มาอีกรุ่นสำหรับค่าย ASUS ที่มาในรุ่น Zenbook 14X OLED Space Edition ที่ดีไซน์สวยล้ำสมัย พร้อมกล่องที่เท่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย ใครเห็นก็ต้องถูกใจอย่างแน่นอน ตอนแกะกล่อง Unbox นั้นวัสดุที่ใช้พรีเมียม แข็งแรงทนทาน ป้องกันตัวเครื่องได้ดีมาก น้ำหนักเบาพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สบายเลย มาพร้อมกับประสิทธิภาพการใช้งานที่โหดกว่าเดิม ฉลองครบรอบ 25 ปีของค่ายที่ได้นำส่งโน้ตบุ๊กขึ้นอวกาศกันไปเลย รองรับการใช้งานได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในราคาที่สุดแสนจะน่ารัก
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์สูงสุด Intel Core i7-12700H Processor 2.3 ที่ช่วยให้การใช้งานนั้นโหดขึ้น ลื่นไหลขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งมาพร้อมกับ Intel® Iris Xe Graphics, 16GB LPDDR5 on board storage สูงสุด 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 Performance SSD สามารถใช้งานทำงานไฟล์ใหญ่ๆได้แบบชิลๆเลย ทางด้านของหน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียดอยู่ที่ 3840 x 2400 อัตราส่วน 16:10 สามารถแสดงความสว่างได้สูงสุดถึง 550 nits เป็นระดับที่สามารถสู้แสงได้ดีพอสมควรเลยนะ แล้วที่ขาดไม่ได้เลยคือฟีเจอร์ป้องกันแสงสีฟ้าให้กับดวงตาของเรานั้นเอง นอกจากนี้แบตเตอรี่ก็ให้มาแบบจุใจ 63Wh เพียงพอต่อการใช้งานยาวๆได้ตลอดทั้งวัน พอร์ตเชื่อมต่อให้มาอย่างครบครัน ในรุ่นนี้ต้องบอกเลยว่าทำออกมาได้ตอบโจทย์จริงๆ ใช้งานได้กับทุกไลฟ์สไตล์ ทำงานหนักแค่ไหนเจ้าตัวนี้ก็เอาอยู่ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 53,990 บาท !
ทางด้านของกล่องนั้นค่อนข้างทำออกมาได้ดูดีพรีเมียมมาก ดีไซน์มาในลักษณะของอวกาศ มีลูกเล่นต่างๆมากมาย ที่แอดชอบมากๆเลยคือทางค่ายผลิตมาไม่ได้คำนึงถึงเพียงความสวยงามเท่านั้น แต่ยังคงทำออกมาให้มีความแข็งแรงทนทานสูง ป้องกันตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี ภายในออกแบบเป็นล็อกเป็นช่องได้อย่างลงตัว พร้อมถุงใส่อุปกรณ์ที่มีมาให้ บอกเลยว่าแค่เรื่องกล่องก็กินขาดทุกรุ่นแล้ว
UNBOX
- ตัวเครื่อง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition
- สายชาร์จ
- คู่มือการใช้งาน
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้มาพร้อมกับแรงบันดาลใจที่เจ๋งมากๆ โดยได้รับแรงบันดาลใจมากจากอวกาศ ฉลองครบรอบ 25 ปีที่ทางค่ายได้นำส่งโน้ตบุ๊กขึ้นไปใช้งานบนอวกาศนั้นเอง โดยนักบินมีการเคลมว่าสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีเลย ไม่มีปัญหาอะไรเลย ทำให้งานออกแบบรุ่นนี้ค่อนข้างมีความเท่ ดุดัน แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร มีลูกเล่นการดีไซน์รหัสมอร์สบริเวณฝาเครื่อง เปรียบเสมือนลายเส้นของแคปซูลอวกาศ มาพร้อมกับหน้าจอ ZenVision Display ที่อยู่บริเวณฝาหลังของเครื่อง สามารถเลือกปรับโหมดได้ตามที่เราต้องการเลย เป็นการดีไซน์ที่ละเอียดมากๆ สวยงามคุ้มค่าเกินราคา ถือไปไหนก็มั่นใจใครๆก็มอง อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบาบาง เพียงแค่ 1.4 Kg เท่านั้นเอง พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสะดวกสบาย
ในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 14 นิ้ว 4K OLED ให้ความละเอียดที่สูงมากๆ สีสันคมชัดสวยงาม มีขอบหน้าจอที่ค่อนข้างบาง ทำให้เราใช้งานได้อย่างเต็มพื้นที่เลย ตัวหน้าจอเป็นแบบ Glossy มันวาว งานประกอบลงตัวเนียนๆทุกจุดเลย พร้อมกับหน้าจอ ZenVision Display ขนาด 3.5 นิ้วเป็นขนาดกำลังเหมาะสมกับตัวเครื่องเลยนะ พร้อมการปรับเลือกโหมดได้ตามความต้องการของเราได้ง่ายๆ ผ่านแอป My ASUS นั้นเอง จะบอกเวลา บอกแบตเตอรี่ ก็สามารถแสดงได้ตามที่เราเลือกเลย เจ๋งมากๆ
ทางด้านของแป้นพิมพ์ในรุ่นนี้นั้นเป็นสีเงินที่มีความเรียบหรูมากๆ ขนาดปุ่มกดกำลังพอดี แอบเสียดายตรงตัวอักษรที่ใช้สีคล้ายๆกับสีพื้นผิว ทำให้มองยากไปนิดหน่อย แต่ก็ยังมีลูกเล่นเด่นๆมาทดแทนได้อยู่ โดยในปุ่ม Power และปุ่ม Space Bar จะมีพื้นเป็นสีแดงตัดกับสีเครื่องได้อย่างสวยงาม เป็นอีกลูกเล่นนึงที่แอดชอบมากๆ ทำให้ตัวเครื่องดูมีอะไร ไม่เรียบจนเกินไป แอดยอมใจกับการออกแบบดีไซน์ในรุ่นนี้จริงๆ
ด้านหลังของเครื่องนั้นจะเป็นในส่วนของระบบระบายความร้อนและลำโพงที่มีมาให้ในตัวนั้นเอง โดยจะจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนโน้ตบุ๊กทั่วๆไปเลย พร้อมกับลวดลายสลักชื่อรุ่นเท่ๆไว้ด้านล่าง โดยรวมการดีไซน์ในรุ่นนี้ค่อนข้างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากๆ เก็บรายละเอียดได้เนียนทุกจุด เป็นอีกหนึ่งสเน่ห์ที่น่าจับจองเป็นเจ้าของมากๆ
SPEC
- หน้าจอ OLED ขนาด 14 inch, 550 nits, (3840 x 2400), อัตราส่วน 16:10
- DCI-P3: 100%, Pantone Validated, 70% less harmful blue light, Screen to body ratio 92%, Glossy Display
- สามารถให้ค่าคอนทราสต์เรโชสูงถึง 1,000,000 : 1
- น้ำหนัก 1.40 KG
- Intel Core i7-12700H Processor 2.3 (24M Cache, Up to 4.7 GHz, 6P+8E cores)
- Intel® Iris Xe Graphics, 16GB LPDDR5 on board
- storage สูงสุด 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 Performance SSD
- Wi-Fi 6E(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2
- แบตเตอรี่ขนาด 63Wh
- Windows 11 Home – ASUS recommends, Windows 11 Pro for business
- กล้อง 720p HD With privacy shutter
- Keyboard & NumberPad
PERFORMANCE
ทางด้านของประสิทธิภาพการใช้งานของรุ่นนี้มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ใหม่ล่าสุดจาก 12th Gen intel Core i7-12700H Processor 2.3 GHz Up to 4.7 GHz, 6P+8E cores มอบประสบการณ์การใช้งานที่เร็วแรงมากๆ ส่วนทางด้านการ์ดจอ นั้นมาพร้อมกับการ์ดจอในตัวคือ Intel Iris Xe Graphics ที่ก็ใช้งานได้ดีระดับนึงเลย และให้ 16GB LPDDR5 on board, storage สูงสุด 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 Performance SSD ทางด้านของการทำคะแนนทดสอบก็สามารถทำคะแนนได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ เป็นอีกรุ่นที่พัฒนาขึ้นมาได้ตรงกับการใช้งานที่สุด
ทางด้านของคะแนนการอ่านเขียนของรุ่นนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้คะแนนในด้านอื่นๆเลย โดยคะแนนการอ่านสามารถทำไปได้อยู่ที่ 7084 MB/s และคะแนนการเขียนทำไปได้ 5234 MB/s ตอบสนองการอ่านเขียนได้ดี ใช้งานได้อย่างตอบโจทย์
PCMARK คะแนนทำได้ 5720 คะแนน เป็นคะแนนที่สูงเลยนะ ตอบสนองการใช้งานได้ดี จากการทดสอบหลายๆครั้งคะแนนก็ยังคงเดิม ไม่ห่างกันมากเลย ด้วยความที่สามารถเรนเดอร์งานใหญ่ๆหรือทำหลายๆอย่างพร้อมกัน แล้วได้คะแนนระดับนี้ถือว่าแรงพอตัวอยู่นะ น่าประทับใจมาก
คะแนนด้านของการ์ดจอในรุ่นนี้ก็อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจสุดๆไปเลย โดยคะแนน Wild Life Extreme Score ทำไปได้ 4168 คะแนน ตามมาด้วย Night Raid Score ทำคะแนนไปได้อยู่ที่ 18493 คะแนน และปิดท้ายด้วย Wild Life Score ทำคะแนนไปได้ 14051 คะแนน ผลออกมาคือดีเกิดคาดมากๆ เช่นเดิมว่าการทดสอบนั้นเราจะทดสอบในอุณภูมิปกติ ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ใดๆเลย คะแนนที่ออกมาทำให้เรามั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวนี้สามารถใช้งานได้เร็วแรงและหลากหลายจริงๆ
CINEBENCH ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 121.81 fps ทำได้ดีมากอย่างเห็นได้ชัดในตัว R15 ในคะแนนของตัว R20 นั้นก็ทำคะแนนไปได้สูงเช่นกันอยู่ที่ 5162 pts ถือว่าคะแนนออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจเลยนะ ในแง่การประมวลผลของ CPU แอบดีกว่ารุ่นก่อนๆแบบชัดเจนเลย ตามมาด้วยตัว R23 ทำคะแนนไปได้ 13384 pts คะแนน คะแนนที่วัดออกมาต้องบอกว่า CPU ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากๆ คะแนนสูงทุกตัว สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลกว่าเก่าแน่นอน
SCREEN
ทางด้านของหน้าในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียดระดับ 4K ขนาดใหญ่จุใจสีสันสดใส แม่นยำ (3840 x 2400) อัตราส่วนหน้าจออยู่ที่ 16:10 ให้สีระดับ DCI-P3: 100% การันตีโดย Pantone Validated พร้อมฟีเจอร์ป้องกันแสงสีฟ้าที่สูงถึง 70% ช่วยถนอมสายตาของเราได้เป็นอย่างดี สามารถให้ค่าคอนทราสต์เรโชสูงถึง 1,000,000 : 1 หรือเรียกว่าสามารถให้สีดำที่ดำสนิทมากๆ จากที่ได้ทดลองใช้งานมาต้องบอกเลยว่าภาพสวยมากๆ สีสันคมชัด สำหรับสายงานออกแบบกราฟิก ทางด้านของความสว่างสามารถให้ความสว่างสูงสุดถึง 550 nits การใช้งานนอกสถานที่ในรุ่นนี้หน้าจอสามารถสู้แสงได้ดีพอสมควรเลย ไม่มีปัญหาอะไรเลยในด้านของหน้าจอ ทำออกมาได้อย่างลงตัวรองรับการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ZENVISION
ทางด้านของหน้าจอ ZenVision หรือหน้าจอเล็กๆบนฝาหลังนั้น เป็นหน้าจอที่มีขนาด 3.5 นิ้ว แบบ OLED รองรับ 256×64 Resolution สามารถให้ความสว่างสูงสุดถึง 150 nit ทางด้านของหน้าจอจิ๋วนี้เราสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของเราเลยว่าต้องการให้แสดงข้อมูลในด้านไหน ไม่ว่าจะเป็นเวลา วันที่ หรืออายุแบตเตอรี่ เราสามารถปรับได้ตามความต้องการผ่านแอป My ASUS ได้อย่างง่ายๆ เพิ่มเข้ามาเป็นลูกเล่นที่ดูพรีเมียมขึ้นกว่าเก่า หน้าจอแข็งแรงทนทานระดับ Space Grade มาตราฐาน US Space Systems Command Standard ที่ป้องกันการกระแทกได้ถึง 2000Hz เรียกได้ว่าสามารถใช้งานได้อย่างหมดห่วงกันไปเลย
KEYBOARD
ทางด้านของแป้นพิมพ์ในรุ่นนี้ก็ยังคงคล้ายเดิมจากรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างของปุ่มกด การจัดเรียงต่างๆยังคงทำได้ดี ใช้งานง่าย มาเป็นแบบพื้นผิวสีเงินเรียบหรู ตัวอักษรอาจจะแอบมองยากไปนิดหน่อย แต่สำหรับใครที่ชินมือแล้วก็ไม่เป็นปัญหาเลย จุดเด่นของแป้นพิมพ์ในรุ่นนี้ก็คือการใช้ลูกเล่นพื้นผิวสีแดงพร้อมการตกแต่งเป็นรูปดวงดาวต่างๆ เป็นการคงธีมอวกาศไว้อยู่นั้นเอง เพิ่มความน่ารักเข้าไปอีก สำหรับการใช้งานแล้วก็คือประทับใจเหมือนเดิม แป้นพิมพ์เด้งสู้นิ้วได้ดี ใช้งานยาวๆได้ไม่เหมือนมือ ที่สำคัญในรุ่นนี้มีฟีเจอร์ Fingerprint ที่สามารถสแกนลายนิ้วมือได้บนปุ่ม Power เอื้อต่อการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
TOUCHPAD
ในส่วนของ TouchPad ในรุ่นนี้มีขนาดที่กำลังพอดีมือเลย ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป ลื่นไหลตอบสนองตามมือได้เป็นอย่างดีเลยแหละ ในรุ่นนี้มาพร้อมกับปุ่มตัวเลขมาให้เราได้ใช้งานด้วย ในขณะที่บ้างรุ่นนั้นยังคงเป็นเพียง TouchPad ธรรมดา มอบประสบการณ์การใช้งานได้ดีไปอีกแบบ
SPEAKER
ทางด้านของลำโพงในรุ่นนี้มาพร้อมกับ Harman kardon ระบบเสียงแบบ Dolby atmos ให้เสียงที่นุ่มลึก เสียงใส เพราะมากๆ ทำกิจกรรมไหนๆก็ได้อรรถรสสุดๆไปเลย ในรุ่นนี้ให้เสียงได้รอบทิศทางเลย ทางค่ายมีการเคลมว่าได้ใช้เทคโนโลยี Smart amp ที่ช่วยให้เสียงสามารถดังขึ้นกว่าลำโพงทั่วไปได้สูงถึง 350% แน่นอนว่าใช้งานด้านเสียงได้แบบฟินๆ นอกจากนี้ยังมีระบบตัดเสียงรบกวน AI noise cancellation มาให้อีกด้วย ได้เสียงคุณภาพที่ดีแน่นอน
CONNECTOR
การเชื่อมต่อนั้นรุ่นนี้ให้พอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาครบครันมากๆ จัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้อย่างหลากหลาย โดยจะมีเป็นช่อง Thunderbolt 4 USB-C ความเร็วสูง ที่รองรับการชาร์จไวและต่อจอแยกความละเอียดระดับ 4K ได้ด้วย แถมยังสามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 40 Gbps พร้อมกับช่อง USB 3.2 Gen 2 Type-A ตามด้วยช่อง HDMI 2.0b รูเสียบ 3.5mm Combo Audio Jack พร้อมกับช่อง Micro SD card ที่มีมาให้ใช้งานแบบครบจบในเครื่องเดียว ทางค่ายให้มาแบบครบมากๆ เพียงพอต่อการใช้งานสุดๆ ไม่ว่าจะทำงานสายไหนก็ใช้ได้ จัดหนักจัดเต็มแบบนี้หาได้ยากมาก
WORKING
ทางด้านของการทำงานในรุ่นนี้สามารถรองรับการใช้งานทั่วไปเช่น Microsoft ได้ทั้งหมดเป็นอย่างดีเลย หรือโปรแกรม Adobe ต่างๆก็ชิวๆ แม้กระทั่งส่งไฟล์ ดาวน์โหลดเรนเดอร์ไฟล์ใหญ่ๆก็ทำได้ดีเยี่ยม เป็นการใช้งานที่สามารถใช้งานได้อย่างหนักหน่วงแบบยังราบรื่นอยู่นั้นเอง การทำงานรุ่นนี้ค่อนข้างตอบโจทย์เลยแหละ พัฒนาจากรุ่นเดิมได้เยอะมาก การใช้งานเร็วแรง ไม่อืดไม่ค้างเลย ส่วนการดูหนังฟังเพลงทั่วไปทำได้สบาย เหมาะกับทุกๆสายอาชีพเลย ออกแบบ กราฟิก ตัดต่อก็ตอบโจทย์ทุกจุด แถมพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อีกด้วยนะ
ASUS ZENBOOK 14X OLED
” ASUS Zenbook 14X OLED โน้ตบุ๊กดีไซน์โดดเด่นโดนใจ ประสิทธิภาพการใช้งานเหนือระดับ “
โดยรวมแล้วประสิทธิภาพการใช้งานรุ่นนี้ต้องบอกเลยว่าโดนใจมากๆ เร็วแรงขึ้นกว่าเดิม ใช้งานหนักๆได้อย่างสบายเลยแหละ ถึงแม้จะใช้งานหนักแค่ไหนเครื่องก็ไม่อืดไม่ร้อน เพราะว่ามีระบบระบายความร้อน IceCool thermal technology ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ CPU ทำงานได้ดีขึ้นด้วย TDP ถึง 45W เหมาะสำหรับทุกอาชีพเลย อีกทั้งยังมีการออกแบบดีไซน์ที่สวยหรูมีสตอรี่อีกด้วย วัสดุแข็งแรงทนทานดี น้ำหนักเบา พกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย แบตเตอรี่ก็ให้มาจุใจ 63Wh พร้อมระบบ fast charge พอร์ตเชื่อมต่อครบครันรองรับการใช้งานได้หลากหลายจริงๆ ลำโพงเสียงดี ดังรอบทิศทาง หน้าจอความละเอียดสูง ให้สีสวยคมชัดแม่นยำมากๆ จะภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวก็สวยสมจริง ตอบบอกเลยว่ารุ่นนี้ตอบโจทย์มาก ครบจบในเครื่องเดียวสุดๆ เมื่อเทียบกับราคาแล้วนั้นไม่แพงเลยสักนิด ถ้าได้สเปกโหดๆระดับนี้
ข้อดี
- ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม ใช้งานหนังหน่วงได้สบาย
- แบตเตอรี่ให้มาสูงถึง 63Wh
- งานดีไซน์สวยล้ำสมัย แปลกตา
- มี Windows 11 มาให้ใช้งาน
- หน้าจอสวย OLED แสดงสีสันได้สวยคมชัด แม่นยำ
- วัสดุอุปกรณ์พรีเมียม อีกทั้งกล่องแข็งแรงทนทานมาก
- รองรับ NumberPad มาให้ใช้งานด้วย
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน
ข้อสังเกต
- แป้นพิมพ์มองยาก
สำหรับรีวิวนี้พวกเราก็ต้องขอตัวลาไปก่อน สำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกเรารีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะคะ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review By Ning