ASUS ZENBOOK DUO นั้นถือว่าเป็นตระกูลที่เป็นนวัตกรรมรุ่นนึงในบรรดา Notebook ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ครับทั้งการพัฒนาจากรุ่นแรกๆที่มาพร้อมกับหน้าจอส่วนล่างตรง Touchpad และ พัฒนาต่อเนื่องมาอยู่ข้างบนพร้อมกับรุ่นล่าสุดนั้นมีการยกระดับขึ้นไปอีก ซึ่งก็หมายถึงยกระดับจริงๆ เพราะครั้งนี้หน้าจอส่วนล่างสามารถยกระดับขึ้นมาสูงกว่าเดิมทำให้มุมมองนั้นดีกว่าเดิม ลดแสงสะท้อนและใช้งานได้จริงมากขึ้น คล้ายกับตัว ROG ก่อนหน้านี้เลยเช่นกัน และทางด้านหน้าจอ ScreenPad Plus นั้นมีการเปลี่ยนหน้าตา UI ใหม่ทั้งหมด และรองรับกับ ADOBE ได้เต็มที่และทางด้านสเปกแน่นอนว่าใช้งาน i7 GEN11 ตัวล่าสุดพร้อมกับ RAM 16GB และ หน้าจอสัมผัสทั้ง 2 หน้าจอครับ

ASUS ZENBOOK DUO UX482 นั้นจะมาพร้อมกับการใช้งาน Intel® Core™ i7-1165G7 Processor 2.8 GHz (12M Cache, up to 4.7 GHz, 4 cores)  และ Intel® Iris Xe Graphics รวมถึงมาพร้อม MX450 ในตัว ทางด้าน RAM ให้มาที่ 16GB พร้อมกับ LPDDR4 เป็นแบบ ONBOARD และ ใช้งาน 1TB M.2 NVMe PCIe 3.0 SSD มาพร้อมกับหน้าจอ 14 นิ้ว FDH รองรับ sRGB100% และ มาตรฐาน Pantone รวมถึงเป็นหน้าจอแบบด้าน รองรับระบบสัมผัส ส่วนทางด้านหน้าจอที่ 2 นั้น มาพร้อมกับ 12.6 นิ้ว IPS รองรับสัมผัสเช่นกันครับเป็นหน้าจอแบบด้าน ทางด้านลำโพงนั้น HARMAN / KARDON เช่นเดิมครับ พร้อมกับ ไมค์ Array เช่นเดิม ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อยังคงเป็นแบรนด์ที่ให้มาครบๆไม่ได้ตัดออกไปไหน และ จัดเต็มทั้ง HDMI Thuderbolt USB-C และ USB-A และยังให้ Micro SD Card Reader ให้มาเช่นกัน และ ระบบความปลอดภัยสแกนใบหน้าแบบ 3มิติ ใส่เข้ามาให้เช่นเดิมไม่ได้ตัดออกไปไหนครับ มาพร้อมกับน้ำหนัก 1.57 กิโลกรัม และตัวเครื่องที่บางและเบามากขึ้นกว่าเดิม แต่ต้องบอกก่อนว่าตัวที่รีวิวนั้นจะเป็น เครื่องนอก ทั้งเรื่องของ การ์ดจอ สเปก และ หน้าตาคีย์บอร์ดจะยังไม่ใช่ตัวที่ขายในไทยนะครับ 

ASUS ZENBOOK DUO UX482 ราคาเริ่มต้น i5 ที่ 39,990 บาท ส่วน
สเปค i7 เปิดราคา 49,990 บาทครับ 

UNBOX

  • ตัวเครื่อง Asus Zenbook Duo
  • ปากกา ASUS Pen
  • สายชาร์จไฟ พร้อม Adaptor 65W
  • ซองสำหรับใส่ คอมพิวเตอร์
  • คู่มือ

DESIGN

ในด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่สวยงามและมีความเหลี่ยมมากขึ้น การออกแบบดึงแนวคิดจากตัว Zephyrus DUO สายเกมมา แบบเป๊ะๆทั้งเรื่องของการยกหน้าจอแบบใหม่พร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องแบบใหม่ แต่ด้วยขนาดที่เล็กกว่ารุ่น Pro เลยทำให้มันพกพาอะไรได้ง่ายขึ้น และบางเบาขึ้นครับ รวมถึงในรุ่นนี้ยังคงได้รับการทดสอบ กันกระแทก MIL STD810G ครับเรื่องความแข็งแรงนั้นไว้ใจได้สบายในตัวนี้ และด้วยขนาดเล็กลงทำให้มันเหมาะกว่าการใช้งานทั่วไปพกพาได้ดีกว่ารุ่น Pro และแน่นอนว่าเรื่องของโทนสี สีสันการใช้งานนั้นสวยงามเช่นเดิม และรวมถึงน้ำหนักก็ไม่ได้หนีจากเดิมมากนักแต่หน้าจอ ยกขึ้นมาในส่วนจอที่ 2 บอกเลยว่าเจ๋งขึ้นเยอะมาก

ในส่วนของฝาหลังนั้นจะเห็นว่าเป็นสีที่จะออกฟ้าๆน้ำเงินในเรื่องของลวดลายฝาหลังนั้นจะคงเป็นเหมือนรุ่นก่อนๆเป็นลายวงสวยงามพร้อมกับออกผิวด้านๆกึ่งเงาเล็กน้อย ทำให้เล่นกับแสงสะท้อนได้ดี แต่ก็อาจจะมีรอยนิ้วมือได้ง่ายพอสมควร ฝาหลังนั้นเป็นวัสดุอลูมิเนียมทั้งชิ้นแบบตัดขอบสวยงาม และเมื่อเปิดขึ้นก็จะยกตัวเครื่องขึ้นไปด้วย ส่วนด้านในนั้นเราจะเห็นการวางคีย์บอร์ด Layout แบบใหม่ที่จะคล้ายกับตัว ROG Zephyrus Duo นั้นเองแต่ก็แทนที่พื้นที่ว่างข้างบนด้วยหน้าจอ และ ย้ายคีย์บอร์ดมาล่างสุด แถมตัวที่รองมือมาให้ด้วยทำให้พิมพ์งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนหน้าจอทำได้ค่อนข้างบางและสวยงามทั้งด้านบนและจอที่ 2 แต่จอด้านล่างนั้นจะเป็นจอด้านและมีการยกขึ้นมาเยอะมาก

ขอบหน้าจอในภาพรวมนั้นข้างซ้ายขวานั้นทำได้บางมากๆ แต่ขอบด้านบนนั้นไม่ได้บางเพราะต้องมีส่วนของสแกนหน้า IR เข้ามาครับและยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่ไม่ได้ตัดไปไหนครับส่วนของหน้าจอเป็นจอแบบด้านซึ่งแตกต่างกับรุ่น Pro ครับและแน่นอนว่าจอด้านใช้งานข้างนอกได้ดีกว่าเหมาะแก่การพกพา ส่วนหน้าจอล่างเป็นแบบต่างก็ไม่ได้แตกต่างกันมากในส่วนของตัวคุณภาพสีครับแต่ความสวยอาจจะดรอปลงไปนิดหน่อย ส่วนการสัมผัสนั้นได้ทั้งจอบนและล่างนะครับ และทำให้รองรับการทำงานได้เต็มที่เลย รวมถึงหน้าจอที่ยกขึ้นมารองรับการใช้งานได้ดีกว่าเดิมเยอะมากๆครับ

ช่องระบายในส่วนของขอบเครื่องยังคงใส่เข้ามาให้ตำแหน่งคล้ายๆเดิมครับ มาพร้อมกับช่องระบายหลักๆในมุมซ้ายของภาพ 3 ช่องระบายหลัก และการยกตัวเครื่องนั้นจะช่วยให้การระบายอากาศนั้นดีมากกว่าเดิม รวมถึงการยกหน้าจอขึ้นมาก็ช่วยในส่วนนี้ได้ด้วยเช่นกันครับ บอกเลยว่าเป็นรุ่นที่ยกหน้าจอที่ส่งผลทั้งเรื่องมุมมองและการระบายได้ดีมากขึ้นจะเห็นเลยว่าช่องว่างระหว่าง พื้นกับตัวเครื่อง และ ตัวเครื่องกับหน้าจอที่ 2 นั้นยกระดับขึ้นมาเยอะและสูงมากๆเลย

วัสดุการออกแบบต่างๆนั้นยังคงทำได้ดีไม่ต่างกับรุ่น Pro ครับเพราะว่าในงานประกอบการออกแบบอะไรนั้นยังคงคุณภาพได้ดีตัดขอบงานได้สวยคม และเป็นวัสดุเดียวกันทั้งหมดขึ้นรูปแข็งแรงและการยกตัวเครื่องสูง มีช่องระบายค่อนข้างเยอะ และจะเห็นว่าด้านหลังจะมีช่องและด้านล่างเครื่องก็จะดูดอากาศระบายอากาศช่วย ส่วนด้านแป้นพิมพ์นั้นจะเห็นว่าวางไว้ข้างล่างสุดเลย เพราะว่าเป็นการออกแบบที่จะใส่หน้าจอเข้ามาเลยทำให้พื้นที่มันจำกัด และการออกแบบแบบนี้เลยทำให้ไม่มีที่วางมือในการใช้งานเลยแอบลำบากนิดนึงเวลาพิมพ์งานนานๆไม่มีที่วางมือในด้านหลังของเครื่องนั้นจะเห็นเลยว่าเป็นช่องระบายอากาศด้านหลังอาจจะไม่ได้เยอะมากเท่าไร แต่จะเน้นไปที่ช่องข้างหลังที่จะยกขึ้นมา และ ยางรองนั้นจะเป็นแถบยาวทั้งเครื่องแนวหน้า และ แนวหลัง เป็นแค่ 2 เส้นหลักๆ และเมื่อใช้งานจริงๆนั้นจะยกเครื่องขึ้นมา พอสมควรเลยซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดช่วยเรื่องระบายอากาศที่ดีขึ้นกว่าเดิมของเครื่อง

ปากกาที่ให้มานั้นแอบมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของงานออกแบบใหม่ ไม่มีที่หนีบปกเสื้อรวมถึงมีขนาดอะไรเล็กลงครับแต่ในเรื่องของรูปทรงการใช้งานรวมถึงหัวปากกาอะไรนั้นไม่ได้ต่างกับรุ่นเดิมมากนักแต่ใช้งานได้ถนัดมากขึ้น แต่เสียดายว่ายังคงไม่มีที่เก็บปากกาบนเครื่องหรือดูดติดเครื่องได้เลย ทำให้ต้องพกแยกอาจจะเสี่ยงต่อการลืมได้ง่าย

SPEC

  • Intel® Core™ i7-1165G7 Processor 2.8 GHz (12M Cache, up to 4.7 GHz, 4 cores)
  • Windows 10 Home
  • หน่วยความจำ 16 GB LPDDR4 2133MHz SDRAM Onboard memory
  • การแสดงผล 14.0″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 60Hz Anti-Glare Panel with 72% NTSC with wide 178° viewing angles With ASUS Splendid With IPS Technology Pantone , sRGB100%
  • หน้าจอ ScreenPad™ Plus (12.65″ 1920 x 515 IPS-level Panel Support Stylus)
  • กราฟิก Intel® Iris Xe Graphics
  • สตอเรจ Solid state drive: 1TB PCIe® Gen3 x2 SSD M.2
  • คีย์บอร์ด Illuminated chiclet keyboard
  • ช่องอ่าน การ์ด Multi-format card reader
  • WebCam HDWebcam IR camera
  • เน็ตเวิร์คกิ้ง Wi-Fi Integrated Wi-Fi 6 (802.11 ax (2×2))
  • Bluetooth Bluetooth® 5.0
  • อินเตอร์เฟส

    1 x Type-A USB 3.2 (Gen 2)
    2 x Type-C THUNDERBOLT 4
    1 x HDMI
    1 x micro SD card
    1 X 3.5 COMBO
  • ออดิโอ Support Alexa Smart AMP Supports Windows 10 Cortana with Voice
    ASUS SonicMaster Technology Harman Kardon
  • แบตเตอรี่ 4 -Cell 70 Wh Polymer Battery
  • น้ำหนัก NB:1.57 kg with battery
  • 32.40 x 22.20 x 1.69 ~ 1.73 cm

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องนี้มาพร้อมกับ i7-1165G7 Processor 2.8 GHz รุ่นล่าสุด  4 คอร์ 8 เทรด Tiger Lake U 10 นาโนเมตร ทำงานร่วมกันกับ  Intel Iris Xe Graphics แต่ตัวขายจริงอาจจะมี MX450 นะครับแต่ตัวทดสอบนั้นไม่ได้ใส่เข้ามาให้ ถือว่าสเปกที่ใช้งานนั้นจัดว่าดีเน้นทำงานทั่วไปสบายๆหรือทำงานจริงจังได้ระดับนึงส่วน RAM นั้นให้มาเต็มที่ 16GB DDR4 เพียงพอใช้งานเลยไม่ต้องใส่เพิ่ม และให้ SSD M.2 NVMe ความจุ 1 TB มาให้เต็มๆครับ ส่วนในการใช้งานทดสอบจริงๆนั้นถือว่า รองรับการทำงานเล่นเกม ระดับเริ่มต้นได้ดี และ ครอบคลุมการใช้งานทั่วไปเหลือเฟือ รวมถึงการตัดต่ออะไรทั้งหลายด้วย พร้อมกับWindows 10 Home พื้นฐาน

PC MARK นั้นทำคะแนนไปได้ 5,079  คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้ง CPU-GPU ที่รองรับกันอย่างดีและระบายความร้อนได้ดีด้วย จากการทดสอบเสร็จแล้วนั้น ความร้อนตัวเครื่องวัดได้ที่ CPU 80 GPU 80 องศาครับผม อากาศปกติไม่ได้เปิดแอร์นะครับ

3D MARK นั้นทำคะแนนการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว  Fire Strike ทำคะแนนได้ 5198 และในส่วนของ Timespy ที่โหดขึ้นมาหน่อยจะทำได้ 1829 และ พวกเริ่มต้นทั่วไปเช่น  Wild Life ทำไปได้ 11691 คะแนน และ Night Raid นั้นทำได้ 18076 ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับกลางๆได้ในแง่ของการประมวลผลแบบ3มิติครับ รองรับได้ระดับเริ่มต้นไปกลางๆอาจจะไม่ได้โหดเท่าไรเพราะการ์ดจอมีแค่ IRIS XE ( MX450 ในตัวขายจริง )ในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบและวัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 84 และ GPU 83 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม จริงๆความร้อนของตัว CPU แอบสูงไปนิดนึงถ้าใช้งานปกติครับแต่ถ้าเปิดพัดลมแรงและเล่นในห้องแอร์จะช่วยได้มากขึ้น

CINEBENCH R15 /R20 นั้น ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจในตระกูล i7 GEN 11 ทีดีกว่าเดิมครับ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 2342 CB ครับ และในตัว R15 นั้นทำไปได้ 101 FPS และ 962 CB ครับ วัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 81 และ GPU 79 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม ใช้งานได้ไวกว่าเดิมไปอีกด้วย SSD การอ่านที่ 3549 MB/s และเขียนที่ 3008 MB/s ถือว่าอยู่ในระดับที่แรงขึ้นชัดเจนถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้าครับ และทำการอ่านเขียนได้ไวความจุให้มา 1TB ครับ

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้หน้าจอหลักนั้นไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้ามากนักครับ แต่จะเน้นไปที่จอด้านล่างสามารถยกขึ้นมาได้มากกว่าเดิมนั้นเอง ส่วนทางด้านหน้าจอหลักนั้นมาพร้อมกับ มาในขนาด 14.0″ อัตราส่วน 16:9 ใช้หน้าจอแบบ LED-backlit ความละเอียด FHD 1920×1080 และเป็นหน้าจอรีเฟรชเรทที่ 60Hz พร้อมกับ 72% NTSC รองรับมุมมองกว้าง 178° รองรับ Pantone และ sRGB100% ตามปกติของหน้าจอ IPS ครับผม เรื่องของคุณภาพไม่ต่างกันเลยครับ หน้าจอนั้นมีขอบหน้าจอแค่ 5 มิลลิเมตร ในการทำงานทั่วไปและสายงานตัดต่อแต่งภาพได้สบายไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าเน้นความแม่นยำตัว Pro แอบดีกว่านิดหน่อยครับ มาที่หน้าจออันที่ 2 นั้นเป็นหน้าจอขนาด 12.6” FHD รองรับปากกา และ สัมผัสเช่นเดียวกันแต่จะเป็นจอด้าน รองรับมุมมอง 178˚องศาด้วยเช่นกัน จากที่ลองต้องบอกว่าหน้าจอหลักมันเป็นหน้าจอที่ทำได้ดีมากๆตัวนึงของบรรดาคอมพิวเตอร์พกพา ทั้งเรื่องของสีและความสว่าง และการใช้งานหน้าจอด้านทำให้อิสระต่อการใช้งานพกพาที่ดีกว่าเดิมพอสมควรเลย และรุ่นนี้หน้าจอที่ 2 สามารถยกระดับขึ้นมาทำให้การใช้งานนั้นง่ายกว่าเดิมเยอะมากๆครับทำให้ใช้งานได้เต็มที่ทั้งสัมผัสบนทั้ง 2 หน้าจอ

ในด้านมุมมองของตัวหน้าจอหลักนั้นสามารถรองรับการทำงานได้4สบายๆทั้งหลากหลายมุมมอง และหน้าจอด้านเลยทำให้ใช้งานทั่วไปได้ดีกว่ารุ่นพี่มัน ส่วนเรื่องของสีนั้นแม้จะเอียงๆก็ยังทำได้ดีมากๆถือว่าหน้าจอรุ่นนี้โหดสุดๆในบรรดาคู่แข่งหลายๆตัวเลยนั้นเอง ส่วนเรื่องจอที่ 2 นั้นจะเป็นแบบด้านเพราะวางจะวางเหนือคีย์บอร์ดทำให้มันต้องสะท้อนได้ง่ายกว่าทั่วไปเยอะมากเลยใช้งานแบบจอด้าน แต่รุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบทำให้สามารถยกระดับขึ้นมาดีกว่าเดิมและมองได้ง่ายกว่าเดิมเยอะมากครับ  แต่ส่วนตัวความสว่างนั้นเอาตรงๆมันไม่ได้สู้แสงได้ดีเท่าไรในการใช้งานหลายๆครั้งครับแต่เรื่องของสีสันอะไรพวกนี้นั้นก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย ติดแค่สู้แสงเท่านั้น แต่ถ้าใช้งานภายใน หรือในอาคารนั้นจอที่ 2 ทำได้ดีมากๆในเรื่องของความสว่างและค่อนข้างสวยพอสมควรครับไม่ต่างกัน

SCREENPAD PLUS

หน้าจอที่ 2 นั้นได้มีการยกระดับขึ้นไปในเรื่องของการใช้งาน ตัวหน้าจอนั้นจะทำการยกขึ้นมาองศาเอียงทำให้รองรับการมองเวลาใช้งานได้ดีกว่าเดิม ส่งผลเรื่องระบายความร้อนได้ดีขึ้นและออกแบบ แบบเดียวกับ ROG เลยทีเดียวครับและแน่นอนว่า เปลี่ยนทั้งหน้าตา UI การใช้งานและความสวยงามไปหลายๆจุด อีกทั้งยังรองรับปากกาได้เช่นเดิม มาพร้อมกับหน้าจอ ScreenPad™ Plus (12.65″ 1920 x 515 IPS-level Panel Support Stylus) เป็นหน้าจอแบบด้าน ถือว่าทำได้ดีงาน แต่เรื่องของการสู้แสงนั้นยังไม่ได้โหดขึ้นเท่าไรนักในส่วนนี้นะครับ และแน่นอนว่ารองรับ การใช้งาน ADOBE แบบเต็มตัวมากขึ้นที่พัฒนาขึ้นแตกต่างกับรุ่นก่อน รวมถึง  ตัว QuickKey – Handwriting – Numeric Key – Appdeal – Spotify  – ScreenXPert นอกจากนี้หลักการทำงานมันก็จะเหมือน หน้าจอแยกเวลาเราต่อทุกประการเลยสามารถลากแอปลงไปมาได้ หรือ ใช้งานแอปติดเครื่องได้เลยนั้นเองถือว่าโดดเด่นเช่นเดิม

ฟังก์ชันหลักๆที่ให้มาก็จะเป็น QuickKey หรือพวกคำสั่งลัด เราสามารถบันทึกได้ว่าจะกดตัวไหนบ้าง เรียงตามจังหวะเรากด และสามารถเพิ่มแยกเป็นแอปได้ รวมถึง เป็นชุดคำสั่งแต่ละแอปแยกกันได้เลย สะดวกมากๆ ไม่ต้องมานั่งกดอะไรวุ่นวายเลย เลือกคำสั่งใช้งานบ่อยๆไว้ได้เลย และกดบนหน้าจอเสริมเอา ในด้านฟีเจอร์ HandWriting นั้นก็รองรับการใช้งานกับปากกาได้สบายและวาดและเป็นตัวอักษรได้ด้วยหรือจะให้มันวาดในหลายๆโปรแกรมก็ทำได้ครับและแน่นอนว่าใช้งานเซ็นอะไรต่างได้ดีมากเลย ตัวปากกานั้นสามารถใช้งานได้ทั้งหน้าจอหลักและหน้าจอด้านล่างครับ ในการใช้งานจอหลักก็ทำได้ไหลลื่นดีมากๆไม่ได้ติดขัดแต่อย่างใด และเวลายกเหนือหน้าจอก็มีไอคอนตามไปด้วย ตัวปากกานั้นก็มีปุ่มอะไรให้ใช้งาน และตัว ปากกาแถมมาให้ในกล่องนะรุ่นนี้

สามารถตั้งค่าได้ทั้งเรื่องของความสว่าง เปลี่ยนพื้นหลัง รวมถึงขนาดของหน้าจอเวลามาใช้งานและสามารถปรับความละเอียดได้ด้วยเช่นกันครับว่าจะใช้ HD-FHD และยังสามารถตั้งค่าพวกปุ่มที่จะโชว์ได้นิดหน่อยและหน้าตาการใช้งานเมนูรวมถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ทำได้เยอะมากขึ้น ปรับ Control Center ได้แล้ว รวมถึงตั้งปุ่ม ขนาดอะไรได้ครับ

อีก 1 ฟีเจอร์ที่ชอบมากๆคือฟีเจอร์ Task Group มันคือการจำแอปว่าเราเคยเปิดแอปอะไรบ้างและวางไว้ตรงไหนของหน้าจอ เมื่อเรากด Task group  เลข 1 ไว้มันก็จะเปิดแอปทั้งหมดที่เราบันทึกไว้ให้เรา และวางตำแหน่งแบบที่เราเคยวางไว้ทั้งหมด โดยที่เราไม่ต้องไปนั่งเปิดทีละแอปเลย คือกด ปุ่มเดียวเปิดและเรียงให้เราทั้งหมด เช่นในภาพนั้นผมได้ ให้มันจำทั้งหมด 7 แอป ในการวางแบบ จอบน 4 และ จอล่าง 3 เมื่อเรามาใช้งานวันอื่น เปิดคอมแล้วกด ฟังก์ชันนี้มันก็จะเปิดแอปให้เราทันที 7 แอพพร้อมกับวางแบบเดิมเลย ในภาพมุมขวาคือ หน้าจอตอนเรากดให้มันจำ สามารถจัดการได้ และ จำได้สูงสุด 5 กลุ่มครับ อันนี้สะดวกมากๆใครใช้แอปคู่กันบ่อยๆต้องชอบมากพัฒนาขึ้นด้วย

และอีกจุดที่ชอบมากๆเลยก็คือเวลาเราจะย่อจอมาจอตัวล่าง มันจะมีไอคอนขึ้นมาว่าเราจะย่อลงมาข้างล่างใช่ไหม จากนั้นเราก็เลือกอันที่เป็นลูกศรล่างครับ และจะมีการแยกบอกเลยว่าเราจะเอาไปวางไว้ตำแหน่งไหนของจอด้านล่างต้องบอกว่าสะดวกมาก ใช้งานได้จริงแยก 3 ช่อง 3 ช่อง หรือ ครึ่งๆได้เลยง่ายและสะดวกใช้นิ้วมือลากได้เลยครับ

การพัฒนาขึ้นแบบสุดๆคงหนีไม่พ้นการทำงานจริงๆ รวมกันกับ ADOBE ที่ครั้งนี้มาพร้อมกับคีย์ลัดแบบใช้งานได้จริงพร้อมกับปุ่มตำแหน่งอะไรที่พัฒนาขึ้นทุกส่วน จุดนี้ขอชื่นชมกับทาง ASUS ADOBE ที่ทำโปรแกรมตัวนี้ออกมารองรับทำให้มันใช้งานได้จริงมากขึ้น มีแป้นหมุน ปุ่ม ระดับเสียงอะไรที่ใช้งานปรับเปลี่ยนตามโปรแกรมนั้นได้ๆเลย จะไปเจาะลึกในส่วนหัวข้อข้างล่างอีกทีนะครับบอกเลยว่าเป็นจุดที่ชอบมากที่สุดของค่ายนี้และรุ่นนี้เลยที่พัฒนาออกมาครับ

SPEAKER 

ลำโพงในรุ่นนี้ยังคงใช้งานจากทาง HARMAN/KARDON เช่นเดิม เขียนชื่อแบรนด์แอบซ่อนไว้ตรงส่วนยกระดับหน้าจอครับ และทางด้าน ลำโพงในรุ่นนี้ก็ยังทำได้ดีมากๆเสียงยิงเฉียงๆออกทางซ้ายและขวาของเครื่องเสียงที่ได้แยกมิติชัดเจนรวมถึงกำลังขับทำได้ดีมากๆเวลาเปิดเพลงอะไรต่างๆ รวมถึงเสียงย่านต่ำนั้นก็ทำได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆแบบรู้สึกได้ครับแน่นอนว่ามันดีกว่าพวกตัว Pro ก่อนหน้านี้ด้วยครับส่วนความดังเวลาเปิดสุดก็ชัดเจนดีเหมือนกันสามารถเล่นเกมหรือฟังเพลงก็ได้สนุก แต่ที่ชอบคือเวลาเปิดเพลงที่เสียงย่านต่ำนั้นจะแน่นกว่าตัวอื่นๆมาก และมีความนุ่มของเสียงพอสมควรเลยครับ

KEYBOARD

การวางตำแหน่งนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างแปลกตาและแปลกกว่ารุ่นอื่นๆมากจากการย้ายมาลงไว้ด้านล่างสุดของตัวคอมพิวเตอร์นั้นเองที่ย้ายแบบนี้ไม่ได้แค่เท่ หรือแปลกๆแต่อย่างเดียวแต่ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่คิดไว้แล้วเป็นเหมือนการต่อยอดจากที่เคยทำในรุ่น ROG พวกนั้นแต่มาครั้งนี้เอามาใส่หน้าจอแทนนั้นเองครับจึงได้การวางแบบนี้แต่ปุ่มต่างๆก็ยังมีมาให้ครบรวมถึง Touchpad ด้วยเช่นกันครับ ตัวคีย์บอร์ดมีไฟมาให้ปรับได้ 3 ระดับเช่นเดิม และระยะการกด 1.4มม ถือว่าทำได้ดีครับในการเล่นเกม หรือ ทำงานทั่วไป แต่เนื่องจากมันต้องเอามาไว้ขอบล่างเครื่องเวลาพกพาไปไหนและใช้งานลำบากไปนิดหน่อยและรุ่นนี้ไม่มีที่รองมือมาให้ด้วยครับ เพราะว่าตัวเครื่องมันยกสูงขึ้นมาพอสมควรเลยนั้นเองแต่ถ้ามีที่วางมือก็จะสบายขึ้นถ้าเล่นคอมพิวเตอร์นานๆนั้นเอง แต่ที่แอบแปลกใจว่าปุ่ม ทิศทาง ลูกศรนั้น มีการเปลี่ยนเป็นแบบเล็กอีกครั้งจากที่รุ่นเดิมเป็นปุ่มเต็มในซ้าย และ ขวาขึ้นและลงครับ แต่ก็ได้ปุ่ม Shift กลับมาขนาดใหญ่แทนนั้นเอง ก็อาจจะได้อย่างเสียอย่างครับรุ่นนี้ ของการสลับปุ่ม เพราะรุ่นก่อนก็แอบกดยากไปนิดๆ

หลังจากการใช้งานตัวปุ่มทั้งหมดต้องบอกว่าระยะห่างของแต่ละปุ่มนั้นไม่มีอะไรติดขัดหรือขัดใจอะไรเท่าไร แต่เรื่องของการพิมพ์นั้นบางทีรู้สึกว่าปุ่มมันชิดกันไปนิดหน่อยครับ ถ้าใครเคยใช้งานรุ่นปกติมาก่อนหน้านี้ และการวางมือถ้าแบบไม่มีที่รองมือนั้นอาจจะเมื่อยได้ง่ายมากๆ แต่การออกแบบส่วนปุ่มอื่นๆไม่มีปัญหา แค่ตัว Numpad ไม่มีมาให้แบบรุ่นพี่แอบเสียดายเพราะมีพื้นที่อยู่น่าจะใส่เข้ามา ให้ครับ รวมๆนั้นส่วนระยะการกด อะไรทำได้ดี และเป็นมาตรฐานกว่าเดิม ในเรื่องของปุ่ม Shift แต่ส่วนของ Numpad นั้นสามารถใช้งานบนหน้าจอ Screenpad Plus

TOUCHPAD

ตัวขนาดเนื่องจากเครื่องเล็กลง ขนาดก็เล็กลงไปด้วยครับการใช้งานก็ค่อนข้างพอดีต่อ 2-3 นิ้วอย่างมากเวลาใช้งาน อาจจะรู้สึกอึดอัดไปหน่อยถ้าใครใช้ทำงานนอกบ้านและต้องใช้ Touchpad ตลอดครับ สัมผัสอะไรเรื่องนี้ทำได้ดีไม่มีปัญหานะ แต่ถ้าใช้แรกๆบอกว่าว่ากดตัวเลขจะลั่นบ่อยมากถ้าเปิดไว้และทำงานไปชอบลั่นบ่อยเลยแหละ เป็นทัชแพดของ precision touchpad นะครับใช้งานได้ติดนิ้วและโอเคเลยแหละ ไม่มีปัญหา ติดแค่ขนาดมันแค่นั้น  และไม่มีเลข Numeric เข้ามาครับเลยแอบเสียดายเพราะรุ่นพี่ใส่เข้ามา แต่ก็ยังไงใช้หน้าจอบนทดแทนได้ระดับนึงเลยครับ

CONNECTOR

พอร์ตเชื่อมต่อในด้านซ้าย DC IN หายไปแล้ว ทดแทน มาด้วยยุคใหม่ของการเชื่อมต่อคือ USB-C ที่รองรับ THUDERBOLT 4 ทั้ง 2 ช่อง และช่อง HDMI มาให้ในด้านซ้ายครับ ส่วนลำโพงก็จะยิงออกทั้งด้านล่างและขอบข้างในภาพจะอยู่ด้านหน้าสุด ถือว่าเป็นการให้ Thunderbolt 4 มามากถึง 2 พอร์ตจัดเต็มกันเลยทีเดียวรอบนี้ครับ

ส่วนในด้านขวานั้นจะเป็นไฟสถานะ พร้อมกับ MicroSD Card Reader และ รูหูฟัง 3.5 มม. และ USB-A 3.2 ขาดพอร์ตสำหรับเสียบ SD-Card ไปแน่นอนว่าสายถ่ายภาพได้ใช้งานกันเยอะแน่นอนครับแต่เครื่องนี้กลับไม่มีมาให้ก็น่าเสียดายเลยครับในภาพรวมก็ถือว่าครบพอใช้งาน ด้วยขนาดและความจำกัดของทั้งหน้าจอและส่วนอื่นๆเลยทำให้พอร์ตอาจจะใส่มาได้เต็มที่เท่านี้ครับ แต่ก็ต้องบอกว่านับเทียบกับความบางต่างๆถือว่าพัฒนาออกมาได้เยอะ

WORKING

ในเรื่องของการทำงานนั้นในรุ่นนี้รองรับการทำงานได้ดีทั้งเรื่องของหน้าจอรวมไปถึงสเปก ที่ให้ RAM 16GB และสามารถทำงานได้เต็มที่อีกทั้ง i7 Gen11 นั้นรองรับได้สบายครับ รวมถึงทางด้านการทำงานหลากหลายโปรแกรม แล้วจริงๆนั้นพวกตระกูล Adobe นั้นจะทำได้ดีมากๆ เพราะเหมือนจะทำออกมารองรับกับหลายๆหน้าจอได้ดีอยู่แล้วนั้นเอง และในรุ่นนี้มีการออกแบบพิเศษซึ่งต้องบอกว่ายกระดับหน้าจอแยกไปอีกขั้นนึงครับ  ซึ่งถ้าดูในแง่ของการใช้งานมันคือประสบการณ์ใหม่ในการใช้งานคอมพิวเตอร์พกพาจริงๆ มันสะดวกขึ้นมากสำหรับสายงานแบบเราหรือตัดต่อ รวมถึงช่างภาพครับ หลายๆจอมันช่วยในการทำงานได้ดีขึ้นแบบชัดเจน แต่ถ้าในแง่ของการทำงานหนักๆนั้นอาจจะทำได้ในบางส่วนแต่จะไม่ได้โหดมากนักถ้าเน้นไปทาง 3D อะไรแบบนั้นครับแต่ทำงานทั่วไปทั้ง ตัดต่อแต่งภาพอะไรสบายๆเลยแหละ หรือจะเป็น การทำงานอื่นๆหลายๆโปรแกรมพร้อมกันก็สามารถรองรับได้สบายเลย และในเรื่องความร้อนก็ยังสามารถจัดการได้ดี และที่สำคัญคือการพกพาทำให้มันพกพาได้ดีกว่าตัว Pro และกล้าเอาไปทำงานข้างนอกมากขึ้นไม่หนักไม่เกะกะครับผม และหน้าจอด้านช่วยในการทำงานนอกบ้านนั้นสบายกว่าแบบเงา

จากที่ได้ทดสอบจริงๆครับในการทำงานพวก ADOBE ทั้งแต่งภาพ ตัดต่อ หรือ เรนเดอร์ เท่าที่ทดลองการทำงานถ้าใช้งานแค่โปรแกรมเดียวมันสามารถตัดต่อวีดีโอ 4K ได้ด้วยในความยาวไม่เยอะมากนักอันนี้ถือว่าดี ช่วงการตัดต่อพวกนี้คือรับไหวสบายๆ ส่วนตัว Photoshop – Illustrator  พวกนี้รองรับได้สบายๆเท่าที่ลองไม่เจอหน่วงอะไรเลย

ADOBE EXCLUSIVE SUPPORT

และถ้ามองในแง่การทำงานนั้นรุ่นนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทาง ASUS ADOBE นั้นทำออกมาได้ดีกว่าเดิมมีการออกแบบ Software ตัวใหม่ที่ทำให้สามารถปรับแต่ง คีย์ลัดหรือ ส่วนที่เราใช้งานบ่อยๆในแต่ละโปรแกรมได้ซึ่งต้องบอกเลยว่าเทพมากๆครับ ซึ่งตอนนี้จะรองรับโปรแกรมฝั่ง ADOBE ก่อนนะครับทั้ง Premire pro – Photoshop – Lightroom – After Effect ต้องบอกว่าการที่ออกโปรแกรมมารองรับแบบนี้ทำให้การใช้งาน ไม่มีคอมพิวเตอร์เครื่องไหนสามารถทำได้เลย เราสามารถเลื่อนนิ้ว หมุน Tool ต่างๆได้ทันทีและอิสระปรับแต่งได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ เราสามารถปรับแต่งเปลี่ยน Tools ได้ในโปรแกรม ScreenXPert และ เลือกโปรแกรมได้ รวมถึงเปลี่ยนแต่ละหัวข้อได้ด้วยครับถือว่าอิสระและใช้งานได้จริง บอกเลยว่าใช้งานจริงแล้วจะค่อนข้างติดใจและเนียนติดนิ้วมากๆเลยครับตัวนี้

จะเห็นได้ว่าหน้าตาตัว SceenpadXpert ทำให้เราสามารถใช้งานตัว คีย์ลัดหรือปุ่มทางลัดที่ปรับแต่งได้ทั้งหมดจากโปรแกรม ADOBE ทั้ง 4 โปรแกรมสามารถเปลี่ยนได้ว่าปุ่มไหนทำหน้าที่อะไรบ้าง และจัดวางเปลี่ยนตำแหน่งได้ทั้งหมด บอกเลยว่าการพัฒนาครั้งนี้ หลายๆคนที่เป็น ครีเอเตอร์ ต้องชอบและติดใจรวมถึงใช้งานได้จริงแน่นอนครับ

ADOBE PREMIRE PRO 

ADOBE LIGHTROOM 

ADOBE PHOTOSHOP 

ADOBE AFTER EFFECT

GAMING

ในรุ่นนี้นั้นมาพร้อมกับ CPU i7-1165G7การ์ดจอ Iris Xe แต่ถ้าขายในไทยนั้นจะเป็น MX450 เสริมเข้ามาอีกทีนะครับ แน่นอนว่า นั้นทำให้ประสิทธิภาพของมันทำออกมาได้ในระดับกลางๆเมื่อเทียบกับ i7 เดิมๆของมันใช้งานทำได้ดีเมื่อเทียบกับสเปกของมัน และที่ชอบคือเรื่องจัดการความร้อนดีกว่าที่คิดไว้ครับถ้าเล่นเกมนั้นประมาณ 80 ในสภาพอากาศปกติไม่เปิดแอร์นะครับความนิ่งของ FPS นั้นทำได้ดีเลยรวมถึงไม่เจอหน่วงหรือแลคอะไรเลยครับผมถือว่าเล่นเกมอะไรตัวนี้ไว้ใจได้เลย แต่ต้องเป็นเกมที่ไม่ได้กินสเปกเท่าไร และ ปรับภาพไม่ได้เยอะเท่าไรครับ ทั้งลื่นไหลและความร้อน แต่แน่นอนว่าถ้าปรับภาพสุดนั้น FPS อาจจะตกมากกว่านี้ครับ ซึ่งแน่นอนว่าสเปกของมันนั้นอาจจะไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกมเท่าไร แต่พอเล่นแก้ขัดได้ครับ แต่ถ้ามี MX450 นั้นต้องบอกว่าทำได้ดีกว่านี้แน่นอน

  • Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 70-75 อุณหภูมินั้น GPU 63  CPU 62
  • APEX ทำไปได้ FPS 79-80 อุณหภูมินั้น GPU 65 CPU 66

ASUS ZENBOOK DUO

” ScreenPadPlus พัฒนาขึ้นหลายเท่าในการใช้งานร่วมกับ Adobe โดดเด่นมาก “

เป็นการยกระดับของจริง ทั้งการยกระดับหน้าจอให้สูงขึ้นรวมถึงโปรแกรม หน้าตา UI หรือแม้จะเป็นการพัฒนาร่วมกับ ADOBE ทำให้การใช้งานหน้าจอที่ 2 นั้นมีประโยชน์กว่าเดิมหลากหลายเท่าตัว รวมถึงฟีเจอร์เยอะมากขึ้นทำให้รุ่นนี้มีความน่าใช้งานมากขึ้นเยอะรวมถึงเหมาะกับสายงาน ครีเอเตอร์แบบเต็มที่มากขึ้น รวมถึงหน้าจอรองรับสัมผัสทั้ง 2 หน้าจอ มีความแม่นยำของสี รองรับปากกาและประสิทธิภาพที่จัดเต็มมากขึ้นทำให้รุ่นนี้มีความคุ้มค่าลงตัวขึ้นเยอะครับ รวมถึงสเปกที่ใส่เข้ามารองรับการทำงานหลากหลายโปรแกรมได้ดี รวมไปถึงเล่นเกมด้วยเช่นกันครับค่อนข้างชอบตระกูลนี้ เป็นรุ่นที่ออกแบบได้แตกต่างและ นวัตกรรมของจริงของค่ายนี้เป็นค่ายที่ใส่หน้าจอเข้ามาและพัฒนามาต่อเนื่องจนรุ่นนี้ ทั้งฟีเจอร์ คุณภาพ การใช้งานนั้นลงตัวมากๆแล้ว แนะนำสำหรับใครที่เป็นสาย ครีเอเตอร์ต้องมีเลยครับ

ข้อดี

  • โปรแกรมที่ออกแบบมาใหม่ ร่วมกับ ADOBE พัฒนาขึ้นเยอะมากในหน้าจอตัวล่าง
  • หน้าจอสวย รองรับสัมผัส สีสันตรง
  • หน้าจอ Screenpad Plus ยกระดับขึ้นมามองได้ง่ายขึ้น
  • UIUX ตัวจอล่างพัฒนาขึ้นชัดเจนใช้ง่ายขึ้น
  • ลำโพงยังคงโดดเด่น
  • วัสดุงานประกอบ ความบางเบา ทำได้ดี
  • มาพร้อมปากการองรับการใช้งานได้ดี
  • ประสิทธิภาพใช้งาน เล่นเกม ทำงาน แรงเร็ว
  • ScreenPadPlus ยกระดับการทำงานให้แตกต่างกับคู่แข่งชัดเจน
  • มาพร้อม   Office Home and Student 2019
  • รับประกัน onsite service 3 ปีเต็ม

ข้อสังเกต

  • รุ่นที่รีวิว ยังไม่ใช่ตัวขายในไทย ในเรื่องสเปก และ คีย์บอร์ด
  • ไม่มีที่รองมือใส่เข้ามาให้ใช้งาน
  • หน้าจอที่ 2 อาจจะไม่สู้แสงโหดเท่าไรนัก

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr