ASUS ZENBOOK 13 น้องเล็ก พกพาง่ายที่สุดในตระกูลได้เปิดตัวขุมพลัง Ryzen 5000 Series ล่าสุดทำให้การใช้งานนั้นลงตัวมากขึ้นไปอีก ยังคงมาพร้อมกับการออกแบบที่เน้นในเรื่องของความพรีเมี่ยม และยังเด่นๆเรื่องน้ำหนักเบา และ บางมากๆตัวนึงในตอนนี้ รวมถึงรองรับการใช้งานที่จัดเต็มในหลายๆส่วน มาพร้อมกับหน้าจอ OLED ที่ต้องบอกว่าคุณภาพเน้นๆ อีกทั้งในเรื่องของสเปกแน่นอนว่ารองรับการใช้งานได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อภาพ หรือแม้จะทำงานทั่วไป หรือการดูคอนเทนต์อะไรต่างๆนั้นทำได้ประทับใจทั้งหน้าจอ ลำโพง Harman Kardon ยังคงใส่เข้ามาจัดเต็ม อีกทั้งแบตก็อึดพอสมควร ในการใช้งาน AMD Ryzen รอบนี้จะทำได้น่าสนใจมีอะไรเด่นๆบ้างนั้นเราไปดูกันเลยครับสำหรับ ASUS ZENBOOK 13 UM325U ตัวล่าสุดของ ASUS ที่เปิดตัวในประเทศไทยครั้งนี้

ASUS ZENBOOK 13 มาพร้อมกับการใช้งาน AMD Ryzen 5 5500U ตัวล่าสุดพร้อมกับ เทคโนโลยี 7nm เช่นเดิม มาด้วยกัน 6 Core 12 Threads  ทำงานร่วมกับการ์ดจอในตัว และมาพร้อมกับ RAM 8 GB SSD 512GB จัดเต็มพร้อมใช้งาน แน่นอนว่าทางด้านหน้าจอนั้นจะใช้งาน OLED ตัวล่าสุดที่มีการพัฒนาขึ้นมาเยอะและมีการคิดเรื่องของการปกป้องอาการ Burn อะไรไว้เรียบร้อย อีกทั้งยังคงมีจุดเด่นเรื่องของการสู้แสงและภาพที่สวยสดเช่นเดิม ในขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว 16:9, -, Glossy display, 400nits, DCI-P3: 100%, Pantone Validated, Screen-to-body ratio: 88 % ถือว่าเป็นหน้าจอที่ดีกว่าแบบเดิมเมื่อใช้งานในหลายๆสภาพแสง ทางด้าน ลำโพงก็ยังใช้งาน Harman Kardon เช่นเดิม และ รองรับ Wifi6 รวมถึงMIL STD810G การกันกระแทกได้ด้วย และแน่นอนว่าประกัน 3 ปี On Site จัดเต็มเลยทีเดียวครับสำหรับ Zenbook 13 รุ่นนี้  และเรื่องของความปลอดภัยยังคงใช้งาน สแกนใบหน้า 3 มิติ IR Windows Hello เข้ามาเช่นเดิมยังไม่ได้ตัดออกไปแม้จะรุ่น 13 ก็ตามครับ และพอร์ตเชื่อมต่อต้องบอกว่ามีความครบครันมากๆรุ่นนึงในบรรดา 13 นิ้วและเน้นพกพาแบบนี้ครับ แต่น่าเสียดายว่าตัด 3.5 มม.ออกไปแล้วนะ รวมถึงในรุ่นนี้ไม่มี Numberpad 2.0 แบบรุ่นพี่ใส่เข้ามาให้ใช้งานครับ

ASUS ZENBOOK 13 UM325U มาพร้อมกับ RYZEN 5 5500U  LPDDR4X 8G [ON BD.]/512G PCIEG3/AMD Radeon™ Graphics/Win 10/Backlit KB/OLED panel 400 nits DCI-P3/Sleeve/Office H&S ราคา 28,990 บาท 

UNBOX

  • ตัวเครื่อง ASUS Zenbook 13
  • Adaptor ชาร์จไฟ 65W USB-C PD
  • คู่มือ ใบรับประกัน
  • ซองสำหรับใส่เครื่อง
  • Adaptor แปลง USB-C ไป 3.5 มม.
  • Adaptor แปลง RJ45

DESIGN

งานออกแบบ Zenbook ยังคงมีความโดดเด่นของตัวเองการที่สานต่อจากรุ่นเดิมๆทั้งเอกลักษณ์ลวดลาย Zen สวยงามพร้อมกับงานประกอบที่แข็งแรงและได้มาตรฐานที่ดี MIL STD810G ทำให้มีความมั่นใจในการใช้งานได้ดีขึ้น ส่วนความเบา บางนั้นยังคงเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ที่บางมากและยังพกพาได้ง่ายเบาถือว่าเหมาะสำหรับสายทำงานพกพา และในรุ่น 13 นั้นเรียกได้ว่าขนาดเล็กและพกพาได้ง่ายมาก เล็กกว่ากระดาษ A4 ซะอีกครับและมีความเบา 1.11 กก. พร้อมโปรไฟล์บาง 13.9 มม เท่านั้น และสี Pine Gray สวยงามและดูหรูหราเช่นเดิมสำหรับตัวเลือกนี้

ดีไซน์ตัวเครื่องมาในขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วแต่มาในบอดี้ขนาดเล็กมากๆ นั้นจะเห็นได้เลยว่าขอบบางสะใจพร้อมกับกล้องหน้าพร้อมสแกนใบหน้า 3 มิติยังคงใส่เข้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหน ส่วนคีย์บอร์ดเต็มสัดส่วนตัวเครื่องพร้อมกับการออกแบบ ส่วนงานประกอบสวยงามเช่นเดิมและดีไซน์ยังคงมีความคล้ายกับ Zenbook ตัวอื่นๆในตระกูลนี้ครับ โทนสีอะไรนั้นก็ถือว่าคล้ายกับ 14 ก่อนหน้านี้ หรือว่า 13 ในรุ่น INTEL นั้นเองงานออกแบบนั้นจะไม่หนีกันมากนัก

ฝาหลังนั้นยังคงโดดเด่นในการเล่นลวดลายพร้อมกับสะท้อนแสงสวยงาม มีการย้ายโลโก้มามุมขวาเข้ามาแทนพร้อมกับเล่นตัวอักษรปัดเงาโครเมี่ยม ส่วนในด้านหลังนั้นจะเป็นแบบด้านพร้อมกับเส้นสายแบบคมๆ พร้อมกับช่องระบายความร้อนตรงกลางนิดหน่อย จะไม่มีช่องส่วนอื่นๆเพิ่มเติมครับแน่นอนว่ารุ่นพวกนี้ไม่ได้มีพลังงานเยอะ ความร้อนสะสมไม่ได้มากเท่าสาย Gaming และ Ryzen 5 U นั้นจริงๆก็กินไฟน้อยลง ประหยัดไฟมากขึ้น เย็นขึ้นไปมากกว่าเดิมนะ

ข้อพับต่างๆนั้นดูแข็งแรง พร้อมกับการออกแบบ Ergo Lift ยังคงใส่เข้ามาให้และเอียงองศาได้เยอะพอสมควร ส่วนงานประกอบการเก็บขอบอะไรนั้นสวยงามเช่นเดิม มีเหลี่ยมมุมชัดเจนแต่รุ่นนี้จะไม่ได้มีการเล่นสีทองตัดขอบอะไรส่วนทางด้านแป้นพิมพ์นั้นจะเห็นเลยว่าสุดขอบเครื่องพร้อมกับปุ่ม Arrow ที่ค่อนข้างเล็กพอสมควรเลยแต่ก็ใช้งานได้

ทางด้านช่องระบายความร้อนของบอดี้ยิงออกด้านหลังตรงส่วนล่างของหน้าจอเช่นเดิม ระบายได้ค่อนข้างดีเป็นตำแหน่งที่หลายๆเครื่องใช้งานกันและทางด้าน ASUS มี ERGO Lift ก็ช่วยให้ยกตัวเครื่องขึ้นมาอีกด้วยนั้นเอง และขอบหน้าจอที่ออกแบบมาใหม่ก็ทำให้บางมากขึ้น Nano Edge และขอบบนหน้าจอยังคงมีกล้องหน้า และ IR สแกนใบหน้าใส่เข้ามาและออกแบบบได้บางมากขึ้นพอสมควรครับและไมค์ให้มา 2 ตัวพร้อมใช้งานในการคุย วีดีโอคอล

SPEC

  • AMD Ryzen™ 5 5500U Processor 2.1GHz (8M Cache, up to 4.0GHz, 6 cores)
  • AMD Radeon™ Graphics
  • Display 13.3-inch, OLED, FHD (1920 x 1080) 16:9, -, Glossy display, 400nits, DCI-P3: 100%, Pantone Validated, Screen-to-body ratio: 88 %
  • 8GB LPDDR4X on board, Memory Max Up to:16GB
  • Storage 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
  • I/O Ports 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A 2x USB 3.2 Gen 2 Type-C support display / power delivery 1x HDMI 2.0b Micro SD card reader
  • Keyboard & Touchpad Backlit Chiclet Keyboard 1.4mm Key-travel
  • Camera HD camera with IR function to support Windows Hello
  • Audio Smart Amp Technology
  • Built-in speaker Built-in array microphone harman/kardon (Premium)
  • Network and Communication Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.0 (Dual band) 2*2
  • Battery 67WHrs, 4S1P, 4-cell Li-ion
  • Power Supply TYPE-C, 65W AC Adapter, Output: 19V DC, 3.42A, 65W, Input: 100~240V AC 50/60Hz universal

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพรุ่นนี้อัพเกรดมาใช้งาน ตัว AMD Ryzen™ 5 5500U  Processor 2.1GHz (8M Cache, up to 4.0GHz, 6 cores) ตัวล่าสุด ความเร็ว 2.1 GHz  ถึง 4.00 GHz  แบบ 6 คอร์ 12 เทรด ที่ 7nm ส่วนทางด้านการ์ดจอ นั้นมาพร้อมกับการ์ดจอในตัวคือ AMD Radeon™ Graphics  ที่ก็ใช้งานได้ระดับนึงเลย และให้ RAM 8GB ไม่สามารถอัพเกรดได้ และในเรื่องของความจุนั้นมาพร้อมกับ SSD 512GB ครบๆเลยแหละ ครับสำหรับรุ่นนี้แน่นอนว่าในส่วนของคะแนนก็พอใช้งานได้พอสมควร เป็นรุ่นแรกที่มาพร้อม Pre-installed Microsoft office Home & Student พร้อมใช้งานเลย ไม่ต้องซื้อเพิ่มแต่อย่างไร ถือว่าให้มาครบพร้อมใช้งานกัน

PCMARK คะแนนทำได้  4983 ถือว่าตามระดับของ CPU Ryzen 5 ระดับกลาง เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าไม่แย่เลยนะถ้าเรามองในราคาแค่นี้ และทำคะแนนออกมาได้ประมาณนี้ แน่นอนว่าดีกว่า i5 Gen 11 ทำให้ตัวนี้ถือว่าน่าพอใจครับทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้นถือว่ารองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลายและเต็มประสิทธิภาพกว่าแบบชัดเจนครับ ทางด้านความร้อนนั้น CPU 72 และ GPU 71 ครับสำหรับการทดสอบนี้

3D MARK เราทดสอบแบบพื้นฐานกันในส่วนของ Time Spy / Wild Life / Night Raid / Fire Strike ถือว่าทำคะแนนได้ดีเอาเรื่องเลยคะแนนในส่วนของ Night Raid ตัวนี้ทำได้ 12944 คะแนน การประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ทำได้ดีมากๆแม้จะไม่มีการ์ดจอแยกเข้ามาช่วยด้วยแต่ทำคะแนนได้สูสีเท่ากับพวก MX เลย  ใช้งานได้ในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลาย ถือว่าสบายๆไม่ต้องกังวลทำให้การทำงานต่างเรนเดอร์เริ่มต้นอะไรสบาย ส่วนเรื่องคะแนน Fire Strike นั้นแตะ 3080 เลย และ Wild Life นั้น 6299 ครับ  Time Spy 1170 ความร้อนที่ทดสอบนั้น CPU  77 กับ GPU 76 สำหรับตัวนี้ ทดสอบในสภาพอากาศปกติครับ ถือว่าเป็นการ์ดจอติด CPU ที่ทำได้ดีในระดับนึง

CINEBENCH R20 -15 ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้  1159 ทำได้ดีมาก อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือมาแรงมากและพัฒนาดีขึ้น ในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 2502  ถือว่าคะแนนดีเลย ในแง่การประมวลผลของ CPU แอบดีกว่า i5 Gen 11 แบบชัดเจนเลย ส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD 512GB ทำคะแนนการอ่านไปได้  3594 ส่วนเขียนที่ 2949 จากทดสอบหลายๆครั้ง การอ่านเขียนนั้นถือว่าแรงเอาเรื่องดีกว่าตอน Zenbook 14 ซะอีกครับ ส่วนแรมให้มา 8GB  ถือว่าเพียงพอและความเร็วความจุนั้นสบายๆในการใช้งานทั่วไป

OLED SCREEN

หน้าจอ OLED เริ่มเข้ามามีบทบาทในบรรดา Ultrabook มากขึ้นชัดเจนครับ แน่นอนว่าข้อดีของการใช้งานหน้าจอ OLED นั้นจะเป็นในเรื่องของการสู้แสงที่ทำออกมาได้ดี การพัฒนาในเรื่องของความสวยคมชัด และดำสนิทจริงๆการสู้แสงดีกว่า 100 NITS เลยนะเมื่อเทียบกับรุ่นปกติของ ZENBOOK ก่อนหน้านี้ รวมถึงมิติของภาพก็สวยเลยแหละในรุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่ใช้งาน OLED และทาง ASUS SAMSUNG เองก็พัฒนาโปรแกรม Software ที่จะช่วยไม่ให้มีอาการจอ Burn in ด้วยเช่นกันถือว่าคิดในเรื่องนี้มาแล้วเป็นอย่างดีครับทำให้ไว้ใจได้ระดับนึงเลยแหละในการใช้งาน ทำให้ ตัวภาพนั้นที่ชอบมากๆคือการสู้แสงที่รู้สึกเลยว่าทำได้ดี และความเข้มดำสนิทมิติของภาพสวยทีเดียวในตัวนี้ แต่หน้าจอบางมุมนั้นแอบมีจะมุมเขียวนิดๆในบางจังหวะที่เอียงเยอะๆ แต่ถ้ามองไม่ได้สังเกตมากนักแทบจะไม่รู้สึกครับ ถือว่าเรื่องของความแม่นยำสีก็ทำได้ดีเช่นกัน ในสเปกหน้าจอ 13.3นิ้ว, OLED, FHD (1920 x 1080) 16:9,  400nits, DCI-P3: 100%, Pantone Validated, Screen-to-body ratio: 88 % นั้นเองครับ

เมื่อใช้งานกลางแจ้ง นั้นถือว่าทำได้ดีครับดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ในเรื่องของมุมมอง การสู้แสงที่รู้สึกว่าดีขึ้นการเป็นหน้าจอแบบด้าน ทำให้ไม่เจอแสงสะท้อนรบกวนเท่าไร หน้าจอทำขอบหน้าจอต่างได้ค่อนข้างบางเหมือนกับรุ่นอื่นๆก่อนหน้านี้และยังไม่ตัดกล้องหน้าทิ้งไปไหนด้วย หน้าจอในรุ่นนี้ทำได้ดีกว่าที่คิดในเรื่องของสีสันต่างๆซึ่งถือว่าเอามาทำงานได้สบายครับแม่นยำระดับนึงและดีกว่าพวกสายเกม และ รุ่นที่ต่ำกว่านี้แบบชัดเจน ซึ่งในงบประมาณนี้จอตัวนีถือว่าทำได้ดีครับทั่วไปโอเคเลยแหละ ความสว่างแม้จะเป็น 400Nits แต่การใช้งานภายในอาคารต่างๆนั้นสบายและการปรับมาใช้งาน OLED ส่งผลให้หน้าจอนั้นสู้แสงโหดขึ้นไปอีก สีดำสวยสนิทมากและโทนสีดี รวมถึงมีโปรแกรมรักษาหน้าจอ

TOUCHPAD

ส่วนการสัมผัสใช้งานนั้นไม่มีปัญหาเลย เพราะค่ายนี้ยังคงพัฒนาอะไรมาได้ต่อเนื่องจริงๆ ส่วนทางด้านขนาดตัว Touchpad นั้นต้องบอกว่ามีขนาดกำลังดีเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่องครับ รองรับการใช้งานหรือว่าวางนิ้วได้ดีเอาจริงๆ ถือว่ามีความยาวมากๆเพราะว่าสามารถวางทั้ง 5 นิ้วลงไปได้เลยเมื่อเทียบกับขนาด 13.3 นิ้วรองรับได้สบายมากๆ แม้ตัวเครื่องจะเล็กก็ตาม ส่วนทางด้านระบบตอบสนองอะไรนั้นถือว่าไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ ถือว่าพัฒนาได้ดี แต่น่าเสียดายไม่มี Numberpad แบบรุ่นอื่นๆที่จะใช้งาน ตัวเลขกดบน Touchpad ได้ ทำให้รุ่นนี้เป็นแบบเรียบๆ

KEYBOARD

ทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Layout ที่เราคุ้นเคยกันดีเลยแหละ รวมถึงความรู้สึกปุ่มสัมผัสอะไรต่างๆเป็นแบบเดียวกับพวกรุ่น 13 นิ้วก่อนหน้าทั้งหมด ระยะห่างอะไรนั้นทำได้ดีเช่นเคย รวมถึงการกดต่างๆ ตัวแป้นพิมพ์นั้นใช้งานดีกว่าตัวอื่นๆ ด้วยการยกตัวข้างหลังขึ้นมานั้นทำให้มันพิมพ์ได้ง่าย และระยะองศาไม่เมื่อยมือคือจุดเด่นของมัน ส่วนปุ่มต่างๆใช้โทนสีเดียวกับตัวเครื่องและมีไฟ Blacklit สีขาว ปุ่มนั้นจะออกเทาๆ และไฟสีขาวมองเห็นชัดเจนและใช้งานได้ดี ดีกว่าปุ่มสีอ่อนเยอะมาก และการจัดวางนั้นชิดขอบซ้ายขวาทั้งหมดทำให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม

การยกตัวเครื่องในรุ่นนี้อาจจะไม่ได้ยกสูงแบบบางรุ่น แต่ก็ยกขึ้นมานิดหน่อยพอสะดวกและถนัดขึ้น โดยรวมนั้นในความรู้สึกของตัวปุ่มรวมๆนั้นกดได้ง่าย และความรู้สึกดีกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อย เพราะการออกแบบมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นแต่ระยะนั้นไม่ได้แตกต่างกับของเดิมเท่าไร แต่ทรงปุ่ม ระยะเว้นต่างๆนั้นทำได้ดีขึ้น ตรงแป้นพิมพ์นั้นจะเป็นตัวอักษรสีน้ำตาลตัดกับสีปุ่มชัดเจนดี ส่วนระยะในการกดปุ่มของตัวคีย์บอร์ดระยะการกดที่ 1.4 มม.ใครที่ใช้ค่ายนี้มาบ่อยๆคงไม่ต้องปรับตัวอะไรมากครับเพราะ Zenbook จะใกล้ๆกันทั้งหมด แต่ไม่มี Numberpad มาให้นะตัวนี้

SPEAKER

Harman/Kardon เช่นกันจะเหมือนกับพวก Zenbook ตัวอื่น เลยนั้นเองเสียงที่ได้ต้องผ่านมาตรฐานของแบรนด์ว่าสมควรที่จะแปะชื่อลงไปด้วยนั้นเอง เสียงตัวนี้มาพร้อมกับลำโพงหลักๆ 2 ตัวซ้ายขวายิงลงพื้นที่มุมเครื่องทั้ง 2 เสียงที่ได้นั้นดังพอประมาณ อาจจะไม่ได้ดังสะใจมาก แต่เสียงที่ได้รู้สึกแตกต่างกันเลย คือมิติเสียง เบสพวกนี้นุ่มและมาดีกว่าเดิมเนื่องจากรุ่นก่อนๆนั้นเสียงจะค่อนข้างแห้งๆแบนๆ แต่รุ่นนี้คุณภาพเสียงมาดีขึ้นเยอะ แต่ความดังไม่ได้หนีจากเดิมมากเท่าไร เสียงแยกซ้ายขวาได้ดี เสียงเพลงฟังสบาย รวมถึงการดูหนังต่างๆนั้นเสียง Effect  ก็รู้สึกถึงความแน่นขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอื่นๆแบบรู้สึกได้เลยแหละ ก็ถือว่าเข้าถึงทุกระดับแล้วสำหรับแบรนด์เครื่องเสียงนี้

CONNECTOR

พอร์ตเชื่อมต่อจริงๆเป็นรุ่นบาง เบาที่ให้มาครบมากๆ ทางด้านขวานั้น ไม่มีรู 3.5 มม. แต่ยังคงมีช่องเสียบ Micro-SD มาให้ในตัวเครื่องและ USB-A 3.2 GEN 1 ยังคงใส่มาให้ใช้งาน 1 พอร์ต สำหรับใครที่ยังคงใช้งานพอร์ตแบบนี้อยู่ ถือว่าเกือบครบทั้งหมดแล้วและเพียงพอมากๆ ในการใช้งาน ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายนั้น Wifi 6 พร้อมใช้งานและ Bluetooth 5.0 ก็ใส่เข้ามาให้ด้วยครับ

ทางด้านซ้ายนั้นจะให้ HDMI มาอันนี้ถือว่าสำคัญมาก แต่ยังคงเดินหน้าตัดรู 3.5 มม. ออกไปตามรอยรุ่นอื่นๆไปเช่นกัน  และในฝั่งซ้ายนั้นให้มาทั้ง USB-C  ทั้ง 2 ช่องครับ รองรับการชาร์จไฟเข้า หรือว่าจะเป็นการโอนถ่ายข้อมูลอะไรทั้งหมด แต่จะไม่มี Thunderbolt นะ หรือจะเป็นการต่อจอภายนอกด้วยเช่นกัน มีไฟสถานะตัวแบตใส่เข้ามาให้ มีการเว้าลำโพงไว้ให้ในด้านหน้า และตัวเครื่องนั้นบางเบามากๆ 1.11 KG เท่านั้น

GAMING

AMD Ryzen™ 5 5500U Processor 2.1GHz นั้นถือว่าพัฒนาขึ้นเรื่อยๆครับกับการ์ดจอในตัว พร้อมกับ การทดสอบเล่นเกม Overwatch ได้ค่อนข้างลื่นและ FPS 60+ สบายๆ ความร้อนนั้นประมาณ 56 องศาเท่านั้น และ CPU แตะไป 59 องศา ครับถือว่าปกติของพวก Ultrabook เล่นในสภาพอากาศไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมครับ  และจากที่ทดสอบนั้นเลยของลองตัว APEX นั้นได้ FPS 50+ ส่วนความร้อนนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากครับในการเล่นเกม การ์ดจอในตัวแบบนี้ ความร้อนระบายได้กลางๆเพราะมันเป็น Ultrabook ไม่ได้สายเกม รับได้ในการเล่นเกมทั่วไปพื้นฐานปรับลื่นได้สบายครับผม เมื่อเทียบกันทั้ง 2 รุ่นนี้ แต่รู้สึกคุมความร้อนได้ดีกว่าตัว I5 Gen11 เหมือนกัน

WORKING 

RYZEN นั้นยังคง รองรับการทำงานทั่วไปเช่น Microsoft ทั้งหมด อันนี้รองรับได้สบาย Excel Word สบายครับพวกนี้ไม่มีปัญหา และ RAM 8 GB ก็เพียงพอ ส่วนของ ADOBE รองรับได้สบายอยู่ครับในส่วนของ Photoshop แบบเบาๆ ไม่ได้หลายเลเยอร์เยอะหรือไฟล์ไม่หนัก จริงๆ CPU มันไหวสบายๆ ทำงานหลายๆอย่างพร้อมกันอาจะต้องไม่เยอะมาก เพราะ RAM 8GB เท่านั้น ไม่สามารถเพิ่มได้ แต่ถ้ามองในมุมทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละเพราะ ทำงานรวมๆทำได้ดีกว่าตัวเดิมนะ รองรับการทำงาน 3 มิติระดับเริ่มต้น การตัดต่อไฟล์วิดีโอ หรือ เรนเดอร์ได้แบบไฟล์ไม่หนักมาก ส่วนการดูหนังฟังเพลงทั่วไปสบาย โปรแกรมดูหนัง อื่นๆที่รองรับได้สบายไม่มีปัญหา หลักๆจะเน้นทำงานเบาๆจะดีกว่าครับในรุ่นนี้ หรือต่อภาพออกพรีเซนต์งานอะไรก็ทำได้สบาย มีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ และ USB มาให้ค่อนข้างครบเลยแหละ แต่งานหนักๆแนะนำว่าเน้นทำงานแบบด่วน หรือ ฉุกเฉินจะเหมาะกว่านั้นเองเมื่อเทียบกับขนาดครับ

จากที่ได้ทดสอบจริงๆครับในการทำงานพวก ADOBE ทั้งแต่งภาพ ตัดต่อ หรือ เรนเดอร์ เท่าที่ทดลองการทำงานถ้าใช้งานแค่โปรแกรมเดียวมันสามารถตัดต่อวีดีโอ 4K ได้ด้วยในความยาวไม่เยอะมากนักอันนี้ถือว่าดี เลยขอเรนเดอร์เทียบกันทั้งหมดในการเรนเดอร์ไฟล์เดียวกันทั้งหมด ตั้งค่าเหมือนกันทั้งหมดครับจะเห็นว่า จะเรนเดอร์ได้ไวกว่าเดิมประมาณ 10+ นาทีครับ แตกต่างกันนิดหน่อยในแง่ของการทำงานจริงถ้าเน้นการเรนเดอร์วีดีโอจะเล่นตัว Ryzen 7 จะทำเวลาได้ดีกว่า ส่วนตัว Photoshop – Illustrator  พวกนี้รองรับได้สบายๆ เท่าที่ลองไม่เจอหน่วงเลย ถือว่าตัว CPU ประสิทธิภาพมันรองรับพวกนี้ได้ แต่ RAM แอบน้อยไปหน่อย แต่ก็อย่างว่ามันไม่ได้เน้นทำงานหนักมากเท่าไร

ASUS ZENBOOK 13 UM325U 

”  ZENBOOK 13 เน้นพกพาได้ง่าย บาง เบา พร้อมกับใช้ RYZEN 5  5000Series !”

เป็น ZENBOOK ที่เล็ก พกพาได้ง่ายที่สุด แต่ประสิทธิภาพนั้นไม่ธรรมดาเลยใช้งาน RYZEN 5 ตัวล่าสุดในขนาดเครื่องแบบนี้บอกเลยว่าทำงานได้สบายมากๆ แต่ก็เข้าใจได้เรื่องข้อจำกัดทั้ง RAM ที่อาจจะทำงานโหดๆได้ยากเพราะว่าตัวเครื่องนั้นจะเน้นพกพาทำงานทั่วไปได้ซะมากกว่า เลยอาจจะทำงานแบบหนักได้ยากในการสับเปลี่ยนโปรแกรม แต่เท่าที่ลองถ้าใช้งานโปรแกรมเดียว หนักๆก็ยังสบายนะตัดต่อภาพ หรือ ทำคลิป Preview ได้ลื่นอยู่เหมือนกันครับ และได้หน้าจอสีตรงๆ จอเงาสวยงามแบบนี้ตอบโจทย์การใช้งานสายงานนี้มากๆ และลำโพงอะไร แบตอึดพกพาได้ง่าย ถือว่าลงตัว แต่ก็ยังคงมีจุดน่าเสียดายคือ รู 3.5มม.หายไปแล้ว และตัว RAM ไม่สามารถอัพเกรดได้เพิ่มเติมเลยทำให้อาจจะเป็นจุดสำคัญของใครหลายๆคนได้นะส่วนนี้แต่ส่วนอื่นๆบอกเลยว่าสบายๆ ทั้งหน้าจอ CPU การพกพา

ข้อดี

  • Ryzen 5 5000 Series รองรับการทำงานได้ดี ประมวลผลได้ไว
  • การจัดการแบตถือว่าทำได้ดี
  • งานออกแบบตัวเครื่อง ถือว่ามีความพรีเมี่ยมและสวยงาม พกพาได้ง่ายมาก
  • มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งาน
  • รองรับการสแกนใบหน้า IR
  • หน้าจอสวย OLED ขอบจอบางสวยเทคโนโลยี Nano Edge
  • หน้าจอมีคุณภาพที่ดี สีสันแม่นยำ และ มิติภาพสวย
  • ได้มาตรฐาน MIL-STD-810G
  • ประกัน 3 ปี On-site Service พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก

ข้อสังเกต

  • RAM ไม่สามารถอัพเกรดได้
  • ไม่มีรู 3.5มม.

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr