายตา จากสถาบันชั้นนำ TÜV Rheinland-certified ลดปริมาณแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาได้มากถึง 70% ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกคนในทุกลักษณะการใช้งาน และรุ่นนี้ก็จะได้มาตรฐานแบบเดียวกันทั้งหมดแม้จะเป็น Vivobook Pro ก็ทำได้ดีไม่แพ้รุ่นพี่เลยทีเดียวและสีจอทำได้ดี
และด้วยระดับ contrast 1,000,000:1 สีดำ ดำสนิท ให้ภาพดูลึกมีมิติ Contrast Ratio โดยสามารถให้ค่าคอนทราสต์เรโชสูงถึง 1,000,000 : 1 ทำให้ภาพที่แสดงบนจอ OLED ดูลึกมีมิติสมจริงทุกรายละเอียด อัตราการตอบสนองของภาพที่เร็วเพียง 0.2 มิลลิวินาที ให้ภาพลื่นไหลไม่มีกระตุกถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของหน้าจอแบบนี้ แม้จะเป็น 60Hz แต่ก็มีค่าตอบสนองที่ไวแบบนี้เหมาะแก่การทำงาน ตัดต่อ หรือสายกราฟิกได้ดีครับ แม้จะเป็นหน้าจอแบบเงาก็ตามแต่หน้าจอตัวนี้ในการใช้งานจริง แอบเจอแสงสะท้อนบ้างแต่ก็สามารถสู้แสงได้ดีกว่าที่เคยเจอในแบบจอทั่วไปหรือแบบ LCD นั้นเองครับรวมถึงค่าความดำเวลาใช้งานจริง ดูหนังต่างๆบอกเลยว่าสีมิติภาพดีและสวยมาก จนแค่เปิดใช้งานทั่วไปหลายๆคนก็มาทักกันเลยว่ามิติภาพสวยมากจริงๆ และเป็นประสบการณ์ที่ได้แค่ในบรรดา OLED
KEYBOARD
แป้นพิมพ์ตัวนี้มาพร้อมกับแบบเต็มที่เราคุ้นเคยพร้อมกับไฟ Led Backlit 3 ระดับเช่นเดิมแน่นอนว่าตัวปุ่มนั้นเป็นสีดำทั้งหมด และมีระยะการกด 1.35มม. ถือว่ากำลังดีในการใช้งานทั่วไป และมาพร้อมกับ Numberpad ในด้านขวามรวมถึงการออกแบบปุ่ม Enter แบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้จะเห็นในด้านนอก และ ด้านในตัวเครื่องเช่นกัน ถือว่าระยะห่างการใช้งานต่างๆนั้นจัดการได้เป็นอย่างดีปรับตัวไม่ยาก และระยะการกดต่างๆเวลาพิมพ์งานกำลังดีเช่นกัน แม้ระยะเดินทางอาจจะไม่ได้ลึกมากแต่ก็รองรับการใช้งานได้ดีสำหรับพิมพ์ยาวๆ หรือแม้แต่เล่นเกมก็ตามครับ
ปุ่มที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมแต่สามารถคุมระยะห่างในแต่ละปุ่มได้ดีทำให้การปรับตัวจากรุ่นก่อนๆไม่ยากมากนัก และรองรับการเล่นเกมทำงานได้แบบสบายๆเช่นกัน แน่นอนว่านอกเหนือจากระยะกดแล้วความห่างของปุ่มแต่ละปุ่มก็สำคัญและขนาดของแต่ละปุ่มก็มีผลด้วยเช่นกันครับ ตัวนี้อยู่ในระดับที่เขียนงานได้ดี และชอบเรื่องของการออกแบบที่สแกนนิ้วในปุ่มเปิด/ปิดมุมขวาบน และห่างไกลการใช้งานไม่เผลอไปโดนบ่อยแน่นอน และการใช้งานสีดำตัวอักษรขาวนั้นมองเห็นได้ชัดเจนและสว่างในยามค่ำคืน รวมถึงปุ่มลัดต่างๆนั้นให้มาครบไม่ได้ตัดออกไปไหน และแน่นอนว่าปุ่มลูกศรด้วยเช่นกัน แม้จะไม่ได้ใหญ่แต่ก็พยายามให้พื้นที่เยอะที่สุดในปุ่มของมันออกไปในแนวยาวแบนขนาดใหญ่มากกว่านั้นเอง
TOUCHPAD
ทัชแพดขนาดใหญ่ขึ้น 27% ถ้าเทียบกับรุ่นอื่นๆและแน่นอนว่าตัวนี้ถือว่าใหญ่สะใจและรองรับการใช้งานได้ดีเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง 15.6 นิ้วของรุ่นนี้และแน่นอนว่าในหลายๆรุ่นผมจะชอบดูเรื่องของขนาดตัวทัชแพดเป็นหลักเพราะว่ามีผลต่อการใช้งานนอกสถานที่มากๆในแง่ของการสั่งงาน หรือแม้แต่ใช้งานทั่วไปต่างๆยิ่งใหญ่ยิ่งรองรับได้ดีและรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ในการใช้งานได้ดีทั้งเรื่องของขนาด ความแม่นยำ ความลื่นไหลในการสัมผัสใช้งานแม้จะเป็นการออกแบบที่เรียบง่ายไม่มีการตัดของสีเงิน หรือสัญลักษณ์อะไรแต่ก็สามารถกดได้ง่ายๆในมุมซ้ายขวา รวมถึงตัว Software เองก็รองรับการใช้งานหลากหลายนิ้วได้ดีทั้งเปลี่ยนแอปหรือว่าย่อหน้าต่างต่างๆในรุ่นนี้ทำได้ดี
SPEAKER
นอกเหนือจากไมค์ที่มีระบบ AI Noise-Canceling แล้วนั้นรุ่นนี้เรื่องของลำโพงก็ทำได้ดีเช่นกันมาพร้อมกับลำโพงคู่ที่รองรับเสียงได้ดี และปรับแต่งเสียงจากทาง Harman/Kardon ที่เป็นแบรนด์ที่ทางค่ายใช้งานหลากหลายตัวและเริ่มใส่เข้ามาในตัว Vivobook ในหลายๆรุ่นเร็วๆนี้ถือว่าเรื่องของเสียงไว้ใจได้เรื่องความดังสบายและสามารถสู้เสียงเวลาใช้งานทั่วไปได้ดังดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆหน้าชัดเจนแม้เสียงเบสอาจจะไม่ได้เด่นมากนักแต่มิติเสียงทั่วไปทำได้ดีเมื่อฟังเพลง เล่นเกมต่างๆรองรับได้ดี แยกซ้ายขวาชัดเจน แค่อาจจะไม่ได้แน่นมากนักในย่านเสียงต่ำต่างๆในรุ่นนี้ครับ
CONNECTOR
พอร์ตเชื่อมต่อ ในด้านซ้ายนั้นจะมาพร้อมกับ USB 2.0 Type-A ซึ่งต้องบอกเลยว่าให้มาทั้ง 2 พอร์ตถือว่าแอบน่าตกใจในรุ่นนี้เพราะว่าในปี 2021 แบบนี้ไม่น่ามีมาให้แล้วเช่นกันน่าจะเป็น 3.1 มาตรฐานได้แล้วครับแต่ถ้ามองในแง่ของระดับราคาและรุ่นก็อาจจะพอเข้าใจได้แต่ยังไงไม่น่าให้มาถึง 2 พอร์ตในตัวนี้ พร้อมกับไฟสถานะต่างๆพร้อมใช้งานครับ และลำโพงเองนั้นจะอยู่ในด้านหน้ายิงออกด้านซ้ายขวา ยิงออกเฉียงๆได้ดีครับ ถือว่าตำแหน่งวางกำลังดี
ส่วนทางด้านขวานั้นเราจะเห็นพอร์ตเชื่อมต่อครบจัดเต็มให้มาทั้ง USB 3.2 Gen 1 Type-A และ Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery พร้อมกับ HDMI 1.4 และ รูหูฟัง 3.5มม Combo Audio Jack และช่อง DC-IN รวมถึงรุ่นนี้ยังคงให้ Micro SD card reader พร้อมใช้งานถือว่าเพียงพอมากๆครับ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเองนั้น Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.0 (Dual band) 2*2 พร้อมใช้งาน
WORKING
สเปกตัวนี้ใช้งาน Intel® Core™ i5-11300H Processor 1 GHz (8M Cache, up to 4.4 GHz, 4 cores/ 8 Threads ) บนสถาปัตยกรรม 10nm Tiger Lake เช่นเดิม และรุ่นนี้จะมาด้วยการ์ดจอในตัว Intel Iris Xe Graphics พร้อมกับ การ์ดจอแยกเสริมเข้ามา NVIDIA® GeForce® GTX 1650 Max Q, RAM 8GB DDR4 on board ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นต่างๆ แต่ถ้าใครอยากได้สเปกโหดๆก็รองรับได้สบายครับทั้ง RAM หรือสเปก RTX ต่างๆถือว่ารองรับได้สบายในการเรนเดอร์ หรือ ว่าตัดต่อ แต่ถ้า RAM 8GB แบบที่รีวิวอาจจะไม่รองรับหลากหลายได้มากนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับการเริ่มต้นใช้งานทั่วไปแต่ถ้าระดับโหดๆ RAM 8GB อาจจะน้อยและไม่พอเท่าไรนักครับตัวนี้
ADOBE PREMIRE PRO
งานวิดีโอนั้นในรุ่นนี้ถือว่ารองรับได้อยู่สำหรับตัว CPU เลยขอเอามาทดสอบเรนเดอร์กันหน่อยว่า 4K 60FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหน ในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 20 นาที ถือว่าความเร็วในการเรนเดอร์นั้นไม่น้อยหน้าตัวอื่นเท่าไรในการใช้งานจริง แต่ก็อย่างว่ามันไม่ได้ออกแบบมาทำตรงๆในสายงานนี้ ถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ โดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมด ส่วนเรื่องของอุณหภูมินั้นจะประมาณ 60 องศา ในการเรนเดอร์ตัวนี้ ส่วนการตัดต่อก็ไม่ได้มีหน่วงแต่ถ้าเปิดหลากหลายโปรแกรมอาจจะแน่นไป
SKETCH UP
ขึ้นโมเดลงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดี แต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบาย แต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอมทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว GAMING จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 60 นาที แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 31 นาทีก็ถือว่าไวระดับ ตระกูลเลข 5 นี้
PHOTOSHOP
ตกแต่งภาพ ตัดต่อ ทำสินค้าต่างๆมากมาย หรือจะเป็นการทำงานระดับเริ่มต้นก็ใช้งานโปรแกรมนี้กัน และแน่นอนว่าเราก็ทดสอบกันเต็มๆเลยในการเปิดไฟล์งานทั้งหมด 7-8 ไฟล์งานที่แต่ละไฟล์งานนั้นมาพร้อมกับความจุค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นงานเรนเดอร์ตึกที่มีหลากหลายเลเยอร์มากๆ แต่ที่น่าสนใจคือตัวโปรแกรมกลับทำงานได้ลื่นไหลมากจริงๆดีกว่าที่คิดไว้มากๆ และการใช้งาน CPU ไม่ได้โหลดเยอะเลยครับถือว่า CPU ตัวนี้จัดการได้อยู่สบายๆ แต่ RAM ไม่พอมากๆถ้าจะเลือกมาใช้งานด้านนี้ทำงานหลัก แต่จะเหมาะสำหรับงานที่แก้ไขเร่งด่วน หรือเสริมมากกว่า
LIGHTROOM
และทางด้าน LIGHTROOM เองสามารถใช้งานได้ลื่นไหลและ IMPORT EXPORT ภาพได้สบายซึ่งโปรแกรม LIGHTROOM เองนั้นจะประมวลผลหนักๆในช่วงนี้ และในช่วงการแต่งภาพเท่าที่ลองนั้นสามารถทำสีแม้จะมีภาพเยอะๆก็สามารถรองรับได้สบายครับ แต่ด้วย RAM 8 GB เองนั้นอาจจะเน้นทำงานโปรแกรมเดียวมากกว่าซึ่งถ้าทำทีละโปรแกรมก็สามารถใช้งานได้สบายๆ แต่ถ้าทำงานหนักเปิดหลายๆโปรแกรมพร้อมกันตัวนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไร
GAMING
intel i5 Gen 11 10nm Tiger Lake นั้นถือว่าพัฒนาขึ้นพร้อมกับ IRIS Xe Graphic Onboard + Nvidia Geforce GTX 1650 MAX-Q ถือว่ารองรับได้ดีและเหลือๆในการเล่นเกมหลายๆเกมครับในการทดสอบเล่นเกม Overwatch ได้ค่อนข้างลื่นและ FPS 60+ สบายๆ ความร้อนนั้นประมาณ 71 องศา และ CPU แตะไป 73 องศา ครับถือว่าปกติของพวก Ultrabook เล่นในสภาพอากาศไม่มีแอร์ และ จากที่ทดสอบนั้นเลยของลองตัว PUBG นั้นได้ FPS 60 ส่วนความร้อนนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากครับในการเล่นเกม และ APEX เองนั้นก็ไหวเหลือเฟือด้วยครับถือว่าน่าสนใจเลยในตัวนี้ 60 FPS พร้อมกับการ์ดจอแยก และพัดลมคู่แบบนี้สามารถระบายความร้อนได้กลางๆเพราะมันเป็น Ultrabook ไม่ได้สายเล่นเกมมากนักครับ แต่ก็ถือว่ารับได้ในการเล่นเกมทั่วไปพื้นฐานปรับลื่นได้สบายครับ และความร้อนทำได้น่าสนใจ รวมถึงหน้าจอ OLED ทำให้ภาพออกมาได้สวยและมิติภาพดีมาก
ASUS VIVOBOOK PRO 15
” VIVOBOOK เทพขึ้น หน้าจอคุณภาพสูง เจาะกลุ่มสายกราฟิกสูงได้ดีมากขึ้น “
ASUS VIVOBOOK ยังคงโดดเด่นและตอบโจทย์ในการใช้งานทั้งหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อ หรือว่าการแต่งภาพ รวมถึงสายงานกราฟิกยิ่งสำคัญเพราะว่าหน้าจอตัวนี้ต้องบอกเลยว่าเป็หน้าจอคุณภาพสูงที่สุดเท่าที่ตระกูล vivobook เคยใส่มา ทั้งค่าสีที่ตรง ความสวยงาม มิติของภาพ ความดำสนิทของตัวภาพหรือแม้แต่การสู้แสงต่างๆไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อยอีกทั้ง ด้วยราคาและคนที่หาคอมพิวเตอร์ทำงานระดับเริ่มต้นตัวนี้ทำได้น่าสนใจและตอบโจทย์ทันที รวมถึงมีสเปกที่เลือกได้ทั้ง ระดับสูงหรือตามที่รีวิวทำให้รองรับได้สบายๆเช่นกัน ส่วนทางด้านงานประกอบ บอดี้งานออกแบบถือว่าพัฒนาขึ้นทั้งหมด รวมถึงพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆไม่ธรรมดาในการใช้งานระดับกลางไปสูง แต่แอบเสียดายว่ายังคงใส่ 2.0 USB-A ใส่เข้ามาให้มากถึง 2 พอร์ตในระดับราคาและปี2021แบบนี้มันค่อนข้างช้าไปมากๆแล้วครับ รวมถึงหน้าจอแบบเงาอาจจะทำให้เรื่องของการใช้งานนอกสถานที่เจอแสงรบกวนได้ง่ายด้วยเช่นกัน
ข้อดี
- งานออกแบบดูพรีเมียม สวยงาม และ โดดเด่น
- หน้าจอ OLED รองรับการใช้งานได้ดี คุณภาพสูง ค่าสีสวย สู้แสงได้ดี
- ผ่านมาตรฐาน Pantone Validated ใช้งานได้ดี ค่าสีตรง
- OLED หน้าจอสีดำสนิท มิติภาพสวย
- ลำโพงคู่ Harman / Kardon
- รองรับสแกนนิ้วมือ ในปุ่ม เปิด/ปิด
- รองรับ Thunderbolt 4
- มีสเปกใช้งาน i5-i7 Gen 11 พร้อม GTX RTX เลือกได้หลากหลาย
- รองรับการอัปเกรด Windows 11 ได้สบาย
ข้อสังเกต
- ยังคงให้ USB 2.0 มาให้ถึง 2 พอร์ต
- หน้าจอแบบเงาอาจจะเจอแสงรบกวนได้ง่ายในการใช้งาน
- RAM 8 GB ไม่สามารถอัปเกรดเพิ่มได้
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr