Asus Zenbook Flip นั้นถือว่าเป็นตระกูลที่ถือว่ามีความน่าสนใจเพราะว่าเป็นรุ่นที่สามารถใช้งานได้หลากหลายมากๆทั้ง พับหน้าจอ ใช้งานแบบพลิกได้ 360 องศารวมถึงใช้งานปากกาได้และสามารถใช้งานแบบเป็นคล้ายๆ Tablet ได้เลยและในครั้งนี้ Zenbook Flip นั้นได้มีการอัพเกรดขึ้นมาที่น่าสนใจกว่าเดิมพอสมควรเลยแหละ คือการใส่ Screenpad 2.0 เข้ามาทำให้นอกเหนือจากหน้าจอที่พับได้นั้นในครั้งนี้เวลาใช้งาน Laptop ก็สามารถใช้งานได้ทั้ง 2 หน้าจอเลยแน่นอนว่าทำให้การใช้งานต่างๆนั้นสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม และในแง่ของการออกแบบก็มีเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านสเปคนั้นในรุ่นนี้จะใช้งาน intel Gen 10 ทั้งหมดครับพร้อม MX250
Asus Zenbook Flip 14 ตัวนี้มาพร้อมกับ ScreenPad 2.0 ส่วนทางด้านของสเปคที่น่าสนใจเลยมาพร้อมกับ i7 10510U พร้อมกับการ์ดจอแยก Nvidia MX250 และใช้งาน RAM 8GB LPDDR3 2133MHz SDRAM Onboard memory และให้ SSD มาครบเพียงพอต่อการใช้งาน ทางด้านหน้าจอนั้นเป็นหน้าจอ 14 นิ้วพร้อมกับ จอแบบ IPS รวมถึงรองรับการใช้งานระบบสัมผัส และ ใช้งานปากกาได้สบายๆ ส่วนทางด้านลำโพงนั้นมาพร้อม Harman/Kardon เหมือนเดิมที่คุ้นเคยกัน และในด้านกล้องสแกนใบหน้าก็ใส่เข้ามาให้เหมือนเดิมครับ ส่วนทางด้านความคงทนต่างๆรองรับผ่านมาตรฐาน MIL-STD810G เหมือนเดิมในแง่ของความแข็งแรงในภาพรวม ส่วนที่เด่นสุดคงจะเป็นการรองรับ Screenpad 2.0 และ การใช้งานที่อิสระมากๆในการพับหน้าจอทั้งหมดครับ และในแง่ของการเชื่อมต่อรองรับ Wi-Fi 6 และ BT 5.0 รวมถึงพอร์ต USB-C 3.1 – USB-A 3.1 ก็จัดเต็มมาให้ด้วย
ASUS ZENBOOK FLIP 14 มาพร้อมกันด้วย 2 สเปคคือ i5 และ i7 ครับ
- Zenbook Flip 14 i5 : 29,990 บาท
- ZenbookFlip 14 i7 : 35,990 บาท
UNBOX
ในการแกะกล่องตัวนี้ตัวกล่องเป็นการออกแบบที่แบบเดียวกับรุ่น Flip ก่อนหน้าครับแต่จัดวางตัวเครื่องอะไรแตกต่างกันนิดหน่อย และ เมื่อเปิดกล่องออกมาก็มีของอะไรมาให้ค่อนข้างเรียบร้อย และพร้อมใช้งานครับ
- ตัวเครื่อง Zenbook Flip 14
- ซองผ้าใส่ตัวเครื่อง
- ตัวแปลง USB-LAN
- Adaptor ชาร์จไฟรองรับ ชาร์จเร็ว
- คู่มือ การรับประกันต่างๆ
- ปากกา Asus Pen
ตัวซองนั้นเป็นซองผ้าลื่นๆในด้านนอก ป้องกันได้ดีและไม่เลอะง่าย ส่วนด้านในนั้นเป็นแบบบุนุ่มพอสมควรปกป้องได้ดีครับ การล็อตใช้ ตีนตุ๊กแกวงกลมยึดติดครับ เน้นสำหรับการพกพาไปข้างนอกที่พกแต่ตัวเครื่องจะค่อนข้างสะดวกเลย และในรุ่นนี้มีปากกาแถมมาให้กับตัวเครื่องยังคงเป็นปากกาแบบเดียวกันกับรุ่นอื่นๆของค่ายนี้ครับ ใช้โอเคเลยแหละ
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าต้องบอกว่าดูดีขึ้น คมขึ้นและดูแมนขึ้นครับในการออกแบบเหลี่ยมมุมของตัวเครื่องอะไรต่างๆได้พัฒนาขึ้นสวยและลงตัวดูกระชับขึ้นและวัสดุอะไรที่ใช้งานนั้นยังคงทำได้ดีมากๆเลยแหละอีกทั้งยังมีการเล่นลวดลายบนตัวเครื่องทำให้ดูหรูเข้าไปด้วย ส่วนขอบหน้าจออะไรต่างๆนั้นยังคงทำได้ดีแม้จะไม่ได้บางสุด ส่วนน้ำหนักความหนาอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้หนักแต่ก็ไม่ได้บางเวอร์ครับคือกลางๆทั่วไปเลยแต่ด้วยการที่พับจอได้หลากหลายทำให้อาจจะต้องดูโครงของเครื่องเพื่อที่รับการใช้งานได้หลากหลายเลยทำให้บางมากได้ยาก
รูปทรงของมันเมื่อใช้งานทั่วไปนั้นก็ถือว่าทำได้ดีครับแต่รุ่นนี้ฝาพับก็ยังมีระบบ Ergo Lift เข้ามาช่วยทำให้สบายแบบรุ่นอื่นๆแต่ด้วยการที่มันต้องเปิดใช้งานได้หลากหลายองศาเลยอาจจะเป็นข้อจำกัดของมันครับ อาจจะไม่ได้ยกสูงมากนัก ส่วนวัสดุอะไรที่ใช้เป็นสีดำด้าน มีลวดลายนิดหน่อยสวยงามและดูดีพอสมควรมีตัดด้วยโครเมี่ยมเข้ามาบางทั้งข้างในและฝาหลัง ส่วนสีดำเงาก็มีแทรกเข้ามาตรงช่องระบายลมข้างหลัง และจะเห็นว่า Screenpad 2.0 ใส่เข้ามาให้แล้วด้วย
ด้านหลังในรุ่นนี้แน่นอนว่ารุ่นพวกนี้จะอัพเกรดไม่ได้เลยครับ ทั้งตัว RAM HDD SSD อะไรพวกนี้ต้องใช้เครื่องมือของเค้าเองเลยในการแกะ แน่นอนว่าด้วยสเปคและการใช้งานของมันอาจจะไม่เหมาะสำหรับการแกะเองเท่าไร และพวก RAM พวกนั้นจะเป็นแบบ Onboard ทั้งหมดเลย ยางรองในด้านหลังนั้นมีมาให้ 4 มุมเครื่อง และช่องระบายด้านหลังนั้นมีแค่ตรงส่วนท้ายเท่านั้น ในเรื่องความร้อนตอนใช้งานจริงๆก็แอบอุ่นได้ไวพอสมควรเหมือนกันนะ
จะเห็นตัววัสดุของบริเวณคีย์บอร์ดข้างในนั้นจะเป็นการเล่นลวดลายปัดๆเป็นเส้นๆดูดีและมีลูกเล่นสวยงามพอสมควร และมีการตัดด้วยเส้นโครมเมี่ยมเข้ามาด้วยเช่นกันครับ ส่วนปุ่มเปิดปิดเครื่องนั้นจะไปอยู่ข้างเครื่องเพื่อการรองรับการใช้งานได้หลากหลายแม้จะพับหน้าจอก็สามารถใช้งานได้นั้นเองครับ ส่วนพวกข้อต่ออะไรมีความแข็งแรงและไม่โยกเยกเลยครับ ใช้วัสดุเคลือบเงาสวยงาม และมีเหลี่ยมมุมชัดเจนขึ้นจากที่รุ่นก่อนๆ ตรงนี้จะมนๆโค้งๆกันครับถือว่าดูทันสมัยขึ้นพอสมควรเลย การรองรับการพับอะไรนั้นยังคงให้ความรู้สึกดีแบบเดิมครับแน่นหนาและมีความแข็งแรง
แอบชอบดีไซน์ตรงนี้มากสุดเลย สำหรับรุ่นนี้ตรงช่องระบายลมออกด้านหลังมีความเหลี่ยมสันสวยงามและเล่นสีดำเงาดูตัดกับตัวเครื่องในภาพรวมได้ดีมากๆและทำมุมสวยดีครับ ระบายออก 2 ช่องหลักของตัวเครื่องยิงออกข้างหลังแต่มันจะไปติดหน้าจอนิดหน่อยเพราะรุ่นนี้ไม่มี Ergo Liftที่ยกสูงอะไรเยอะ เลยอาจจะระบายได้น้อยกว่าแบบนั้นครับ แต่ก็ยังคงทำได้ดีไม่ได้ร้อนครับ ส่วนขอบด้านบนนั้นจะมีความหนานิดหน่อยเพราะต้องใส่ระบบสแกนใบหน้า และกล้องหน้ามาให้ เลยอาจจะทำให้ขอบหน้าจอนั้นมีความหนานิดหน่อย แต่ก็ดีนะเพราะเวลาพับหน้าจอแบบ Tablet มันมีที่ไว้จับอยู่บ้างครับ บางทีขอบบางเกินไปก็ไม่ดีเหมือนกัน
ภาพข้างบนนั้นจะแสดงให้เห็นถึงการใช้งานหลักๆ 4 รูปแบบครับคือการใช้งาน เป็นเหมือน Tablet ที่สามารถพับได้พกพาได้ง่าย วาดรูปเขียนแบบได้ง่ายๆ หรือจะเป็นแบบทั่วไป Laptop โหมด แบบปกติที่ใช้ๆงานกัน หรือจะเป็นคล้ายๆ Tent Mode สำหรับวางเพื่อที่จะนำเสนองานหรือ วางโชว์รูปภาพ พรีเซนต์ต่างๆครับ และ อีกแบบก็จะเป็นการเอาวางฐานหน้าจอ ใช้งานสำหรับดูหนัง หรือจะเป็นตั้งวางแต่มีความมั่นคงที่ดีขึ้นครับ และแน่นอนว่าใช้งานปากกาได้ทำให้มันใช้งานได้หลากหลายกว่าที่คิดไว้เยอะเลยแหละครับ แต่เสียดายว่า Screenpad นั้นใส่มาแต่จะใช้งานได้แค่โหมดแบบปกติ laptop เท่านั้นเพราะโหมดการวางแบบอื่นๆเหมือนจะใช้งานไม่ได้เท่าที่ควรครับ
SPEC
-
Intel® Core™ i7 10510U Processor,
- Operating System . Windows 10 Home
- Memory . 8 GB LPDDR3 2133MHz SDRAM Onboard memory
- Display
14.0″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 60Hz Glare Touchscreen with 72% NTSC with wide 178° viewing angles ASUS Splendid IPS Technology WideView Technology
- Graphic Integrated Intel HD Graphics
- Storage Solid state drive:512GB PCIe® Gen3 x2 SSD M.2
- Keyboard Illuminated chiclet keyboard
- WebCam IR camera
- Networking Wi-Fi Integrated Wi-Fi 6 (802.11 ax (2×2))
Bluetooth Bluetooth® 5.0
- Interface
1 x COMBO audio jack
1 x Type-A USB 3.1 (Gen 2)
1 x Type-A USB2.0
1 x Type-C USB 3.1 (Gen 2)
1 x HDMI, HDMI support 1.4
1 x micro SD card - Audio
Built-in 1 W Stereo Speakers with Digital Array Microphone
Support Alexa
Supports Windows 10 Cortana with Voice
ASUS SonicMaster Premium Technology
Harman Kardon - Battery
3 -Cell 50 Wh lithium-polymer battery Battery
- Power Adapter
Plug type :ø4 (mm)
Output :
19 V DC, 3.42 A, 65 W - Dimensions
NB:
320 x 206 x 17.9 mm (WxDxH) - Weight
NB:
1.4 kg with battery - Security
fTPM (Firmware-based Trusted Platform Module)
- Certificates
UL, CE Marking Compliance, FCC Compliance, BSMI, CCC, CB, Energy Star, CECP, Erp 2013, RoHS
- Manufacturer Warranty
Online problem resolution (BIOS, Driver update)
OS (Windows® 10 ) install/uninstall consultation
PERFORMANCE
CPU Intel i7 10510U และ ให้การ์ดจอแยกมาด้วยคือตัว MX250 2GB ครับ ให้ RAM 8GB แต่เป็น Onboard นะครับไม่สามารถเพิ่มได้ และความจุเป็น SDD 512GB แรงเร็วใช้ได้เลย รวมถึง Windows 10 ก็มีมาให้เลยครับหลายๆอย่างเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป และเล่นเกมนิดหน่อยได้อยู่ครับ หรือทำงาน Adobe ก็รองรับได้ดีเหมือนกันจากที่รองไม่เจอปัญหาอะไรแม้จะใช้หนักพอสมควร แต่เรื่องความร้อนอาจจะมีสูงแตะ 95+ บ้างอยู่ครับ
ตัวนี้ใช้ CPU I7 รหัส U เป็นตัว i7 10510U แบบประหยัดพลังงาน มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.8 GHz เป็น CPU แบบ 4 Core 8 Thread ยังคงใช้งาน 14nm ครับ และ รุ่นนี้มีกราฟิกการ์ดออนบอร์ด Intel UHD Graphicsนั้นต้องบอกว่าตัวนี้รองรับการทำงาน 2 มิติสบายครับและ 3มิตินิดหน่อยมีติดเครื่องไว้ใช้ทำงานได้ ส่วนการ์ดจอแยกก็มี MX250 ก็รองรับสามมิติได้ดีขึ้นในด้านทำงานเล่นเกมแต่ก็ไม่ได้โหดเท่าพวก GTX อะไรมากพอใช้งานทั่วไปถูไถสบายครับ เหลือๆถ้าไม่ได้สายเกมหรือสายเรนเดอร์หนักๆ
ทางด้านคะแนนของ Cinebench R15 นั้นที่เน้นในเรื่องของพลังประมวลผลซีพียู ทำไปได้ 91 FPS และ 559 cb ซึ่งอยู่ในระดับกลางๆของพวกตระกูลประหยัดไป U ทั้งหลาย ส่วนตัว Cinebench R20 นั้นทำไปได้ 1471 cb ครับ ถือว่าเป็นคะแนนมาตรฐานเลยทีเดียว ส่วนในเรื่องของ SSD 512GB มาเลยครับในการใช้งานทั้งการเปิดโปรแกรม และทำงานทั่วๆ ไปได้เร็วมาก ก็ได้ความเร็วในระดับพอใช้ได้เลยแหละ ทำการอ่านได้ 1602 MB/s และเขียน 1034 MB/s นะครับในค่าของการต่อเนื่องชุดละ 128 KB ทำงานพร้อมกันหลายหน่วยประมวลผล และจริงๆเลยน่าจะเป็นตัวเดียวกันในตัว 14 นิ้วแบบปกติครับในเรื่องความจุเพราะทำคะแนนได้ใกล้ๆกันแบบไม่หนีกันเลยครับ
3D Mark นั้นเป็นการทดสอบในการประมวลผลแบบ 3 มิติหนักๆในหลายๆระดับ ในคะแนนพวกนี้ตัว 3มิติ เล่นเกม ทำงานเรนเดอร์ภาพ โมเดลต่างๆนั้นทำได้กลางๆตามมาตรฐาน MX250 ไม่ได้แรงอะไรมากนักใช้งานกลางๆพอได้เล่นเกมนิดหน่อย แอดมินทดสอบ 4 แบบตามภาพข้างบนเสร็จแล้วได้อุณหภูมิสูงสุดที่ CPU 98 องศา และ GPU 69 องศาครับผม ถือว่าสูงเอาเรื่องเลยแหละ แต่ทดสอบโดยสภาพอากาศปกติครับ และไม่ได้เปิดแอร์
PCMARK 10 ที่จำลองการใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป ก็ได้มา 3300 คะแนน ถือว่าใช้งานทั่วไปได้ชิวๆ แน่นอนไม่ต่างกับตัวที่มีการ์ดจอแยกมากเท่าไรในตัวนี้ถือว่าเป็นคะแนนที่ใช้งานได้ทั่วไปและเพียงพอต่อการใช้งานทุกรูปแบบส่วนในเรื่องของความร้อนสะสมในการใช้งานหลังจากที่ทดสอบ PCMark นั้นอยู่ที่ GPU 60 และ CPU 89 ครับ
SCREEN
ทางด้านหน้าจอนั้นยังคงทำได้น่าประทับใจสำหรับตระกูล Zenbook และในรุ่นนี้เนื่องจากมันเป็น Flip ด้วยเลยทำให้มันรองงรับการสัมผัสและใช้งาน Asus Active Pen ได้แบบสบายๆสำหรับสายวาดรูป ดราฟงาน ออกแบบ หรือจะเป็นจดต่างๆครับ หน้าจออะไรตอบสนองได้ดีลื่นไหลเลยแหละ แต่มาพูดกันในตัวหน้าจอกันก่อนเลยหน้าจอมาพร้อมกับ 14 นิ้ว (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 60Hz จอเงาพร้อมรองรับ 72% NTSC มุมมองกว้าง 178° จริงๆจอก็ถือว่าดีเอาเรื่องเลยนะในแง่ของการใช้งานทั่วไป ดูหนัง ทำงานพื้นฐาน หรือแต่งภาพก็พอไหวแต่ ถ้าทำงานจริงจังในแง่สายกราฟิก อาจจะต้อง คาริเบตกันหน่อย ส่วนสีสัน มิติของภาพทำได้ดีครับ จอสู้แสงได้ดีแต่เป็นจอเงาอาจจะเจอแสงสะท้อนได้ง่าย และตัวจอนั้นคุณภาพในการแสดงผลที่มืดสว่างต่างๆรองรับได้ชัดเจน สัดส่วนหน้าจอเต็มเครื่องมากกว่า 90% และ ขอบบาง 4.3 มม. ครับสำหรับในรุ่นนี้
หน้าจอในรุ่นนี้เมื่อมองจากด้านข้างๆรองรับมุมมองกว้างถึง 178 องศาเป็นมาตรฐานทุกตัวของค่ายนี้ครับถือว่าเรื่องจอค่ายนี้จะพยายามทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆและสีสันตรงขึ้นเรื่อยๆเลยแหละและการที่ใช้งานหน้าจอสัมผัส และปากกาได้ด้วยเรื่องมุมมองมันสำคัญเลยแหละเพราะเวลาวาดรูป อะไรเราไม่ค่อยมองตรงๆกันแน่นอนรวมถึง เวลานำเสนองานหรือพรีเซนต์ ใช้งานจอการวางแบบอื่นๆนั้นอาจจะต้องมีหลากหลายคนมองก็รองรับมุมมองได้ดี ในเรื่องนี้ไม่มีปัญหาครับ ส่วนเรื่องการใช้งานแน่นอนว่าจอเงานั้นลำบากในแง่ของการใช้งานนอกสถานที่ และรอยนิ้วมือที่ติดได้ง่ายมาก
การสัมผัสนั้นไม่มีปัญหาครับ ตอนสนองได้ไวพอสมควรในการใช้งานทั่วไปแต่ด้วยการใช้งานแบบทั่วไปก็ถือว่าตอบสนองได้ไวครับไม่เอ๋อหรือหนืดอะไรเลย แต่ด้วยความที่จอมันแบบเงาแน่นอนว่ามันหนืดด้วยตัวจอของมันเองถ้าเจอกับนิ้วเราในบางจังหวะครับไม่ได้ลื่นแบบพวก สมาร์ทโฟนแบบนั้นเท่าไรนัก แต่ไม่ได้มีปัญหาหรือหงุดหงิดอะไรเลยในการใช้งานจริงๆ ส่วนปากกกานั้นไล่น้ำหนักอะไรได้ดีครับ ตอบสนองได้ไวและลื่นไหลเลยแหละ สามารถวาดภาพ เขียนงานอะไรได้หลากหลายครับ น้ำหนักอะไรทำได้ดี สามารถวางมือบนจอได้ในบางแอปและเขียนอะไรสะดวก
WINDOWS HELLO FACE IR
ในรุ่นนี้ไม่มีการใส่สแกนนิ้วมาให้ แต่ก็ยังดีใช้งานระบบสแกนใบหน้า 3 มิติที่ใช้งานการจับแบบ IR แบบเดียวกับพวก iPhone 11 Pro พวกนั้นครับและทำได้แม่นยำและดีกว่าจดจำแบบภาพ 2 มิติเยอะมากและข้อดีของมันคือใช้งานกลางคืนได้ดีกว่าแบบภาพนิ่ง 2 มิติเยอะเลย ในการใช้งานนั้นทำได้ไวมากๆเลยแหละดีกว่าสแกนนิ้วเยอะครับ แต่ถ้าใส่แว่น หรือ แสงยากๆอาจจะยังไม่ได้ฉลาดเท่าพวกมือถือครับ แต่ก็สะดวกกว่าเดิมเยอะเลย เพราะทำงานได้จริงและไวขึ้นเยอะครับ ส่วนสแกนนิ้วหลายๆรุ่นใหม่ก็เริ่มตัดออกไป แต่ก็ใส่สแกนใบหน้ามาแทนโดยที่ขอบไม่ได้หนาด้วยนะ
SPEAKER
Harman/Kardon และจะมีให้ใช้งานกันยาวๆสำหรับแบรนด์นี้ มีมาให้ 2 ข้างยิงลงพื้นครับ เป็นแบรนด์ที่ร่วมมือกับทาง Asus มาโดยตลอดซึ่งลำโพงก็ยังคงแนวเสียงของมันเอาไว้ได้คุณภาพเสียงที่ได้ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงทำได้ดีมีมิติแบบนี้ครับ ทั้งความดังและมิติ แต่แค่จะขาดเสียงเบสที่มาค่อนข้างเล็กน้อยครับ แต่เสียงอื่นๆเสียงร้อง ย่านอื่นๆมาดีมากๆฟังเพลงได้ค่อนข้างดีครับ ดูหนังก็แยกซ้ายขวาชัดเจนเลยแต่ถ้าเรื่องของเล่นเกม ยิงปืนพวกนี้ ระเบิดอาจจะไม่ได้ตูมตามสะใจเท่าไรนักครับ
KEYBOARD
ทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Layout ที่เราคุ้นเคยกันดีเลยแหละรวมถึงความรู้สึกปุ่มสัมผัสอะไรต่างๆเป็นแบบเดียวกับพวกรุ่น 14 นิ้วก่อนหน้าทั้งหมดเพียงแต่ปุ่ม Power ไม่มีในมุมขวาบนนั้นเองครับแค่นั้นเลย ระยะห่างอะไรนั้นทำได้คุ้ยเคยรวมถึงการกดต่างๆ ตัวแป้นพิมพ์นั้นใช้งานดีกว่าตัวอื่นๆด้วยการยกตัวข้างหลังขึ้นมานั้นทำให้มันพิมพ์ได้ง่ายและระยะองศาไม่เมื่อยมือคือจุดเด่นของมัน ส่วนปุ่มต่างๆใช้โทนสีเดียวกับตัวเครื่องและมีไฟ Blacklit สีขาวสามารถปรับระดับได้ 3 ระดับครับ ความเด้งรับมืออะไรยังคงทำได้ดีเช่นเดิมและสีแบบนี้เห็นตัวอักษรชัดเจนแม้จะปิดไฟครับ
การยกตัวเครื่องในรุ่นนี้อาจจะไม่ได้ยกสูงแบบบางรุ่นแต่ก็ยกขึ้นมานิดหน่อยพอสะดวกและถนัดขึ้นครับโดยรวมนั้นในความรู้สึกของตัวปุ่มรวมๆนั้นกดได้ง่ายและความรู้สึกดีกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อย เพราะการออกแบบมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นแต่ระยะอะไรนั้นไม่ได้แตกต่างกับของเดิมเท่าไร แต่ทรงปุ่ม ระยะเว้นต่างๆนั้นทำได้ดีขึ้น ตรงแป้นพิมพ์นั้นจะเป็นตัวอักษรสีขาวตัดกับสีปุ่มชัดเจนดีครับ ส่วนระยะในการกดปุ่มของตัวคีย์บอร์ดระยะการกดที่ 1.4 มม.เหมือนกับรุ่นอื่นๆของค่าย ใครที่ใช้ค่ายนี้มาบ่อยๆคงไม่ต้องปรับตัวอะไรมากครับเพราะ Zenbook จะปรับให้เหมือนกันหมด
SCREENPAD 2.0
Screenpad 2.0 นั้นถือว่าเป็นจุดเด่นและเป็นตัวที่น่าสนใจที่สุดของรุ่นนี้เพราะว่าเป็นรุ่นแรกๆที่ใส่เข้ามาของตัว Flip ทำให้มันทำได้ดีในแง่ของการใช้งานซึ่งจะมาตอบโจทย์เวลาใช้งานแบบ Laptop ปกติ ซึ่งตัว Screenpad 2.0 นั้นสามารถใช้งานหลักๆได้ 3 แบบคือ หน้าจอใช้งาน แบบ ปกติจะปิดหน้าจอ และ ปิดการใช้งานครับ และการที่มันมีหน้าจอข้างล่างแน่นอนว่าอาจจะทำให้มันกินแบตไปมากพอสมควรเลย แต่พอได้ใช้งานแล้วก็ถือว่าทำได้ดีครับ ฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามาก็พัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆจากรุ่นแรกที่เคยใช้งานไป และ พัฒนาต่อจาก Numberpad แบบเดิมที่เป็นแค่ตัวอักษรครับ ส่วนในรุ่นนี้นั้นจะทำอะไรได้ยังไงบ้างไปดูกันเลยในการใช้งานจริงๆจะส่งผลอะไรเยอะมากขึ้นไหม
ในการเปิดหรือปิดใช้งานนั้นสามารถกด fn+F6 ได้เลยครับมันจะสามารถสลับโหมดได้ทั้งหมด 3 แบบ ซึ่งหน้าจอที่ 2 ในโหมดแรกนั้นจะเป็นหน้าจอที่สามารถแคปหน้าจอก็สามารถติดออกมาได้ด้วยเหมือนจอที่ 2 และ **สามารถลากหน้าต่าง หรือ แอปอะไรได้หมดเลยมาลงจอข้างล่างเหมือนมีหน้าจอที่ 2 ต่อจอแยกเลยนั้นเองครับ หน้าจอหลักๆนั้นจะเป็นหน้าแรกคือหน้ารวมแอปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Numberkey หรือ Handwriting และแอปอื่นๆทั้งแอปที่ทำงานร่วมกันกับ Microsoft ต่างๆและมีพวก Spotify และ Quickkey ที่เป็นคีย์ลัดครับ ส่วนในการสลับมาใช้งาน Touchpad ปกติก็สามารถกดมุมซ้ายได้เลย ก็จะเป็นหน้าจอจางๆและสามารถลากนิ้วสั่งงานอะไรเหมือน Touchpad ปกติเลยครับ และ ภาพสุดท้ายในด้านบนนั้นจะเป็นการปิดใช้งานหน้าจอไปเลยเป็นทัชแบบปกติ
Microsoft Office ทั้งเรื่องของ Powerpoint Excel หรือจะเป็น Word ก็สามารถใช้งานหน้าจอ ScreenPad 2.0 ในการทำงานร่วมกันได้ทั้งกดเพิ่มสไลด์เปลี่ยนอักษร ขนาดการจัดวางเป็นต้น หรือจะเป็นการใช้งาน Numberpad ปกติทั่วๆไปเลยสามารถแตะกดลงไปได้เลยครับโดยจะไม่กระทบกับการเลื่อนลูกศร
ส่วนตัว Quick key นั้นจะเป็นคีย์ลัดที่สามารถตั้งค่าได้ว่าเมื่อแตะปุ่มนั้นแล้วจะเป็นอะไรเช่นตั้งว่าในแอป Photoshop นั้นกดเพื่อจะเซฟหรือย้อนหลับหรือเข้าปุ่มพิเศษอะไรต่างๆครับ ถือว่าสะดวกมากๆเช่นในภาพนั้นแตะครั้งเดียว แทนที่จะต้องกดหลายๆปุ่มเช่นตัว Ctrl+A แต่อันนี้เราสามารถกดแตะปุ่มเดียวได้เลยครับสะดวกมากๆ และเราสามารถแยกเป็นกลุ่ม หรือ แอปใช้งานได้เลย ตั้งชื่ออะไรได้ครับจะเห็นได้จากภาพด้านบนว่าปรับแต่งได้เยอะมาก
แน่นอนว่ายังคงรองรับ Spotify จะเป็นแอปแยกที่ใส่เข้ามาทำให้เราสามารถควบคุมเพลงอะไรได้เลยเลือกเพลงเปลี่ยนเพลงได้โดยไม่ต้องไปเกะกะหน้าจอหลัก แอปนี้ถือว่าออกแบบและใช้งานได้ดีมากๆอีกตัวครับ ส่วนในตัว Handdrawing นั้นจะเป็นการเขียนหรือเซ็นได้เลย และจะมีแปลงเป็นตัวอักษรได้ โดยอิงจากที่เราเขียนได้ครับรวมถึงเปลี่ยนภาษาได้ด้วย ส่วนนี้สามารถใช้มือวาดหรือปากกาขีดเขียนได้ปกติเลยนะครับ
ในการตั้งค่านั้น สามารถปรับความสว่าง และ พื้นหลัง รวมถึงความคมชัดและ Hz ของหน้าจอที่ 2 ตัวนี้ได้ด้วย และ แอปอื่นๆเช่นพื้นฐานพวก เครื่องคิดเลขอะไรต่างๆก็มีใส่เข้าให้ครับในรุ่นนี้พร้อมกับแอปอื่นๆที่จะมีเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ
CONNECTOR
พอร์ตเชื่อมต่อแม้จะเป็นรุ่น Flip แต่ก็จัดเต็มมาให้เหมือนเดิมสำหรับพื้นฐานและเพียงพอครับในด้านซ้ายนั้นจะเป็นไฟเข้า DC-IN พอร์ตวงกลมเหมือนเดิม พร้อมกับ HDMI /USB-A 3.1 Gen 2 / USB-C 3.1 Gen 2 ถือว่าให้มาเพียงพออยู่ในด้านนี้ครับ และส่วนพอร์ต RJ45 หรือไว้เสียบ LAN มีเป็น Adaptor ต่อแยกแถมมาให้ในกล่องครับ
ในด้านซ้ายนั้นมีปุ่มเปิดปิดเครื่องที่ย้ายมาตรงนี้เพราะแน่นอนว่าตำแหน่งนี้มันใช้งานได้ถนัดกว่าเมื่อพับหน้าจอหรือใช้งานแบบอื่นๆครับ เป็นปกติของรุ่น Flip รวมถึงไฟสถานะของตัวเครื่องนั้นไว้ด้านขวาเหมือนกัน พร้อมกับรูหูฟัง 3.5 และ USB-A 2.0 รวมถึง Micro-SD สำหรับใส่เม็มพวกกล้อง Action CAM หรือ มือถือได้ทั้งหมดเลย ก็ถือว่าพอร์ตในภาพรวมนั้นให้มาครบๆทั้ง 2 ฝั่ง ชอบมากๆที่ใส่เข้ามาเต็มๆแบบนี้ครับแม้จะเป็น Flip ลงตัวมากๆ
GAMING
การ์ดจอแยก MX250 มาให้ก็ถือว่าทำได้ดีระดับนึงครับเกมออนไลน์พวกนี้ทำงานได้ดีไม่ติดปัญหาภาพไม่ได้แย่ และ เล่นได้ลื่นไหลพอสมควรครับ แต่พวกเกมที่ภาพเทพๆอาจจะไม่เหมาะเท่าไรนักทั้งเรื่องประสิทธิภาพและเรื่องความร้อนด้วยเพราะพวกนี้กินทรัพยากรและดูดพลังงานอย่างมาก อาจจะทำให้เกิดความร้อนสะสมได้ถ้าเอามาเล่นเยอะๆหรือเล่นเป็นหลักครับ ส่วนที่ลองนั้นได้ลองตัวเกม Overwatch ทำได้ที่ FPS 60+ แต่ต้องปรับภาพเป็น Medium หรือ Low นะครับ ส่วนความร้อนนั้นประมาณ 70 มีขึ้นไปแตะ 80+ ก็ถือว่าร้อนระดับนึงครับเพราะอันนี้ สภาพอากาศแบบปกติไม่ได้เปิดแอร์นะครับ เลยสูงหน่อย และ ยิ่งเป็นพวก FLIP ด้วยแล้วถือว่ารับได้เลยแหละกับการเล่นเกมได้ประมาณนี้ครับ เพราะด้วยข้อจำกัดของขนาด การพับต่างๆเข้ามาด้วยครับ
BATTERY
การใช้งานแบตตัวนี้แน่นอนว่าด้วยการที่ใส่หน้าจอเข้ามา Screenpad 2.0 เลยมีผลทำให้แบตนั้นลดไวกว่ารุ่นเดิมแบบรู้สึกได้ แต่ถ้าใช้งานโหมดอื่นๆที่ไม่ได้ใช้งานตรงนี้ก็อาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไรครับ เมื่อใช้งานแบบเต็มวันที่ใช้ไม่หนักมากนักเน้นพิมพ์งานอะไรทั่วไปเข้าเว็บพวกนี้ ก็ได้มากถึง 9-10 ชั่วโมงเลยทีเดียวแบบที่ไม่ได้เปิดจอสุด ใช้งาน Wifi ปกติ ฟังเพลงบ้างอะไรบ้าง แต่ถ้าเราใช้งานแบบหนักๆมาก่อนหรือแต่งรูป เขียนเว็บ ตัดต่อภาพทำบทความนิดหน่อยพวกนี้ แต่เปิด Adobe บ่อยๆแบตก็จะขึ้นตามภาพข้างบนครับ ได้ประมาณ 5 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้แล้วนั้นมันขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนอีกทีว่าจะลดไว มากน้อยเพียงไหนมันก็จะอัปเดตคำนวณให้ใหม่ครับ แต่ด้วยหน้าจอที่ใส่เข้ามา 2 ตัวแน่นอนว่ามันลดไวขึ้น 1 ชมครับแต่ก็ไม่ได้น้อยจนน่าเกลียดเลยสำหรับรุ่น Flip 14 ตัวนี้
ASUS ZENBOOK FLIP 14
” ดีไซน์สวยขึ้น FLIP ที่ลงตัวขึ้น หลากหลายขึ้น ด้วย Screenpad 2.0 แต่ก็แลกกับแบตที่ลดไวขึ้นหน่อย “
เป็น Zenbook Flip ที่ดีไซน์ได้ลงตัวที่สุดเลยแหละเรียบง่ายดูดี และมีความเท่อยู่ในตัว รวมถึงสเปคฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามานั้นรองรับการทำงานทั่วไปได้สบายๆและการรองรับใช้งานปากกากับหน้าจอที่ Flip ได้หลากหลายเลยทำให้มันตอบโจทย์สำหรับคนที่ใช้งาน วาดภาพ กราฟิก เขียนแบบอะไรได้เยอะมากๆและ นำเสนองานอะไรได้สะดวกมากๆ ถ้าใครเรียน สถาปัตยกรรมน่าจะใช้งานหน้าจอแบบนี้บ่อยมากๆ ทั้งวาดแบบ แก้แบบ จดงาน หรือพลิกจอให้อาจารย์ดูแบบนี้คือเหมาะเลยครับ สเปคก็ทำงาน เรนเดอร์ เขียน AutoCAD อะไรได้สบายๆ หรือจะเป็น Adobe ก็รองรับสบายครับ ส่วนแบตก็พอไหวไม่ได้ลดไวมาก รวมถึง คุณภาพงานประกอบอะไรยังคงทำได้ดีเหมือนเดิมและปากกาใช้งานได้ดีครับ จะมีแค่เรืองขนาดน้ำหนักที่อาจจะไม่ได้บางเฉียบมากนัก 1.4 กิโลก็ยังพอรับได้นะ แต่การอัพเกรดอะไรอาจจะจำกัดพอสมควรครับในรุ่นนี้ แนะนำว่าลองดูสเปคกับใช้งานว่าเพียงพอไหมอีกทีครับสำหรับรุ่นนี้
ข้อดี
- สเปคใช้งานได้ดี i7-10510U + MX250
- หน้าจอ IPS สวยรองรับมุมมองได้ดี และ สัมผัส ใช้งานปากกาได้ดี
- มี Screenpad 2.0 เพิ่มความหลากหลายในการใช้งานเยอะขึ้น
- ระบบสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ ไวและแม่นยำ
- ลำโพงยังคงให้เสียงที่ดีมีมิติ และดังพอสมควร
- ปากกาใช้งานได้ดี รองรับแรงกดได้เยอะ
- การใช้งานหลากหลาย ในการพับแบบต่างๆ
- รองรับมาตรฐาน การทดสอบ MIL-STD810G
- ประกัน 2 ปีพร้อมส่งผ่าน 7-11
- คีย์บอร์ดใช้งานได้ดี และยังคงใส่ Ergo Lift มาให้
ข้อสังเกต
- ไม่สามารถอัพเกรดอะไรได้เท่าไร
- Screenpad 2.0 อาจจะได้ใช้น้อยครั้งถ้าเน้นพับหน้าจอ
- RAM แค่ 8GB อาจจะน้อยไปหน่อย ถ้าอยากแรงต้องไปตัว 15 นิ้วเลย
- ความร้อนใช้งานหนักๆขึ้นไวพอสมควร
สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>> TECHHANGOUT
เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook Techhangout พูดคุย Smartphone gadget
Review by Nineztr