ถ้าหากใครจำกันได้ที่เราได้ ไปไต้หวัน COMPUTEX นั้นได้ไปสัมผัสกับ Vivobook S14-S15 ตัวใหม่ที่น่าสนใจและมีสีเยอะมากๆ แน่นอนว่าครั้งนี้มันเข้าไทยแล้ว พร้อมกับเราได้สัมผัสมารีวิวให้ชมกันเลย ตัวนี้เปิดตัวมาเด่นๆเลยคือการอัพเกรดสเปค วัสดุ และ อะไรหลายๆอย่างเข้ามาทำให้ Vivobook นั้นยกระดับคุณภาพขึ้นไปอีกขั้นครับ ตัวนี้จะมาพร้อมกับรุ่นย่อยจริงๆคือแบบมีรุ่นหน้าจอ ScreenPad และ แบบปกติ ซึ่งในไทยนั้นจะเข้าแค่รุ่นปกติแทนนะครับ ก็คือตัวที่เรารีวิวนั้นเอง ส่วนในด้านสเปคนั้นจัดเต็มเพียงพอใช้งานพร้อมกับ SSD+HDD และ การ์ดจอแยก
ในการเปิดตัว Asus VivoBoook S15 รุ่นนี้นั้นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างในตระกูล Vivobook เลยแหละทั้งดีไซน์ใหม่ การรองรับอะไรใหม่ๆเช่นในเรื่องของกล้อง IR ครั้งแรกของรุ่นนี้ รวมถึงการใช้ลำโพงที่ผ่านมามาตรฐาน Harman/Kardon ด้วย รวมถึงการใช้โทนสีใหม่ๆที่โดดเด่นและสวยงามมาก และการปรับใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมครั้งแรกๆของทาง Vivobook ทำให้สัมผัสและความแข็งแรงดีมากๆ และ ในด้านของสเปคนั้นต้องบอกว่าใช้งานได้สบายๆและรองรับ Wifi 5 ใช้ CPU Intel® Core ™ i7 และ กราฟิกการ์ดแยก NVIDIA®GeForce® MX250 จอแสดงผลไร้ขอบ NanoEdge ที่รองรับมุมกว้างแบบ IPS เลยแหละ และยังคงใช้การออกแบบ ErgoLift ที่จะยกตัวเครื่องขึ้นมา 3 องศาด้วยถือว่าดีมากๆ
Asus Vivobook S15 เปิดตัวในไทยมาด้วยกันทั้งหมด 3 สีหลักๆ Moss Green, Punk Pink, Cobalt Blue, Silver ถือว่าเป็นรุ่นที่สีสวยงามมากๆ มาพร้อมกับ สเปค หน้าจอ 15.6 นิ้ว i7-8565U + Nvidia MX250 2GB + RAM 8GB + HDD 1TB + SSD 512GB พร้อมกล้อง IR สแกนใบหน้า ราคา 29,990 บาทไทยครับ
UNBOX
ตัวกล่องยังคงมีการออกแบบเป็นสีกระดาษลังแบบรุ่นก่อนหน้าครับและเขียนชื่อรุ่นอะไรมาบอกครบ ซึ่งมีขนาดใกล้ๆกับของเดิมเลยแหละ ส่วนอุปกรณ์ในกล่องในตระกูล Vivobook นั้นก็จะให้มาคล้ายๆกันไม่ได้มีอะไรเยอะครับ
- ASUS Vivobook S15
- ที่ชาร์จ Adapter
- คู่มือ ภาษาไทย
- สติกเกอร์ Vivobook เท่ๆ ไว้ตกแต่งเครื่อง
DESIGN
ในงานออกแบบนั้นต้องบอกว่าสวยงามขึ้น เรียบหรูเหลี่ยมขึ้นครับ Vivobook นั้นจะเป็นรุ่นที่ออกมาสำหรับคนใช้งานทั่วไปเน้นสเปคใช้งานได้และไม่แพงมาก แต่วัสดุในรุ่นก่อนๆนั้นต้องบอกว่าดูไม่แน่นอะไรมากนักแต่ครั้งนี้รู้สึกถึงความพรีเมี่ยมมากขึ้นกว่าเดิมด้วยการใช้บอดี้วัสดุเป็นอลูมิเนียมขึ้นมาไม่ใช้พลาสติกแบบรุ่นก่อนๆด้วย และที่โดดเด่นเลยคือการเลือกใช้โทนสีที่ค่อนข้างแปลกใหม่ เช่นสีเขียวในตัวรีวิว Moss Green นั้นเหลือบๆสวยงามและมีการเล่นขอบสีส้ม Energetic Orange ถือว่าเป็นคู่ที่ที่ไปด้วยกันไปเลยแหละ อิงกับสีของธรรมชาติได้ดี แต่ข้างในก็เป็นสีที่อ่อนลงมาและหน้าจอเป็นสีดำทั้งหมดครับ แป้นพิมพ์ยังคงเป็นสีเดียวกับต้วบอดี้จริงๆแอบอ่านยากอีกแล้วครับ
ตัวเครื่องโดยรวมนั้นต้องบอกว่าน่าในทุกจุดมีการเปลี่ยนแปลงออกแบบใหม่เห็นชัดๆก่อนเลยจะเป็นเรื่องของสีฝาหลังตัวเครื่องที่เข้มและเป็นสีเขียวแบบใหม่ ตัดกับขอบเครื่องที่เป็นสีส้มสดๆได้ดีมาก วัสดุฝาหลังเป็นอลูมิเนียมแล้วแบบด้านๆมีแสงสะท้อนนิดหน่อยกำลังสวย โลโก้ย้ายไปมุมเครื่อง ส่วนฝาภายในนั้นจะเป็นอีกสีที่อ่อนกว่าฝาหลัง และใช้สีเดียวกันทั้งหมดรวมถึงตัวแป้นคีย์บอร์ดด้วย ซึ่งภายในนั้นไม่ได้มีการเล่นลวดลายอะไรครับเป็นสีเรียบๆ และตรงหน้าจอนั้นเป็นวัสดุสีดำด้านทั้งหมดรวมถึงตัวขอบทั้งหมดเลย และในรุ่นนี้ยังคงมีกล้องหน้าพร้อม IR สแกนใบหน้ามาให้
ตัวโลโก้จะเขียนว่า ASUS VIVOBOOK แล้ว จากที่รุ่นก่อนๆจะเขียนแค่ ASUS นั้นเองและมีการย้ายตำแหน่งมาไว้ริมเครื่องข้างขวา และ มีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก ตัวอักษรยังคงเป็นสีเงินเงาๆสวยงามเหมือนเดิม พร้อมกับ Texture นิดหน่อยเป็นเส้นๆ คำว่า ASUS จะแตกต่างกว่ารุ่นอื่นๆเป็นฟอนต์บางๆแค่นั้นครับ ส่วนฝาในส่วนฐานนั้นต้องบอกว่าใช้โทนสีเดียวกันกับฝาตรงแป้นคีย์บอร์ดเลยแหละ พร้อมกับมีการเล่นพื้นผิวที่เป็นเส้นๆ ครึ่งนึงและมีช่องระบายอากาศและยางรองทั้ง 4 มุมครับ ส่วนลำโพงนั้นจะอยู่ ขอบด้านหน้าที่เห็นในภาพทั้ง 2 ข้างเลยนั้นเอง
ตัววัสดุรอบๆแป้นพิมพ์นั้นยังเป็นวัสดุแบบอลูมิเนียมอยู่ พื้นผิวเรียบๆไม่ได้ดีการเล่นลายจุดอะไรครับโทนสีออกเขียวๆอ่อนๆไปทางสีทองบ้างเล็กน้อยก็สวยงามเข้ากับตัวเครื่องรวมๆได้ การออกแบบมีความสันเหลี่ยมคมสวยขึ้นเยอะและดูรู้สึกพรีเมี่ยมกว่ารุ่นก่อนๆแบบชัดเจนครับ แป้นพิมพ์ใช้โทนสีเดียวกันอาจจะมองยากเวลาใช้งานนิดห่นอยในจุดนี้ มาพร้อมไฟสีขาวมาให้ครับแป้นพิมพ์ ส่วนช่องระบายอากาศมาในตำแหน่งเดิมกับรุ่นอื่นๆยิงออกไปข้างหลังตรงหน้าจอ
เห็นว่าตรงขอบหน้าจอนั้นตัดสีส้มสวยงามเลยแหละ สำหรับรุ่นนี้ยังคงมี ERGO LIFT มาให้ยกตัวเครื่องขึ้นมามากถึง 3 องศา และและทำให้การใช้งานพิมพ์อะไรนั้นสบายเหมือนเดิม ซึ่งการออกแบบตัวขอบการยกต่างๆนั้นทำได้สวยและบางกว่าเดิม เป็นการออกแบบต่อเนื่องกับการเอาช่องระบายไว้ข้างหลังแนวยาวตลอดเครื่องทำให้เครื่องไม่ร้อนครับและการยกเครื่องแบบนี้ทำให้ลมเย็นสามารถเข้าไปไต้เครื่องได้เลย และเมื่อพับเปิดปิดก็สามารถแนบไปเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ปกติได้เลยไม่ได้หนาขึ้นแต่อย่างใด
ตัวเครื่องยังคงมีกล้องหน้าไว้ขอบด้านบน พร้อมกับระบบสแกนใบหน้าแบบ IR ทำให้สแกนได้ไวและแสงน้อยก็ทำงานได้ดี แม้จะทำขอบหน้าจอมาบางทั้งหลายๆด้าน แต่ก็ยังไม่ตัดกล้องหน้าไปไหนครับ สามารถใส่เข้ามาได้ในส่วนของด้านบนและมีไมค์อะไรต่างๆเหมือนในรุ่นปกติ ส่วนในเรื่องพื้นผิวนั้นเป็นแบบสีดำด้านปกติไม่มีการเล่นลวดลายอะไรครับ ส่วนของโลโก้นั้นยังคงไว้ขอบด้านล่างเช่นเดิมเขียน ASUS VivoBook ครับเป็นสีพ่นปกติเลย
SPEC
- Windows 10 Home
- Intel® Core™ i7-8565U processor 1.8GHz quad-core with Turbo Boost (up to 4.6GHz) and 8MB cache
- NVIDIA® GeForce® MX250 2GB GDDR5 VRAM
- หน้าจอขนาก 15.6” LED-backlit Full HD (1920 x 1080) 16:9 NanoEdge display with 88% screen-to-body ratio รองรับมุมมองกว้าง 178° wide-view technology
- RAM 8GB 2400MHz DDR4
- STORAGE 512GB PCIe SSD + 1TB HDD
- พอร์ทเชื่อมต่อ 1 x USB 3.1 Gen 1 Type-C™ 1 x USB 3.1 Gen 1 Type-A 2 x USB 2.0 1 x Standard HDMI 1 x Audio combo jack 1 x MicroSD card reader 1 x DC-in
- Keyboard Full-size พร้อมไฟ backlit, with 1.4mm key travel
- ASUS SonicMaster ระบบเสียง stereo พร้อมรองรับ surround-sound; และ smart amplifier Certified by Harman Kardon
- Array microphone with Cortana voice-recognition support
- 3.5mm headphone jack
- กล้องหน้า IR HD Camera with facial login
- Wi-Fi Intel Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax)
- Bluetooth® Bluetooth V5.0
- รองรับ Fast charging: 60% in 49 minutes 42wh 3-cell lithium-prismatic battery 90W power adapter (Output: 19V DC, 4.74A, 90W) Plug Type: ø4 (mm) (Input: 100-240V AC, 50/60Hz universal)
- Weight and Dimensions
- Height: 1.8cm Width: 35.72cm Depth: 23.03cm Weight: 1.8kg
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้ค่อนข้างจัดเต็มมาให้ครับทั้งเรื่องของ CPU Intel® Core™ i7-8565U รุ่น ค มาพร้อมกับ 1.8GHz quad-core และ Boost ได้สูงสุด 4.6GHz และ 8MB cache เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 nm 4 Core 8 Threads ส่วนทางด้านการ์ดจอ มาพร้อมกับการ์ดจอในตัวคือ INTEL UHD 620 ที่ก็ใช้งานได้ระดับนึง และใส่การ์ดจอแยกเข้ามาให้ด้วยตัว Nvidia MX 250 2GB DDR5 ทำงานรองรับ 3 เล่นเกมได้สบายๆ และ ให้ RAM 8GB (อัพเกรดได้อีก 1 ช่อง ) เข้ามาพร้อมกับ SSD 512 GB + HDD 1TB ครบๆเลยแหละ
3DMARK เราทดสอบแบบพื้นฐานกันในส่วนของ CloudGate / Night Raid ถือว่าทำคะแนนได้ดีเอาเรื่องเลยคะแนนในส่วนของ Night Raid ตัวนี้ทำได้ 10048 คะแนน การประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ทำได้ดีมากๆเพราะมีการ์ดจอแยกเข้ามาช่วยด้วย และ ใช้งานได้ในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลายครับ ถือว่าสบายๆไม่ต้องกังวลทำให้การทำงานต่างเรนเดอร์เริ่มต้นอะไรสบาย ส่วนเรื่องคะแนน CloudGate นั้นแตะ 1 หมื่นต้นๆ ได้เลยครับสำหรับ 11851 คะแนนถือว่า CPU i7 ที่ใส่เข้ามาในตัวนี้ถือว่าสบายๆรองรับการทำงานหนักได้สบายๆครับ
PCMARK คะแนนทำได้ 3663 ถือว่าตามระดับของ CPU เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าไม่แย่เลยนะถ้าเรามองในราคาแค่นี้ และทำคะแนนออกมาได้ประมาณนี้ใน CPU i7 ตัวนี้ถือว่าน่าพอใจครับทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้นถือว่ารองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลายและเต็มประสิทธิภาพกว่าแบบชัดเจนครับ
CINEBENCH R20 -15 ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 524 ทำได้ดีครับสมราคา อย่างที่บอกว่าทำได้ค่อนข้างดี ในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 1082 cb ถือว่าคะแนนดีเลยแหละในแง่การประมวลผลของ CPU แต่ถ้าลองดูดีเหมือนจะใกล้ๆกับ Ryzen 5 ในรุ่นเล็กเลยถือว่าใกล้ๆกันครับ ส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD ทำคะแนนการอ่านไปได้ 1696 ส่วนเขียนที่ 1461 ครับจากทดลองหลายๆรอบ แน่นอนว่ามันแตกต่างกับ HDD ไวกว่า HDD ประมาณเยอะมากกกเมื่อเทียบกัน และรุ่นนี้มาให้ถึง 512 GB และ ให้ HDD มาอีกที่ 1TB ครับ
SCREEN
หน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วLED-backlit Full HD (1920 x 1080) อัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9 การออกแบบขอบบางแบบ NanoEdge display รองรับมุมมองกว้าง 178° ทำให้มุมมองของภาพนั้นไม่แพ้กับพวกหน้าจอ IPS เลยและตัวคุณภาพหน้าจอตัวนี้ถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆครับหน้าจอสามารถสู้แสงได้ดีกว่าเดิม
แต่เมื่อใช้งานกลางแจ้งอาจจะไม่ได้ดีเท่าไร เช่นภาพด้านบนอันนี้คือกลางแจ้งต้องหลบแสงนิดหน่อยครับในการใช้งาน และการเป็นหน้าจอแบบด้านทำให้ไม่เจอแสงสะท้อนรบกวนเท่าไร หน้าจอทำขอบหน้าจอต่างได้ค่อนข้างบางเหมือนกับรุ่นอื่นๆก่อนหน้านี้และยังไม่ตัดกล้องหน้าทิ้งไปไหนด้วย หน้าจอในรุ่นนี้ทำได้ดีกว่าที่คิดในเรื่องของสีสันต่างๆซึ่งถือว่าเอามาทำงานได้สบายครับแม่นยำระดับนึงและดีกว่าพวกสายเกม และ รุ่นที่ต่ำกว่านี้แบบชัดเจน ซึ่งในงบประมาณนี้จอตัวนี้ถือว่าทำได้ดีครับแต่ความสว่างสูงสุดนั้นยังสู้แสงไม่ได้ดีมากนัก
หน้าจอเมื่อมองจากด้านข้างเนื่องจากมันเป็นจอที่รองรับมุมมองภาพได้กว้างมากๆจึงให้ความรู้สึกเหมือนจอ IPS เลยแหละเพราะไม่เจออาการดรอปของสีหน้าจอ หรือ ความเพี้ยนของหน้าจอเลยเมื่อมองในมุมเอียงๆซึ่งทำได้ดีเลยแหละ หน้าจอยังคงสู้ได้สบายๆในการใช้งานหรือเอียงมุมขึ้นลงต่างๆ เป็นหน้าจอของ Vivobook ที่เรียกได้ว่าดีอันดับต้นๆของตระกูลทั้งในแง่ของคุณภาพ ตัวมุมมอง หรือจะเป็นเรื่องของสีสันต่างๆนั้นทำได้ค่อนข้างแม่นยำในการทำงาน
WINDOWS HELLO IR
เป็นครั้งแรกของ VivoBook ที่ใส่ระบบสแกนใบหน้าแบบ IR เข้ามาให้ ทำให้เราสามารถใช้งานสแกนใบหน้าตอนเข้าใช้งานเครื่องได้แบบรวดเร็วและแม่นยำแน่นอนว่ารุ่นพวกนี้จะไม่มีสแกนนิ้วกันมาเท่าไรแล้วหลายๆรุ่นเปลี่ยนมาใช้ระบบแบบนี้แทนครับก็ถือว่าสะดวกแค่เรามองหน้าจอมันก็สแกนเข้าเครื่องให้เราเลยและแสงน้อยก็ยังใช้งานได้เหมือนกันแต่อาจจะไม่ได้ไวเท่ากับตอนแสงเยอะๆครับ ซึ่งถ้าแสงน้อยจริงๆเร่งหน้าจอให้สว่างก็ช่วยในการสแกนได้เยอะเลย
TOUCHPAD
ตัวทัชมีขนาดใหญ่ขึ้นและใช้งานได้ดีเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง 15 นิ้วในรุ่นที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้า ขอบตัดสี่เหลี่ยมและเต็มอัตราสว่นกับตัวเครื่องได้ดีกว่าเดิมนิดหน่อย ตัวทัชเป็นวัสดุแบบเดียวกับตัวเครื่อง วัสดุมีการทำให้ลื่นและติดนิ้วมากกว่าในการสัมผัสต่างๆ ตัวทัชสามารถกดลงไปได้เลยขอบซ้ายขวาล่าง ซึ่งจากที่ใช้งานไม่ได้ติดปัญหาอะไรครับในส่วนนี้ ตัวระบบทัชนั้นใช้ Software ของ Precision นะรองรับการใช้งานหลายๆนิ้วได้สบายครับ
เราสามารถวางนิ้วทั้ง 5 นิ้วลงไปแบบมีระยะห่างกำลังดีสำหรับตัวเครื่องได้สบายครับแน่นอนว่ามีขนาดใหญ่พอสมควรแต่น่าเสียดายว่าในไทยนัั้นยังไม่เอารุ่น ScreenPAD เข้ามาที่แบบเป็นหน้าจอ ซึ่งในรุ่นนี้ยังคงเป็นแบบธรรมดาอยู่ ส่วนเรื่องระบบการใช้งานหลายๆนิ้วได้ดี ไม่เจอปัญหาค้างหรือมึนอะไร อีกทั้งยังมีระบบป้องกันเวลาเพราพิมพ์และมือไปโดนได้ด้วยครับ สามารถใช้เลื่อนนิ้วสลับแอพ อะไรพวกนี้ได้ง่ายๆและส่วนใหญ่ที่ลองก็ลื่นและติดตลอดเลย
KEYBOARD
คีย์บอร์ดในรุ่นนี้เป็นการออกแบบทรงปุ่มใหม่ตัดขอบเหลี่ยมและเป็นปุ่มพลาสติกสีตามตัวเครื่องซึ่งแน่นอนว่าสีนี้ที่อาจจะมองยากเวลาใช้งานกลางแจ้งและด้วยการที่อักษรนั้นต้องทำให้แสงไฟลอดออกมาได้เลยทำให้ตัวอักษรนั้นมองยากพอสมควรเวลาใช้งานข้างนอกและเจอแสงเยอะๆ อาจจะต้องปิดไฟนิดหน่อย ตัวปุ่มมีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่าย และเว้นระยะห่างได้พอดีเลยแหละ ระยะการกดที่ 1.4 มม.กำลังดีในการใช้งานในการพิมพ์งาน เล่นเกมต่างๆ และรุ่นนี้ยังคงมี Numpad มาให้ในด้านขวาเหมือนเดิมครับ
ตัวปุ่มรวมๆนั้นกดได้ง่ายและความรู้สึกดีกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อย เพราะการออกแบบมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นแต่ระยะอะไรนั้นไม่ได้แตกต่างกับของเดิมเท่าไรครับแต่ทรงปุ่ม ระยะเว้นต่างๆนั้นทำได้ดีขึ้น ส่วนเรื่องการยกตัวเครื่องแน่นอนว่าช่วยให้การพิมพ์งานนั้นไม่เมื่อยมือและยังใช้งานได้ดีเวลาพิมพ์นานๆเป็นข้อดีที่ชมมาตลอดสำหรับค่ายนี้ครับ ชอบการเอียงขึ้นของเครื่องจริงๆ ส่วนเรื่องของสีนั้นยังคงต้องบ่นเหมือนเดิมเพราะเวลาใช้นอกสถานที่มันเป็นปัญหาเหมือนกัน
SPEAKER HARMAN/KARDON
ลำโพงรุ่นนี้มีการอัพเกรดได้การรับรองจาก Harman/Kardon เช่นกันจะเหมือนกับพวก Zenbook เลยนั้นเองเสียงที่ได้ต้องผ่านมาตรฐานของแบรนด์ว่าสมควรที่จะแปะชื่อลงไปด้วยนั้นเอง เสียงตัวนี้มาพร้อมกับลำโพงหลักๆ 2 ตัวซ้ายขวายิงลงพื้นที่มุมเครื่องทั้ง 2 เสียงที่ได้นั้นดังพอประมาณ อาจจะไม่ได้ดังสะใจมากครับ แต่เสียงที่รู้สึกแตกต่างกันเลยก็คือมิติเสียง เบสพวกนี้นุ่มและมาดีกว่าเดิมเนื่องจากรุ่นก่อนๆนั้นเสียงจะค่อนข้างแห้งๆแบนๆครับ แต่รุ่นนี้คุณภาพเสียงมาดีขึ้นเยอะ แต่ความดังไม่ได้หนีจากเดิมมากเท่าไร เสียงแยกซ้ายขวาได้ดี เสียงเพลงฟังสบายครับ รวมถึงการดูหนังต่างๆนั้นเสียง Effect ก็รู้สึกถึงความแน่นขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอื่นๆแบบรู้สึกได้เลยแหละ ถือว่าดีขึ้น
CONNECTOR
สำหรับช่องเชื่อมต่อนั้นต้องบอกว่ามาครบเหมือนเดิมครับ เริ่มที่ด้านขวาในภาพก่อนเลยซึ่งด้านนี้จะเป็นส่วนที่เป็นพอร์ทหลักๆทั้งหมดทั้งตัวสาย DC IN , HDMI , USB-A 3.1, USB-C 3.1 , 3.5 มม. , Micro-SD ซึ่งจุดที่น่าเสียดายยังคงเป็น Micro-SD ซึ่งในตัวเครื่องขนาดนี้น่าจะมีพื้นที่เหลือสำหรับ SD-CARD ใส่เข้ามาจะดีกว่า
ส่วนด้านซ้ายนั้นเป็นที่อยู่ของ พอร์ท USB-A 2.0 ทั้ง 2 ช่อง และ ไฟสแดงสถานะต่างๆครับแน่นอนว่ายังคงวางคล้ายๆกับรุ่นก่อนหน้า แต่ที่แปลกใจคือฝั่งขวานั้นเป็น USB 3.1 ซึ่งจริงๆฝั่งนั้นจะเป็นที่เสียบเมาส์มากกว่าน่าจะมีย้าย 3.1 มาฝั่งนี้บ้าง หรือ เพื่อไม่ให้เกะกะเวลาใช้เงานเมาส์พวกนั้น พอร์ทหลักๆน่าจะมาฝั่งซ้ายมากกว่า ส่วนเรื่อง USB 2.0 นั้นจริงๆไม่น่าใส่มาให้แล้วถ้านับว่าเป็นรุ่นใหม่สุดๆของปีนี้แล้วน่าจะเป็น 3.1 ให้หมดทุกช่องจะลงตัวมาก
BATTERY
การใช้งานแบตตัวนี้จากที่ลองทดสอบ ตัวนี้รองรับระบบชาร์จไวด้วยนะ และแน่นอนว่าเนื่องด้วยจากสเปคมันไม่ได้แรงมากเลยทำให้อายุแบตมันใช้งานได้ค่อนข้างนานมาก แบบเต็มที่ก็ได้ประมาณ 5-6 ชั่วโมงคือเปิด Photoshop ต่อไวไฟปกติ ทำงานหนักๆหรือในภาพคือตอนเปิดทดสอบอะไรต่างๆใช้งานเต็มที่ก็จะได้ 6 ชั่วโมงโดยประมาณ แต่ถ้าทำงานทั่วไปเบาๆเข้าเว็บอะไรพวกนี้แบตจะได้ถึง 9+ ชั่วโมงกันเลยแหละ ทั้งหมดการใช้งานมันขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนกันอีกทีนะครับ ว่าจะได้ประมาณกี่ชั่วโมง เพราะตัวเลขมันก็สามารถปรับเปลี่ยนได้เสมอ ส่วนเรื่องการชาร์จไฟเข้านั้นก็รองรับ Fast Charging สามารถชาร์จไฟเข้า 70 % ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
GAMING
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นรุ่นนี้ดีหน่อยที่ใส่การ์ดจอ Nvidia MX 250 2 GB เข้ามาทำให้รองรับการเล่นเกมได้แบบสบายๆในเกม ออนไลน์ทั่วไปทั้ง PUBG – OW – APEX พวกนี้สบายๆครับ จัดลองให้เล็กน้อยสำหรับเกมที่ค่อนข้างเบาและหลายๆคนเล่นกันเช่นในตัวอย่างคือการทดสอบเล่นเกม Overwatch ได้ค่อนข้างลื่นและ FPS 60+ สบายๆ ความร้อนนั้นประมาณ 70 องศา และ CPU แตะไป 80 องศาสูงสุดครับถือว่าปกติของพวก Ultrabook เล่นในสภาพอากาศไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมครับ แต่ถ้าเกมที่โหดขึ้นมาหน่อยนั้น APEX ก็ได้ที่ FPS 20+โดยประมาณ และ PUBG นั้นได้ FPS 25+ ส่วนความร้อนนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากครับในการเล่นเกม ระบายได้กลางๆเพราะมันเป็น Ultrabook ไม่ได้สายเกม และแตะ 90 ค่อนข้างง่ายสำหรับ CPU ส่วนเรื่อง คุณภาพนั้นปรับภาพระดับกลางนะครับทุกเกม และ ที่แอดมินทดสอบคือเล่นในสภาพอากาศปกติ ไม่ได้เปิดแอร์ และ ไม่ได้มีพัดลมช่วยครับ ก็ถือว่าเล่นเกมได้ลื่นและไม่ได้แย่ครับเล่นได้ปรับภาพกลางได้ไม่ติดขัด
WORKING
รองรับการทำงานทั่วไปเช่น Microsoft ทั้งหมด อันนี้รองรับได้สบาย Excel Word สบายครับพวกนี้ไม่มีปัญหา และ RAM 8 GB ก็เพียงพอ ส่วนของ ADOBE CPU รองรับได้สบายอยู่ครับในส่วนของ Photoshop แบบเบาๆ ไม่ได้หลายเลเยอร์เยอะหรือไฟล์ไม่หนัก จริงๆ CPU มันไหวสบายๆแต่ถ้าทำงานหลายๆอย่างพร้อมกันอาจจะต้อง RAM เพิ่มขึ้นนั้นทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละเพราะ ทำงานรวมๆทำได้ดีกว่าตัว รองรับการทำงาน 3 มิติระดับเริ่มต้น การตัดต่อไฟล์วีดีโอ หรือ เรนเดอร์ได้แบบไฟล์ไม่หนักมาก ใช้งานได้แต่ควรเพิ่ม RAM ครับ ส่วนการดูหนังฟังเพลงทั่วไปสบาย โปรแกรมดูหนัง อื่นๆที่รองรับได้สบายไม่มีปัญหา หลักๆจะเน้นทำงานเบาๆจะดีกว่าครับในรุ่นนี้ หรือต่อภาพออกพรีเซนต์งานอะไรก็ทำได้สบาย มีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ และ USB มาให้ค่อนข้างครบเลยแหละ และหน้าจอรุ่นนี้ก็มีคุณภาพมากๆทำให้การทำงานของหลายๆคนนั้นรองรับได้ดีกว่าในรุ่นก่อนๆ ทั้งแต่งภาพ ตัดต่อ หรือ เรนเดอร์
VIVOBOOK S15 ( S531F )
” Vivobook ยกระดับไปอีกขั้น ทั้งลำโพง หน้าจอ วัสดุ แต่ทำราคาได้ดีเหมือนเดิม “
ตระกูลนี้ยังคงทำได้ดีในแง่ของการออกแบบ สเปคที่ใส่เข้ามาและหลักๆเลยคือเรื่องของราคา ในครั้งนี้ทำได้ดีและมีการปรับปรุงวัสดุฝาหลัง บอดี้หลักๆเป็นอลูมิเนียมทั้งชิ้นและ กล้องแบบ IR รวมถึง ลำโพงรับรองจาก HARMAN/KARDON เป็นจุดหลักๆที่ยกระดับขึ้นไป ส่วนเรื่องของสีสันก็สวยมากๆชื่อ MOSS GREEN เราเลยอิงธรรมชาติกันหน่อย ส่วยเรื่องงานประกอบทำได้ตามราคาของ VIVOBOOK ครับ และสเปคที่จัดมาทำงานสบายๆรวมถึงเล่นเกมเบาๆได้ครับ จะมีแค่เรื่อง สีคีย์บอร์ดอีกแล้วที่มองยาก หน้าจอที่สู้แสงได้ยากหน่อย และไม่มีช่อง SD Card สำหรับใช้งานครับ ส่วนด้านอื่นๆก็รับได้ และทำได้ดีครับ ถือว่าเป็นอีกตัวที่น่าเล่นและสเปคแรงขึ้นหน่อย
ข้อดี
- หน้าจอทำได้ดีมาก รองรับมุมมองกว้าง และ สีค่อนข้างดี
- สีสันตัวเครื่องโดดเด่นและแตกต่างกับตัวอื่นๆ
- ระบบเสียงคุณภาพดีขึ้นแบบชัดเจนจากรุ่นก่อนๆทั้งหมด
- การยกตัวเครื่อง Ergo Lift ยังคงทำได้ประทับใจเสมอ
- วัสดุตัวเครื่องทำได้ดีกว่าเดิม เป็นอลูมิเนียมในหลายๆุจุด
- สแกนใบหน้าแบบ IR เป็นรุ่นแรกของ Vivobook
- ประสิทธิภาพใช้งานทั่วไป-ปานกลางได้สบายๆ
- มาพร้อม Windows 10 และ SSD+HDD ครบพร้อมใช้งาน
ข้อสังเกต
- ไม่มีช่อง SD-CARD
- แป้นพิมพ์สีนี้จะมองยางในบางจังหวะ
- หน้าจอไม่สู้แสงมากนัก
- ยังคงมี USB 2.0 อยู่ถึง 2 ช่อง
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr