Zenbook นั้นเป็นตระกูลที่แยกออกมากันหลากหลายรุ่นครับ แตในรุ่นหลักนั้นยังคงความพรีเมี่ยมและความบางเบาที่ดีกว่าเดิมไปอีกขั้น และแน่ๆเลยคือด้านการออกแบบนั้นทำได้ดีและน่าสนใจขึ้นรวมถึงการใส่ลำโพงให้มาทั้งหมด 4 ตัวที่มากขึ้นและเสียงที่ให้มานั้นดีมากๆ และ ในเรื่องของสเปคนั้นใช้งานทาง AMD Ryzen 7 ตัวแรงกันเลย ส่วนเรื่องวัสดุนั้นใช้อลูมิเนียม ขัดเงาทั้งเครื่องให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมและมีความแข็งแรงอย่างมาก และยังคงใช้เทคโนโลยีการยกตัวเครื่องที่ทำให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น สะท้อนเสียงลำโพงได้ดีขึ้น และ พิมพ์ได้สะดวกขึ้น เป็นเทคโนโลยีที่ยังคงชื่นชอบครับ ส่วนในแง่ของการใช้งานต่างๆนั้นจะดีขึ้นหรือมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหนต้องมาชมรีวิวกัน
ASUS Zenbook 14 รุ่นนี้มาพร้อมการออกแบบที่แปลกใหม่มากขึ้นในด้านในและรวมถึงวัสดุที่สวยงามและมีความแข็งแรงทั้งในด้านการออกแบบ ที่ใช้วัสดุอลูมิเนียมทั้งเครื่องแบบตัดขอบสวยงาม และ รองรับ MIL-STD810G ถือว่าเรื่องของความแข็งแรงนั้นใช้ได้เลยครับ และยังคงความบางเบาที่ดีกว่ารุ่นเดิมและหนักแค่ 1.39 กิโลเท่านั้นเองครับ รวมถึงหน้าจอมาพร้อมกับ IPS LED หน้าจอแบบ NanoEdge ที่ sRGB100% ครับ แน่นอนว่าเป็นหน้าจอแบบด้านด้วย ส่วนในเรื่องของสเปค Ryzen 7 ตัวแรงล่าสุด มาพร้อมกับการ์ดจอในตัว VEGA 10 และไม่มีการ์ดจอแยกนะครับ ส่วนในเรื่องของ RAM 8GB และมาพร้อม SSD 512GB ครบๆเลยครับ ส่วนเรื่องของ ระบบเสียงตัวนี้จัดเต็มมาก ลำโพง 4 ตัว จากทาง Harman/Kardon และ ยังมีระบบสแกนนิ้วมาด้วย และที่ค่อนช้างชอบเลยคือ รุ่นนี้มีช่องใส่ SD Card มาให้ใช้งานแม้จะขนาดตัวเล็กแค่นี้ และมีกล้องหน้ามาให้ไม่ตัดออกไปครับ รวมๆนั้นถือว่าค่อนข้างครบ อีกทั้งสเปคที่ให้มาก็น่าสนใจครับในภาพรวม และประกัน 2 ปีมาให้เช่นเดิม
ASUS ZENBOOK 14 UM431DA
RYZEN 7 RAM 8GB SSD 512GB สำหรับราคานั้น เปิดมาที่ 24,990 บาท Utopia Blue
UNBOX
ตัวกล่องนั้นมาในโทนสีฟ้าอ่อนแน่นอนว่าเป็นธีมสี Utopia Blue ที่เป็นชื่อเรียกสีใหม่ของตัวเครื่องมันจะออกเงินๆฟ้าๆครับอ่อนๆสวยงามเลยทีเดียว ส่วนอุปกรณ์ในกล่องนั้นมาให้ครบเหมือนเดิมทั้ง ซองใส่เครื่อง และ ที่ชาร์จไฟครับ
DESIGN
ในด้านการออกแบบในภาพรวมนั้นยังคงเอกลักษณ์การออกแบบไว้ได้แต่มีการเปลี่ยนวัสดุการเล่นโทนสีรวมถึงเปลี่ยนแปลงเสริมตำแหน่งลำโพงมาไว้ด้านหน้าเพิ่มเติมในด้านข้างคีย์บอร์ดครับ ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดี และ มีข้างล่างอีก 2 ตัวเช่นกันครับจัดเต็มมาให้ 4 ตัว ส่วนงานประกอบความแข็งแรงนั้นเนียนและสวยงามมากๆน่าจะเป็นการใช้วัสดุที่เล่นลวดลายที่ปัดเงาทั้งตัวเครื่องมีความรู้สึกพรีเมี่ยมกว่ารุ่นก่อนหน้าแบบชัดเจนครับ จะเป็นสีเงินอมฟ้าเล็กน้อย แต่ขอบหน้าจอนั้นยังมีกล้องหน้าอยู่ทำให้ไม่ได้บางมากนัก และตรงส่วนนั้นยังคงเป็นพลาสติกดำด้านครับ แต่ความแข็งแรงนั้นทำได้ดี ส่วนน้ำหนักในภาพรวมนั้นถือว่าเบา และ บางขึ้น รวมถึงการยกตัวเครื่องที่สูงและโปร่งกว่าเดิม
การออกแบบทั้งภายในและภายนอกตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นชิ้นเดียวกันสีเดียวกันทั้งหมดผิวสัมผัสในการใช้งานทำออกมาดีครับ เป็นอลูมิเนียมทั้งหมดและยังรองรับมาตรฐานการทดสอบระดับเกรดทหาร ตก ทนในหลายๆอุณหภูมิได้ และแน่นอนว่าตัวเครื่องนั้นทั้งบางและทำได้เบาขึ้น ส่วนเรื่องของดีไซน์ฝาหลังยังไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่มีการเล่นลวดลายข้างในที่เป็นปัดลายทางเฉียงๆที่สวยกว่าเดิมครับ และ การใช้โทนสียังคงเป็นสีเงินและสีทองเล็กน้อยครับ การจัดวาง Layout ในภาพรวมไม่ได้ต้องปรับตัวจากรุ่นก่อนหน้านี้เท่าไรครับถือว่าคล้ายๆตัวเดิมเลยแหละ
ฝาหลังยังคงใช้ลาย Zen ปัดเป็นวงกลม สวยงามตามแบบฉบับ Zenbook ครับและใช้โลโก้เป็นโครเมี่ยมทีสีทองตัดกับโทนสีเงินของฝาหลัง วัสดุแบบนี้จะค่อนข้างติดลายนิ้วมือได้ง่ายพอสมควรครับ แต่จะเด่นเวลาสะท้อนแสงได้ดีมากๆ ในส่วนของ ฐานข้างล่างก็ยังใช้วัสดุเช่นเดียวกับตัวบอดี้มีน็อตยึดกรอบๆครับ เป็นหัวแบบ 6 แฉกเล็กๆครับ และ เป็นที่อยู่ของลำโพงคู่ Harman/Kardon ในด้านล่างมุมขวาซ้าย และ มีช่องระบายมาให้ในแนวยาวด้านหลังเครื่องเลยครับ ส่วนฐานรองทั้ง 4 มุมเป็นยางรูปทรงกลมทั้งหมด แต่ก็จะมีส่วนยกขึ้นตรงขอบจอมียางรองเพิ่มเข้ามาครับ
ในส่วนช่องระบายเสริมอื่นๆนั้นจะเป็นในตำแหน่งที่หลายๆรุ่นใช้กันคือยิงออกไปด้านหลังตรงส่วนด้านล่างของหน้าจอเป็นแนวยาวๆทั้งตัวเครื่องครับถือว่าเป็นจุดที่ระบายได้ดีและลมจากด้านล่างเครื่องที่ยกขึ้นมาก็ดูดเข้าและปล่อยออกมาได้ค่อนข้างดี และลมเข้าเยอะกว่าแบบปกติครับ ส่วนการออกแบบแถบสีทองที่มีแนวยาวเหนือโลโก้นั้นยังคงมีมาให้แต่มีการเปลี่ยนพื้นผิวเล็กน้อยเป็นการยิงลายจุดลงไปไม่ใช่เป็นแบบนูนๆแล้วนั้นเองครับก็สวยไปอีกแบบแต่ยังชอบแบบพื้วผิวที่เป็นนูนๆ 3 มิติมากกว่า อันนี้เวลาสัมผัสนั้นจะเรียบๆไปนิดนึงแต่จะสะท้อนแสงได้ดีกว่าแบบเดิมครับ
Ergo Lift นั้นก็ยังเป็นจุดที่ชื่นชอบอยู่เช่นเดิมทั้งเรื่องของการวางองศานิ้วเวลาพิมพ์นั้นสะดวกมากๆ และยังช่วยเรื่องระบายความร้อน และ สะท้อนเสียงที่ดีกว่าเดิมในรุ่นนี้รู้สึกว่าจะยกขึ้นสูงและเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างสบายเลยแหละ ยางรองตรงขอบที่ยกก็มีมาให้แบบเป็นเส้นๆเต็มๆครับ พร้อมกับตัวโลโก้บอกชื่อรุ่นอยู่ตรงกลางว่า Zenbook Series
การตัดขอบเครื่องทั้งหมดเป็นการปาดขอบเอียงทั้งหมดและปัดเงาทำให้สะท้อนแสงได้สวยงามและหรูกว่าแบบทั่วไปเยอะมากๆครับ ตัดขอบทั้งตัวของฝาหลังและฐานเครื่องในทุกๆมุมเลยทีเดียวและทำให้รู้สึกว่ามันเป็นอลูมิเนียมชิ้นเดียวกันทั้งหมดและค่อนข้างแข็งแรงพอสมควร ส่วนข้างในนั้นจะเป็นวัสดุแบบปัดลายเฉียงและกึ่งเงาเล็กน้อยครับเป็นวัสดุแบบเดียวกันทั้งหมดให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมแต่ถ้าใครใช้อาจจะมีไฟสถิตเล็กๆน้อยครับเป็นปกติที่เจอในคอมพิวเตอร์ที่เป็นวัสดุแนวๆนี้ครับผม ส่วนตัวลำโพงด้านหน้าก็ใส่มาทั้งซ้ายขวา แบบในภาพเลยเจาะรูลำโพงมีการเว้นช่องว่างทรงสี่เหลี่ยมให้ดูมีอะไรมากกว่าการเจาะรูทั่วไปเล็กน้อยครับ แต่ก็อาจจะดูแลระวังเรื่องฝุ่นที่อาจจะเข้าไปได้ง่ายนิดหน่อย
SPEC
- Windows 10 Home
- AMD Ryzen™ 7 3700U Mobile Processor (4C/8T, 6MB cache, 4.0GHz Boost)
- Radeon™ RX Vega 10 Itergrated Graphics with R7 processor
- Display 14” LED-backlit Full HD (1920 x 1080) 16:9 slim-bezel NanoEdge anti-glare 6.45mm-thin bezel with 86% screen-to-body ratio displayWide 100% sRGB color gamut 178° wide-view technology
- 8GB 2400MHz DDR4
- 512GB PCIe® x2 SSD
- 1 x USB 3.1 Gen 1 Type-C™ (up to 5Gbps)1 x USB 3.1 Gen 1 Type-A (up to 5Gbps)1 x USB 2.0 1 x Standard HDMI1 x SD card reader 1 x Audio combo jack 1 x DC-in
- Keyboard Full-size backlit, with 1.4mm key travel
- PET film-covered; intelligent palm-rejection Precision Touchpad (PTP) technology supports up to four-finger smart gestures
- Audio ASUS SonicMaster stereo audio system with surround-sound; smart amplifier for maximum audio performance – Array microphone with Cortana voice-recognition support 3.5mm headphone jack Certified by Harman Kardon
- HD camera
- Wi-FiDual-band Wi-Fi 5 (802.11ac)
- Bluetooth 5.0
- Height: 1.59cm (0.62 inches) Width: 32.4cm (12.7 inches) Depth: 21.2cm (8.34 inches)
- Weight 1.39kg
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้มาพร้อมกับ ค่ายแดง AMD แต่ไม่มีการ์ดจอแยกมาให้นะครับจะเป็นการ์ดจอ OnBoard อย่างเดียวที่ติดมากับ Ryzen 7 3700U ที่ใช้งานเทคโนโลยีการผลิตที่ 12nm มาพร้อมกับ 4Core 8 Thread และรองรับ 2.3Ghz และ สูงสุดได้ที่ 4.0Ghz และในส่วนของการ์ดจอนั้นเป็นตัวใหม่ล่าสุด VEGA 10 ในตัว 14nm แน่นอนว่า ตัวนี้เคลมกันไว้ว่าแรงกว่าตัว UHD 620 ของทาง Intel พอสมควรเลยแหละครับ ส่วนในตัว RAM 8GB ตัวนี้มาพร้อมกับ 2133MHz LPDDR3 onboard ซึ่งไม่สามารถเพิ่มได้นะครับ และ ในด้านของความจุเครื่องนั้น ตัวนี้ให้มาเป็น SSD 512GB PCIe® ครับ ซึ่งสามารถใส่ SATA SSD เพิ่มเติมได้ด้วยครับ
PCMARK คะแนนทำได้ 3141 ถือว่าตามระดับของ CPU เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าไม่แย่เลยนะ ในตัว CPU Ryzen 7 ตัวนี้ถือว่าน่าพอใจครับทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และไม่มีการ์ดจอแยกครับ แน่นอนว่าทำงานหลายๆอย่างนั้นไม่มีปัญหา ทำงานพร้อมกันหลายๆโปรแกรมก็รองรับได้สบายอยู่แล้วในค่ายนี้ครับถือว่าไม่ต้องกังวลเท่าไร
3DMARK เราทดสอบแบบพื้นฐานกันในส่วนของ SKY Driver Night Raid ถือว่าทำคะแนนได้ดีเอาเรื่องเลยแหละคะแนนในส่วนของ Night Raid ตัวนี้ทำได้ 6593 ในแง่ของการประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ใช้งานได้ในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลายครับ ตามเรทราคาและพวก Ultrabook ส่วนเรื่องคะแนน Skydriver ที่จะโหดขึ้นมาหน่อยนั้นำทำไปได้ 5889 คะแนน คะแนนถือว่า CPU ที่ใส่เข้ามาในตัวนี้ถือว่าสบายๆรองรับการทำงานระดับเริ่มต้น-ปานกลางได้เลยครับ ซึ่งถ้าเอมาทำงานหนักๆนั้น RAM 8GB อาจจะไม่ไหว ก็ลองดูตัว 16GB กันได้
CINEBENCH R20 -15 ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 588 ทำได้ดีครับสมราคา อย่างที่บอกว่าทำได้ค่อนข้างดีและเกือบไปเท่ากับตัว i7-3770U และ ในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 1212cb ถือว่าคะแนนดีเลยแหละในแง่การประมวลผลของ CPU และทำความร้อนได้ดีด้วยนะจากที่ได้ลอง แต่ก็น่าเสียดายในส่วนของ SSD แม้จะใส่มาให้แต่เรื่องของความเร็วนั้นทำได้ปานกลางไม่ใช่ตัวแรงเท่าไรครับ อ่านไปได้ที่ 1641 และ เขียนที่ 847 จริงๆถ้าใส่ตัวอ่านเขียนแรงๆนั้นน่าจะทำงานร่วมกับ Ryzen 7 ได้เต็มที่กว่าเดิมเยอะเลย
SCREEN
หน้าจอในตัวนี้เป็นขนาด 14 นิ้ว 14” เป็นหน้าจอแบบ LED-backlit Full HD (1920 x 1080) อัตราส่วนที่ 16:9 แน่นอนว่ามาพร้อมกับหน้าขอบบาง NanoEdge และใช้หน้าจอแบบด้าน anti-glare ด้วยเช่นกันในเรื่องของการออกแบบขอบในภาพรวมนั้นอาจจะไม่ได้ดูบางมากเท่าไรแน่นอนว่าอาจจะเป็นตัวกล้องหน้าที่ยังใส่เข้ามาทำให้หน้าจอส่วนบนนั้นไม่ได้บางมากครับ ซึ่งขอบหน้าจอบางทั้ง 4 ด้านถือว่าทำได้ดีนะครับในส่วนนี้ แต่ถ้ามองเทียบกับในคู่แข่งค่ายอื่นๆนั้นจะมีขนาดเท่ากันแต่ได้หน้าจอที่ใหญ่กว่าด้วยครับ แต่เรื่องของหน้าจอนั้นทำได้ดีในแง่ของการสู้แสงและมุมมองต่างๆ รวมถึงสีสันของตัวหน้าจอที่ทำได้ดีในเรื่องของมิติสีและความแม่นยำครับ จากที่ลองนั้นถือว่าหน้าจอทำได้ดีกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อยในแง่ของความอิ่มสีและเฉดสีต่างๆ แต่เรื่องของการสู้แสงนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไร และการเป็นจอด้านนั้นทำให้ได้เปรียบในการใช้งานกลางแจ้งหรือตามร้านต่างๆเวลาไปข้างนอกได้ดีครับ
ในเรื่องของมุมมองนั้นจากที่ได้ลองต้องบอกว่าทำได้ดีไม่มีข้อติอะไรจากที่ทดสอบมองในหลายๆมุมนั้นไม่มีอาการดรอปของหน้าจอเลยครับในมุมที่เรามองใช้งานทั่วไปทั้งเรื่องของความสว่างและความแม่นยำของสีก็ยังทำได้ดี เป็นอีกรุ่นที่หน้าจอนั้นทำงานได้สบาย ทั้งสายงานกราฟิก และ ทำงานทั่วไป และการรองรับมุมมองที่กว้างทำให้มีประโยชน์ในการใช้งานที่อิสระกว่าครับ แต่ถ้าใครชอบภาพแบบคมๆใสๆนั้นอาจจะไม่ได้ชอบจอแบบด้านเท่าไรในแง่ของการแต่งรูปต่างๆ เพราะจอแบบเงานั้นจะทำให้ภาพที่ออกมาสวยกว่าแต่ก็ต้องแลกกับแสงสะท้อนที่มากกว่าครับ
KEYBOARD
การจัดวางนั้นมีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของการออกแบบให้มันเป็นหลุมลงไปเล็กน้อยครับ แบบลึกกว่ารุ่นอื่นๆแบบชัดเจนเลย และแทรกลำโพงไว้ 2 ข้างถือว่าค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับค่ายนี้ คีย์บอร์ดในรุ่นนี้เป็นการออกแบบทรงปุ่มใหม่ตัดขอบเหลี่ยมและเป็นปุ่มพลาสติกสีตามตัวเครื่องซึ่งแน่นอนว่าสีนี้ที่อาจจะมองยากเวลาใช้งานกลางแจ้งและด้วยการที่อักษรนั้นต้องทำให้แสงไฟลอดออกมาได้เลยทำให้ตัวอักษรนั้นมองยากพอสมควรเวลาใช้งานข้างนอกและเจอแสงเยอะๆ อาจจะต้องปิดไฟนิดหน่อย ซึ่งเจอปัญหาในหลายๆตัวที่โทนสีนี้แต่ด้วยตัวอักษรเป็นไฟสีทองเลยอาจจะมองชัดขึ้นหน่อย แต่ก็ยังไม่เท่าตัวคียบอร์ดดำครับ ในตัวปุ่มมีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่าย และเว้นระยะห่างได้พอดีเลยแหละ ระยะการกดที่ 1.4 มม.กำลังดีในการใช้งานในการพิมพ์งาน
แน่นอนว่าการยกตัวเครื่องนั้นทำให้มันพิมพ์งานได้สะดวกมากจริงๆและสบายมือแบบชัดเจนครับจุดนี้ต้องลองใช้งานจริงๆแล้วจะค่อนข้างชอบ ตัวปุ่มรวมๆนั้นกดได้ง่ายและความรู้สึกดีกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อย เพราะการออกแบบมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นแต่ระยะอะไรนั้นไม่ได้แตกต่างกับของเดิมเท่าไรครับแต่ทรงปุ่ม ระยะเว้นต่างๆนั้นทำได้ดีขึ้น ไฟสีทองนั้นดูหรูและมองชัดเจนครับ แต่ก็เป็นทองเข้มๆหรือเป็นโทนสีเหลืองอำพันเลยก็ว่าได้ช่วงแสงน้อยมันชัดเจนมากๆครับ แน่นอนว่าตัวไฟมันสีขาวนะครับไม่ได้ใช้ไฟสีส้ม และตรงแป้นพิมพ์นั้นจะเป็นตัวอักษรสีทองทำให้ชัดเจนกว่าตัวอัดษรเทานิดหน่อยเวลาปิดไฟ เพราะรุ่นก่อนหน้านั้นจะเป็น ตัวอักษรขาว ไฟขาวแน่นนอว่ามองได้ค่อนข้างยากมากเลย
TOUCH PAD
ตัวทัชแพดนั้น รุ่นนี้จะไม่ได้มี Numpad มาให้กดนะครับจะแตกต่างกัน แน่นอนว่ารุ่นไหนที่มีตัวเลขจะไม่มีสแกนนิ้ว แต่ถ้ารุ่นไหนมีสแกนนิ้วแบบในรีวิวก็จะตัดตัวเลขแบบสัมผัสไป จริงๆน่าเสียดายนะครับ สแกนนิ้วนั้นปรับไปใช้สแกนม่านตาแทนก็ได้นะ จะได้ครบๆทั้ง 2 ฟีเจอร์เลยแบบรุ่น Zenbook อีกคัว ส่วนเรื่องของขนาดนั้นไม่ใหญ่ไม่เล็กครับขอบตัดสี่เหลี่ยม ตัดขอบเงาเหมือนกับขอบเครื่องด้านนอก ตัวทัชเป็นวัสดุแบบเดียวกับตัวเครื่องแต่ไม่มีลวดลายปัดเงา วัสดุมีการทำให้ลื่นและติดนิ้วมากกว่าในการสัมผัสต่างๆ ตัวทัชสามารถกดลงไปได้เลยขอบซ้ายขวา ทั้งแผ่น ซึ่งจากที่ใช้งานไม่ได้ติดปัญหาอะไรครับในส่วนนี้ ตัวระบบทัชนั้นใช้ Software ของ Precision ครับผมในรุ่นนี้ และมีสแกนนิ้วอยู่ในมุมขวาบนเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ
เราสามารถวางนิ้วทั้ง 4 นิ้วลงไปแบบมีระยะห่างกำลังดีสำหรับตัวเครื่องได้สบาย ทัชนั้นจะมาในแนวยาวๆหน่อยครับแต่ไม่ได้สูงมากนัก ส่วนสแกนนิ้วนั้นใช้งานได้ง่ายและไวมากๆ วางในตำแหน่งกำลังดี แต่การที่มีสแกนนิ้วทำให้ไม่รองรับการใช้งาน NumberPad แบบสัมผัสนั้นเอง ในแง่ของการใช้งานภาพรวมนั้นไม่เจอปัญหาค้างหรือมึนอะไร อีกทั้งยังมีระบบป้องกันเวลาเราพิมพ์แล้วมือไปโดนได้อีกด้วยครับ สามารถใช้เลื่อนนิ้วสลับแอพ อะไรพวกนี้ได้ง่ายๆและส่วนใหญ่ที่ลองก็ลื่นและติดตลอดเลย และไฟไม่ดูดเบาๆแบบวัสดุตัวเครื่องครับมีการเคลือบอะไรมาให้ค่อนข้างดีมากๆ
QUAD SPEAKER จาก Harman/Kardon
ทางด้านลำโพงมีการพัฒนาแบบชัดๆจากรุ่นก่อนหน้านี้ ทั้งตำแหน่งลำโพง และ จำนวนวลำโพงที่มากกว่าเดิม 2 ตัวรวมทั้งหมดเป็น 4 ตัวและได้รับการปรับแต่งจากทาง Harman kardon แน่นอนว่าเรื่องของคุณภาพเสียงจากที่รุ่นก่อนๆนั้นก็ทำออกมาได้ดีมีมิติ แต่ในรุ่นนี้มันกำลังขับดีขึ้นและเสียงมีสเตจที่กว้างและรองรับเสียงที่ชัดรายละเอียดมาดีขึ้นแบบรู้สึกได้ครับ การวางตำแหน่งลำโพง ยิงลงพื้น 2 ตัว ยิงตรง 2 ตัวทำให้เสียงที่ออกมาทำได้ดีจริงๆและความดังสูงสุดนั้นสู้เสียงข้างนอกได้สบายๆในการใช้งานทั่วไปครับทั้งฟังเพลง ดูหนังต่างๆค่อนข้างดีมากๆ เสียงเบสที่ให้มานั้นทำได้ดีแม้จะไม่ได้แน่นแบบพวกสายเกม แต่ก็มีมิติรู้สึกจับต้องได้มากกว่าตัวอื่นๆที่เคยออกมาด้วยเช่นกัน เสียงแยกซ้ายขวาได้ชัดเจนมากขึ้นทำให้เวลาเล่นเกม ฟังเพลง ดูหนังนั้นรู้สึกสมจริง แยกค่อนข้างชัดครับ รวมถึงรายละเอียดเสียงชิ้นดนตรีนั้นทำได้ดีในการฟังเพลง และเสียงร้องชัดกว่าตัวอื่นๆถือว่าเป็นรุ่นที่ทำลำโพงออกมาได้ดีอันดับต้นๆของบรรดา Ultrabook ที่ได้ทดสอบกันมากครับ ถือว่าสมราคาที่ชูเรื่องลำโพง 4 ตัวและวางตำแหน่งใหม่
CONNECTOR
ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อในรุ่นนี้เป็นไม่กี่ตัวในยุคหลังๆที่ยังให้ SD-Card Reader มาให้ในขนาดที่ 14 นิ้วแน่นอนว่ามันค่อนข้างมีประโยชน์สำหรับสายถ่ายภาพและเวลาออกไปถ่ายภาพและพกคอมไปทำงานย้ายไฟล์ทั้งหลายครับแน่นอนว่าหลายๆตัวเริ่มจะไม่ใส่มาแต่รุ่นนี้ยังให้มาถือว่าดีเลยแหละ ส่วนด้านขวานั้นจะมี รูหูฟัง พร้อมรูไมค์ในช่องเดียวกัน และ พอร์ต USB-A 2.0 ซึ่งจุดนี้ขอติหน่อย ว่าน่าจะให้ 3 มาได้แล้วครับในยุคปี 2019 น่าเสียดายมากๆ
ในด้านซ้ายตัวเครื่องเป็นช่องจ่ายไฟเข้า ช่อง HDMI – USB-A 3.1 5Gbps และ USB-C 3.1 10Gbps เช่นกันครับ ส่วนไฟแสดงสถานะนั้น มีมาให้ในด้านนี้ทั้งหมด 2 จุดครับ บอกแบต และ ตัวการทำงานของเครื่องครับ จะเห็นว่าเมื่อมองด้านข้างนั้นจะเห็นว่ายกตัวเครื่องได้สูงและทำมุมได้ดี รวมถึงความบางที่ทำได้ดีเช่นกันครับ ในเรื่องของการเชื่อมต่อไร้สายนั้นมาพร้อมกับ Dual-band 802.11ac gigabit-class Wi-Fi // Bluetooth 5.0
GAMING
Ryzen 7 + VEGA 10 ใช้งานในเกม ออนไลน์ทั่วไปทั้ง OW – APEX พอเล่นแก้ขัดได้ครับในส่วนของ Overwatch ได้ค่อนข้างลื่นและ FPS 60+ สบายๆ ความร้อนนั้นประมาณ 60 องศา ถือว่าปกติของพวก Ultrabook เล่นในสภาพอากาศไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมครับ จัดการได้ดีเลยแหละ แต่ถ้าเกมที่โหดขึ้นมาหน่อยนั้น APEX ก็ได้ที่ FPS 20+โดยประมาณ ส่วนความร้อนนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากครับในการเล่นเกม ระบายได้กลางๆเพราะมันเป็น Ultrabook ไม่ได้สายเกม ถือว่าทำได้ดีสำหรับรุ่นที่ไม่มีการ์ดจอแยกครับ รวมถึงจัดการความร้อนได้ดีมากๆ คุณภาพนั้นปรับภาพระดับต่ำนะครับทุกเกม และ ที่แอดมินทดสอบคือเล่นในสภาพอากาศปกติ ไม่ได้เปิดแอร์ และ ไม่ได้มีพัดลมช่วยครับ ก็ถือว่าเล่นเกมได้แก้ขัดในบางเกมที่ปรับต่ำและไม่กินสเปค
WORKING
การทำงานตัดต่อ รวมถึงแต่งรูปนั้น รองรับการทำงานทั่วไปเช่น Microsoft ทั้งหมด อันนี้รองรับได้สบาย Excel Word สบายครับพวกนี้ไม่มีปัญหา และ RAM 8 GB ก็เพียงพอ ส่วนของ ADOBE พวกนี้ ตัดต่อไหวสบายเพราะ Ryzen 7 รองรับทำงานหลายๆโปรแกรมได้ดีและ CPU รองรับได้สบายอยู่ครับในส่วนของ Photoshop หรือจะเป็นพวก รองรับการทำงาน 3 มิติระดับเริ่มต้น การตัดต่อไฟล์วีดีโอ หรือ เรนเดอร์ได้แบบไฟล์ไม่หนักมาก แน่นอนว่า RAM 8 GB อาจจะเหนื่อยหน่อยถ้าทำงานเยอะๆหรือไฟล์หลักๆครับ ส่วนการดูหนังฟังเพลงทั่วไปสบาย โปรแกรมดูหนัง อื่นๆที่รองรับได้สบายไม่มีปัญหา หลักๆจะเน้นทำงานเบาๆจะดีกว่าครับในรุ่นนี้ หรือต่อภาพออกพรีเซนต์งานอะไรก็ทำได้สบาย มีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ และ USB มาให้ค่อนข้างครบเลยแหละ และหน้าจอเป็นส่วนสำคัญในการทำงานรุ่นนี้รองรับ IPS และสีนั้นค่อนข้างตรงทำให้ในการทำงานนั้นรองรับได้แม่นยำพอสมควรเลยแหละ
BATTERY
การใช้งานทั่วไปนั้นแบตถือว่าดีกว่าที่คิดไว้แม้จะเป็น CPU ตัวแรงของ Ryzen U ครับในภาพคือแบบเต็มที่ก็ได้ประมาณ 6-7 ชั่วโมงคือเปิด Photoshop ต่อไวไฟปกติ ทำงานหนักๆหรือในภาพคือตอนเปิดทดสอบอะไรต่างๆใช้งานเต็มที่ก็จะได้ 6 ชั่วโมงโดยประมาณ แต่ถ้าทำงานทั่วไปเบาๆเข้าเว็บอะไรพวกนี้แบตจะได้ถึง 10+ ชั่วโมงกันเลยแหละ ทั้งหมดการใช้งานมันขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนกันอีกทีนะครับ ว่าจะได้ประมาณกี่ชั่วโมง เพราะตัวเลขมันก็สามารถปรับเปลี่ยนได้เสมอ ส่วนเรื่องการชาร์จไฟเข้านั้นก็รองรับ Fast Charging ด้วยเหมือนกับรุ่นอื่นๆและแน่นอนว่าตัว Adaptor นั้นค่อนข้างเล็กมากๆทำให้การพกพานั้นสะดวกและใช้งานได้สบายครับไม่หนักหรือเกะกะ
ASUS ZENBOOK 14 (UM431D)
ดีไซน์พรีเมี่ยม แข็งแรง และบางเบา พร้อมลำโพง 4 ตัว และ RYZEN 7 แรงเอาเรื่อง
การออกแบบนั้นยังคงทำได้ดีเช่นเดิมสำหรับค่ายนี้ ทั้งเรื่องของดีไซน์ภายนอกและข้างในรวมถึงการเลือกใช้งานวัสดุที่ค่อนข้างพรีเมี่ยมและมีการเล่นลวดลายปัดเงาเป็นลายๆให้เห็นตัววัสดุได้ค่อนข้างชัดเจนครับ รวมถึงความบางเบาที่มีมากกว่าเดิมทำให้มันน่าใช้งานมากขึ้นเยอะ และ เด่นๆเลยคือลำโพง ที่มาถึง 4 ตัวใครที่เน้นลำโพงตัวนี้ตอบโจทย์อย่างมากและดีที่สุดในบรรดาที่เคยลองๆมาเลยแหละครับ รวมถึงประสิทธิภาพนั้นทำได้ดีและน่าสนใจในการเล่นรวมถึงทำงานครับ ส่วนตัวเครื่องที่ชอบอีกอย่างคือมาพร้อมพอร์ตที่รองรับ SD -Card ได้หลายๆรุ่นชอบตัดออกไปครับ ส่วน หน้าจอ แบต และ การใช้งาในภาพรวมยังคงทำได้ดี แต่ก็มีเรื่อง Numpad ที่หายไป และ พอร์ต USB-A ยังให้ 2.0 มาครับจริงๆน่าจะเป็น 3.0 ทั้งหมดแล้วน่าจะดีกว่าครับ และ RAM ที่ไม่สามารถเพิ่มได้ รวมถึง SSD แอบช้าไปนิดหน่อยครับในการอ่านเขียนของรุ่นนี้
ข้อดี
- ตัวเครื่องวัสดุสวยงาม และ มีความแข็งแรง บางเบา
- หน้าจอสวย IPS สู้แสงได้ดี และ สีค่อนข้างตรง
- Ergo Lift ยังคงทำได้ดีทั้งพิมพ์ และ ระบายความร้อน
- รักษาความร้อนของตัวเครื่องได้ดีมากๆ
- มีสแกนนิ้วมือมาให้ใช้งาน
- Ryzen 7 ทำงานได้ดี รวมถึง การ์ดจอ Onboard
- พอร์ตเชื่อมต่อเพียงพอต่อการใช้งาน
- ให้พอร์ตอ่าน SD-Cardreader มา !
- ลำโพง 4 ตัวจาก HARMAN / KARDON เสียงดีและมิติดีมาก ดีสุดในบรรดา Ultrabook
- รองรับทดสอบ MIL-STD810G
- ประกัน 2 ปีพร้อม Perfect Warranty
ข้อสังเกต
- SSD ยังไม่ได้เร็วมากเท่าที่ควร
- แป้นคีย์บอร์ดแอบมองยากไปนิดในสีนี้
- ไม่มี Numpad มาให้
- ไม่สามารถอัพ RAM ได้
- ไม่สามารถเพิ่ม SSD ได้ ต้องเปลี่ยนของเดิม
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr